Doombringer the 5th 47

Now you are reading Doombringer the 5th Chapter 47 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.47 – วิถีแห่งดาบ

Translator : YoyoTanya / Author

Ch. 47

วิถีแห่งดาบ

 

Part 1

 

ลานาเทลนำดาบเล่มหนึ่งออกมาจากช่องมิติเก็บของ

มันเป็นดาบขนาดกลางที่มีความยาวเกือบหนึ่งเมตร เป็นดาบสำหรับผู้ใหญ่ แต่ใบดาบก็ยังไร้ซึ่งความคมอยู่ เพราะเป็นดาบสำหรับใช้ฝึกซ้อมโดยเฉพาะ

ซาลเดินเข้าไปหาลานาเทลด้วยสีหน้าตื่นเต้น เพราะเขาเองก็รอการฝึกใช้ท่าโจมตีของนักดาบมานานแล้ว

“เอาล่ะ ขั้นแรกก็… พอจะรู้พื้นฐานของการ ‘เอนชานท์’ (Enahant) ใช่มั้ยคะ?”

“อื้ม การอาบพลังเวทลงบนอาวุธหรือชุดเกราะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพใช่มั้ยล่ะ”

“ใช่แล้วค่ะ โดยหลักแล้วท่าโจมตีของนักดาบก็จะมีพื้นฐานคล้าย ๆ กับการเอนชานท์อาวุธ ต่างกันตรงนักดาบจะไม่ได้ใช้พลังเวทอาบลงไปบนอาวุธแค่เพียงอย่างเดียว แต่ใช้จิตต่อสู้ประสานกับพลังเวทเพื่อสร้างการโจมตี พอจะรู้พื้นฐานของจิตต่อสู้รึเปล่าคะ?”

“อ่า… มันก็เป็น… พลังที่มนุษย์มีอยู่ เหมือนกับพลังเวท แต่ไม่ใช่พลังเวท…”

ซาลอธิบายออกมาอย่างติด ๆ ขัด ๆ ด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา เพราะเขาไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับจิตต่อสู้มากนัก รู้แค่มันเป็นพลังพื้นฐานอีกชนิดหนึ่งของสิ่งมีชีวิต นักผจญภัยสายบู๊จะใช้พลังนี้ในการออกท่าโจมตีแทนพลังเวทมนตร์ และใช้เป็นพลังป้องกันการโจมตีทางกายภาพด้วย พวกมอนสเตอร์ในธรรมชาติส่วนใหญ่ก็จะใช้จิตต่อสู้เป็นพลังงานหลักเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมากไปกว่านั้น เพราะเรียนแต่สายเวทมาโดยตลอด แทบไม่เคยข้องเกี่ยวกับวิชาของสายบู๊เลย

ลานาเทลยิ้มรับคำตอบอันทุลักทุเลของซาล เพราะถือว่าเขาได้พยายามแล้ว ก่อนที่เธอจะอธิบายให้ฟัง

“จิตต่อสู้ก็คือพลังงานที่สะสมอยู่ในร่างกายอีกรูปแบบหนึ่ง คล้าย ๆ กับพลังเวท ต่างกันตรงพลังเวทจะเกิดจากความสามารถทางเวทมนตร์ แต่จิตต่อสู้จะเกิดจากความสามารถทางร่างกายเป็นหลัก”

“อืม… แล้วเราใช้พลังเวทแค่เพียงอย่างเดียวในการใช้ท่าดาบไม่ได้เหรอ?”

“ธรรมชาติของพลังเวทจะไม่สามารถคงสภาพหรือเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติได้ด้วยตัวเอง จำเป็นต้องมีโครงสร้างทางเวทมนตร์หรือวงเวทมาเป็นตัวกลางในการแปรสภาพให้กลายเป็นเวทมนตร์ที่ต้องการ แต่วิธีการแบบนั้นจัดว่าช้าเกินไปสำหรับนักดาบที่ต้องต่อสู้กันในระยะประชิดและไม่สามารถปล่อยให้เกิดช่องโหว่ได้แม้เพียงเสี้ยววินาที จึงต้องใช้จิตต่อสู้มาเป็น ‘แม่พิมพ์’ ในการกำหนดรูปลักษณ์ของพลังงานแทน”

“ใช้เป็น ‘แม่พิมพ์’ เหรอ?”

“ใช่แล้วค่ะ ลองดูนี่นะคะ”

เมื่อพูดจบ ลานาเทลก็ชูดาบขึ้นบนอากาศ ทันใดนั้นก็ปรากฏดาบแสงเล่มหนึ่งก่อตัวขึ้นบนฟ้า และเมื่อลานาเทลตวัดดาบในมือตัวเองลง ดาบแสงนั้นก็พุ่งลงมาปักลงที่พื้นอย่างรวดเร็ว

“สำหรับนักเวทแล้ว ถ้าจะสร้างดาบพลังงานแบบนี้ ต้องทำยังไงบ้างคะ?”

“อืม… ก็ต้องเขียนโครงสร้างวงเวทเพื่อสร้างดาบขึ้นมา จากนั้นก็ถ่ายเทพลังเวทลงไปเพื่อสร้างตัวดาบ… อ๊ะ แต่เมื่อกี้ไม่เห็นมีวงเวทเลยนี่นา?”

“ใช่แล้วค่ะ เพราะดาบนี้ไม่ได้กำหนดรูปลักษณ์ขึ้นด้วยวงเวท แต่ก่อรูปร่างขึ้นมาตามจิตต่อสู้ที่เป็นแม่พิมพ์ แค่ใช้จิตต่อสู้สร้างโครงร่างของดาบขึ้นมาในใจแล้วถ่ายเทพลังเวทลงไป ก็สามารถสร้างดาบพลังงานแบบนี้ขึ้นมาได้ค่ะ”

“แบบนี้นี่เอง! เพราะไม่ต้องสร้างวงเวทก็เลยใช้ออกมาได้เร็วเท่าใจนึกด้วย! ดีล่ะ!”

ซาลชูดาบขึ้นบนฟ้าเพื่อลองสร้างดาบแสงดูบ้าง แต่ก็ไม่ปรากฏสิ่งใด ๆ ออกมาเลย

“อ้าว? ทำไมถึงไม่ออกมาล่ะ?”

“ใจเย็น ๆ ก่อนสิคะ ความจริงแล้วการสร้างดาบพลังงานขึ้นมากลางอากาศน่ะจัดเป็นทักษะระดับสูงซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญพอสมควร ที่สำคัญคือแน่ใจแล้วเหรอคะว่าตะกี้ใช้จิตต่อสู้ในการสร้างโครงร่างดาบขึ้นมา ไม่ใช่พลังเวท”

“จริงด้วยสิ.. เอ… แล้วอันไหนมันถึงจะเป็นจิตต่อสู้ล่ะ?”

ซาลลองหลับตาแล้วสัมผัสถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายดู แต่ก็ยังแยกไม่ออกว่าอันไหนคือจิตต่อสู้ อันไหนคือพลังเวท

“ใช้ความรู้สึกจับสัมผัสความแตกต่างดูดี ๆ ค่ะ พลังเวทน่ะจะให้ความรู้สึกเหมือนกับอากาศ มันไหลเวียนอยู่รอบตัวเราอย่างอิสระ แต่จิตต่อสู้จะไหลเวียนอยู่ภายในกายเท่านั้น และมีความหนาแน่นมากกว่าจนให้ความรู้สึกเหมือนกับน้ำ ถ้าแยกความแตกต่างได้แล้วก็เริ่มจากการใช้จิตต่อสู้อาบใบดาบที่อยู่ในมือดูก่อนค่ะ”

ซาลรวมรวมสมาธิเพื่อจับสัมผัสอยู่พักหนึ่ง เมื่อรู้สึกว่าพอจะแยกแยะจิตต่อสู้ออกจากพลังเวทได้แล้วจึงยกดาบขึ้นมาเพื่อถ่ายเทจิตต่อสู้ไปอาบคมดาบ แต่พบว่าพลังงานที่ถูกถ่ายเทไปห่อหุ้มคมดาบนั้นยังเป็นพลังเวทอยู่ นั่นเป็นสิ่งที่เกิดจากความเคยชิน เขาจึงต้องยกเลิกแล้วลองดูใหม่

หลังจากลองอยู่หลายครั้ง ในที่สุดซาลก็สามารถอาบคมดาบด้วยจิตต่อสู้ได้ จนใบดาบเรืองแสงอ่อน ๆ ออกมา แม้รูปร่างของแสงนั้นจะยังดูไม่คงตัวก็ตาม

“เอาล่ะ ทีนี้ก็ลองทำให้พลังงานที่ถ่ายเทลงไปนี้จับตัวกันหนาแน่นขึ้นจนกลายเป็นของแข็งเหมือนกับปลอกดาบดูค่ะ พยายามจินตนาการรูปร่างของดาบเอาไว้ด้วย”

ซาลเพ่งสมาธิเพื่อทำตามที่ลานาเทลบอก ไม่นานพลังงานที่มีลักษณะเหมือนกับเปลวไฟซึ่งห่อหุ้มคมดาบอยู่ก็ค่อย ๆ คงสภาพกลายเป็นม่านพลังบาง ๆ ที่คลุมตัวดาบเอาไว้

“หัวไวดีนี่คะ อันนี้คือท่าพื้นฐานของนักดาบที่เรียกว่า ‘พาวเวอร์ซอร์ด’ (Power Sword) เป็นการใช้จิตต่อสู้เสริมพลังโจมตีให้กับดาบ และเป็นรูปแบบเริ่มต้นของท่าโจมตีด้วยดาบพลังอีกมากมาย ลองเหวี่ยงมันดูสิคะ”

“นี่มัน… เหมือนกับตัวดาบเบาลง แต่กลับให้ความรู้สึกที่หนักแน่นขึ้นเวลาเหวี่ยง เป็นความรู้สึกที่แปลกดีนะ”

“ค่ะ ตัวดาบที่เสริมพลังด้วยจิตต่อสู้ก็จะให้ความรู้สึกแบบนี้แหละ ความจริงท่านี้ยังเป็นพื้นฐานของท่าโจมตีระยะประชิดอีกมากมาย ดังนั้นถ้าเข้าใจหลักการนี้แล้วก็สามารถนำไปประยุกต์เพื่อใช้ท่าอื่น ๆ ได้ไม่ยาก เพราะงั้นจะขอข้ามไปขั้นต่อไปเลยก็คือการปล่อยพลังด้วยดาบนะคะ”

“โอ้ว! อันนี้แหละที่รออยู่เลย!”

ซาลกล่าวด้วยท่าทางที่ตื่นเต้นขึ้นไปอีก ส่วนอัลติม่าที่นอนเหยียดยาวอยู่บนขั้นบันไดของอาคารหน้าลานฝึกนั้นกลับแต่หาวออกมาด้วยความเบื่อหน่าย

 

——————————————————————————————————–

 

Part 2

 

ลานาเทลนำเป้าซ้อมที่มีรูปร่างเป็นหุ่นไม้ขาเดียวซึ่งถือดาบไม้และโล่ไม้จำนวนห้าตัวออกมาจากช่องมิติเก็บของ แล้วนำมาวางเรียงหน้ากระดานบนลานฝึก ก่อนจะเดินกลับมาหาซาลอีกครั้ง

“ขอเริ่มจากท่าพื้นฐานที่สุดก่อนก็คือ ‘พาวเวอร์สแลช’ (Power Slash) ท่าโจมตีระยะกลางของนักดาบ พยายามเพ่งสมาธิให้ผิวนอกของจิตต่อสู้ที่หุ้มดาบอยู่คงสภาพให้หนาแน่นที่สุด แต่ลดการเกาะตัวที่ผิวดาบลง จากนั้นก็ตวัดดาบออกไปพร้อมกับอัดพลังเวทเป็นแรงผลักดันเข้าไปด้วย แบบนี้ค่ะ”

ลานาเทลตวัดดาบเป็นแนวเฉียงจากล่างขึ้นบน ทันใดนั้นก็มีพลังงานรูปจันทร์เสี้ยวแผ่พุ่งออกไปจากการเหวี่ยงดาบ และตรงเข้าไปปะทะกับหุ่นไม้ซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบสิบเมตรอย่างแม่นยำ จนหุ่นไม้นั้นถูกตัดออกเป็นสองเสี่ยง

“โอ๊ว! แบบนั้นเหรอ! ดีล่ะ… ย๊ากกก! อะ.. อ้าว?”

ซาลตวัดดาบอย่างเต็มแรง แต่ก็ไม่มีคลื่นพลังงานพุ่งออกมา เขาจึงพยายามอยู่อีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำให้พลังงานพุ่งออกมาได้อยู่ดี

“พยายามคลายการเกาะตัวของจิตต่อสู้ที่ใบดาบด้วยสิคะ ถ้ามันยังเกาะตัวแน่นเกินไปก็จะไม่สามารถปลดปล่อยออกจากดาบได้ค่ะ”

“โอเค… งั้นก็.. ฮึบ! …อ้าว?”

คราวนี้แม้จะปลดปล่อยพลังออกไปได้ แต่ทันที่ที่หลุดออกจากตัวดาบ กลุ่มก้อนพลังนั้นก็กระจายตัวออกและหายไปในอากาศ เหมือนกับน้ำที่ถูกสาดออกไป

“อันนี้เป็นเพราะคงสภาพของผิวนอกเอาไว้ไม่ดีน่ะค่ะ ทำให้มันไม่สามารถคงรูปร่างเอาไว้ได้ ต้องพยายามคงสภาพด้านนอกให้เป็นของแข็ง ในขณะที่ให้ด้านในเป็นเหมือนของเหลวไปพร้อม ๆ กัน ไม่ต้องรีบร้อน ค่อย ๆ ฝึกไปก็ได้นะคะ”

“อืม… ยากเหมือนกันนะเนี่ย… เอาล่ะ! ลองดูใหม่!”

ความจริงการปลดปล่อยพลังด้วยดาบจัดเป็นทักษะของคลาสระดับสองซึ่งปกติแล้วไม่ใช่ของที่คนทั่วไปที่เพิ่งเริ่มฝึกท่าดาบจะทำได้ในวันแรก แต่ลานาเทลเห็นว่าซาลเป็นคนหัวไวแถมยังมีพื้นฐานด้านการใช้เวทสูงอยู่แล้ว น่าจะนำมาประยุกต์ใช้ได้ จึงสอนให้แต่เริ่มเลย เพราะเชื่อว่าแม้เขาอาจยังทำไม่ได้ในวันแรก แต่ก็น่าจะทำได้ภายในเวลาไม่เกินหนึ่งอาทิตย์

ซาลยังคงพยายามปลดปล่อยพลังอยู่อีกเป็นเวลานาน แต่เพราะเน้นการจับตัวของพลังมากเกินไปจึงกลายเป็นปล่อยพลังไม่ออกแทน ถึงกระนั้นเขาก็คิดว่าแบบนี้ยังจะดีกว่าปล่อยพลังที่ไม่คงรูปให้สลายไปซะเปล่า ๆ จึงเดินหน้าฝึกต่อไป

ลานาเทลมองดูท่าทางตั้งอกตั้งใจอย่างเต็มที่ของซาลแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้

‘พยายามดีจัง แต่ยังไงวันแรกก็คงได้แค่ประมาณนี้แหละนะ… อ๊ะ…’

ระหว่างที่เธอกำลังคิดจะบอกให้ซาลเก็บกระบวนท่านี้ไปฝึกเป็นการบ้านอยู่นั้นเอง ดาบของเขาก็สามารถปลดปล่อยพลังออกมาสำเร็จ แต่เพราะพยายามคงรูปร่างของมันมากเกินไปทำให้คลื่นพลังที่ปล่อยออกมาไม่ได้แผ่ออกเป็นรูปจันทร์เสี้ยวเหมือนกับของลานาเทล แต่เป็นท่อนพลังงานคล้าย ๆ กับกระบองหรือปลอกดาบถูกเหวี่ยงออกมาแทน

ยิ่งไปกว่านั้นเพราะการเหวี่ยงดาบแบบมั่วซั่ว ก้อนพลังงานนั่นก็เลยลอยหมุนติ้วย้อยไปทางด้านหลัง แล้วไปตกใส่หัวอัลติม่าที่นอนอยู่แทน

“โอ๊ย!… เฮ้! ทำอะไรของนายน่ะ!?”

อัลติม่าที่กำลังสะลึมสะลืออยู่เพราะง่วงนอนมองเห็นการมาของก้อนพลังงานนั้นช้าเกินไปจึงไม่ทันได้หลบ ก็เลยถูกแท่งพลังงานกระแทกเข้าที่หัวดังโป๊กจนต้องลุกขึ้นมาโวยวาย ส่วนซาลก็ต้องรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

“ขะ.. ขอโทษนะ! ไม่ได้ตั้งใจน่ะ! พอดันมันหลุดมือไปทางนั้นอ่า”

อัลติม่าเอนตัวลงนอนอีกครั้งด้วยสายตาหงุดหงิดเล็กน้อย ส่วนซาลก็หันกลับมาและแลบลิ้นด้วยท่าทีสำนึกผิด แต่จากเรื่องนี้ เขาก็พอจะจับทางอะไรบางอย่างได้แล้ว

“เอาล่ะ… โอเค… เมื่อกี้ทำแบบนี้… แล้วก็… ฮึบ!”

ซาลสะบัดดาบอีกครั้ง คราวนี้มีก้อนพลังงานถูกปลดปล่อยออกจากตัวดาบอย่างที่เขาตั้งใจไว้ แม้มันจะยังคงเป็นแท่งพลังงานรูปปลอกดาบที่หมุนควงไปตกบนพื้นที่อยู่ห่างออกไปไม่มากก็ตาม

“ปล่อยได้แล้ว! แต่ทำยังไงมันจะแผ่ออกเป็นใบมีดเหมือนกับที่ลานาเทลทำให้ดูล่ะเนี่ย?”

ลานาเทลที่เฝ้าดูการฝึกอยู่นั้นยิ้มออกมาด้วยสีหน้าพึงพอใจ เพราะซาลสามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่าที่เธอคิด เธอเดินเข้าไปหาเขาอีกครั้งเพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติม

“ตอนที่ตวัดดาบ ให้ลองจินตนาการเหมือนกับว่าดาบนั้นเป็นพู่กันและจิตต่อสู้ที่หุ้มใบดาบอยู่คือหมึก จากนั้นก็ตวัดออกไปเหมือนกับการจรดพู่กันวาดภาพใบมีดขึ้นบนอากาศ ระหว่างนั้นก็ถ่ายเทพลังเวทอีกเฮือกหนึ่งเพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนให้ใบมีดนั้นพุ่งไปข้างหน้าด้วยค่ะ”

“เหมือนกับการวาดภาพงั้นเหรอ? อืม… โอเค…”

ซาลลองตวัดดาบอีกครั้งตามคำแนะนำของลานาเทล ในที่สุดก็เกิดพลังงานรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งออกจากดาบและตรงไปปะทะกับหุ่นฝึกซ้อมอย่างแม่นยำ ทำให้เกิดรอยบากเล็ก ๆ ขึ้นที่กลางตัวหุ่น

“ทำได้แล้ว! ไชโย!”

ซาลกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ส่วนลานาเทลก็มีสีหน้าที่พึงพอใจเช่นกัน แม้เธอจะคิดไว้อยู่แล้วว่าเด็กฉลาดอย่างซาลน่าจะเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว แต่นี่ก็ยังเร็วกว่าที่เธอคาดเอาไว้นิดหน่อย

“ท่านี้เป็นท่าพื้นฐานของการปลดปล่อยพลังด้วยดาบเช่นกัน สามารถนำไปประยุกต์และใช้เป็นต้นแบบของท่าอื่น ๆ ได้อีกหลายท่า จากนี้ก็ลองฝึกฝนดูให้เชี่ยวชาญนะคะ แล้วฉันจะสอนท่าอื่น ๆ ให้”

“โอเค… ต่อไปก็การสร้างดาบพลังงานขึ้นบนอากาศสินะ เอ… ทำแบบนี้รึเปล่านะ…”

“หืม? เดี๋ยวก่อนค่ะ ท่านั้นน่ะ…”

การสร้างดาบพลังงานขึ้นบนอากาศเป็นทักษะที่มีระดับสูงกว่าการปลดปล่อยพลังจากดาบขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น ลานาเทลจึงคิดว่ายังเร็วเกินไปหน่อยสำหรับเขาในตอนนี้ แต่ระหว่างที่เธอกำลังจะเอ่ยปากห้ามอยู่นั้นเอง ซาลก็สร้างดาบพลังงานขึ้นมาบนอากาศได้อย่างสมบูรณ์ จนแม้แต่ลานาเทลก็ยังต้องแปลกใจ

“เอ๋?”

“โอ้~ ก็ไม่ยากเท่าไหร่นี่นา ว่าแต่ทำยังไงจะให้มันพุ่งไปในทิศที่ต้องการล่ะเนี่ย?”

 

——————————————————————————————————–

 

Part 3

 

ลานาเทลยังคงจ้องมองดูดาบพลังงานที่ลอยอยู่บนอากาศด้วยสีหน้ายังอยู่ในอาการตะลึง

“ทะ.. ทำได้ยังไงคะเนี่ย? ยังไม่ได้สอนเลยนี่นา?”

“เห? ก็สอนไปแล้วนี่ แค่ใช้จิตต่อสู้สร้างโครงร่างของดาบขึ้นมาแล้วก็ถ่ายเทพลังเวทลงไปเพื่อให้เกิดดาบพลังงานที่สมบูรณ์ อันที่จริงท่านี้นี่ทำง่ายกว่าการปล่อยพลังจากดาบอีกนะ”

“ง่ายกว่าเหรอคะ? การจะสร้างโครงร่างของดาบขึ้นมาบนอากาศนี่ต้องใช้สมาธิสูงมากเลยนะคะ”

“มันก็ไม่ยากนะ แค่จินตนาการโครงร่างขึ้นมา เหมือนกับตอนสร้างต้นแบบของร่างอัญเชิญเสมือน หรือวางโครงสร้างดันเจียน เทียบกับการปลดปล่อยพลังจากดาบที่ต้องปรับความหนาแน่นของพลังทั้งนอกในและปรับสภาพพลังตอนตวัดดาบแล้ว แบบนี้ยังทำง่ายกว่าเยอะเลย”

ลานาเทลคิดตามอยู่ครู่หนึ่งก็พอจะเข้าใจสิ่งที่ซาลอธิบายออกมาได้

“แบบนี้นี่เอง… ทักษะที่ติดตัวมาจากการเป็นซัมมอนเนอร์… สำหรับซัมมอนเนอร์ที่เคยชินกับการปั้นพลังงานให้เป็นรูปลักษณ์แล้ว การใช้พลังในรูปแบบนี้เป็นวิธีการที่ง่ายกว่าสินะคะ ขอแค่จับหลักการพื้นฐานได้ก็สามารถทำได้แล้ว…”

“อืม… ก็ประมาณนั้นแหละมั้ง ว่าแต่ทำยังไงมันถึงจะขยับได้ล่ะดาบเนี่ย?”

“ตัวดาบพลังงานจะมีแรงเหนี่ยวนำเชื่อมโยงกับจิตต่อสู้ที่มีคลื่นความถี่เดียวกันอยู่ค่ะ ลองผนึกจิตต่อสู้ลงบนดาบแล้วเพ่งสมาธิเพื่อเพิ่มแรงดึงดูดระหว่างดาบในมือกับดาบพลังดู น่าจะพอสัมผัสถึงความเชื่อมโยงได้นะคะ”

“โอเค… แบบนี้สินะ… โอ้ รู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างดาบจริง ๆ ด้วย”

“ทีนี้ก็ตวัดดาบในมือไปยังทิศทางที่ต้องการให้ดาบพลังพุ่งไป จินตนาการเส้นทางและเป้าหมายที่ต้องการให้มันพุ่งไปด้วย เท่านี้ก็จะทำให้มันโจมตีไปยังจุดที่ต้องการได้ค่ะ”

“โอ้ เอาล่ะ ถ้างั้นก็ ลองกับเป้าซ้อมอันโน้นละกัน ฮึบ!”

ซาลทำท่าเหวี่ยงดาบโดยเล็งไปยังเป้าซ้อมตัวหนึ่ง ทันใดนั้นดาบพลังก็พุ่งไปปักเข้าที่กลางตัวของหุ่นซ้อมอย่างแม่นยำ ก่อนที่จะสลายไป

“โดนด้วยล่ะ! ยอดเลย!”

เขากระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอีกครั้ง ทำให้ลานาเทลยิ้มออกมาด้วย

‘นอกจากจะทำได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังใช้งานได้อย่างแม่นยำด้วยรึเนี่ย… การเล็งเป้าของดาบพลังต้องอาศัยการจินตนาการภาพที่ชัดเจนในการโจมตีเพื่อเล็งเป้า และยังต้องมีการกะระยะและทิศทางที่แม่นยำอีกด้วย แต่ก็ยังทำได้ง่าย ๆ แบบนี้ แปลว่าความสามารถในการจินตนาการภาพและการคำนวณของเด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ นี่ก็เป็นทักษะที่ติดตัวมาจากการเป็นซัมมอนเนอร์สินะ…’

ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดพลางมองดูซาลด้วยสีหน้าพึงพอใจอยู่นั้น เขาก็หันมาถามถึงวิชาอื่น ๆ อีก

“นี่ ๆ ยังมีท่าอื่น ๆ อีกมั้ยอะ?”

“วันนี้เอาแค่ท่าพื้นฐานทั้งสามท่านี้ก่อนก็แล้วกันนะคะ ถ้าใช้งานได้คล่องแล้วฉันจะสอนท่าที่ต่อยอดจากท่าพวกนี้ให้อีกทีค่ะ”

“อืม… เอางั้นก็ได้ ว่าแต่ทำไมท่านี้ต้องใช้พลังเวทในการสร้างดาบด้วยล่ะ? ใช้แค่จิตต่อสู้ไม่ได้เหรอ?”

“นั่นก็สามารถทำได้นะคะ แต่พลังเวทกับจิตต่อสู้ต่างก็มีคุณสมบัติเด่นของตัวเองอยู่ การประสานการใช้งานให้เหมาะสมจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า อย่างในกรณีนี้ การสร้างดาบพลังงานในจุดที่อยู่ห่างจากตัวเราต้องอาศัยการถ่ายเทพลังงานออกไปนอกร่างกายค่อนข้างไกล แถมยิ่งเป็นดาบเล่มใหญ่ก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมาก

 

ถ้าสร้างดาบจากจิตต่อสู้อย่างเดียว จิตต่อสู้ซึ่งเป็นพลังงานมวลหนักจะถ่ายเทไปสร้างดาบได้ช้ากว่าพลังเวทซึ่งเป็นพลังงานมวลเบา ดังนั้นใช้จิตต่อสู้ในการสร้างโครงร่างดาบอย่างเดียวแล้วทำให้ดาบเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาด้วยพลังเวทจะเร็วกว่าค่ะ”

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ท่าของนักดาบนี่ยังไงก็เน้นความเร็วมาก่อนสินะ”

“ใช่แล้วค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องใช้พลังเวทร่วมด้วยเสมอไปหรอกนะคะ ถ้าเป็นคนที่เชี่ยวชาญวิชาดาบมาก ๆ อาจถ่ายเทหรือใช้งานจิตต่อสู้ได้ด้วยความเร็วที่ไม่ต่างไปจากพลังเวทเลย ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้พลังเวทร่วมด้วย พวกนักดาบสมัยบุกเบิกก็ใช้แค่จิตต่อสู้เพียงอย่างเดียวในการออกท่านะคะ การใช้พลังเวทร่วมด้วยเป็นวิทยาการที่เพิ่งมีการนำมาผสมผสานในยุคต่อ ๆ มา เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น”

“อืม… แต่สำหรับคนที่มีคลาสหลักเป็นนักเวทอย่างผม ยังไงก็คงไปถึงขั้นนั้นไม่ได้หรอกมั้ง”

“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการฝึกฝนค่ะ และที่สำคัญคือการใช้พลังเวทร่วมด้วยจะทำให้การโจมตีสามารถพลิกแพลงได้มากกว่านะคะ ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีหรอกค่ะ”

“พลิกแพลงงั้นเหรอ?”

“จิตต่อสู้น่ะมีแต่พลังทางกายภาพอย่างเดียว ใส่พลังเข้าไปเท่าไหร่ก็ทำได้แค่เพิ่มคุณสมบัติจำพวก ‘มวล’ หรือ ‘ความเร็ว’ ให้กับดาบเท่านั้น ดาบที่สร้างจากจิตต่อสู้เป็นหลักจะมีความแข็งแกร่งและหนักแน่นก็จริง แต่ถ้าเจอกับเป้าหมายที่มีความต้านทานทางกายภาพสูงก็จะด้อยประสิทธิภาพลงได้เหมือนกัน

ส่วนพลังเวทน่ะมีคุณสมบัติในการหักล้างความต้านทานทางกายภาพ ดาบที่ผสานพลังเวทลงไปจะสร้างความเสียหายกับเป้าหมายที่มีความต้านทานทางกายภาพสูงได้ดีกว่า ที่สำคัญคือเรายังสามารถปรับเปลี่ยนธาตุของพลังเวทที่ใส่ลงไปเพื่อให้ดาบมีคุณสมบัติของธาตุต่าง ๆ ได้อีก”

“ดาบธาตุงั้นเหรอ!? น่าสนใจดีนี่นา! สอนหน่อยสิ!”

“ก็อย่างที่บอกแหละค่ะ ฝึกท่าพื้นฐานทั้งหมดให้คล่องแคล่วก่อน แล้วฉันถึงจะสอนท่าอื่น ๆ ให้นะคะ”

“โอเค! ไม่มีปัญหา!”

ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ฝึกฝนท่าใหม่ ๆ ซาลจึงหันไปฝึกการใช้ท่าพื้นฐานต่อด้วยความกระตือรือร้น โดยมีลานาเทลเฝ้ามองด้วยสีหน้าพึงพอใจระคนตื่นเต้น

เธออยากเห็นว่าซาลจะมีพัฒนาการที่รวดเร็วแค่ไหน และทำอะไรให้เธอต้องแปลกใจอีกบ้าง แค่คิดก็ทำให้ลานาเทลรู้สึกตื่นเต้นจนแทบอดใจรอไม่ไหวแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด