Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 456

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 456 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]

บทที่ 456 : ก้าวหน้าจนน่ากลัว!

หลิงหยุนกลับไปถึงบ้านเลขที่-1 เขาก็สั่งถังเมิ่งให้จัดการเตรียมอาหาร และน้ำดื่มสำหรับเขากับเจ้าขาวปุยในปริมาณที่จะสามารถอยู่ได้อย่างน้อยสิบวัน

ถังเม่งถามกลับว่าหลิงหยุนต้องการที่จะให้เขาเตรียมปืนกับกระสุนให้ด้วยหรือไม่? แต่หลิงหยุนปฏิเสธ เพราะตอนที่เขาอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-3 นั้น เขาเองก็ยังสามารถหลบกระสุนของมือสังหารอย่างตี้ปาได้ แต่ตอนนี้เขาได้เข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-6 แล้ว จึงยิ่งไม่จำเป็น!

หลังจากที่ถังเมิ่งกลับไป หลิงหยุนกับตู้กู่โม่ก็ช่วยกันปลุกเสกยันต์เพิ่มอย่างหน้าดำคร่ำเครียด ทั้งคู่ทำงานกันจนดึกๆดื่นๆ และในที่สุดหลิงหยุนก็ร้องตะโกนออกมาอย่างดีใจว่างานในวันนี้เสร็จเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว!

วันนี้หลิงหยุนโชคดีมาก เพราะสามารถปลุกเสกยันต์ระดับสองอย่างยันต์จ้าวสมุทร ยันต์อสนี ยันต์เพชร และยันต์เกราะ ได้อย่างละสองสามแผ่น ทำให้เขาดีอกดีใจอย่างมาก..

ยันต์จ้าวสมุทรและยันต์อสนีนั้นเป็นยันต์ที่มีระดับเหนือกว่ายันต์อัคนีและยันต์ธาราหนึ่งระดับอยู่แล้ว แต่นี่หลิงหยุนกลับสามารถปลุกเสกยันต์ทั้งสองให้สูงขึ้นมาอีกหนึ่งระดับได้ และยันต์ระดับสองเหล่านี้อย่างน้อยก็จะสามารถช่วยเจ้าขาวปุยได้มากทีเดียว

ระหว่างการปลุกเสกยันต์อย่างหนักหน่วงในวันนี้ พลังชีวิตในร่างกายถูกเติมเข้าไปจนเต็มครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ระดับขั้นการบ่มเพาะของเขาก้าวหน้าได้รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ และในเวลานี้หลิงหยุนก็ได้เข้าสู่ระดับกลางของขั้นปรับร่างกาย-6 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“นี่.. พ่อนักปลุกเสกยันต์แห่งสำนักหมอสวรรค์ เจ้ายุ่งจนไม่ต้องกินอะไรเลยสินะ? เอาแต่เขียนอักขระนี่อยู่ได้?”

ตู้กู่โม่ถูกหลิงหยุนเรียกให้มาช่วยงานถึงสองวันเต็มๆ เขาทั้งปวดหลังแล้วก็ปวดขา และตอนนี้ก็อยากจะพักเต็มทนแล้ว จึงได้แต่บ่นและคร่ำครวญกับหลิงหยุน

หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย และไม่อธิบายอะไร ในเมื่อเครื่องมือไฮเทคของโลกมนุษย์แห่งนี้มีพลานุภาพที่น่าเหลือเชื่อ ยันต์เหล่านี้จึงมีความหมายสำหรับหลิงหยุนเป็นอย่างมาก เพราะมันจะมีอานุภาพไม่แพ้เครื่องมือไฮเทคพวกนั้นเลย

และเมื่อหยิบออกมาใช้ หลิงหยุนจะได้ไม่รู้สึกอับอายขายหน้า และอีกไม่ช้าเขาก็จะสามารถเข้าสู่ระดับกลางของขั้นพลังชี่ และถึงตอนนั้นเขาก็จะสามารถเล่นแร่แปรธาตุได้แล้ว

ทั้งการปลุกเสกยันต์ การเล่นแร่แปรธาตุ และค่ายกลต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อหลิงหยุนในการตั้งรับและจู่โจม ซึ่งหมายความว่ามันจะทำให้เขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และไม่ว่าจะเป็นวิธีใดที่จะสามารถพัฒนาให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้ เขาก็ไม่เคยคิดที่จะปฏิเสธ!

ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้น คนที่อยู่ในขั้นการบ่มเพาะยิ่งสูง ก็จะยิ่งกลายเป็นผู้ที่น่าเชื่อถือ และยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นผู้ที่พูดได้น่าเชื่อถือมากเท่านั้น หลิงหยุนเชื่อว่าความแข็งแกร่งจะทำให้คนผู้นั้นได้รับความเคารพ และนี่ก็เป็นกฏเหล็กของทั่วทั้งจักรวาล!

“เจ้าเล่นกระบี่มังกรขาวพอใจหรือยัง? พรุ่งนี้ข้าต้องใช้มันแล้ว!”

พรุ่งนี้หลิงหยุนต้องพาเจ้าขาวปุยไปที่เกาะกลางทะเล เขาจึงต้องขอกระบี่มังกรขาวคืนจากตู้กู่โม่

ตู้กู่โม่ดูขมขื่นแล้วก็เศร้าสร้อย “สองวันนี้ข้าก็ช่วยเจ้าปลุกเสกยันต์นั่นทั้งวันทั้งคืน จะเอาเวลาที่ใหนไปฝึกเพลงกระบี่ได้ล่ะ?”

หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ “นี่.. เจ้าไม่ต้องมาทำหน้าเศร้าแบบนั้นก็ได้ ไว้ข้ากลับมาจากทะเลเมื่อไหร่ จะให้เจ้ายืมเล่นต่อ..”

ตู้กู่โม่ทำท่าทางละล้าละลังกว่าจะดึงกระบี่มังกรขาวออกมาจากเอวได้ พร้อมกับชื่นชมไม่ขาดปาก

“ตัดได้ทั้งหยก เหล็ก แล้วก็ของเหลว ใบมีดบางราวกับปีกจั๊กจั่น เสียงคำรามคล้ายมังกร ช่างเป็นกระบี่ชั้นยอดจริงๆ!”

“เจ้ารู้ไม๊ว่ากระบี่นี่มีต้นกำเนิดมาจากที่ใหน?”

หลิงหยุนรับกระบี่มังกรขาวที่ตู้กู่โม่ยื่นมาให้ จากนั้นก็ใช้สองนิ้วลูบไล้กระบี่ และฟังเสียงคล้ายมังกรคำรามที่ดังออกมา แล้วจึงถามตู้กู่โม่

ตู้กู่มีส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่ด้ามของกระบี่มีรูปคล้ายมังกร เจ้าเรียกมันว่ากระบี่มังกรขาวก็น่าจะถูกต้องแล้ว.. แต่ถ้ามีฝักก็คงจะบอกที่มาของมันได้ไม่ยากนัก”

หลิงหยุนเก็บกระบี่มังกรขาวเข้าไปในแหวนพื้นที พร้อมกับเรียกชุดสีดำออกมา..

“พรุ่งนี้เจ้าจะต้องการให้ข้าไปกับเจ้าด้วยไม๊?” คิ้วคู่สวยของตู้กู่โม่เลิกขึ้นสูง

“ไม่ต้อง ข้าจะไปกับเจ้าขาวปุย! หากไม่โชคร้ายไปเผชิญกับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-4 ก็ไม่มีปัญหาอะไร ข้าสามารถเอาตัวรอดได้..”

หลิงหยุนพูดด้วยท่าทางสงบนิ่ง และมั่นใจ..

ตู้กู่โม่ได้ฟังก็ถึงกับตกตะลึง เขาถึงกับพูดติดอ่าง “ห๊ะ.. อะ.. อะไรนะ?! นี่นายสามารถรับมือกับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3 ได้แล้วเหรอ?”

จะไม่ให้ตู้กู่โม่ตกอกตกใจได้อย่างไร เพราะฝีมือของหลิงหยุนนั้นก้าวหน้าไปได้รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ตู้กู่โม่แทบไม่อยากคิดอะไร เพราะทุกครั้งที่เขาคิด เขาก็อดที่จะหวาดผวาไม่ได้ และรู้สึกคับข้องใจไม่รู้จบ..

ตอนที่พวกเขาทั้งสองคนช่วยกันฆ่าคนญี่ปุ่นในป่าเสินหนงเจี๋ยนั้น หลิงหยุนก็ได้แสดงฝีมือที่น่าอัศจรรย์ให้เขาเห็น แต่ตอนนั้นฝีมือของเขากับหลิงหยุนก็ยังพอที่จะสูสีกัน

หลิงหยุนใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวสังหารโทคคุงาวะ ทาเคซูกะซึ่งเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-1 ซึ่งตู้กู่โม่เองก็ถึงกับตกใจในความแข็งแกร่งของหลิงหยุนในตอนนั้น

หลายวันนี้ตู้กู่โม่ฝึกฝนอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าสู่ระดับเริ่มต้นของขั้นเซียงเทียน-1 ได้เสียที ในขณะที่หลิงหยุนกลับแข็งแกร่งเท่ากับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3 แล้ว หลิงหยุนก้าวหน้ากว่าเขาอยู่หลายขั้น ทำให้เขาแทบล้มทั้งยืน!

ตู้กู่โม่ทั้งกระวนกระวายใจ ท้อแท้ และผิดหวัง เขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะ แต่กลับไม่เคยไล่ตามหลิงหยุนได้ทันเลย ความภาคภูมิใจที่เคยมีถูกหลิงหยุนกระชากทิ้งจนไม่เหลือชิ้นดี

หลิงหยุนสังเกตเห็นแววตาที่ตกตะลึง และใบหน้าที่ผิดหวังท้อแท้ของตู้กู่โม่ได้อย่างชัดเจน และในที่สุดตู้กู่โม่ก็พึมพำออกมาว่า..

“ทำไมถึงได้รวดเร็วเช่นนี้.. เป็นไปไม่ได้!”

หลิงหยุนจ้องมองตู้กู่โม่ และใช้มังกรคำรามพูดกับเขาว่า “ตู้กู่.. เจ้าเป็นอัจฉริยะก็จริง แต่ข้าขอเตือนเจ้าว่า.. อย่าได้เอาตัวเองมาเปรียบเทียบกับข้า เจ้าก็เห็นแล้วว่าข้าดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปมากเพียงใด?”

ตู้กู่โม่เป็นผู้ฝึกวรยุทธ ส่วนหลิงหยุนเป็นผู้ฝึกบ่มเพาะ หากตู้กู่โม่คิดจะแข่งขันกับหลิงหยุนในเรื่องนี้ คงไม่ต่างจากการขี่ม้าไล่ตามเครื่องบิน!

“จากระดับสูงสุดของขั้นโฮ่วเทียน-8 ในระยะเวลาเพียงสั้นๆสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้ เจ้าคิดว่าการก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ ยังมีใครจะเทียบได้อีกงั้นรึ?”

คำพูดของหลิงหยุนที่พูดด้วยมังกรคำรามนั้น มีผลต่อความเข้าใจไปถึงจิตวิญญาณของตู้กู่โม่ และเมื่อได้ฟังคำพูดทั้งหมดของหลิงหยุนแล้ว จิตใจของเขาก็เริ่มกลับสู่สภาพปกติ

“ฮู่ว.. เมื่อครู่ในกายข้าเต็มไปด้วยธาตุไฟจนเกือบจะกลายเป็นมารไปแล้ว หลิงหยุนเจ้านี่ช่างมีเสน่ห์เสียจริงๆ ใครอยู่ใกล้ต่างก็ต้องรักเจ้ากันทั้งนั้น ข้าเองก็เช่นกัน! จากนี้ไปข้าจะไม่เปรียบเทียบตัวเองกับเจ้าอีกแล้ว เพราะนั่นเท่ากับฆ่าตัวตายชัดๆ..”

หลิงหยุนยิ้มอย่างผ่อนคลาย “ช่วงนี้ที่เจ้าไม่ก้าวหน้านั้น เพียงเพราะว่าอารมณ์ของเจ้าแปรปรวนไม่นิ่ง หากเข้าสู่สภาพปกติเมื่อไหร่ก็จะดีกับตัวเจ้าเอง และจะสามารถเข้าสู่ขั้นต่อไปได้อย่างง่ายดาย!”

ตู้กู่โม่รู้สึกว่าหลังจากที่สภาพจิตใจของเขาเป็นปกติแล้ว เขากลับพบว่าที่ผ่านมามันเหมือนกับว่าเขากำลังวิ่งไล่จับภาพลวงตา ซึ่งไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใด ก็ไม่สามารถจับได้ เขาจึงพูดกับหลิงหยุนว่า

“เอาล่ะ.. ข้าจะไปฝึกต่อแล้ว.. อย่ารบกวนข้าล่ะ..”

หลิงหยุนมองตู้กู่โม่ที่กระโดดออกไปด้านนอกพร้อมกับตะโกนบอกว่า “พรุ่งนี้ข้าไม่อยู่บ้าน เจ้าช่วยดูแลบ้านให้ข้าด้วยนะ!”

“เจ้าไม่ต้องห่วง..” ตู้กู่โม่ตอบหลิงหยุนโดยไม่หันกลับไปมอง

หลิงหยุนมองไปทางห้องนอนของเหล่ากุ่ยพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วก็ออกจากบ้านไป

ในเวลาเที่ยงคืน.. หลิงหยุนไปที่ผาพยัคฆ์บนเขามังกรอีกครั้งตามลำพัง และในตอนนี้ความเร็วในการเคลื่อนไหวของหลิงหยุนนั้นเรียกได้ว่าเร็วยิ่งกว่าผีสางเสียอีก เพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวเขาก็ไปโผล่อยู่ในที่ที่ห่างจากบ้านเลขที่-1 ไปถึงร้อยเมตร และสามารถไปถึงผาพยัคฆ์บนเขามังกรได้ภายในเวลาเพียงสองนาที

ท่ามกลางดวงจันทร์กลมโต หลิงหยุนนั่งขัดสมาธิลงบนหินหนึ่ง และเริ่มฝึกดารกะดายันต่อ

แสงจันทร์สีเหลืองนวลจากท้องฟ้าส่องเป็นทางลงมาปกคลุมทั่วทั้งร่างของหลิงหยุน ดวงดาวนับล้านๆดวงบนกำลังเชื่อมต่อกับร่างกายของหลิงหยุนเป็นสาย แม้ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่หลิงหยุนสามารถสัมผัส และรู้สึกได้อย่างชัดเจน

ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่แล้ว หลิงหยุนได้ยินเสียงดังออกมาจากร่างกายของตัวเอง และเขาก็สามารถเข้าสู่ระดับย่อยที่สิบสามได้แล้ว!

เพียงแค่ชั่วระยะเวลาไม่นาน ผิวของหลิงหยุน กล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายในหลักทั้งห้าก็ได้รับการชำระล้างจากแสงจันทร์ และดวงดาวอีกครั้ง!

ผิวของหลิงหยุนในเวลานี้สว่างไสวราวกับคริสตัล กล้ามเนื้อแข็งแรงมากยิ่งขึ้น กระดูกแข็งแกร่งราวกับเหล็ก และเส้นเอ็นต่างๆก็ยืดหยุ่นได้อย่างดีเยี่ยม

“ฮู่ว.. ช่างเป็นความรู้สึกที่เยี่ยมมากจริงๆ!”

หลิงหยุนลุกขึ้นยืน เขาจ้องมองไปยังดวงจันทร์พร้อมกับคิดในใจว่า หากในโลกมนุษย์มีดวงจันทร์ห้าดวง การฝึกดารกะดายันของเขาก็คงจะก้าวหน้าได้รวดเร็วเป็นห้าเท่า..

ปัง!!

จากนั้นหลิงหยุนก็เตะหินก้อนใหญ่ที่เขานั่งสมาธิเมื่อครู่ จนกระเด็นลอยออกไปไม่ต่างจากลูกบอล และไปแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะตกลงไปในหลุมยักษ์ด้านหน้า

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงหินที่ตกลงไปกระทบกับน้ำลึก ก็ดังขึ้นมากระทบหูของหลิงหยุนจนเขาต้องยิ้มออกมาเล็กน้อย

หลิงหยุนใช้มังกรพรางร่างกระโดดขึ้นสูงราวหนึ่งร้อยเมตร จากนั้นก็กลั้นหายใจเบาๆ และเดินอยู่บนท้องฟ้าในยามค่ำคืน!

ไม่ต่างจากฉินตงเฉี่วยที่เดินอยู่บนอากาศ!

จากนั้นหลิงหยุนจึงค่อยๆลงมายืนอยู่ที่ปากหลุมยักษ์ เขากำลังตื่นเต้นที่จะใช้เนตรหยิน-หยางมองลงไปที่ก้นหลุม

แสงจันทร์สะท้อนกับน้ำที่ก้นหลุม ทำให้ผิวน้ำเป็นประกาย หลิงหยุนวัดระดับความลึกของน้ำด้วยสายตา และพบว่าน้ำท่วมก้นหลุมอยู่ราวหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร

“โอ้โห..”

หลิงหยุนร้องเสียงดังเมื่อเห็นฟองอากาศขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากในน้ำ และปลาที่มีความยาวราวเจ็ดหรือแปดเมตร ก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำแล้วก็ผลุบหายลงไป

“เป็นปลาที่แปลกมากเลยทีเดียว..” หลิงหยุนร้องออกมาอย่างแปลกใจ

หลิงหยุนตัดสินใจที่จะรอจนกว่าจะเข้าสู่ขั้นพลังชี่ ถึงตอนนั้นเขาจะสามารถปลุกเสกยันต์จ้าวสมุทรระดับห้าได้

และถึงตอนนั้นเขาก็จะสามารถลงไปที่ก้นหลุมยักษ์ได้อีกครั้ง หลิงหยุนเพียงแค่ต้องการเข้าไปยังอารามเล็กๆในดวงตาหยางอีกครั้ง เพื่อไปดูว่าร่างของหลวงจีนกายเพชรยังคงอยู่ที่นั่นหรือไม่?

หลิงหยุนหันไปพบหญ้าหยิน หญ้าหยาง  เขาจึงดูดซับเอาพลังชีวิต และเริ่มฝึกวิชาพลังลับหยินหยาง

จากนั้น.. หลิงหยุนก็เดินไปยังทิศที่มีหญ้าน้ำลายมังกร

หญ้าน้ำลายมังกรนั้น ลำต้นของมันคดเคี้ยวคล้ายงู รากของมันพันกันยุ่งเหยิง ใบของมันคล้ายลิ้นมนุษย์กองพะเนินเป็นชั้น ลำต้นเลื้อยพันกันเหมือนวัชพืช

เขานั่งขัดสมาธิอีกครั้ง และดูดซับเอาพลังชีวิตจากหญ้าน้ำลายมังกรเข้าไปจนพอใจจึงลุกขึ้น..

“ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะพร้อมสำหรับการออกทะเลแล้ว!”

หลิงหยุนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ และในยามค่ำคืนก่อนรุ่งอรุณ เขาก็รีบลงจากเขามังกรไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด