Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 615 : เปิดใจยอมรับ!

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 615 : เปิดใจยอมรับ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 615 : เปิดใจยอมรับ!

“ไม่จริง.. ไม่มีทางเป็นไปได้!”

“นี่.. นี่คือการเล่นกลใช่มั๊ย?!”

จูหย่งหวังและโหวเย่าจงถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ โหวเย่าจงถึงกับลืมตัวก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าว และชะโงกมองบนศรีษะของมู่หลงเวิ่นฉีที่ตอนนี้ไม่เหลือร่องรอยของแผลเป็นเลยแม้แต่นิดเดียว

หนุ่มเพลย์บอยทั้งสองคนถึงกับยืนงงเป็นไก่ตาแตก..

แต่มู่หลงเฟยจื่อนั้นดูเหมือนจะงุนงงยิ่งกว่า โหวเย่าจงได้เพียงแค่มอง แต่ก็ไม่กล้าเอื้อมมือไปสัมผัสศรีษะมู่หลงเวิ่นฉี ในขณะที่มู่หลงเฟยจื่อกลับลูบคลำศรีษะของมู่หลงเวิ่นฉีอย่างลืมตัว สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจและประหลาดใจ จากนั้นจึงรีบร้องบอกมู่หลงเวิ่นฉีอย่างดีอกดีใจ

“ปู่คะ.. บนศรีษะไม่มีแผลเป็นแล้วค่ะ ปู่รู้สึกยังไงบ้างคะ?!”

แม้จะยังอยู่ในอาการตกใจ แต่หลานสาวสุดที่รักของมู่หลงเวิ่นฉีก็ไม่วายถามถึงความรู้สึกของเขา..

มู่หลงเวิ่นฉียังคงนิ่ง.. จากนั้นจึงยกฝ่ามือขึ้นลูบคลำศรีษะของตนเอง แต่กลับพบว่าแผลเป็นที่น่าเกลียดได้หายไปแล้วจริงๆ เขาจึงได้แต่ตกใจจนแทบพูดอะไรไม่ออก..

“ปู่.. ปู่ดีใจมาก! ไม่มีแผลเป็นแล้วจริงๆใช่มั๊ย?” เสียงร้องของมู่หลงเวิ่นฉีสั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ!

ทันทีที่มู่หลงเฟยจื่อได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจของมู่หลงเวิ่นฉี น้ำตาของเธอก็ถึงกับไหลอาบแก้มทันที..

หลังจากผ่านพ้นอาการบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุครั้งนั้นมาแล้ว นี่เป็นความกังวลเดียวในใจของมู่หลงเวิ่นฉีเท่าที่เธอสังเกตุเห็น ในใจลึกๆมู่หลงเฟยจื่อก็แอบเป็นห่วงว่ามู่หลงเวิ่นฉีจะกังวลใจกับแผลเป็นนี้จนเครียด และล้มป่วยลงอีกครั้ง

แต่ตอนนี้หลิงหยุนกลับช่วยขจัดความกังวลใจในเรื่องนี้ของมู่หลงเวิ่นฉีออกจนหมดสสิ้น ทำให้เขากลับมาเป็นมู่หลงเวิ่นฉีที่มีบุคลิกสง่างามเช่นเดิมอีกครั้ง นับว่าเป็นความเมตตาครั้งยิ่งใหญ่ของหลิงหยุน!

กับเรื่องที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ หลิงหยุนยังสามารถรักษาให้หายได้อย่างง่ายดาย แล้วยังจะต้องลังเลสงสัยในตัวหลิงหยุนอีกหรือว่า จะไม่ใช่คนที่รักษาอาการบาดเจ็บที่ศรีษะให้กับมู่หลงเวิ่นฉีอีก? หากยังคงคิดเช่นนั้นก็นับว่าโง่เขลาสิ้นดี!

เวลานี้เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญสำหรับมู่หลงเฟยจื่ออีกแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความโลภเอาแต่ได้ของหลิงหยุน หรือการไร้ซึ่งจรรยาบรรณแพทย์  หรือความผิดอะไรอีกก็แล้วแต่ของหลิงหยุน.. มันไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว!

หรือแม้หากหลิงหยุนอยากจะยืนจ้องมองหน้าอกของเธอ ก็เชิญจ้องมองได้ตามสบาย!

หลิงหยุนไม่เพียงรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสให้กับปู่ของเธอจนปลอดภัย แต่ยังช่วยลบรอยแผลเป็นบนศรีษะที่เป็นเสมือนสิ่งกวนใจของเขาออกให้ด้วย เช่นนี้แล้วตระกูลมู่หลงไม่เท่ากับว่าติดหนีบุญคุณหลิงหยุนอย่างไม่อาจตอบแทนได้งั้นหรือ?!

เมื่อคิดได้เช่นนี้.. มู่หลงเฟยจื่อก็เดินไปยืนตรงหน้าหลิงหยุน แล้วโค้งกายลงคำนับเขาด้วยความเคารพพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

“หลิงหยุน.. ขอบคุณมาก! ขอบคุณที่กรุณาช่วยท่านปู่! ฉันต้องขอโทษที่เคยเข้าใจคุณผิด เรื่องที่ผ่านมาเป็นความผิดของฉันเอง ได้โปรดอภัยให้ฉันด้วย..”

หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่ามู่หลงเฟยจือจะมายืนโค้งคำนับให้กับเขา เขาจึงรีบโน้มตัวไปข้างหน้าเช่นกันพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“พี่มู่หลง.. ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมก็ได้ แค่คุณไม่โกรธผมก็พอแล้ว! อีกอย่าง.. คุณก็บอกเองว่าผมเป็นแฟนคุณ ผมทำเช่นนี้ก็เป็นการสมควรแล้วไม่ใช่เหรอครับ..?”

มู่หลงเฟยจื่อได้ยินคำพูดของหลิงหยุนก็ถึงกับยืดตัวตรง ดวงตาที่ยังเอ่อไปด้วยน้ำตาจ้องมองหลิงหยุนอย่างโมโห แต่ก็ไม่ปฏิเสธ..

ถังเมิ่งนับถือในตัวหลิงหยุนจริงๆ เขาถึงกับต้องหันหน้าไปมองซ่งเจิ้งหยาง ทั้งสองคนต่างก็มองหน้ากันอย่างเข้าใจ และได้แต่คิดในใจว่า.. ในที่สุดปลาก็ติดเบ็ดหลิงหยุนแล้ว!

หลังจากที่มู่หลงเวิ่นฉีตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน ในสมองของเขานั้นมีความคิดต่างๆผุดขึ้นมาอย่างมากมาย แต่จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า

“หลิงหยุนผู้มีพระคุณของฉัน.. สมกับฉายาหมอเทวดาจริงๆ! ครั้งแรกก็ช่วยชีวิตของฉันไว้ และตอนนี้ก็ช่วยขจัดความกังวลใจให้กับฉันอีก.. ได้โปรดรับการคาราวะจากฉันด้วย..!”

ระหว่างที่พูดมู่หลงเวิ่นฉีก็คุกเข่าลงต่อหน้าหลิงหยุนอย่างไม่มีใครคาดคิด!

และแน่นอนว่าหลิงหยุนไม่อาจยอมรับการคำนับจากมู่หลงเวิ่นฉีได้ เขารีบเอื้อมมือออกไปประคองร่างของอาวุโสมู่หลงไว้ทันที และรีบร้องบอกไปว่า

“ท่านปู่มู่หลง.. อย่าได้ทำเช่นนี้เลยครับ สิ่งที่ผมทำเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย จะให้ผมยอมรับการคำนับจากท่านปู่เช่นนี้ได้ยังไงกัน?!”

แต่มู่หลงเวิ่นฉีกลับไม่ยอม และดึงดันจะคำนับหลิงหยุนให้จงได้ หลิงหยุนจึงได้แต่มองซ่งเจิ้งหยางเพื่อขอความช่วยเหลือ..

ซ่งเจิ้งหยางรีบลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปหามู่หลงเวิ่นฉีพร้อมกับเอ่ยปากพูดทันที “คุณมู่หลง.. อย่าทำให้หลิงหยุนต้องลำบากใจเลย! เมื่อวานที่เป็นวันเปิดคลินิกของหลิงหยุน เขาก็รักษาผู้ป่วยอาการสาหัสใกล้ตายถึงยี่สิบสองคนพร้อมๆกันโดยไม่คิดเงินแม้แต่หยวนเดียว แล้วกับการที่เขาช่วยลบรอยแผลเป็นให้กับคุณเพียงแค่นี้ จะให้เขายอมรับการคาราวะได้ยังไงกัน..”

“อะไรนะ?! เมื่อวานหลิงหยุนเปิดคลินิกงั้นเหรอ?!”

มู่หลงเวิ่นฉีได้ยินก็ถึงกับตกตะลึง และนึกเสียใจอย่างมาก เขายกมือขึ้นตบขาตัวเองดังฉาดพร้อมกับกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ

“นี่เฒ่าซ่ง.. หลิงหยุนเปิดคลินิก เรื่องใหญ่ขนาดนี้คุณไม่คิดจะบอกผมเลยหรือยังไง?!”

ใบหน้าของมู่หลงเวิ่นฉีแดงก่ำเพราะความโกรธ และเริ่มหายใจรุนแรง หลิงหยุนเห็นว่ามู่หลงเวิ่นฉีดูจะโมโหมาก จึงรีบเดินเข้าไปใกล้และแอบใช้นิ้วชี้ถ่ายเทพลังชีวิตลงไปบนร่างกายของเขาเพื่อให้ผ่อนคลายลง

“ตอนนี้ก็รู้แล้วนี่.. เอาน่า.. อย่าเพิ่งโมโห  นั่งลงก่อนเถอะ!”

ซ่งเจิ้งหยางหัวเราะพร้อมกับพยุงมู่หลงเวิ่นฉีกลับไปนั่งที่เก้าอี้ แล้วพูดขึ้นว่า “นี่คุณมู่หลง.. ผมเองก็เพิ่งจะรู้วันนี้ว่าคุณรู้จักกับหลิงหยุน แล้วจะให้ผมทำยังไง? หลิงหยุนเชิญผมไปงานเปิดคลินิกก็จริง แต่ผมก็ไม่รู้มาก่อนนี่ว่าหลิงหยุนเป็นผู้มีพระคุณของคุณ คุณเองก็ไม่เคยบอกผม!”

ไม่ช้าก็เร็ว.. ซ่งเจิ้งหยางต้องหาโอกาสคุยทับมู่หลงเวิ่นฉีในเรื่องที่เขารู้จักกับหลิงหยุนอยู่ก่อน และเมื่อได้โอกาสจึงไม่รีรอที่จะรีบบอกไป

ถังเมิ่งยิ้มพร้อมกับขยิบตาให้กับซ่งเจิ้งหยางซึ่งดูจะเป็นคนขี้เล่นไม่น้อย!

‘รักษาคนไข้ใกล้ตายถึงยี่สิบสองคน แต่ไม่เก็บเงินแม้แต่หยวนเดียวงั้นเหรอ?’

มู่หลงเฟยจื่อได้ฟังถึงกับใจเต้นแรง.. เธอจ้องมองหลิงหยุนด้วยดวงตาเป็นประกายพร้อมกับครุ่นคิดอยู่เงียบๆ

‘นี่เขาไม่ได้โลภมากอย่างที่คิด แล้วยังมีจรรยาบรรณแพทย์อีกด้วยหรือนี่! ส่วนเรื่องทะลึ่งลามก.. ผู้ชายทุกคนก็เป็นแบบนี้ มีผู้ชายคนใหนบ้างไม่ทะลึ่ง แล้วก็ไม่ลามก?!’

ตอนนี้ไม่มีใครสนใจสองหนุ่มเพลย์บอยอีกเลย ส่วนหลิงหยุนก็กลายเป็นดาวที่เจิดจรัสอยู่กลางห้อง และทุกคนต่างก็อยากจะโน้มตัวลงทำความเคารพ!

“เรื่องใหญ่แบบนี้ฉันไม่รู้ได้ยังไงกัน?! ของขวัญวันเปิดคลินิกของหลิงหยุนฉันก็ไม่ได้นำไปให้ นี่มัน.. แล้วฉันจะมีหน้าไปพบใครๆได้! เฮ้อ..”

มู่หลงเวิ่นฉีได้แต่อารมณ์เสียพร้อมกับตบเข่าอย่างหงุดหงิดอยู่หลายครั้ง ในใจนั้นนึกเสียใจอย่างที่สุด!

หลิงหยุนจึงรีบพูดปลอบใจ  “ท่านปู่มู่หลง.. อย่าไปฟังลุงซ่งกระเซ้าเย้าแหย่เลยครับ! ผมแค่เปิดคลินิกเล็กๆ เพียงแต่เกิดเหตุฉุกเฉินกะทันหัน และควบคุมไม่ได้ก็เท่านั้นเอง..”

ซ่งเจิ้งหยางหัวเราะพร้อมกับพูดต่อว่า  “นี่คุณมู่หลง.. จะอารมณ์เสียไปทำไมกัน? หลิงหยุนก็เพิ่งจะเปิดคลินิกเมื่อวานนี้เอง  ถ้าอยากจะให้ของขวัญหลิงหยุนจริงๆ  ให้ตอนนี้เลยก็ได้นี่ เจ้าตัวก็อยู่ตรงหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอ?”

ระหว่างที่พูดซ่งเจิ้งหยางก็แอบขยิบตาส่งสัญญาณให้กับมู่หลงเวิ่นฉี..

มู่หลงเวิ่นฉีจึงนึกขึ้นได้ว่า.. ในเมื่อหลิงหยุนก็อยู่ต่อหน้าเขาแล้ว ก็อาศัยโอกาสนี้มอบของขวัญให้กับหลิงหยุนเลยก็แล้วกัน!

แต่ที่นี่เป็นห้องทำงานของมู่หลงเวิ่นฉี ภายในห้องก็ไม่มีของล้ำค่าอะไร  และเขาเองก็ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน!

ระหว่างที่มู่หลงเวิ่นฉีกำลังครุ่นคิดเรื่องของขวัญอยู่นั้น หลิงหยุนก็ถึงกับขมวดคิ้วและหันไปพูดกับซ่งเจิ้งหยางว่า

“ลุงซ่งครับ.. นี่ไม่เท่ากับเป็นการบังคับให้ท่านปู่มู่หลงมอบของขวัญให้กับผมหรอกหรือ? ผมมาที่นี่เพื่อจัดการธุระสามเรื่องของตัวเองเท่านั้น ตอนนี้ทุกอย่างก็เสร็จสิ้นแล้ว ผมยังมีธุระต้องรีบไปทำต่อ ขอตัวกลับก่อนนะครับ!”

พูดจบ.. หลิงหยุนก็ก้าวเท้าเดินออกไปข้างหน้าทันที โดยไม่เหลียวมองเช็คที่วางอยู่บนโต๊ะเลยแม้แต่น้อย

แต่เขาก็รู้ดีว่า.. ต่อให้เขาทิ้งเช็คไว้ที่นี่  มู่หลงเฟยจื่อก็ต้องนำกลับไปคืนเขาอยู่ดี!

หลิงหยุนไม่ใช่คนโง่!  นี่เป็นชั้นเชิงทางจิตวิทยา.. เรียกว่าการซื้อใจ!

ถังเมิ่งรีบวิ่งตามหลิงหยุนไปติดๆ ในขณะที่ซ่งเจิ้งหยางกลับนั่งนิ่ง เขารู้ว่ามู่หลงเวิ่นฉีฉลาดพอที่จะไม่ยอมให้หลิงหยุนก้าวออกไปจากห้อง!

และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ มู่หลงเวิ่นฉีเห็นหลิงหยุนก้าวเท้าเดินออกมา ก็รีบเข้าไปจับแขนของหลิงหยุนไว้ แม้กระทั่งมู่หลงเฟยจื่อก็รีบเข้าไปยืนขวางหน้าหลิงหยุนไว้ทันทีเช่นกัน สายตาของเธอที่จ้องมองหลิงหยุนนั้น ราวกับจะท้าทายว่า – ถ้ากล้าเดินออกไปก็ต้องข้ามศพเธอไปก่อน!

“หลิงหยุน..  เธอนั่งลงก่อน! เอ่อ.. เฒ่าซ่ง คุณออกไปข้างนอกกับผมหน่อย..”

“เฟยจื่อ.. หลานรีบไปเตรียมชาชั้นดีให้หลิงหยุนก่อน แล้วปู่จะรีบกลับมา..”

มู่หลงเวิ่นฉีกระวีกระวาดพาหลิงหยุนไปนั่งลงบนโซฟา และส่งสายตาให้กับซ่งเจิ้งหยางอย่างมีนัยยะ และทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องไป

เมื่อทั้งคู่ออกไปข้างนอกแล้ว จากนั้นมู่หลงเวิ่นฉีก็เอื้อมมือไปจับแขนซ่งเจิ้งหยางพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“เฒ่าซ่ง.. คุณรีบช่วยผมคิดหน่อยสิ! จะให้อะไรเป็นของขวัญกับหลิงหยุนดีจึงจะเหมาะสม?”

ซ่งเจิ้งหยางรู้อยู่แล้วว่ามู่หลงเวิ่นฉีต้องเรียกเขาออกมาถามเรื่องนี้ จึงได้แต่พูดออกไปว่า

“เรื่องนี้อย่ามาถามผม.. ผมตอบคุณไม่ได้หรอก!”

“แต่ผมก็พอจะมีข้อมูลให้คุณไปตัดสินใจเอง..”

“ข้อมูลอะไร?!” มู่หลงเวิ่นฉีถามอย่างงุนงง

“เมื่อวานในงานวันเปิดคลินิกของหลิงหยุน มีทั้งนักธุรกิจชั้นนำของจิงฉู และคนดังไปร่วมแสดงความยินดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นท่านเสี่ยวหมอเทวดา ผู้บังคับบัญชากองทัพหลินเจิ้งกัง นักข่าวคนสวยอย่างหลี่ยี่เฟิง แล้วก็มีผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงถังเทียนห่าว แล้วก็นักธุรกิจที่ร่ำรวยอย่างเฉิงเทียน..”

“ของขวัญที่พวกเขาให้ก็มี…”  ซ่งเจิ้งหยางแจกแจงอย่างละเอียด

“จริงเหรอนี่?!” มู่หลงเวิ่นฉีได้ยินก็ถึงกับตกใจจนแทบช็อค!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด