Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 550 : เลือกเส้นทางเอง!

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 550 : เลือกเส้นทางเอง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]

บทที่ 550 : เลือกเส้นทางเอง!

บ้านของฉางหลิงอยู่ใกล้กับคลีนิคสามัญชนของหลิงหยุน และจากหน้าต่างห้องของฉางหลิงนั้น เธอจะสามารถมองเห็นคลินิกสามัญชนซึ่งตั้งอยู่ตรงสี่แยกได้ เธอจึงเฝ้ามองไปที่คลีนิคของหลิงหยุนอยู่ทุกวัน

หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “จะเริ่มเปิดวันเสาร์นี้แล้ว!”

“เสาร์นี้เหรอ? แต่เสาร์นี้มีเรียนตามปกติด้วยสิ แล้วฉันจะไปช่วยงานนายได้ยังไง?!” ฉางหลิงได้แต่บ่นพึมพำ

หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า “ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น.. ผมมีคนมาช่วยงานมากแล้ว! คุณมีหน้าที่ตั้งใจเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบเอนทรานซ์ที่กำลังจะมาถึง”

หลิงหยุนมีคนมาช่วยจัดเตรียมงานมากมายจริงๆ แทบไม่ต้องสาธยายว่ามีใครบ้าง เพราะนอกเหนือจากถังเมิ่งซึ่งเป็นคนที่จัดการเรื่องนี้ทั้งหมด ก็ยังมีตี้เสี่ยวอู๋กับคนของแก๊งมังกรเขียวอีกมากมาย คลินิกเล็กๆจะมีอะไรให้ทำเยอะแยะอย่างนั้นหรือ?

แต่ฉางหลิงกลับไม่ยอม.. เธอยืนยันจะหยุดเรียนครึ่งวันมาช่วยหลิงหยุนที่คลินิก หลิงหยุนจึงได้แต่ตามใจ

แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จู่ๆฉางหลิงก็หันมาเผชิญหน้ากับหลิงหยุน และพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“หลิงหยุน.. ฉันรู้ว่านายมีความจำที่น่าอัศจรรย์มาก! แต่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ได้อาศัยแค่ความทรงจำที่น่าทึ่งของนายเท่านั้น อย่าลืมว่านักเรียนสายศิลป์อย่างพวกเรา ยังต้องสอบเรื่องการฟัง และความเข้าใจในวิชาภาษาอังกฤษอีกด้วย ซึ่งการสอบในส่วนนี้ต้องอาศัยความเข้าใจที่จะสามารถวิเคราะห์คำถามได้ และจำเป็นต้องผ่านการฝึกทบทวนอยู่บ่อยๆ!”

“ไม่ต้องห่วง.. หลังจากเปิดคลินิกแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์หน้าไป ผมจะไปโรงเรียนตามปกติ และตั้งใจเรียนให้มาก!”

ในเวลานี้หลิงหยุนมีทั้งจิตหยั่งรู้ และเนตรหยินหยางที่ทรงพลัง จึงมีความศักยภาพในการเรียนรู้เพิ่มขึ้นกว่าก่อนหลายเท่า เวลาสองอาทิตย์ที่เหลือนั้นเพียงพอสำหรับเขาอย่างมากแล้ว

สำหรับหลิงหยุนคนปัจจุบันนั้น เขาไม่เคยมีความคิดที่จะเข้าสอบมหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำไป หลิงหยุนคนนี้แทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตนเองจะได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยหรือไม่?!

แต่เพราะได้ตกปากรับคำกับแม่ของเขานางฉินจิวยื่อ และน้องสาวของเขาหนิงหลิงยู่ไว้แล้วว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยหยางจิงให้ได้ หลิงหยุนจึงต้องทำตามที่ได้ลั่นวาจาไว้

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องของการเดิมพันมูลค่าร้อยล้านรออยู่อีก และตอนนี้เจ้าเด็กน้อยสองคนอย่างเสียเจิ้นเหยิน และกู่หยุนฟะ ก็ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ แต่ไม่เป็นไรเพาะถึงอย่างไรซ่งเจิ้งหยางก็ยังอยู่ ไม่ว่ายังไงหลิงหยุนก็จะได้รับเงินหนึ่งร้อยล้านทันทีที่เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยหยางจิงได้ และไม่มีเหตุผลที่เขาจะสอบเข้าไม่ได้อีกด้วย!

“อ่อ.. แล้วครูประจำชั้นเป็นยังไงบ้าง?” เมื่อพูดถึงเรื่องเรียน หลิงหยุนก็นึกถึงกงเสี่ยวลู่ขึ้นมาทันที

หลิงหยุนคิดว่ากงเสียวลู่ที่ตอนนี้ได้รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการอยู่ ทุกอย่างจึงน่าจะราบรื่นไม่มีปัญหาอะไร แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบที่ตรงกันข้ามจากฉางหลิง

“ตอนนี้ครูประจำชั้นของเราดูเหมือนจะเหนื่อยมาก! ฉันรู้สึกว่าครูกงคงใกล้จะทนไม่ไหวแล้วล่ะ”ฉางหลิงพูดถึงครูกงด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?!” หลิงหยุนรีบถามขึ้นทันที

หลังจากที่หลิงหยุนกลับมาจากทะเลนั้น เขาก็ได้ส่งข้อความให้กับกงเสี่ยวลู่ แต่เธอก็ไม่ได้บอกเล่าอะไรให้เขาฟัง

ฉางหลิงเล่าให้ฟังว่า “ทุกวันนี้ในโรงเรียนมีนักเรียนเป็นสิบๆห้อง และมีเรื่องให้ครูกงต้องแก้ปัญหาอยู่ทุกวัน ใหนจะยังต้องรับผิดชอบนักเรียนห้องเราอีก..”

“ไม่แค่นั้นนะ.. ครูบางคนยังผลักภาระ แล้วก็สร้างปัญหาให้ครูกงเพิ่มอีก”

หลิงหยุนรีบถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดุดัน “ครูคนใหนกัน?”

ฉางหลิงตอบกลับไปทันที “ก็จะใครซะอีกล่ะ? ถ้าไม่ใช่รองครูใหญ่สองคนนั่น – หวังเหว่ยเฉิงกับเจี้ยวเฟิ่งหัว”

ก่อนที่หลิงหยุนจะออกเดินทางไปที่เกาะกลางทะเลนั้น เขาได้ไปอาละวาดที่ห้องทำงานของครูใหญ่ และได้ตบหน้ารองครูใหญ่ และทำให้ทั้งสองคนต้องเสียหน้า

เมื่อหลิงหยุนไม่อยู่โรงเรียนเกือบเดือน รองครูใหญ่ทั้งสองคนจึงฉวยโอกาสนี้ ใช้อำนาจอิทธิพพลที่ตัวเองมี กดดันกงเสี่ยวลู่ทำให้เธอทำงานได้ลำบากมากขึ้น

เรื่องพวกนี้กงเสี่ยวลู่ไม่เคยเล่าให้ครูใหญ่จาง และหลิงหยุนฟัง เธอได้แต่รับมือด้วยความขมขื่นอยู่เพียงลำพัง อีกทั้งยังต้องยืนหยัดต่อสู้อย่างหนักหนาสาหัสกว่าเดิมเสียอีก

หลิงหยุนฟังแล้ว ไม่เพียงไม่แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมา แต่กลับหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก และพึมพำกับตัวเอง

“ได้เลย..! ในเมื่อพวกเจ้าเลือกเส้นทางนี้เอง ก็อย่าโทษว่าข้าไม่ไว้หน้า!”

“แล้วครูใหญ่จางไม่จัดการอะไรบ้างเลยเหรอ?” หลิงหยุนถามต่อ

ฉางหลิงส่ายหัว “ครูใหญ่จางเป็นครูใหญ่ก็จริง อีกทั้งหวังเหว่ยเฉิงกับเจี้ยวเฟิ่งหัวก็สนิทสนมกันมาก  หากทั้งคู่จงใจกดดันครูประจำชั้นของเราผ่านการทำงาน ครูใหญ่จางก็คงต้องทำเป็นปิดตาข้างหนึ่ง เพราะไม่รู้จะจัดการยังไง?”

ทุกคนก็มีขีดความสามารถจำกัดอยู่ในระดังหนึ่ง ครูใหญ่จางเองก็ใช่ว่าจะจัดการปัญหาทุกเรื่องได้..

“ผมเข้าใจ!” หลิงหยุนค่อยๆสงบลง

จากนั้นฉางหลิงก็ถามหลิงหยุนเรื่องที่เดินทางไปเกาะกลางทะเล หลิงหยุนเล่าให้เธอฟังเพียงคร่าวๆ แต่เพียงแค่นั้นเธอก็ถึงกับอึ้งจนหลิงหยุนต้องอธิบายต่อว่า

“ฉางหลิง.. เส้นทางการดำเนินชีวิตไม่ได้มีเพียงแค่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยเท่านั้น ยังมีเส้นทางอื่นอีกมากมาย คุณอยากจะลองบ้างมั๊ยล่ะ?”

ฉางหลิงฟังหลิงหยุนพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมกับร้องถามกลับไปทันที “หลิงหยุน.. นี่นายหมายความว่าฉันสามารถกลายเป็นคนน่าอัศจรรย์แบบนายได้เหรอ?!”

หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า “ก็ถ้าคุณอยากจะเรียนรู้ และไม่กลัวความยากลำบาก คุณก็จะสามารถกลายเป็นคนแบบผมได้!”

หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้ไปยังถังที่มีปลาตัวใหญ่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เริ่มจากการจับปลาตัวใหญ่นั่นก่อน!”

และนั่นเป็นเพียงของเด็กเล่นเท่านั้น..

ฉางหลิงพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ฉันอยากเรียนจริงๆ ฉันไม่กลัวความยากลำบาก..!”

น้ำเสียงและสีหน้าของฉางหลิงนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหนักแน่น ท่าทางจริงจังของเธอทำให้หลิงหยุนอึ้งไปเล็กน้อย

หลิงหยุนยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับจับไหล่ฉางหลิงไว้ และโน้มเข้าไปกระซิบข้างหูสองสามคำ..

ฉางหลิงอายจนหน้าแดง เธอซุกหน้าลงบนแผ่นอกของหลิงหยุนพร้อมกับพึมพำเสียงเบา “นายพูดอะไรบ้าๆ!”

หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ “ผมไม่ได้บ้า แล้วก็ไม่ได้ขี้โม้ด้วย! ถ้าคุณให้ความร่วมมือ รับรองได้เลยว่าคุณจะสามารถเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-7 ได้ในทันที คนที่ฝึกกำลังภายในทุกคนก็ใฝ่ฝันที่จะไปให้ถึงขั้นนี้กันทั้งนั้น!”

ร่างกายของฉางหลิงนั้น ไม่อาจเทียบเท่าหลินเมิ่งหานได้ แต่ก็คล้ายคลึงกับเหยาลู่ หากได้บ่มเพาะเคียงคู่กับหลิงหยุน ก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-7 ได้ในทันที แต่ก็ยากที่จะเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-9 ได้

“ว่ายังไง?”

“จะให้ว่ายังไง.. ฉันเชื่อฟังนายอยู่แล้ว แต่.. แต่ต้องรอให้สอบเอนทรานซ์เสร็จก่อน..”

ฉางหลิงซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของหลิงหยุนอย่างนั้น และไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองเขาอยู่นาน

เวลาผ่านไปเนิ่นนานท่ามกลางความเงียบสงัด..

จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือของฉางหลิงดังขึ้น เธอรีบผละออกจากอ้อมอกของหลิงหยุน “ต้องเป็นแม่โทรมาแน่เลย..”

ฉางหลิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู และเห็นว่าเป็นเบอร์ของแม่เธอจริงๆ และตอนนี้ก็เที่ยงคืนครึ่งแล้ว..

ฉางหลิงสูดลมหายใจเข้าลึกอยู่สองสามครั้งเพื่อสงบจิตสงบใจ แล้วจึงกดรับสายแม่ของเธอ

“ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?” เสียงค่อนข้างเข้มงวดของแม่ฉางหลิงดังออกมา

ฉางหลิงตอบกลับไปว่า “แม่คะ.. กำลังเก็บกระเป๋าอยู่ค่ะ จะรีบกลับเดี๋ยวนี้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เพื่อนในห้องจะไปส่งหนูเอง!”

“รีบๆกลับ แล้วก็ระวังรถราด้วยล่ะ!” แม่ของฉางหลิงพูดจบก็วางสายไป

“แม่ต้องรู้ว่าฉันพูดโกหกแน่เลย!”

 หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “รู้ก็รู้สิ! อย่าเอาแต่เรียนอย่างเดียว ต้องพักผ่อนบ้าง เรียกว่าการสร้างความสมดุล..”

ฉางหลิงได้แต่บ่นว่า “สร้างสมดุลอะไรกัน!? นายทำให้ฉันนอนไม่หลับแล้วคืนนี้!”

หลิงหยุนหัวเราะ “ถ้านอนไม่หลับก็อยู่เรียนต่ออีกสักพักสิ! สองชั่วโมงที่ผ่านมาไม่ได้อะไรเลย..”

ฉางหลิงยิ้มพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใครบอกว่าไม่ได้อะไร.. เป็นสองชั่วโมงที่ฉันจะไม่มีวันลืมต่างหาก!”

“นี่.. แม่รู้เรื่องที่ฉันชอบนายแล้วนะ แม่บอกว่าไว้สอบเอนทรานซ์เสร็จให้พานายไปที่บ้านได้!”

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเป็นการบอกว่าไม่มีปัญหา..

ฉางหลิงตื่นเต้นอย่างมาก เมื่อเห็นหลิงหยุนพยักหน้ารับปาก ในใจนั้นทั้งพอใจ และมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

“อ่อ.. ยังมีอีกเรื่อง..”

“เรื่องอะไร?”

ฉางหลิงพูดขึ้นว่า “น้าเล็กสั่งให้ฉันคอยดูว่าคลินิกของนายจะเปิดเมื่อไหร่ และให้นายโทรหาน้าเล็กด้วย เผื่อว่าจะช่วยอะไรนายได้บ้าง?”

หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า เหลียงเฟิงอี้เป็นศัลยแพทย์จะช่วยอะไรเขาได้!

ฉางหลิงดูเหมือนจะเข้าใจในความคิดของหลิงหยุน เธอพูดขึ้นยิ้มๆ “อย่าลืมสิว่าน้าหญิงเป็นศัลยแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำมณฑล ยังไงก็สามารถช่วยแนะนำคนไข้ให้มาหานายได้!”

หลิงหยุนถึงกับอึ้งไป.. และรู้สึกว่าการมีคอนเน็คชั่นก็ดีแบบนี้นี่เอง!

“ได้สิ.. แล้วผมจะโทรหาน้าเล็กของคุณ!”

“เอาล่ะ.. นี่ก็ดึกมากแล้ว ผมส่งคุณกลับบ้านก่อน!”

หลิงหยุนและฉางหลิงต่างก็กลับเข้าไปในห้องโดยสารเรือ และขับเรือยอร์ชกลับเข้าฝั่งไป

หลังจากส่งเรือคืนให้กับเจ้าของร้านแล้ว หลิงหยุนก็เอ่ยปากขอถุงใบใหญ่จากเขาเพื่อมาใส่เจ้าปลาตัวใหญ่ที่หนักกว่าเก้ากิโลกรัมและกำลังดิ้นอยู่นี้ แล้วจึงเอ่ยลาเจ้าของร้าน

ทะเลสาบจิงฉูอยู่ห่างจากหมู่บ้านของฉางหลิงเพียงแค่สี่กิโลเมตร หลิงหยุนขับรถสองสามนาทีก็ไปจอดอยู่หน้าตึกแล้ว

“คุณถือขึ้นไปได้มั๊ย?” หลิงหยุนร้องถาม

“ได้สิ.. ข้างในมีลิฟท์” ฉางหลิงเขินอาย เธอไม่รู้ว่าจะร่ำลาหลิงหยุนอย่างไร

“มาจูบก่อน!” หลิงหยุนพูดยิ้มๆ

“ไม่ได้.. ขืนแม่ฉันมาเห็นเข้า ฉันต้องตายแน่!”

ในยามค่ำคืนดึกดื่นเช่นนี้ ฉางหลิงหน้าแดง และหัวใจเต้นรัวไม่ต่างจากกลอง..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด