Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 310

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 310 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 310 : เผางูเหลือมช่วยเจ้าขาวปุย

ยังไม่ทันที่งูเหลือมจะได้โจมตีหลิงหยุน มันก็ถูกหลิงหยุนโจมตีด้วยตะปูเสียก่อน เนื่องจากร่างของเจ้างูเหลือมค่อนข้างใหญ่โต และหลิงหยุนเองก็แข็งแกร่งไม่น้อย ตะปูสิบกว่าเล่มที่ซัดออกไปส่วนใหญ่จึงพุ่งเข้าใส่ร่างของเจ้างูเหลือมเกือบทั้งหมด มีเพียงไม่กี่เล่มที่พลาดเป้า

แม้จะมีเลือดไหลออกมาจากร่างของเจ้างูเหลือม แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไรนัก มันชูลำตัวขึ้นตั้งตรงจนกระทั่งหัวของมันสูงกว่าหลิงหยุนเล็กน้อย

ดวงตาของเจ้างูเหลือมเปล่งประกายสีเขียวใสอยู่ในความมืดมิด ปากของมันอ้าออกและแลบลิ้นที่ยาวออกมา ศรีษะรูปสามเหลี่ยมของมันจ้องมองไปทางหลิงหยุน และลำตัวของมันก็ส่ายไปมาคล้ายกับกำลังปรับทิศทางการโจมตีอยู่ และเมื่อใดที่เกิดการปะทะ หลิงหยุนจะต้องถูกมันรัดจนตายอย่างแน่นอน

หินที่ยื่นออกมาจากผนังของหลุมยักษ์นั้นมีความยาวกว่าสามเมตร และน้ำที่หยดลงมาก็ทำให้หินเปียกและค่อนข้างลื่น หลิงหยุนไม่ต้องการสู้กับเจ้างูเหลือมยักษ์ที่ระดับความสูงห้าสิบเมตรนี้ เขาจึงต้องตัดสินใจทำบางอย่าง..

และเพียงแค่พริบตาเดียว ร่างของหลิงหยุนก็เคลื่อนไปอยู่ด้านหน้าของเจ้างูเหลือมห่างไปไม่ถึงสองเมตร งูเหลือมยักษ์คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะกล้าจู่โจมมันกระชั้นชิดเช่นนี้ มันจึงมีท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย

ร่างของงูเหลือมยักษ์ที่อยู่บนหน้าผาหินส่ายไปมาอีกครั้ง และครั้งนี้ร่างยักษ์ของมันก็ชูขึ้นจนสูงกว่าหลิงหยุนถึงหนึ่งเมตร ขณะที่เจ้างูเหลือมพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนนั้น เขาก็กระโดดหลบพร้อมกับมือขวากำพู่กันจักรพรรดิไว้แน่น หัวของเจ้างูเหลือมยักษ์พุ่งตามร่างของหลิงหยุนไปพร้อมกับจู่โจมเข้าที่ท้ายทอยของเขา

“เข้ามาเลย!”

หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งและไม่หันกลับไปมองด้านหลัง เขากำลังฟังเสียงลมและรอคอยให้ศรีษะของเจ้างูเหลือมยักษ์พุ่งเข้ามาใกล้ตัว จากนั้นก็ใช้พู่กันจักรพรรดิที่อยู่ในมือข้างขวาฟันเข้าไปที่ร่างของเจ้างูเหลือมที่อยู่ด้านหลังทันที…

พู่กันจักรพรรดิในมือของหลิงหยุนปักลงไปที่ลำตัวของเจ้างูเหลือมลึกถึงเจ็ดนิ้ว จากนั้นหลิงหยุนก็ออกแรงสะบัดข้อมือตัดร่างของมันจนเกือบขาดเป็นสองท่อน เลือดสีแดงพุ่งออกจากร่างของมันจำนวนมาก จนหินบริเวณนั้นกลายเป็นสีแดงไปหมด!

เจ้างูเหลือมยักษ์ได้รับบาดเจ็บสาหัสและน่าสยดสยองยิ่งนัก แม้หัวของมันจะไม่ถึงกับขาดออกจากลำตัวในตอนนั้น แต่ก็ห้อยต่องแต่งและดูท่าว่าคงใกล้จะตายแล้ว แต่จู่ๆลำตัวของมันกลับม้วนเข้าหากัน

หลิงหยุนไม่ต้องการให้เลือดคาวของงูเหลือมพุ่งเข้าใส่ตัว เขาจึงกระโดดหลบหนีอย่างคล่องแคล่ว แต่ก่อนที่ร่างของหลิงหยุนจะหลบไปได้ ลำตัวที่ขดของมันก็สะบัดรัดเข้ากับร่างของหลิงหยุนไว้เรียบร้อยแล้ว

“ช่างแข็งแกร่งนักนะ!”

หลิงหยุนพึมพำพร้อมกับพุ่งมือขวาที่กำพู่กันจักพรรดิฟันเข้าใส่ร่างของงูเหลือมอย่างไม่ปราณี และครั้งนี้ศรีษะของเจ้างูเหลือมก็ขาดออกจากลำตัวขนาดใหญ่เป็นสองท่อน แต่มันกลับยังไม่ตาย และลำตัวยังคงรัดร่างของหลิงหยุนแน่นขึ้นไปอีก

หลิงหยุนหมุนร่างลงไปที่หินด้านล่างได้อย่างมั่นคง และมือซ้ายของเขาก็เอื้อมออกไปดึงลำตัวไร้ศรีษะของเจ้างูเหลือมยักษ์ที่กำลังรัดร่างของเขาออกไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ต่างจากการดึงเชือกที่พันอยู่รอบตัวเลยแม้แต่น้อย

“หู้ว!”

หลิงหยุนโยนร่างของเจ้างูเหลือมออกไปอย่างใจเย็นพร้อมกับพูดยิ้มๆ “ข้าฆ่าคางคกยักษ์ที่ตัวใหญ่กว่าเจ้าถึงร้อยเท่ามาแล้ว อย่างเจ้านี่นะคิดจะกินข้า!?”

หุบเขาแห่งนี้อยู่เหนือทะเลสาปจิงฉูราวสองร้อยเมตร ตอนนี้หลิงหยุนอยู่ที่ความลึกของหลุมยักษ์ในระดับสามร้อยห้าสิบเมตร ดังนั้นในเวลานี้เขาจึงอยู่ต่ำกว่าระดับลงไปมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร อุณหภูมิในบริเวณนี้จึงสูงกว่าอุณหภูมิบนพื้นดิน การพบเจอสัตว์ประหลาดจึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย และเขาก็ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว

เมื่อมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ กลับทำให้หลิงหยุนรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนเมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ และมันก็เป็นความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี

เหนือศรีษะหลิงหยุนขึ้นไปห้าสิบเมตร ล้วนเป็นหน้าผาที่ลื่นมาก และหน้าผาเหล่านั้นก็ปิดบังแสงที่ส่องจากด้านบนปากหลุมไว้อย่างมิดชิด ด้านล่างหลุมจึงมืดสนิทบวกกับหมอกที่ค่อนข้างหนา ทำให้หลิงหยุนสามารถมองเห็นได้ในระยะเพียงแค่สิบเมตร

หลิงหยุนเพิ่งลงมาใกล้จะถึงก้นหลุม เขาจึงได้สังเกตุเห็นว่ามีถ้ำลึกที่ปากถ้ำกว้างราวครึ่งเมตรอยู่บนหน้าผา และเห็นได้ชัดว่ามันเป็นถ้ำที่งูเหลือมยักษ์เหล่านี้ขุดเอาไว้

งูกับคางคกมีลักษณะนิสัยที่เป็นศัตรูกัน ดังนั้นในเมื่อที่ก้นหลุมมีคางคกยักษ์อยู่มากมาย หลิงหยุนจึงไม่รู้สึกแปลกใจที่พบงูเหลือมยักษ์ที่นี่

หลิงหยุนเดินผ่านหน้าถ้าลึกแห่งหนึ่ง เขาสอดส่ายสายตาสำรวจดูด้านใน และพบว่ามันเป็นถ้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เพราะมันเป็นถ้ำขนาดเล็ก เขาจึงไม่สนใจที่จะเข้าไปสำรวจดู

หลิงหยุนแหงนหน้าขึ้นมองหลุมดำขนาดใหญ่แล้วพึมพำว่า “ก่อนที่จะเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่แห่งนี้ ห่างจากที่นี่ไปอย่างน้อยห้าสิบเมตร จะต้องมีหลุมยุบอยู่อีกอย่างแน่นอน!”

จากข่าวที่ออกทางทีวี ว่ากันว่าหลุมยุบขนาดใหญ่แห่งนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในเมืองจิงฉู แต่หลิงหยุนกลับไม่เชื่อเช่นนั้น เขาไม่เชื่อว่าฝนที่ตกหนักในคืนนั้นจะเป็นสาเหตุหลักของการเกิดหลุมยุบขนาดใหญ่แห่งนี้

พื้นที่ในบริเวณสามร้อยเมตรรอบๆนี้ ล้วนเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยหินขนาดใหญ่ แล้วฝนเพียงแค่นั้นจะสามารถทำให้พื้นที่บริเวณนี้เกิดหลุมยุบได้อย่างไร?

ยิ่งคิด.. หลิงหยุนก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น..

หลิงหยุนกำลังคิดว่า หากหลุมยุบขนาดใหญ่แห่งนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นหลุมยุบเก่าแก่ที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เขาก็ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น เพราะในพื้นที่ปิด เปียกชื้น และอบอ้าวมานานเช่นนี้ มักจะเกิดระบบนิเวศน์ในแบบที่เหมาะสมตามธรรมชาติของมันเอง

ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะลงไปถึงก้นหลุม ก็ต้องเผชิญหน้ากับงูเหลือมขนาดใหญ่ และใครจะไปรู้ว่าตามถ้ำและหลืบหินต่างๆจะมีสัตว์ประหลาดอะไรซ่อนอยู่อีก

แต่การจะอยู่แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง เขาคงต้องลงไปที่พื้นด้านล่างให้ได้ก่อน หลิงหยุนมองร่างที่ขาดเป็นสองท่อนของเจ้างูเหลือมยักษ์ พร้อมกับกระโดดลงไปบนโขดหินที่อยู่ลึกลงไปอีกสิบเมตร

ทุกครั้งที่หลิงหยุนก้าวลงไปแต่ละขั้น เขาจะต้องคอยสังเกตุการณ์รอบๆตัวอย่างระมัดระวังที่สุด และตอนนี้หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ที่ก้นหลุมดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ หากมีสัตว์ประหลาดชนิดอื่นโจมตีอย่างกระทันหัน ก็อาจทำให้เขาไม่ได้ยินและไม่สามารถหลบทันได้

เสียงน้ำไหลดังก้องจนกลบเสียงอื่นจนหมดสิ้น และสายตาของหลิงหยุนในตอนนี้ก็สามารถมองเห็นในระยะเพียงแค่สิบเมตรเท่านั้น เขาจึงไม่กล้ารีบร้อนมาก มือขวาของเขากำพู่กันจักรพรรดิที่ปักอยู่บนผนังไว้แน่น ส่วนมือซ้ายก็จิกลงไปบนผนัง และค่อยๆไต่ลงไปที่ก้นหลุมอย่างช้าๆ

หลิงหยุนใช้วิธีนี้ไต่ลงไปได้ลึกอีกอย่างน้อยสิบเมตร และหลิงหยุนก็พบงูเหลือมอีกสองตัวที่กำลังนอนขดอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ และหากเทียบกับตัวที่หลิงหยุนเพิ่งฆ่าตาย สองตัวนี้นับว่าใหญ่กว่ามากนัก

เป้าหมายของหลิงหยุนคือการเข้าไปให้ถึงค่ายกลมังกรหยินหยางให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาจึงไม่ต้องการทำให้งูเหลือมสองตัวนี้ตื่น

จากจุดที่หลิงหยุนพบงูเหลือมสองตัว อีกเพียงแค่ยี่สิบเมตรก็จะถึงก้นหลุม เมื่อหลิงหยุนสังเกตุเห็นว่าโขดเห็นที่อยู่ลึกลงไปนั้นไม่มีงูเหลือมอยู่ เขาจึงกระโดดลงไปยังโขดหินนั้นอย่างเบาที่สุด

เมื่อลงไปถึงโขดหิน หลิงหยุนก็สังเกตุดูที่ก้นหลุม ดูเหมือนมันจะกว้างราวห้าร้อยเมตรได้ ส่วนแม่น้ำที่ไหลผ่านตรงกลางของก้นหลุมนั้น ก็มีความกว้างราวหนึ่งร้อยเมตร แม่น้ำสายนี้ไหลจากทางด้านตะวันตกไปทางด้านตะวันออก แต่หลิงหยุนก็ไม่รู้ว่าแม่น้ำสายนี้ไหลมาจากที่ใด และจะไปสิ้นสุดที่ใด

แต่ในเมื่อเสียงน้ำไหลดังก้องจนกลบเสียงอื่นๆจนหมด เสียงการเคลื่อนไหวของหลิงหยุนก็ถูกกลบด้วยเช่นกัน และสัตว์อื่นๆก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของเขา

หลังจากทำการสำรวจเส้นทาง หลิงหยุนก็มุ่งหน้าไปไปยังใจกลางของก้นหลุม

เนื่องจากบริเวณก้นหลุมที่ไม่ใช่ตรงกลางนั้นมืดสนิท หลิงหยุนจึงต้องใช้เท้าทองคำหมื่นลี้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วเพื่อให้เท้าของเขาสัมผัสกับสิ่งมีชีวิตด้านล่างน้อยที่สุด และด้วยเท้าทองคำหมื่นลี้ หลิงหยุนจึงสามารถเคลื่อนที่ไปได้ไกลถึงสามสิบสี่เมตร

หลังจากที่มาถึงตรงกลางของหลุมยักษ์ หลิงหยุนจึงได้สำรวจไปรอบๆ แล้วเขาก็พบคางคกที่มีขนาดเท่าลูกฟุตบอลกำลังเกาะนิ่งอยู่ตามก้อนหิน

แม้นิสัยของงูเหลือมจะไม่อาศัยอยู่ก้นหลุม แต่พวกมันก็จะลงมาหาเหยื่อเป็นครั้งคราว ยิ่งหลิงหยุนเข้าใกล้กลางหลุมยักษ์มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเห็นคางคกมากขึ้นเท่านั้น

และเมื่อหลิงหยุนมายืนอยู่ตรงกลางของหลุมยักษ์ เขาก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เพราะมีแสงที่ส่องลงมาจากปากหลุม

หลิงหยุนเลี่ยงคางคกยักษ์ด้วยการปีนขึ้นไปตามก้อนหินที่สูงกว่า และค่อยๆสำรวจไปรอบๆบริเวณอีกครั้ง

หลิงหยุนมองเห็นมีลานทรงกลมอยู่ระหว่างหิน แต่จนถึงตอนนี้เขายังไม่พบศพของฉวนจิ่วและตี้ปาเลย หลิงหยุนคาดว่าหากไม่ถูกคางคกยักษ์กิน ก็คงถูกงูเหลือมยักษ์ที่เขาเห็นเมื่อครู่กินเข้าไปแล้วแน่ๆ

และเมื่อหลิงหยุนพบรอยเท้าคนมากมายอยู่บนพื้น เขาก็ได้แต่ขมวดคิ้ว

“ดูเหมือนจะมีคนลงมาที่ก้นหลุมก่อนหน้านี้ แล้วก็มีหลายคนด้วย!”

และในจังหวะนั้นเอง หลิงหยุนก็เห็นทางด้านตะวันออกของหลุมยักษ์มีเงาสีขาวอยู่ไกลออกไปราวสามร้อยเมตร  กำลังเคลื่อนไหวและกระโดดไปมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็มีเงาดำสูงใหญ่อีกด้วย ดูเหมือนพวกมันกำลังต่อสู้กัน

“เจ้าขาวปุย!”

หลิงหยุนขมวดคิ้วและรีบใช้เท้าทองคำหมื่นลี้พุ่งไปหาเจ้าขาวปุยอย่างรวดเร็ว

เมื่อหลิงหยุนเข้าไปใกล้ เขาก็พบว่ามันคืองูเหลือมยักษ์ที่ยาวอย่างน้อยยี่สิบเมตร เกล็ดบนลำตัวของมันเป็นสีน้ำตาลเข็ม และหัวของมันก็มีขนาดเท่าล้อรถ ดวงตาสองข้างสว่างไม่ต่างจากหลอดไฟที่ส่องอยู่ในความมืด

ดูเหมือนงูเหลือมยักษ์กับเจ้าขาวปุยกำลังต่อสู้กันอยู่ งูเหลือมยักษ์ตัวนี้น่าจะอาศัยอยู่ที่ก้นหลุมแห่งนี้มาเป็นเวลานานแล้ว และเมื่อเห็นสัตว์วิญญาณที่วิเศษอย่างเจ้าขาวปุยเข้า มีหรือมันจะไม่อยากจับกิน

ตอนนี้เจ้าขาวปุยมีหางสองหาง นับว่าแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย แต่เมื่อมันอยู่ต่อหน้างูเหลือมยักษ์มันกลับตื่นเต้น และคิดที่จะหลบหนี

โชคดีที่เจ้าขาวปุยสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว มันจึงสามารถหลบการฉกของงูเหลือมได้ ไม่เช่นนั้นคงจะถูกเจ้างูเหลือมยักษ์กลืนลงท้องไปแล้ว!

เมื่อเจ้างูเหลือมยักษ์เห็นหลิงหยุน มันก็ถึงกลับชะงักไปเล็กน้อย และเปลี่ยนจากการโจมตีเจ้าขาวปุยมาฉกใส่หลิงหยุนแทน!

“แกรนหาที่เองนะ!”

เมื่อหลิงหยุนเห็นเจ้างูเหลือมยักษ์พุ่งเข้าใส่ เขาก็รีบเรียกยันต์อัคนีออกมาอย่างไม่รีรอ แล้วซัดใส่กลางหัวของมันและตะโกนว่า “ทำลาย!”

จากนั้นหลิงหยุนก็กระโดดหลบลำตัวขนาดยักษ์ของเจ้างูเหลือม..

เกล็ดของเจ้างูเหลือมใหญ่ยักษ์ตัวนี้ไม่ต่างจากชุดเกราะดีๆนี่เอง แม้แต่ปืนก็ยังไม่สามารถยิงทะลุเข้าได้

แต่เมื่อหลิงหยุนร้องตะโกนสั่งยันต์ให้ออกฤทธิ์ หัวขนาดใหญ่ของมันก็ถูกยันต์อัคนีเผาทันที ความร้อนจากยันต์อัคนีทำให้เนื้อบนหัวของมันไหม้ไปหมด มันจึงไม่สนใจหลิงหยุนอีก มันเลื้อยไปมาและส่งเสียงกรีดร้อง พยายามที่จะดับเปลวไฟจากยันต์อัคนี และแน่นอนว่าเจ้างูเหลือมยักษ์ไม่สามารถดังได้!

หลิงหยุนกอดเจ้าขาวปุยที่กระโดดเข้ามาหาไว้แน่น พร้อมกับกระโดดหลบหินก้อนใหญ่ที่เจ้างูเหลือนยักษ์ฟาดใส่ เขาพูดกับเจ้าขาวปุยอย่างรักใคร่ “เจ้ากลัวไม๊? เดี๋ยวข้าจะให้เจ้ากินหัวใจงู”

แม้ว่าเจ้าขาวปุยจะเป็นสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง แต่เมื่อมันเจองูเหลือมยักษ์ และเกือบจะถูกกิน มันก็อดที่จะกลัวไม่ได้เช่นกัน!

“ตอนนี้เจ้ายังไม่สามารถใช้พลังวิเศษในการต่อสู้กับศัตรูได้ รอให้หางที่สามของเจ้างอกสมบูรณ์เสียก่อน และเจ้าก็จะสามารถแปลงร่างได้!” หลิงหยุนพูดกับเจ้าขาวปุยยิ้มๆ

ผ่านไปราวครึ่งนาที ยันต์อัคนีก็ดับลง และหัวของเจ้างูเหลือมยักษ์ก็ถูกไฟเผาจนไหม้ ตาสองข้างของมันก็เกือบจะบอด แต่มันยังไม่ตาย..

เจ้างูเหลือมยักษ์ที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ชูหัวที่ของมันขึ้นสูงห้าเมตรจนดูน่ากลัวและน่าสยดสยองอย่างมาก สายตาที่ดุร้ายของมันจ้องมองไปที่หลิงหยุนและเจ้าขาวปุย

“ลำตัวของเจ้าช่างแข็งแกร่งนัก แต่ข้าจะส่งเจ้าไปสวรรค์ก็แล้วกัน” พูดจบหลิงหยุนก็เรียกตะปูออกมาสี่ดอก เขายกมือขึ้นและซัดเข้าใส่ดวงตาของเจ้างูยักษ์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด