Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 410

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 410 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]

บทที่ 410: โดดเรียนอยู่กับหนิงหลิงยู่!

“พี่หยุน.. เมื่อคืนพี่ฆ่าคนไปทั้งหมดกี่คน?”

ตอนที่ถังเม่งโทรมานั้น เขาอยู่ที่หน้าโรงเรียนมัธยมจิงฉูแล้ว และด้วยความเร็วในการขับรถของเขา เพียงแค่สามนาทีถังเมิ่งก็มาถึงอพาร์ทเมนท์ของหลิงหยุน

ทันทีที่ถังเมิ่งมาถึง เขาก็ตรงเข้าไปถามหลิงหยุนทันทีว่าเมื่อคืนนี้หลิงหยุนได้สังหารคนไปทั้งหมดกี่คน สีหน้าของถังเมิ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น และต้องการมีส่วนร่วม

หลิงหยุนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ครั้งนี้เขาเลือกใส่ชุดที่สาวสวยทั้งสองคนอย่างเฉิงเม่ยเฟิง และเสี่ยวเม่ยเม่ยเป็นผู้ซื้อให้

หลิงหยุนสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว และกางเกงยีนส์สีฟ้าอ่อน ดูสบายๆเหมาะกับกาลเทศะ และดูเป็นผู้ชายอ่อนโยน

แต่คำพูดที่ออกจากปากของเขานั้นกลับไม่ได้อ่อนโยนหมือนกับภาพลักษณ์เลยแม้แต่น้อย หลิงหยุนมองหน้าถังเมิ่งพร้อมกับตอบไปว่า

“ก็หลายสิบคน.. ทำไม? มีอะไรหรือเปล่า?”

“ห๊ะ?! มากขนาดนั้นเลยเหรอ?!”

ถังเมิ่งได้ฟังก็ถึงกับช็อค พร้อมกับอดคิดไม่ได้ว่าลูกพี่ของเขาน่าจะคุยโวเรื่องจำนวนเสียมากกว่า

หลิงหยุนเดินไปขึ้นรถพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย และไม่ต้องการเสียเวลาอธิบายอะไรกับถังเมิ่งมากนัก เมื่อเข้าไปนั่งในรถฮัมเมอร์แล้ว หลิงหยุนก็ถามขึ้นว่า

“พรุ่งนี้นายจะเข้าเรียนหรือเปล่า?”

ถังเมิ่งนิ่งอึ้งไปพร้อมกับเกาศรีษะ “พี่จะให้ฉันเข้าไปทำอะไรหรือเปล่า?”

หลิงหยุนรู้ดีว่าเจ้าเด็กนี่คงจะไม่เข้าเรียนอีกตามเคย เขาจึงสั่งถังเมิ่งว่า “ถ้านายไม่เข้าเรียน นายก็ไปบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นกับฉัน ฉันต้องไปจัดการกับใครบางคนที่นั่น!”

ถังเมิ่งฟังด้วยความตื่นเต้น เขายิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับตอบเสียงดัง “ได้เลย.. ฉันพร้อมเสมอ!”

จากนั้นหลิงหยุนก็ถามต่อว่า “แล้วลุงหลี่กับพ่อของนายเป็นยังไงบ้าง?”

ถังเมิ่งหัวเราะเสียงดังแล้วจึงตอบกลับไป “พี่หยุน.. พี่ถามเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดี! รับรองว่าหลัวจ้งต้องถูกจัดการเหมือนที่พวกเราโดนก่อนหน้านี้แน่ ถ้าพ่อกับลุงหลี่ไม่รู้จักคว้าโอกาสทองนี้ไว้ ก็อย่าทำงานต่อเลย! รับรองว่าอีกสามวันรู้ผลแน่!”

“ตอนนี้แวดวงราชการสั่นสะเทือนไปหมด!” ถังเมิ่งเล่าอย่างมีความสุข พร้อมกับหยิบบุหรี่ออกมาจุด และดูดเข้าไปเต็มปอด

หลิงหยุนเองก็อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นจึงพูดกับถังเมิ่งต่อว่า “ในเมื่อแวดวงราชการกำลังจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง พวกเราก็น่าจะไปแก๊งมังกรเขียวเยี่ยมเยียนลุงหลงสักครั้ง จะได้ไปนำตัวเจ้าสองคนนั่นกลับมาด้วย มีหลายเรื่องที่รอให้ฉันจัดการอยู่!”

เถียนป๋อเตาและกู่เหลียนซันยังคงอยู่ในมือของแก๊งมังกรเขียว เพราะหลิงหยุนขอให้แก๊งมังกรเขียวช่วยคุมตัวพวกเขาไว้ชั่วคราว

“ถังเมิ่ง.. ระหว่างที่ฉันกับแม่หายตัวไป ใครเป็นคนออกหน้าไปพบลุงหลง และขอให้เขาแอบมาช่วยพวกเราลับๆ?!”

หลิงหยุนยังคงไม่สามารถหาคำตอบในเรื่องนี้ได้ จึงได้แต่ลองถามถังเมิ่ง

ถังเมิ่งทำหน้าเลิ่กลั่กแล้วตอบกลับมาทันที “พี่หยุน.. พี่ถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใครล่ะ? เรื่องนี้ฉันว่าไว้พี่พบกับหัวหน้าแก๊งมังกรเขียว ก็ลองถามเขาดูเองไม่ดีกว่าเหรอ? แต่ว่า..”

หลิงหยุนร้องถามทันที “แต่อะไร..?”

ถังเมิ่งทำหน้าล้อเลียนใส่หลิงหยุนพร้อมกับพูดยิ้มๆ “ฉันได้ยินหลงหวู่พูดถึงพี่ด้วย.. เธอบอกว่าหัวหน้าแก๊งมังกรเขียว จะยกเธอให้พี่เป็นของขวัญ.. ฮ่า ฮ่า..”

“นายไปลงนรกเลย!” หลิงหยุนยกมือขึ้นต่อยเข้าที่ไหล่ของถังเมิ่ง

ถังเมิ่งร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับโวยวาย “ทำร้ายร่างกายฉันอีกแล้ว? นี่ถ้าฉันบาดเจ็บสาหัสขึ้นมาจะว่ายังไง? ฉันใช้มันเป็นหลักฐานได้เลยนะ”

หลิงหยุนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับถามขึ้นว่า “นายจะใช้เป็นหลักฐานอะไร?!”

แล้วจู่ๆถังเมิ่งก็ทำเสียงให้ดูลึกลับ “พี่หยุน.. พี่ยังจำได้ไม๊ตอนที่พี่บอกกับทุกคนว่า ไข่มุกราตรีที่ถูกทุบทิ้งไปพร้อมกับบ้านนั้น พี่จะเก็บไว้ให้ว่าที่ภรรยาในอนาคต พี่รู้ไม๊ว่าหลงหวู่พูดอะไรออกมา? เธอบอกว่าไข่มุกราตรีนั่นเป็นของเธอ!”

ใช่แล้ว.. ประโยคนี้หลิงหยุนก็จำได้แม่นยำ! ทันทีที่หลงหวู่รู้ว่าไข่มุกราตรีสิบกว่าเม็ดถูกทุบทิ้งไปแล้ว เธอก็ตรงเข้าเตะเถียนป๋อเตาอย่างโมโห ตอนนั้นเขายังได้ยินกับหู.. เธอด่าเถียนป๋อเตาว่าเป็นคนทำไข่มุกราตรีของเธอเสียหาย ตอนนั้นแม้แต่เขาเองก็แปลกใจ

หลิงหยุนถึงกับเงียบไป ถังเมิ่งเห็นอาการของหลิงหยุนก็ได้แต่หัวเราะ “ลุงหลี่กับพ่อของฉันไม่ค่อยลงรอยกับแก๊งมังกรเขียวมานานหลายปี คิดไม่ถึงจริงๆว่า พวกเขาจะร่วมมือกันกำจัดเสียเจิ้นติงกับหลัวจ้ง ตอนนี้ไม่เท่ากับว่าพวกเรากินรวบทั้งกระดานแล้วเหรอ ต่อไปฉันคงจะเดินในเมืองจิงฉูได้โดยไม่ต้องกลัวอะไรแล้วสินะ!”

หลิงหยุนได้ฟังถังเมิ่งโม้แล้วจึงได้แต่บอกเขาไปว่า “ฉันว่าถ้านายว่างมาก ก็เอาเวลาไปคิดหาวิธีรีดเงินจากบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นจะดีกว่า!”

ถังเมิ่งได้ยินก็ถึงกับถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ “พี่หยุน.. พวกเราก็ได้เงินจากบริษัทชิงหยุนมาแล้วนี่ ยังต้องไปเอาอะไรอีก?”

หลิงหยุนพยักหน้าจริงจัง “ก็ใช่.. แต่นั่นมันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น! นายดูอย่างร้านเสื้อผ้าของคนเซียงฉีสิ ตอนนี้ร้านก็ตกเป็นของพวกเราแล้ว ต่อไปเราก็จะเปิดทั้งร้านขายเสื้อผ้า แล้วก็เปิดคลินิก ต่อไปก็ค่อยๆขยายกิจการ พวกเราจะร่ำรวยแล้วก็ยิ่งใหญ่ในอีกไม่ช้า..”

ถังเมิ่งได้ฟังก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที พร้อมกับถามขึ้นอย่างตกใจ “พี่หยุน.. นี่พี่อยากทำธุรกิจจริงๆน่ะเหรอ?”

หลิงหยุนยิ้มเล็กยิ้มน้อยพร้อมกับส่ายหน้า “ไม่ใช่ฉัน! แต่เป็นนาย! หลังจากที่ฉันหาเงินมาได้ ฉันก็จะเอาเงินให้นายไปลงทุนทำธุรกิจ แล้วถ้านายไม่สามารถทำกำไรได้แล้วล่ะก็ ระวังตัวไว้เลย.. ฉันต้องเตะก้นนายแน่!”

เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน หลิงหยุนก็นึกถึงเรื่องหุ้นในบัญชีของเฉิงเม่ยเฟิงขึ้นมาได้ เขาบอกกับตัวเองว่า หากเขาต้องขาดทุนเพราะเรื่องหุ้น เขาจะคิดบัญชีนี้กับตระกูลซัน และสำนักจิ้งซินในวันข้างหน้า!

ถังเมิ่งยืดอกพร้อมกับพูดอย่างมั่นใจ “พี่หยุน.. พี่มั่นใจได้! ถ้าพี่ต้องการลงทุนทำธุรกิจ จะมีใครเก่งไปกว่าฉันอีกล่ะ!”

ระหว่างที่นั่งรอเสี่ยวเม่ยหนิงกับหนิงหลิงยู่อยู่นั้น หลิงหยุนก็ถามถังเมิ่งขึ้นมาว่า “เรื่องที่เสียเจิ้นเหยินทำร้ายนายบาดเจ็บสาหัส เรื่องนี้นายคิดจะแจ้งความไม๊?”

เมื่อถังเมิ่งได้ยินคำถาม คิ้วหนาของเขาก็ขมวดเข้าหากันพร้อมกับตอบไปว่า “เรื่องนี้ฉันว่าจะทำตามที่แม่บอก จัดการหักแขนหักขาเสียเจิ้นเหยินก็พอ แล้วฉันก็อยากจะจัดการกับมันด้วยตัวเอง!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของถังเมิ่งก็เปลี่ยนเป็นผิดหวัง “แต่พนันได้เลยว่าวันนี้ หรือไม่ก็อาจจะทั้งอาทิตย์ เสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะไม่กล้ามาโรงเรียนแน่ ฉันว่าตอนนี้พวกมันคงไปหาที่หลบซ่อนอยู่!”

หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข “แน่นอน.. ดูว่าพวกมันจะซ่อนตัวได้นานเท่าไหร่ เดี๋ยวก็ต้องโผล่หัวออกมาอยู่ดี!”

หลังจากที่พูดคุยกันจบไปหลายเรื่อง หลิงหยุนกับถังเมิ่งก็กลับมาพูดเรื่องการตกแต่งบ้านกลับคลีนิคต่อ แล้วหลิงหยุนก็บอกกับถังเมิ่งให้ทำกุญแจเพิ่ม เพราะหลายครั้งที่เขาไม่มีกุญแจเข้าบ้าน

ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงรถเฟอรารี่ดังขึ้น ไม่ช้ารถเฟอรารี่สีแดงก็มาหยุดอยู่หน้ารถฮัมเมอร์

“พี่ใหญ่!”

ทันทีที่รถจอด.. หนิงหลิงยู่ก็พุ่งออกมาจากรถทันที ส่วนหลิงหยุนนั้น เขาได้ออกมายืนอ้าแขนรอรับหนิงหลิงยู่เข้าสู่อ้อมกอดอยู่แล้ว!

หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่แผ่ออกมาจากร่างของหนิงหลิงยู่ เขายืนกอดเธอไว้ในอ้อมแขน ในใจทั้งรู้สึกสงสารและเสียใจแทนน้องสาวอย่างที่สุด!

ทันทีที่หนิงหลิงยู่โถมตัวเข้าสู่อ้อมอกของหลิงหยุนได้ เธอก็ปล่อยโฮออกมาทันที และไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้ ความรู้สึกเป็นห่วง และความรู้สึกกังวลที่มีต่อหลิงหยุนตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้พร่างพรูออกมาเป็นคำพูดมากมาย หนิงหลิงยู่พูดไปร้องไห้ไป..

ตอนนี้ไหล่ของหลิงหยุนชุ่มไปด้วยน้ำตาของหนิงหลิงยู่ เขาลูบแผ่นหลังของเธออย่างอ่อนโยน พร้อมกับปลอบปะโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“พี่กลับมาแล้ว.. ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วนะ วันข้างหน้าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน!”

หลิงหยุนไม่กล้าขอให้หนิงหลิงยู่หยุดร้องไห้ เพราะตลอดหลายวันมานี้ จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความขมขื่นและทุกข์ระทม ร่างกายจึงเกิดความเครียดอย่างมาก หากปล่อยให้เธอได้ร้องไห้ออกมาเช่นนี้จะเป็นการดีกว่า อีกทั้งยังช่วยให้เธอรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นด้วย

เสี่ยวเม่ยหนิงเดินออกมาจากรถ เธอยืนนิ่งมองหนิงหลิงยู่ที่กำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของหลิงหยุน ในใจทั้งเศร้าและอิจฉา แต่ทำได้เพียงเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในใจ

หนิงน้อยเป็นเด็กสาวที่เฉลียวฉลาด เธอรู้ดีว่าตราบใดที่มีหนิงหลิงยู่อยู่ ใครก็ยากที่จะแย่งอ้อมกอดของหลิงหยุนไปจากเธอได้ อีกทั้งตลอดหลายวันมานี้ตัวเธอเองกับหนิงหลิงยู่ก็ค่อนข้างสนิทสนมกัน ในช่วงที่หนิงหลิงยู่รับแรงกดดันจากปัญหามากมายนั้น เสี่ยวเม่ยหนิงยอมรับว่าหากเป็นเธอ เธอคงไม่อาจรับไหว!

แต่หนิงหลิงยู่กลับสามารถผ่านพ้นเหตุการณ์ต่างๆมาได้!

ตลอดหลายวันที่หลิงหยุนหายตัวไป หนิงหลิงยู่ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว อีกทั้งยังไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เธอแบกรับทุกสิ่งไว้อย่างเงียบๆ ลงมือทำในสิ่งที่สมควรต้องทำระหว่างที่รอคอยการกลับมาของหลิงหยุน โดยไม่มีร่องรอยของความกังวลใจ หรือกระวนกระวายใจ

เสี่ยวเม่ยหนิงจึงอดที่จะชื่นชมเธอไม่ได้!

น่าแปลกที่ถังเมิ่งกลับไม่ลงไป แต่เลือกที่จะนั่งเงียบๆอยู่ในรถแทน เขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบพร้อมกับนั่งมองหนิงหลิงยู่ที่เอาแต่ร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของหลิงหยุน และได้แต่ใช้ควันบุหรี่แสดงความรักความจริงใจของตนเองแทนคำพูด

ถังเมิ่งไม่ใช่คนโง่ เขาดูออกว่าหนิงหลิงยู่มีใจให้กับหลิงหยุน นอกเหนือจากฉินจิวยื่อ และเสี่ยวเม่ยหนิงแล้ว เขาน่าจะอยู่ลำดับที่สามในใจของเธอ

แต่จะว่าไปแล้ว ถังเมิ่งรู้เรื่องนี้ก่อนเสี่ยวเม่ยหนิงเสียอีก แต่เขาเฝ้าแต่คิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ และเขาก็ไม่เคยที่จะยอมรับมัน!

แต่หลังจากที่หลิงหยุนหายตัวไปนั้น ถังเมิ่งก็เข้าใจดีและเริ่มทำใจยอมรับความจริง!

ความรักที่เขามีให้กับหนิงหลิงยู่ ก็คือการได้เห็นเธอมีความสุขที่แท้จจริง และคนที่หนิงหลิงยู่แอบชอบอยู่เงียบๆ ก็คือคนที่เธอกำลังกอดแน่นอยู่ในตอนนี้ คนที่ให้อ้อมแขนที่อบอุ่นและแสนสบายกับเธอ

ราวกับกำลังดูหนังแฟนตาซีที่เกี่ยวกับเทพธิดา ถังเมิ่งอดคิดไม่ได้ว่า คงจะมีเพียงลูกพี่ของเขาเท่านั้นที่คู่ควรกับเทพธิดาอย่างหนิงหลิงยู่ ส่วนคนอื่นๆคงทำได้แค่ฝัน!

ถังเมิ่งมองเสี่ยวเม่ยหนิงที่ยืนนิ่ง เขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของหลี่จิ้งเฉินตอนที่ต้องตัดใจจากหนิงน้อย

“แพ้ให้กับคนอย่างลูกพี่ ไม่น่าจะเรียกว่าแพ้ได้หรอกมั๊ง..?!” ถังเมิ่งปลอบใจตัวเอง แม้ในใจของเขาจะรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด แต่กลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เขาทำได้เพียงแค่เก็บหนิงหลิงยู่ไว้ภายในใจ!

“พี่ใหญ่! ต่อไปไม่ว่าพี่จะไปใหนอีก ต้องบอกให้ฉันรู้คนแรกนะรู้ไม๊?”

หนิงหลิงยู่ใช้เวลาสงบสติอยู่นานก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้น ใบหน้างดงามที่เปื้อนไปด้วยน้ำตานั้น เอาแต่จ้องมองหลิงหยุน

“ได้สิ..?!” หลิงหยุนตอบตกลงตั้งแต่อยู่ในใจแล้ว เขายิ้มพร้อมกับเอามือเช็ดน้ำตาให้กับหนิงหลิงยู่

“พี่ใหญ่ พรุ่งนี้พวกเราค่อยไปโรงเรียนนะ วันนี้พี่ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันทั้งวัน..”

ใบหน้าของหนิงหลิงยังคงเปียก แต่ดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยความน่าสงสารนั้นกลับมองหลิงหยุนอย่างดื้อดึง

“ได้สิ!” หลิงหยุนบีบจมูกเล็กๆของหนิงหลิงยู่ และรีบรับปากทันที!

ใหนๆเขาก็ขาดเรียนมาตั้งเป็นอาทิตย์แล้ว หยุดอีกสักวันจะเป็นไรไป พรุ่งนี้ค่อยไปเรียนก็น่าจะได้!

เพราะอยู่กับหลิงยู่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด