Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 320

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 320 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 320 : กระบี่โลหิตแดนใต้ – นายน้อยแห่งนิกายมาร

สมองของหลิงหยุนประมวลหาข้อสรุปจากข้อมูลที่ได้คุยกับตู้กู่โม่ในช่วงเวลาสั้นๆ

ข้อแรก.. ตอนนี้ทั้งตระกูลเก่าแก่และนิกายลับต่างก็รู้ว่าพู่กันจักรพรรดิได้กำเนิดขึ้นแล้ว และรู้แม้กระทั่งว่าพู่กันจักรพรรดิอยู่ในเมืองจิงฉู

ข้อสอง.. จากตำนานโบร่ำราณของชาวจีน พู่กันจักรพรรดิและสมุดจักรพรรดินั้นจะถือกำเนิดในเมืองจิงฉู และพู่กันจักรพรรดิก็ได้ถือกำเนิดในเมืองจิงฉูเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ก็อยู่ในแหวนพื้นที่ของหลิงหยุน ดังนั้นตามตำนานที่เล่าลือกันว่าสมุดจักรพรรดิจะถือกำเนิดที่เมืองจิงฉูนั้นก็น่าจะเป็นความจริงเช่นกัน

และสุดท้าย.. ปรากฏการณ์มังกรเล่นน้ำ เหตุการณ์ฝนตกหนักอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และปรากฏการณ์หลุมยุบขนาดใหญ่ ทั้งสามสิ่งนี้เกิดขึ้นในวันเดียวกันหลังจากที่พู่กันจักรพรรดิจดจำหลิงหยุนได้

เพราะฉะนั้น.. ภายในค่ายกลมังกรหยินหยางแห่งนี้ จึงมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะมีสมุดจักรพรรดิอยู่จริงๆ

ว่ากันว่าจักรพรรดิแห่งผืนดินนั้นคือฝูซี.. แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือไม่? เพราะจากตำนานลี้ลับและตำนานโบร่ำโบราณที่หลิงหยุนไปค้นคว้ามานั้น มีทั้งจักรพรรดิแห่งสรวงสวรรค์ จักรพรรดิแห่งผืนแผ่นดิน และจักรพรรดิแห่งมวลมนุษยชาติ ผู้คนส่วนมากยังเข้าใจว่าจักรพรรดิแห่งผืนแผ่นดินนั้นคือ.. เสินหนง!

เป็นไปได้หรือไม่ว่าค่ายกลมังกรหยินหยางแห่งนี้ เสินหนงจะเป็นผู้สร้างขึ้น? ขนาดพู่กันจักรพรรดิยังยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ คงไม่ต้องพูดถึงความอัศจรรย์ของสมุดจักรพรรดิ?

แม้ในหัวของหลิงหยุนจะมีความคิดมากมายผุดขึ้นมา แต่สีหน้าของเขากลับสงบนิ่งราวกับไม่ใส่ใจ เขาส่ายหน้าอย่างไม่แยแสพร้อมกับพูดยิ้มๆ

“มันก็เป็นแค่ตำนานโบร่ำโบราณ นายจะจริงจังไปทำไมกัน.. ตลกสิ้นดี!”

ท่ามกลางความมืดมิด ร่างของตู้กู่โม่ตั้งตรงอย่างระวังตัว และดาบในมือของเขาก็พุ่งเข้าใส่หางของเจ้างูยักษ์ที่จู่โจมเข้ามากะทันหัน ตู้กู่โม่ยิ้มพร้อมกับพยักเพยิดไปทางงูยักษ์ตรงหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“นี่น่ะเหรอ.. มีแต่ในตำนาน? ในสายตาของคนธรรมดา เรื่องพวกนี้อาจเป็นแค่เรื่องลี้ลับ แต่ดูเจ้างูยักษ์นี่สิ เจ้าเคยเห็นงูใหญ่ขนาดนี้มาก่อนงั้นเหรอ? ดูเหมือนจะใหญ่กว่ามังกรในตำนานอีกนะ แล้วจะอธิบายสิ่งที่เห็นอยู่นี้ว่ายังไง?”

หลิงหยุนยิ้มเยาะในใจ เขามองไปที่ร่างงูยักษ์อย่างผยองพร้อมกับคิดในใจว่า ‘มันก็แค่งูที่มีขนาดใหญ่เท่านั้นเอง!’

แต่หลังจากที่สังเกตุดูเจ้างูยักษ์มานาน หลิงหยุนก็เริ่มเห็นว่าขนาดของเจ้างูยักษ์ตัวนี้ไม่ได้มาตรฐาน เพราะหัวของมันกลับดูไม่โตเต็มที่

‘ช่างโชคร้าย.. วันนี้มียอดฝีมือมากมายอยู่ที่นี่ เจ้ายักษ์นี่คงจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ลำบากซะแล้ว..’ หลิงหยุนนึกสงสารอยู่ในใจเงียบๆ

ในขณะเดียวกันหลิงหยุนเองก็เริ่มสังเกตุเห็นความผิดปกติของร่างกายตัวเอง แม้ที่นี่จะมีพลังชีวิตจากน้ำลายมังกรเข้มข้นมาก และหลิงหยุนก็ได้เปิดรูขุมขนดูดซับเข้าไปเป็นเวลานานแล้ว แต่กลับดูเหมือนว่ามันยังไม่เต็มเสียที!

 ‘หลังจากเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4 แล้ว จุดตันเถียนและเส้นลมปราณของข้าขยายใหญ่แค่ใหนกัน? แต่ก็น่าจะไม่เกินสองเท่าจากขั้นสามนี่นา และต่อให้ฝึกดารกะดายันถึงขั้นสองแล้ว ก็ไม่น่าจะขยายใหญ่ไปมากกว่าสองเท่าได้ แล้วทำไมดูดซับพลังชีวิตเข้าไปมากเท่าไหร่ก็ยังไม่เต็มล่ะ?’

ความจริงแล้ว ตอนนี้ร่างกายของหลิงหยุนไม่เพียงดูดซับพลังชีวิตได้ในปริมาณมาก แต่ยังดูดซับได้เร็วอีกด้วย! เรียกได้ว่าเร็วกว่าขั้นปรับร่างกายสามหลายเท่ามาก!

‘เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของข้า? น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถมองเห็นร่างกายภายในของตัวเองได้ ไม่เช่นนั้นข้าก็คงจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!’

หลิงหยุนไม่รู้ว่าตอนนี้พลังชีวิตในร่างกายของเขานั้นได้แบ่งออกเป็นห้าสาย – สายแรกเป็นพลังอมตะที่อยู่ตรงจุดกึ่งกลางศรีษะด้านบน.. เป็นสีฟ้า สายที่สองเป็นพลังอมตะที่อยู่ตรงตำแหน่งดวงตาที่สามหว่างคิ้ว.. เป็นสีทองอ่อน สายที่สามและสี่เป็นพลังอมตะที่อยู่ภายในจุดตันเถียน.. มีสีขาวและสีดำ ส่วนสายที่ห้านั้นเป็นพลังรูปมังกรที่เกิดจากการหลวมรวมระหว่างพลังอมตะและปราณมังกร!

ในการฝึกวิชาพลังลับหยินหยางเพื่อเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4 ในครั้งนี้ หลิงหยุนใช้ทั้งพลังอมตะที่หลงเหลือจากขั้นอมตะเมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะ พลังอมตะจากพู่กันจักรพรรดิ และพลังหยินจากดวงตามังกรหยิน ช่างเป็นการฝึกฝนที่สิ้นเปลืองมากจริงๆ!?

ดังนั้น แม้ว่าจะอยู่ในขั้นปรับร่างกาย-4 เหมือนกัน แต่ความแข็งแกร่งของหลิงหยุนในขั้นนี้บนโลกมนุษย์ กลับเหนือกว่าเมื่อครั้งอยู่ในโลกบ่มเพาะมากมายนัก

“นั่นมัน.. จิ้งจอกสองหางสีขาว ช่างเป็นจิ้งจอกที่สวยงามนัก..” ตู้กู่โม่เพิ่งจะสังเกตุเห็นเจ้าขาวปุย ดวงตาทั้งคู่ของเขาเป็นประกายพร้อมกับร้องออกมาอย่างตื่นเต้น

เจ้าขาวปุยมองตู้กู่โม่ที่กำลังจ้องมองมันอย่างเย็นชา จากนั้นก็รีบวิ่งไปซ่อนอยู่ด้านหลังของหลิยหยุน

แต่หลิงหยุนกลับเม้มริมฝีปากจ้องมองเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าโดยไม่สนใจคำพูดของตู้กู่โม่ เขากำลังครุ่นคิดว่าจะฉวยโอกาสเข้าไปเอาน้ำลายมังกรได้อย่างไร

แม้ว่าเจ้างูยักษ์นี้จะมีพละกำลังมากมาย แม้ลำตัวด้านบนและหางของมันจะสะบัดไปมาอย่างรุนแรง แต่ลำตัวกว่ายี่สิบเมตรที่อยู่ตรงกลางนั้นกลับล้อมบ่อหินที่มีน้ำลายมังกรอยู่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน

แม้ว่ายอดฝีมือพวกนั้นจะเก่งมาก แต่ก็ถูกจู่โจมอย่างรุนแรงจากเจ้างูยักษ์อย่างต่อเนื่องและค่อนข้างอันตราย

อีกทั้งเกล็ดใหญ่ยักษ์ของมันนั้นก็เหนือกว่าโล่ที่ทำจากเหล็กเสียอีก อาวุธในมือของเหล่ายอดฝีมือต่างก็ไม่สามารถตัดขาดได้

หากจะเทียบเรื่องการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วแล้ว เขาเองก็ไม่อยากจะโอ้อวด ยอดฝีมือเหล่านี้ไม่มีทางเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าเขาแน่ แม้แต่เจ้าเขาปุยก็ตาม!

“นี่.. กระบี่ดำในมือเจ้า..? ดูเหมือนจะเป็น…”

ตู้กู่โม่สัมผัสได้ถึงความเย็นชาของเจ้าขาวปุย เขาจึงหันมาสนใจกระบี่มังกรดำในมือของหลิงหยุน และดวงตาของตู้กู่โม่กลับยิ่งอัศจรรย์ใจมากขึ้น..

กระบี่มังกรดำในมือของหลิงหยุนนั้นเป็นสีดำตลอดทั้งด้าม และมีสามจุดที่ดำสนิทยิ่งกว่าหลุมดำขนาดใหญ่

หลิงหยุนมองตู้กู่โม่ตาโตพร้อมกับถามขึ้นว่า “ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น.. นายรู้เหรอว่ามันคือกระบี่อะไร?”

ตู้กู่โม่ก้าวเข้าไปใกล้หลิงหยุน และโน้มตัวลงดูกระบี่มังกรดำในมือหลิงหยุนใกล้ๆ เขาจ้องมองอยู่นาน และจู่ๆก็นิ่งอึ้งพร้อมกับกระโดดถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว..

หลังจากกระโดดถอยหลังออกไปไกลถึงห้าก้าว ตู้กู่โม่ก็หยุดพร้อมกับชี้ไปที่กระบี่สีดำในมือของหลิงหยุน

“นั่น.. นั่นดูเหมือนจะเป็นกระบี่โลหิตแดนใต้! นี่มันไปอยู่ในมือเจ้าได้ยังไงกัน? หลิงหยุน.. เจ้า.. เจ้าเป็นคนของนิกายมารงั้นรึ?!”

“กระบี่โลหิตแดนใต้เหรอ?!” หลิงหยุนคิดว่าชื่อของมันฟังดูน่ากลัวพอควร เขามองดูกระบี่สีดำในมือพร้อมกับส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็ตะโกนใส่ตู้กู่โม่ว่า

“นายพร่ามอะไรกัน.. มันก็เป็นแค่ตำนานเรื่องเล่า?”

แม้ว่าตู้กู่โม่จะเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-9 ในขณะที่หลิงหยุนเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-4 ความสามารถและความเร็วของเขาจึงแตกต่างจากเมื่อก่อน และตอนนี้หลิงหยุนก็มีกำลังภายในแล้ว วิทยายุทธบางอย่างของเขาก็น่าจะเหนือกว่าตู้กู่โม่ หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพกับเขานัก..

ในคืนที่ไปช่วยเฉิงเม่ยเฟิง หลิงหยุนได้รับความช่วยเหลือกจากพู่กันจักรพรรดิจนสามารถเข้าสู่ขั้นพลังชี่-9 ได้ชั่วคราว และในคืนนั้นเขาก็ได้ต่อสู้กับยอดฝีมือในขั้นต่างๆ ทำให้สามารถรู้และเข้าใจความแข็งแกร่งของแต่ละขั้นเป็นอย่างดี

“หลิงหยุน.. นี่เจ้าไม่ใช่นายน้อยแห่งนิกายมารใช่ไม๊? แต่ไม่น่าเป็นไปได้.. ข้าได้ยินมาว่ากระบี่โลหิตแดนใต้นั้นได้หายสาบสูญไปนับพันปีแล้วนี่นา.. หรือว่าข้าจะเข้าใจอะไรผิดไป?”

ตู้กู่โม่ยังคงยืนสำรวจกระบี่สีดำซ้ำแล้วซ้ำอีก ในขณะเดียวกันก็รีบกระโดดออกจากหินขนาดใหญ่เพื่อหลบหางของเจ้างูยักษ์พร้อมกับถามหลิงหยุนว่า

“เจ้ามีกระบี่.. แล้วมีฝักของมันด้วยไม๊? เพราะถ้าบนฝักของมันมีรูปมังกรสีดำ กระบี่เล่มนี้ก็ต้องเป็นกระบี่โลหิตแดนใต้อย่างแน่นนอน ข้าเคยอ่านในหนังสือเก่าแก่ของตระกูล…”

หลิงหยุนได้ฟังแล้วถึงกับช็อคไปอีกครั้ง พร้อมกับคิดในใจว่ากระบี่สีดำด้ามนี้ที่ฝักแกะสลักเป็นรูปมังกรดำที่ราวกับมีชีวิตจริงๆด้วย!

“หลิงหยุน.. หากเจ้าไม่ใช่คนของนิกายมาร ข้าขอแนะนำให้เจ้าทิ้งกระบี่นั่นไปซะ! มีเรื่องเล่าขานกันว่ากระบี่เล่มนี้เป็นกระบี่มาร ไม่เพียงแค่มันชอบดื่มเลือดแต่ยังสามารถควบคุมจิตใจมนุษย์ได้อีกด้วย ผู้ใดครอบครองจะค่อยๆสูญเสียความเป็นมนุษย์และเข้าสู่เส้นทางแห่งมารในที่สุด..”

หลิงหยุนตะโกนบอกตู้กู่โม่อย่างไม่ใส่ใจนัก “นายพร่ามอะไรกัน? นี่เป็นกระบี่ของตระกูลฉัน กระบี่โลหิตแดนใต้บ้าบออะไรกัน?!”

หลิงหยุนรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก พู่กันจักรพรรดิก็มีคนจ้องจะเอาไป ตอนนี้ตู้กู่โม่เพียงแค่เห็นกระบี่สีดำในมือเขา ก็บอกว่ามันคือกระบี่โลหิตแดนใต้ซึ่งเป็นของนิกายมาร!

หลิงหยุนไม่ต้องการให้ใครๆปฏิบัติต่อเขาราวกับเขาเป็นคนของนิกายมาร..

ตู้กู่โม่กำลังจะพูดต่อ แต่ก็มีเสียงร้องตะโกนออกมาจากกลุ่มคนที่ถูกเจ้างูยักษ์โจมตีอยู่ “นี่.. เจ้าสองคนยังคุยกันไม่เสร็จหรือยังไง? ไม่เห็นรึไงว่าพวกเรากำลังต้านการโจมตีของเจ้างูยักษ์นี่อยู่ ยังจะคุยกันอยู่ได้?”

ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าร้องตะโกนออกมาอีกคน “นี่.. ตู้กู่โม่ เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าพบสมุดจักรพรรดิก็ต้องพบด้วยกัน พวกเรามาช่วยกันจัดการฆ่าเจ้างูยักษ์นี่ก่อนจะดีกว่า!”

หลิงหยุนอยากจะตะโกนออกไปว่า จะฆ่าเจ้างูยักษ์นี่น่ะรึ ฝันไปเถอะ!

ตู้กู่โม่ได้ตกลงกับคนพวกนั้นไว้ เขาจึงกระโดดเข้าไปในกลุ่มช่วยกันต่อสู้กับเจ้างูยักษ์

หลิงหยุนไม่รอช้า เขารีบวิ่งตรงไปที่ประตูหินทั้งสามบานทันที..

“ดูนั่น.. เจ้าเด็กนั่นขี้โกง! รีบไปหยุดมันไว้ก่อนเร็วเข้า!” ใครบางคนร้องตะโกนขึ้นมาเมื่อเห็นหลิงหยุนตรงเข้าไปที่ประตูหิน

แน่นอนว่า.. สิ้นเสียงตะโกน สองยอดฝีมือก็หลบการโจมตีของงูยักษ์ และกระโดดเข้าไปขวางหลิงหยุนไว้ทันที!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด