Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 619 : กว้านซื้อหินพลังชีวิต!

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 619 : กว้านซื้อหินพลังชีวิต! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 619 : กว้านซื้อหินพลังชีวิต!

เพียงแค่น้ำลายมังกรที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตสองหยดนี้สัมผัสเข้ากับพื้นผิวของหินมังกรเขียว มันก็ซึมเข้าไปในผิวของหินก้อนนั้นอย่างไร้ร่องรอยทันที

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลิงหยุนก็รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างซึ่งแม้จะบางเบา และเกิดขึ้นเพียงแค่วูบเดียว แต่มันก็ชัดเจนจนหลิงหยุนสามารถสัมผัสได้!

‘ของดีจริงๆด้วย! มันเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย!’ ความคิดแรกของหลิงหยุนผุดขึ้นมาทันทีหลังจากที่หายตกตะลึง

‘ข้าต้องได้หินมังกรเขียวก้อนนี้ไปครอบครองให้ได้ ต่อให้ต้องใช้เงินมากมายถึงสองร้อยล้าน ห้าร้อยล้าน หรือแม้แต่เป็นพันล้านก็ยอม!’

หลิงหยุนตื่นเต้นมากจนถึงกับต้องถอนหายใจออกมา เขารู้สึกราวกับมีก้อนอะไรบางอย่างติดอยู่ที่ลำคอ หลังจากกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาก็เริ่มการทดสอบต่อ..

เขาเรียกขวดน้ำแร่ในแหวนพื้นที่ออกมาทันที และจัดการเปิดฝาออก แล้วสาดน้ำในขวดไปที่หินมังกรเขียวก้อนมหึมานั้น

หินมังกรเขียวเปียกไปด้วยน้ำแร่  น้ำใสๆที่อยู่บนพื้นผิวของหินค่อยๆไหลลงสู่พื้น แต่กลับไม่ซึมซับเข้าไปในเนื้อหินเช่นเดียวกับน้ำลายมังกร

“หินมังกรเขียวก้อนนี้ดูดซับเฉพาะน้ำลายมังกรเท่านั้นจริงๆด้วย..!”

หลิงหยุนโยนขวดน้ำแร่ในมือทิ้งไป และใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างสัมผัสกับก้อนหินเย็นฉ่ำก้อนมหึมานี้

หินก้อนนี้มีชื่อว่า ‘หินมังกรเขียว’ ฐานของหินมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงสามเมตร และเป็นสีเขียวเข้มทั้งก้อน ตั้งหระหง่านอยู่แต่ก็ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก

หลังจากสัมผัสอยู่ครู่หนึ่ง  หลิงหยุนจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหัวมังกรที่ดูราวกับมีชีวิตนั้น คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันระหว่างที่ครุ่นคิดว่าจะต้องทำเช่นไรเซียนหยกจึงจะยอมขายสมบัติประจำร้านชิ้นนี้ให้กับเขา

หลิงหยุนนับว่าเป็นปรมาจารย์ในการสร้างค่ายกลต่างๆ เขาจึงรู้ดีว่าตำแหน่งที่ตั้งของหินมหึมาก้อนนี้นั้น ไม่ได้ถูกนำมาจัดวางไว้ตามใจชอบ หรือด้วยความบังเอิญแต่อย่างใด ศรีษะของมังกรที่หันหน้าไปทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบจิงฉูอย่างเหมาะเจาะนั้น เห็นได้ชัดว่าต้องทำตามคำแนะนำของผู้ชำนาญการด้านฮวงจุ้ยอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกันนั้นเอง หลายคนเห็นว่าหลิงหยุนยังคงไม่ไปยังลานพนันหินซึ่งกำลังครึกครื้นเสียที แต่ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าหินมังกรเขียวตามลำพัง จึงพากันไปล้อมรอบหลิงหยุนไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า เขากำลังพินิจพิจารณาดูอะไรในหินก้อนนั้นกันแน่

“นี่หลิงหยุน.. มัวทำอะไรอยู่? จะทำการวิจัยหินก้อนนี้หรือยังไง?”

มู่หลงเฟยจื่อเห็นหลิงหยุนยังคงยืนนิ่งไม่ขยับอยู่นาน  จึงวิ่งตามมาและร้องถามขึ้น..

หลิงหยุนหันกลับไปมองมู่หลงเฟยจื่อพร้อมกับยิ้มมุมปากก่อนจะตอบไปว่า “ผมไม่ได้จะวิจัยหินอะไรหรอก ผมแค่อยากจะซื้อหินก้อนนี้..”

ทันทีที่มู่หลงเฟยจื่อได้ยิน ริมฝีปากรูปสวยของเธอก็ถึงกับอ้ากว้าง และรีบยกมือขึ้นปิดปากไว้ทันที

“ห๊ะ! นี่หลิงหยุน.. หินก้อนใหญ่นี้นอกจากรูปร่างที่เหมือนมังกรแล้ว ก็ไม่มีความพิเศษอะไรเลย คุณอยากจะซื้อไปทำไมกัน?!”

มู่หลงเฟยจื่อร้องถามอย่างตกใจ และได้แต่คิดในใจว่าหลิงหยุนผิดปกติหรือเปล่า? เขาดูไม่สนใจหยก หรือมรกต แต่กลับสนใจที่จะซื้อหินก้อนมหึมาไร้ประโยชน์ก้อนนี้

ยิ่งไปกว่านั้น.. ต่อให้หลิงหยุนจะชื่นชอบและอยากจะซื้อมากเพียงใด เซียนหยกก็ไม่มีทางยอมขายให้เขาอย่างแน่นอน!

หินมังกรเขียวก้อนนี้ถูกนำขึ้นมาจากใต้น้ำ และเซียนพนันก็นำกลับมาตั้งที่นี่นานถึงห้าปีแล้ว แม้ว่าเขาจะต้องเสียเงินไปถึงสองร้อยล้านหยวน แต่มันก็นำโชคมาให้กับธุรกิจของเซียนหยกอย่างมากเลยทีเดียว  อีกทั้งเวลานี้เซียนหยกก็ไม่ได้ร้อนเงิน เขาจะยอมขายมันได้อย่างไรกัน?

มู่หลงเฟยจื่อพูดอะไรไม่ออก เพราะในเมื่อหลิงหยุนต้องการจะซื้อ เธอก็คงห้ามไม่ได้! ยิ่งไปกว่านั้น..  นี่เป็นเพียงครั้งที่สองที่เธอกับเขาได้พบกัน ทั้งคู่จึงยังไม่ได้มีความสนิทสนมกันมากนัก

“ต่อให้คุณต้องการซื้อไว้จริงๆ  เซียนหยกก็ไม่มีทางยอมขายให้ เมื่อสองปีที่แล้วมีคนมากมายมาที่หออวี้ติงเซวียนเพื่อของซื้อหินมังกรเขียว และให้ราคาสูงถึงสี่ร้อยล้านหยวนซึ่งแพงกว่าเดิมถึงสองเท่า แต่เซียนหยกยังไม่ยอมขายเลย!”

มู่หลงเฟยจื่อร้องบอกหลิงหยุนตามที่เธอได้รู้มา..

หลิงหยุนครุ่นคิดก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย “ขอให้ผมคุยกับเขาดูก่อน  แต่ถ้าเขาไม่ยอมขายจริงๆ ก็คงทำอะไรไม่ได้..”

มู่หลงเฟยจื่อเห็นท่าทางและน้ำเสียงของหลิงหยุน จึงล้มเลิกที่จะเกลี้ยกล่อมเขา และเปลี่ยนเรื่องคุย

“นี่.. มาที่นี่เพราะจะมาพนันหินไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้กำลังครึกครื้นมากเลย ท่านปู่กับลุงซ่งก็กำลังเลือกกันใหญ่เลย คุณไม่ไปดูหน่อยเหรอ?”

หลิงหยุนไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรคือการพนันหิน และก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เขามาที่ตลาดค้าของเก่าแห่งนี้ก็เพื่อมาทำกากว้านซื้อหินพลังชีวิต จึงไม่ต้องการเสียเวลากับเรื่องไร้สาระเหล่านี้

หลิงหยุนชี้ไปที่กองหินรอบๆตัวพร้อมกับเอ่ยถามมู่หลงเฟยจื่อว่า “พี่เฟยจื่อ.. หินมากมายก่ายกองพวกนี้ หออวี้ติงเซวียนมีไว้ขายหรือไม่ขายกันแน่?”

มู่หลงเฟยจื่อมองหลิงหยุนพร้อมกับถอนหายใจ และพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก “คำก็พี่ สองคำก็พี่.. นี่ฉันดูแก่ขนาดนั้นเลยหรือไง?”

หลิงหยุนได้ฟังถึงกับหัวเราะและตอบกลับไปว่า “ไม่เลย.. คุณไม่แก่เลยสักนิด! ผิวพรรณยังขาวละเอียดราวกับผลึกแก้ว เพียงแต่ผมอายุน้อยกว่า ก็ต้องเรียกคุณว่าพี่ถึงจะถูกไม่ใช่หรือไง? หรืออยากจะผมให้เรียกคุณว่าน้องสาวแทน?”

มู่หลงเฟยจื่อค้อนขวับใส่หลิงหยุนทันทีแล้วจึงตอบกลับไปว่า “เรียกพี่เหมือนเดิมก็ได้?! นอกจากหินมังกรเขียวก้อนนั้นแล้ว ถ้ามีเงินก็ซื้อหินภายในหออวี้ติงเซวียนได้หมดนั่นล่ะ!”

“ไปดูกันดีกว่า.. อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว! มีคนนำหยกมาวางขายมากมาย หินที่วางขายอยู่ที่นี่ ก็ไม่ใช่ของหออวี้ติงเซวียนทั้งหมดหรอก..”

หลิงหยุนถามขึ้นอย่างงงๆ “ผมคิดว่าของที่วางขายอยู่นี้เป็นของหออวี้ติงเซวียนทั้งหมดซะอีก!”

มู่หลงเฟยจื่ออธิบายยิ้มๆ “เหตุผลหนึ่งที่ทำให้หออวี้ติงเซวียนมีการพนันหินที่ครึกครื้นที่สุด ก็เพราะมีลานด้านหลังที่ใหญ่โตมโหฬาร คนที่เคยขายเปิดขายหินขายหยกอยู่ตามร้านของตัวเองต่างก็พากันมาเช่าพื้นที่ขายของในวันอาทิตย์ที่มีการพนันหิย ฉันเองก็เคยเลือกหยกได้จากการมาพนันหินที่นี่เหมือนกัน แล้วก็ได้กำไรอย่างมากเลยทีเดียว..”

“อ่อ..  ที่แท้ก็เป็นการปล่อยพื้นที่ให้เช่านี่เอง..”

หลิงหยุนพยักหน้ารับรู้ แล้วจึงเดินออกจากบริเวณหินมังกรเขียวไปที่ลานพนันหิน

“นี่.. คอยฉันด้วยสิ!” มู่หลงเฟยจื่อร้องตะโกนไล่หลังหลิงหยุนพร้อมกับวิ่งไล่ตามเขาไป

หลิงหยุนไปถึงที่ลานพนันหิน ก็พบซ่งเจิ้งหยางกำลังเลือกดูหินอยู่พอดี เขาจึงกระซิบว่า “ลุงซ่งครับ ผมมาที่นี่วันนี้ไม่ได้มาเพื่อพนันหิน แต่ต้องการมาหาซื้อหินบางชนิดกลับไปเท่านั้น ไม่ทราบว่าคุณลุงพอจะเรียกให้ใครสักคนตามผมไปเลือกหินได้มั๊ยครับ..”

ซ่งเจิ้งหยางเลือกหินไปได้หลายก้อนแล้ว มีทั้งเล็กและใหญ่ และมีรูปร่างแตกต่างกัน ขณะที่หลิงหยุนพูดนั้นเขาก็ได้ใช้เนตรหยิน-หยางเหลือบมองหินกองนั้น

‘เยี่ยมมากจริงๆ!’

ตอนนี้เนตรหยิน-หยางของหลิงหยุนสามาถมองทะลุเข้าไปด้านในของหินได้ถึงสามเซ็นติเมตรแล้ว สำหรับหินที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางราวเจ็ดหรือแปดเซนติเมตรนั้น หลิงหยุนจึงสามารถมองเห็นด้านในของก้อนหินได้อย่างชัดเจน และเพียงกวาดตาดูแค่ครั้งเดียว หลิงหยุนก็พบว่าหินที่ซ่งเจิ้งหยางเลือกมาทั้งหมดห้าก้อนนั้น มีสามก้อนที่ด้านในเป็นสีเขียวทั้งหมด และแน่นอนว่ามันคือหยก!

แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่รู้ว่าซ่งเจิ้งหยางมีวิธีพนันหินได้แม่นยำเช่นนี้ได้อย่างไร?  แต่หากเขาใช้เพียงแค่มือเปล่าเพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้หลิงหยุนตกใจได้อย่างมากเลยทีเดียว

ประสบการณ์ และความเป็นมืออาชีพ! ซ่งเจิ้งหยางมีครบ และระหว่างที่เขาเลือกหินแต่ละก้อนนั้น ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยความมั่นใจและภูมิอกภูมิใจ

ซ่งเจิ้งหยางยังคงวุ่นวายอยู่กับการเลือกคัดหินต่ออีกสักครู่ เพื่อให้หลิงหยุนได้เห็นและไม่ประเมินค่าเขาต่ำจนเกินไป แล้วจึงหันมาพูดกับหลิงหยุนว่า

“ได้สิ. เดี๋ยวฉันจะสั่งให้คนของหออวี้ติงเซวียนตามเธอไปเลือกหินนะ แต่หลังจากเลือกได้แล้ว เธออย่าเพิ่งไปพนันอะไรกับใครล่ะ รอให้ฉันมาช่วยเธอดูก่อน..”

จากนั้นหลิงหยุนก็ไม่สนใจที่จะอยู่ที่บริเวณลานพนันหินต่อ เขาเดินออกไปสำรวจลานด้านหลังพร้อมกับพนักงานของร้านทันที

มู่หลงเฟยจจื่อเห็นหลิงหยุนเดินออกไปเช่นนั้น เธอก็รู้สึกโมโหมาก และกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่คิดที่จะตามเขาไปอีก จึงยืนอยู่ที่ลานพนันหินดูมู่หลงเวิ่นฉีเลือกหินแทน แต่สายตาก็เอาแต่มองตามร่างของหลิงหยุนไป

ได้เวลาที่หลิงหยุนจะกว้านซื้อหินพลังชีวิตแล้ว เขาเริ่มใช้จิตหยั่งรู้ขั้นสุดสำรวจหาหินพลังชีวิตที่เข้มข้นทันที

“ก้อนนี้ดีมากทีเดียว..”

“ผมขอก้อนนี้.. แล้วก็ก้อนนี้ด้วย..”

หลังจากเดินไปได้ราวยี่สิบเมตร หลิงหยุนก็เลือกหินพลังชีวิตมาได้ถึงหกหรือเจ็ดก้อนจนเต็มมือของพนักงานหมด และไม่ว่าเดินผ่านไปที่ใด  หากสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตหลิงหยุนก็จะเดินตามไปหาทันที

หลิงหยุนซื้อหินไปหลายก้อนมากแล้ว  แต่ดูเหมือนจะยังไม่พอใจ เขาหันไปพูดกับพนักงานว่า “ผมว่าคุณไปหารถเข็นมาใส่จะดีกว่า คุณถือไม่ไหวหรอก!”

พนักงานถึงกับงุนงง เขาทำงานมาที่นี่หลายปี แต่กลับไม่เคยเห็นคนอย่างหลิงหยุนมาก่อน หลิงหยุนไม่เพียงไม่ดูน้ำหนักของหิน ไม่ใช้แว่นขยาย และไม่มีแม้แต่เครื่องไม้เครื่องมือในการที่จะใช้คัดเลือกหินหยก แต่กลับเลือกเอาแต่หินธรรมดาๆไป!

“คุณหลิงครับ.. ผมอยากจะเตือนคุณว่า หากคุณเลือกหินแบบนี้  คุณต้องขาดทุนอย่างแน่นอน! เพราะดูจากหินที่คุณเลือกแล้ว.. รับรองได้ว่าข้างในต้องไม่มีสีเขียวอย่างแน่นอน!”

“ขอบคุณสำหรับคำเตือน.. แต่คุณช่วยไปหารถเข็นมาใส่หินจะดีกว่า!”

พนักงานของหออวี้ติงเซวียนไปจัดการหารถเข็นมาให้หลิงหยุนใช้บรรทุกหิน  หลิงหยุนรับมายิ้มๆ และเริ่มทำการสำรวจต่อ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลิงหยุนและพนักงานต่างก็เดินไปได้ถึงหนึ่งในสามของลานอวี้ติงเซวียนทั้งหมด และตอนนี้ภายในรถเข็นของหลิงหยุนก็เต็มไปด้วยหินรูปร่างแปลกประหลาดมากมาย และพนักงานก็เริ่มแสดงท่าทีว่าไม่อยากเข็นต่อ

“คุณมีหินตั้งมากมายแล้ว ยังจะเลือกต่ออีกเหรอครับ..?”

หลิงหยุนเห็นว่าพนักงานดูเหมือนจะไม่ต้องการติดตามเขาไปเลือกซื้อหินต่อ จึงได้แต่หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แต่ขณะที่หลิงหยุนกำลังจะเข็นรถกลับไปที่ลานพนันหินนั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นหินสีดำก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางราวครึ่งเมตรได้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด