Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 565 : หลิงลี่แห่งตระกูลหลิง!

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 565 : หลิงลี่แห่งตระกูลหลิง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร ]

บทที่ 565 : หลิงลี่แห่งตระกูลหลิง!

ภายในตระกูลหลิง กรุงปักกิ่ง..

ราวหนึ่งเดือนก่อนที่หลิงหยุนจะออกเดินทางไปที่เกาะกลางทะเลนั้น หลิงลี่ได้ส่งเหล่ากุ่ยไปที่เมืองจิงฉูเพื่อทำความคุ้นเคย และคอยคุ้มครองหลิงหยุน เพราะเกรงว่าหลิงหยุนอาจจะไม่ยอมรับพวกเขา

เวลานี้ตระกูลหลิงตกต่ำลง หลิงลี่เองก็หวังเพียงแค่ต้องการหาหลิงหยุนให้พบ เพื่อจะได้รับหลานชายของเขาที่พลัดพรากจากกันตั้งแต่เกิดนั้น ให้กลับมาอยู่ในครอบครัวอย่างมีความสุข จากนั้นตัวเขาเองก็จะได้ใช้ชีวิตบั้นปลายด้วยการทำหน้าที่ปู่อย่างสงบสุขต่อไป

แต่เมื่อเหล่ากุ่ยไปถึงเมืองจิงฉู และหลังจากที่ได้พบกับหลิงหยุน หลิงลี่ก็ค่อยๆได้รับรู้ข่าวคราวที่น่าตกใจ และตื่นเต้นเกี่ยวกับหลิงหยุนมากขึ้นเรื่อยๆ!

หลังจากที่ได้ยินเรื่องทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำลึก เรื่องกำลังภายในที่รุดหน้าได้อย่างรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ หรือแม้แต่เรื่องเกี่ยวกับคนรักของหลิงหยุน ทำให้หลิงลี่ถึงกับบนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน!

หลิงหยุนเอาชนะตระกูลซันได้อย่างสง่างามถึงสองครั้งสองครา และแต่ละครั้งก็ได้สังหารคนในตระกูลซันไปมากมาย! ท้ายที่สุดแม้แต่ซันเทียนเปียวก็ถูกหลิงหยุนสังหาร!

แทบไม่ต้องสงสัยว่า.. ตลอดสิบแปดปีมานี้ นี่คือข่าวดีที่สุดและน่ายินดีที่สุดสำหรับหลิงลี่!

หากหลิงหยุนกลับสู่ตระกูลเมื่อใด ดูเหมือนว่าตระกูลหลิงคงจะสามารถกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง!

นี่นับว่าเป็นพรที่สวรรค์มอบให้กับตระกูลหลิงแท้ๆ เช่นนี้แล้วมีหรือที่หลิงลี่จะนิ่งเฉยอยู่ได้!

หลิงลี่อารมณ์ดีจนต้องดื่มฉลองให้กับตัวเองอย่างมีความสุข และวางแผนที่จะแอบไปหาหลานชายของตนเองอย่างเงียบๆ

หลิงลี่แทบจะทนรอต่อไปไม่ได้ เขาได้เตรียมของขวัญไว้ให้กับหลิงหยุน และเก็บมันลงไปในกระเป๋าเดินทาง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ออกเดินทางด้วยซ้ำไป หลิงลี่ก็ได้รับข่าวร้าย!

ลูกชายคนที่สอง – หลิงเย่ว และลูกชายคนที่สาม – หลิงเสี่ยว ได้หายตัวไปทั้งคู่!

ไม่ว่าจะพยายามติดต่ออย่างไรก็ไม่สามารถติดต่อได้ และได้ทำการค้นหาทุกซอกทุกมุมของปักกิ่งแล้วแต่ก็ไม่พบ ทั้งคู่ต่างก็หายเข้ากลีบเมฆ!

หลิงลี่หาหลานชายพบ แต่ลูกชายสองคนกลับมาหายตัวไปพร้อมๆกัน!

แม้โศกนาฏกรรมในครั้งนั้นจะผ่านเลยมาถึงสิบแปดปีแล้ว แต่หลิงลี่รู้ดีว่าศัตรูในอดีต และสายตานับพันคู่ยังคงจับจ้องมาที่คนของตระกุลหลิง!

ในเมื่อลูกชายทั้งสองคนของเขาหายตัวไปไม่ได้ข่าวคราวเช่นนี้ หลิงลี่จะมีแก่ใจไปพบหลิงหยุนซึ่งเป็นหลานชายได้อย่างไรกัน?

หลิงลี่ไม่ลังเลที่จะยกเลิกแผนการเดินทางไปเมืองจิงฉู และรีบเรียกเหล่ากุ่ยให้กลับมาเพื่อปรึกษาหารือกับผู้นำตระกูลหลิงคนปัจจุบัน – หลิงเจิ้น ซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ในตระกูลหลิง

และนี่คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดหลิงลี่จึงยังไม่เดินทางไปจิงฉู และเหล่ากุ่ยก็หายออกจากบ้านของหลิงหยุนไปอย่างกะทันหัน

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หลิงลี่ หลิงเจิ้น และเหล่ากุ่ย รวมทั้งหลิงห่าว ทั้งสี่คนก็ได้ปรึกษาหารือกันอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถคิดออกว่าเหตุใดหลิงเย่วและหลิงเสี่ยวจึงได้หายตัวไป!

หรืออาจเป็นเพราะข่าวคราวเรื่องการตามหาหลิงหยุนได้แพร่สะพัดออกไป? หรืออาจเป็นไปได้ว่าศัตรูของพวกเขาได้มาถึงประตูบ้านโดยที่ไม่มีใครรู้?

ศัตรูอยู่ในที่มืด ตระกูลหลิงอยู่ในที่แจ้ง อาวุโสหลิงเองก็เกรงว่าสมาชิกคนอื่นๆในตระกูลหลิงจะได้รับอันตราย จึงไม่กล้าลงมือทำอะไร นอกจากรอคอยอย่างอดทนอดกลั้น

ตระกูลหลิงไม่เคยได้พบแม่ของหลิงหยุนอีกเลย และตอนนี้หลิงเสี่ยวซึ่งเป็นพ่อของหลิงหยุนกลับมาหายตัวไปอย่างกะทันหันอีก ตอนนี้ไม่มีทั้งพ่อและแม่ แล้วจะทำอย่างไร?

แต่ก็นับว่ายังโชคดีที่เรื่องการหายตัวไปของหลิงเย่วและหลิงเสี่ยวนั้น นอกเหนือจากพวกเขาทั้งสี่คนแล้ว คนอื่นๆในตระกูลไม่ว่าจะเป็นลูกๆ และภรรยาของหลิงเย่วและหลิงเสี่ยว ต่างก็ยังไม่มีใครล่วงรู้เรื่องนี้ รวมทั้งหลิงซวี่ด้วยเช่นกัน

หลิงลี่ไม่ต้องการให้เรื่องนี้ใหญ่โตเกินที่จะควบคุมได้ เขาจึงได้กำชับหลิงเจิ้นว่า ห้ามให้เรื่องนี้แพร่งพรายออกไปอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นก็ต้องถูกฆ่าไม่เว้นแม้แต่คนเดียว!

หากมีคนภายนอกถามหาคนทั้งคู่ ก็ให้บอกไปว่าหลิงเย่วได้วางมือแล้ว ส่วนหลิงเสี่ยวเองก็อยู่ในช่วงทบทวนความผิดของตนเอง

แต่ละวันผ่านไปด้วยความเจ็บปวดที่ทำได้เพียงแค่เฝ้ารอวันเวลา..

จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือน ข่าวคราวของหลิงหยุนที่อยู่จิงฉูก็ดังมาเข้าหูของหลิงลี่เป็นระยะๆ  แต่เขากลับไม่เคยได้ข่าวคราวของลูกชายทั้งสองคนอีกเลย แล้วก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่ไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับหลิงหยุน

หลิงลี่กินไม่ได้นอนไม่หลับ และน้ำหนักลดลงไปหลายกิโลกรัม จึงได้เรียกเหล่ากุ่ยเข้ามาพบเพื่อพูดคุย

ชายชราทั้งคนต่างก็มองเห็นความโกรธ ความเกลียด และความท้อแท้ในแววตาของกันและกัน ภายในห้องของหลิงลี่จึงมีเพียงความเงียบสงัด จนแม้แต่เข็มสักเล่มตกลงพื้นก็คงจะได้ยินอย่างชัดเจน!

ท้ายที่สุด เหล่ากุ่ยจึงป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน น้ำเสียงของเขาแหบห้าวเล็กน้อย “ท่านผู้นำตระกูล นับว่ายังโชคดีที่จนถึงตอนนี้นายน้อยยังไม่ได้รับอันตรายอะไร..”

แต่เสียงตอบกลับของหลิงลี่กลับแหบพร่ายิ่งกว่า อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ

“เจ้าสามทำผิดเมื่อครั้งที่ยังเด็กนัก.. ตั้งแต่นั้นมาตระกูลหลิงของเราก็ถูกจับตามองจากคนแทบทั้งโลก แต่เจ้าสามก็ยอมทอดทิ้งเมียกับลูกแล้ว ยอมแม้กระทั่งทำลายวรยุทธของตัวเอง และตระกูลหลิงเองก็ได้รับความอัปยศในครั้งนั้นมานานถึงสิบแปดปีแล้ว นั่นยังไม่เพียงพออีกงั้นหรือ?!”

“สิบแปดปีที่ผ่านมา?! ต่อให้เจ้าสามรักกับธิดาพรรคมารเป็นความผิดมหันต์ แต่การรับโทษตลอดสิบแปดปีก็น่าจะเพียงพอแล้วไม่ใช่รึ? เหตุใดพวกมันยังต้องจับตามองตระกูลหลิงเช่นนี้อยู่อีก?!”

“ตอนนี้ข้าเพิ่งจะหาหลานชายพบ แต่พวกมันกลับพรากลูกชายของข้าไปถึงสองคน เหล่ากุ่ย.. เจ้าช่วยข้าคิดทีว่าข้าควรทำเช่นไรดี?!”

ความอัปยศที่หลิงลี่ได้รับมาตลอดสิบแปดปี ในที่สุดก็ระเบิดออกมาในวันนี้ เขาถามเหล่ากุ่ยซ้ำไปซ้ำมาด้วยความเจ็บปวด และอัปยศอดสูจากหัวใจ!

เหล่ากุ่ยเป็นเพียงคนเดียวที่หลิงลี่จะพูดความรู้สึกต่างๆที่เก็บซ่อนอยู่ในใจได้ แม้แต่หลิงเจิ้นเขาก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้

หลิงลี่ไม่เชื่อใจลูกชายของตนเอง อีกทั้งตัวเขาเองก็เป็นถึงผู้อาวุโสของตระกูล หากเขาหัวใจสลายไปสักคน ตระกูลหลิงคงต้องสูญสิ้นอย่างแท้จริง!

เหล่ากุ่ยกัดฟันแน่นขณะที่ฟังหลิงลี่ระบายความคับแค้นอดสูที่อัดอั้นอยู่ในใจอย่างเงียบๆ เขารู้ว่าคนอย่างหลิงลี่นั้นยากนักที่จะแสดงออกมาเช่นนี้!

เมื่อสิบแปดปีที่แล้ว ตระกูลหลิงเคยเกือบจะขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลหลง แต่ตอนนี้เพื่อให้ตระกูลหลิงยืนหยัดเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ได้ จึงได้แต่ต้องพึ่งพาลมหายใจของตระกูลหลง และกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของคนอื่นๆ

หลังจากที่ได้ระบายความคับแค้นใจออกไปแล้ว หลิงลี่เองก็เริ่มสงบลง และชายชราที่ภายนอกแข็งแกร่งดั่งเหล็กก็ถึงกับมีน้ำตาไหลออกมา

เหล่ากุ่ยได้แต่ปลอบปะโลม “ท่านผู้นำตระกูล ข้าว่าเรื่องราวอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่ท่านคิดก็เป็นได้”

“ท่านลองคิดดูสิ คุณชายหลิงหยุนอยู่ในจิงฉูก็สบายและปลอดภัยดี สองวันที่แล้วข้ายังได้ข่าวมาว่าเขามีรถหรูเพิ่มมาอีกสิบกว่าคัน และพรุ่งนี้ก็จะเปิดคลินิกแล้ว..”

“อีกอย่าง.. หลิงซวี่ที่ทำงานอยู่กับกลุ่มเทพอินทรีก็ยังปลอดภัยดี และคุณชายอีกสองคนก็สบายดีเช่นกัน ทุกคนก็ปลอดภัยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ..”

“ข้าว่าเรื่องนี้สามารถอธิบายได้เป็นสองประเด็น ประเด็นแรก.. การหายตัวไปของคุณชายสองและคุณชายสามนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องของนายน้อย ส่วนประเด็นที่สอง.. ต่อให้คุณชายทั้งสองถูกจับตัวไปจริง ทั้งคู่ก็น่าจะหาทางเอาชีวิตรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย จึงไม่มีอะไรน่ากังวล”

หลิงลี่จะเป็นอะไรไปไม่ได้ เพราะครั้งนี้หากหลิงลี่ล้มลงอีกคน คุณชายน้อยจะมีโอกาสกลับมารู้จักกับครอบครัวที่ให้กำเนิดตนเองได้อย่างไร? แม่ก็ไม่อยู่แล้ว พ่อก็ยังมาหายตัวไปอีก หากเขาซึ่งเป็นปู่ล้มหายตายจากไปอีกคน หลิงหยุนคงไม่มีทางได้กลับเข้าตระกูลหลิงอย่างแน่นอน!

ดังนั้นแม้ว่าสิ่งที่เหล่ากุ่ยพูดจะไม่ค่อยมีเหตุผลน่าเชื่อถือได้มากนัก แต่อย่างน้อยก็ช่วยปลอบใจของหลิงลี่ให้สงบลงได้บ้าง..

เวลานี้อาวุโสหลิงไม่ต่างจากคนกำลังจมน้ำ คำพูดของเหล่ากุ่ยจึงเปรียบเสมือนขอนไม้ที่เขาคว้าไว้ได้ หลิงลี่เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้า แล้วจึงถามขึ้นว่า

“แล้วเจ้าล่ะ.. เหล่ากุ่ย?”

“ข้าต้องการจะไปเมืองจิงฉูพบกับนายน้อยแทนท่านอีกครั้ง.. หรือท่านต้องการไปพบกับเขาด้วยตัวเอง”

เมื่อหลิงลี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “ไม่ได้! ตอนนี้ตระกูลหลิงกำลังเกิดเรื่องเช่นนี้ ข้าจะมีหน้าไปพบหลิงหยุนได้อย่างไร?”

“อีกอย่าง.. ตอนนี้หลิงหยุนยังปลอดภัยดี และเขาก็เป็นความหวังเดียวในใจของข้า หากหลิงหยุนถูกจับตามองอีกคน และเกิดอะไรขึ้นกับเขา ข้าจะมีหน้าไปพบเจ้าสามกับภรรยาของมันได้อย่างไร?”

สิ่งที่หลิงลี่ไม่ต้องการเห็นที่สุดก็คือการที่หลิงหยุนได้รับอันตราย! แม้ว่าตอนนี้หลิงหยุนจะยังไม่ได้รับการยอมรับในฐานะเครือญาติของตระกูลหลิง แต่อย่างน้อยก็ยังมีหลิงลี่อยู่ทั้งคน

เหล่ากุ่ยส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เขากระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดออกไปว่า “ท่านผู้นำ.. ข้าไม่เห็นด้วยกับความคิดของท่าน!”

“ที่ท่านกังวลเช่นนั้นก็เพราะท่านยังไม่เคยพบกับคุณชายน้อย เขาแตกต่างจากเด็กผู้ชายคนอื่นๆทั่วไปมาก”

ทุกครั้งที่พูดถึงหลิงหยุน เหล่ากุ่ยจะเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข เหล่ากุ่ยพึมพำออกมาเสียงเบา

“คุณชายน้อยมีพรสวรรค์ที่เหนือกว่าใครๆในตระกูล แม้แต่ข้าเองยังเทียบกับเขาไม่ได้เลย!”

“ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศ ความก้าวหน้าในการฝึกวรยุทธที่รุดหน้ารวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ใหนยังจะมีความสามารถด้านอื่นๆอีกมากมายที่น่าอัศจรรย์ใจ อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย แม้แต่ชาวยุทธอย่างเราก็ยากที่จะเทียบได้!”

“ถึงแม้คุณชายน้อยจะเก่งกาจไปแทบทุกเรื่อง แต่ก็ไม่ชอบโอ้อวด และภายใต้ความดุร้ายเย็นชาของคุณชาย จิตใจของเขากลับเปี่ยมไปด้วยเมตตา แม้จะมีอารมณ์ขัน แต่ก็เป็นคนเด็ดขาด และตั้งแต่ข้าได้พบกับนายน้อยมา ข้ายังไม่เคยเห็นเขาพ่ายแพ้ให้แก่ใครเลยสักครั้ง!”

“ข้ามั่นใจว่านายน้อยต้องรู้ว่าตนเองเป็นทายาทตระกูลหลิง และตราบใดที่เขาเต็มใจพร้อมที่จะยอมรับตระกูลของตนเอง เขาจะสามารถนำพาตระกูลหลิงให้ขึ้นจากหล่มนี้จนสามารถขึ้นมาผงาดได้อีกครั้ง”

เหล่ากุ่ยซึ่งเป็นคนพูดน้อย และยากที่จะชื่นชมผู้ใดนั้น กลับเอ่ยชื่นชมหลิงหยุนจนแม้แต่หลิงลี่เองยังรู้สึกประหลาดใจ!

“หลานชายของข้าเก่งเช่นนั้นจริงๆรึ?”

หลิงลี่ยังไม่มั่นใจ และยังเป็นห่วงหลิงหยุนอยู่ไม่น้อยจึงได้พูดออกไปว่า “แต่ตระกูลหลิงมีศัตรูมากมาย แล้วหลิงหยุนก็เพิ่งจะอายุสิบแปดเท่านั้น..”

เหล่ากุ่ยยิ้มอย่างมั่นใจ “ท่านผู้นำ.. ข้าประทับใจในตัวนายน้อยมาก แต่เพื่อความสบายใจของท่าน ข้าขอเวลาหนึ่งเดือน ข้าสัญญาว่าจะพาคุณชายกลับมาพบท่านเอง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด