Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 685

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 685 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 685 : เนตรปีศาจ!
เกาเทียนหลงถึงกับหัวใจแตกสลายแต่หลิงหยุนกลับยังคงมีท่าทีสงบนิ่งเช่นเคย และหลังจากที่สังหารแวมไพร์ทั้งหกตนไปแล้ว เขาก็ยกกระบี่โลหิตแดนใต้ขึ้นดู..
ตอนนี้แวมไพร์ทั้งสองตนที่อยู่ตรงหน้าหลิงหยุนนั้นคนหนึ่งคือปู่ ส่วนอีกคนก็คือพ่อของเกาเทียนหลง ทั้งคู่ได้กลายเป็นแวมไพร์และตกเป็นบริวารของเกาเทียนแล้ว แต่แน่นอนว่าหลิงหยุนไม่คิดที่จะทำร้ายพวกเขาทั้งคู่อย่างแน่นอน..
ปู่ของเกาเทียนหลงนั้นมีชื่อว่าเกาจิ้นสงส่วนพ่อของเขาชื่อว่าเกาซิงฉาง ทั้งคู่ต่างก็เป็นยอดฝีมือ เกาจิ้นสงนั้นอยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นเซียงเทียน-4 ส่วนเกาซิงฉางนั้นอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-1 และเวลานี้เกาซิงฉางก็เป็นทั้งหัวหน้าครอบครัว และผู้นำตระกูลเกาคนปัจจุบัน
หลิงหยุนไม่ลังเลที่จะใช้จิตหยั่งรู้จับตามองพวกเขาทั้งคู่ไว้ในเวลเดียวกันก็ใช้เนตรหยิน-หยางสังเกตุดูอาการของพวกเขาทั้งคู่อย่างละเอียดละออด้วย
“ไม่นะ..”
หลิงหยุนจ้องมองแววตาที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณของพวกเขาอยู่นานและในที่สุดก็ร้องอุทานออกมาอย่างสงสัย..
หลิงหยุนได้ยินมาจากเจสเตอร์กับพอลว่าหากแวมไพร์ตนใดได้ดื่มเลือดของแวมไพร์ผู้เป็นนายไปแล้ว ก็จะไม่มีอะไรสามารถทำลายล้างได้ หลังจากนั้นแวมไพร์ตนนั้นก็จะกลายเป็นบริวารที่จงรักภักดีต่อเจ้านายของมันอย่างมาก และตราบใดที่เจ้านายของมันยังไม่ตาย มันก็จะจงรักภักดีไปชั่วชีวิต และไม่ยอมทรยศต่อเจ้านายโดยเด็ดขาด
แต่ถึงแม้จะจงรักภักดีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสูญสิ้นซึ่งจิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์ หรืออุปนิสัยเดิมไปจนหมดเสียเลย..
แม้กระทั่งจิมกับเจสเตอร์หรือแม้กระทั่งพอลเองก็ตาม พวกเขาต่างก็มีจิตวิญญาณและอุปนิสัยในแบบดั้งเดิมของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการพูด หรืออุปนิสัยก็แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีความชอบและหวาดกลัวแตกต่างกันไปด้วย
แต่ตอนนี้..ทั้งเกาจิ้นสงและเกาซิงฉางต่างก็ดูราวกับซากศพที่เดินได้ อีกทั้งยังดูเหมือนกับว่าได้ถูกทำให้จิตวิญญาณเดิมหายไปด้วย
“ท่านปู่ท่านพ่อ.. ทำไมพวกท่านถึงไม่พูดไม่จา ข้าเทียนหลงยังไงล่ะ! ข้ากับหลิงหยุนมาช่วยพวกท่านแล้ว นี่เกิดอะไรขึ้นกับพวกท่านกันแน่?”
หลังจากที่เกาเทียนหลงได้สติ..เขาก็เริ่มพบว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น เพราะเมื่อครั้งที่เขากลับมาจากกรมครั้งแรกนั้น เกาจิ้นสงและเกาซิงฉางยังไม่เป็นแบบนี้ พวกเขาเพียงแค่เฉยชากับเกาเทียนหลง และไม่กล้าปรากฏตัวในที่ที่มีแสงอาทิตย์เท่านั้น
แต่ตอนนี้..ทั้งคู่กลับจ้องมองเกาเทียนหลงราวกับไม่เคยรู้จักเขามาก่อน!
“หลิงหยุน..นี่..นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ข้าควรทำอย่างไรดี?!” เกาเทียนหลงถึงกับตื่นตระหนกอย่างมาก และรีบหันไปถามหลิงหยุนทันที
สีหน้าของหลิงหยุนเคร่งเครียดเขาร้องถามเจสเตอร์ซึ่งอยู่ข้างหลังโดยไม่หันไปมอง “เจสเตอร์.. นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดพวกเขาทั้งคู่จึงดูไร้จิตวิญญาณเช่นนี้!?”
“โอ้..ไม่นะ! เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางเป็นไปได้!”
เจสเตอร์พึมพำออกมาราวกับคนเสียสติปากของเขาพร่ำพูดแต่ว่า “เป็นไปไม่ได้.. เขาไม่ควรแข็งแกร่งได้รวดเร็วขนาดนี้!”
พอลเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกันเขายกมือขึ้นชี้ไปทางเกาจิ้นสงและเกาซิงฉางพร้อมกับร้องออกมาว่า
“เจ้านายที่เคารพ..นี่มันคือเนตรปีศาจ! มีเพียงแวมไพร์ที่พัฒนาแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถใช้เนตรปีศาจนี้ได้.. แย่แล้ว! เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่น่าก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ทำไมเขาถึงได้ก้าวหน้าเร็วแบบนี้?!”
แวมไพร์ที่พัฒนาจนเข้าสู่ขั้นสูงได้แล้วนั้นจะสามารถบังคับเหยื่อให้ออกมาจากบ้าน หรือสถานที่ที่ปลอดภัย และไปให้พวกมันฆ่าถึงที่โดยไม่มีท่าทีต่อต้านแม้แต่น้อย คล้ายๆกับการสะกดจิต!
และความสามารถเช่นนี้ของแวมไพร์จะเรียกว่า..เนตรปีศาจ!
เนตรปีศาจนั้นเมื่อฝึกฝนไปจนถึงระดับหนึ่งจะสามารถสะกดจิตและแม้แต่ควบคุมความคิดและพฤติกรรมของมนุษย์ได้ และสามารถทำลายจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์เดิมได้อีกด้วย อีกทั้งยังทำให้พวกมันกลายมาเป็นข้าทาสบริวารที่ซื่อสัตย์ของแวมไพร์ตนนั้นได้
นอกเหนือจากแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์แล้วเป็นไปได้ที่มนุษย์ธรรมดาที่ตกเป็นบริวารของแวมไพร์จะสามารถขึ้นมาเป็นถึงไวเคานต์ได้ แต่แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เนตรปีศาจ..แต่เฉินเจี้ยนกุ่ยกลับมีพลังของเนตรปีศาจ!
หากเป็นเช่นนี้ย่อมหมายความว่าหลังจากที่เฉินเจี้ยนกุ่ยกลับมาที่ประเทศจีนได้เพียงแค่สองเดือน เขาก็สามารถขึ้นสู่ไวเค้านต์ได้แล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พอลกับเจสเตอร์จะตกใจอย่างมากกับความก้าวหน้าที่รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อนี้!
“เนตรปีศาจงั้นรึ!”
คิ้วของหลิงหยุนขมวดเข้าหากันแน่นริมฝีปากเม้นและสีหน้าเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ในใจได้แต่นึกเป็นห่วงเกาเฉินเฉินมากยิ่งขึ้น
พรึบ..พรึบ..
แทบไม่ต้องรอให้เกาเทียนหลงตอบเกาจิ้งสงและเกาซิงฉางที่อยู่ตรงหน้าก็กระโดดเข้าหาหลิงหยุนและคนอื่นๆทันที จนทั้งสี่คนต้องกระโดดถอยหนีทันที!
“ทุกคนถอยออกไปก่อน!”
หลิงหยุนตะโกนสั่งและเสียงของเกาเทียนหลงก็ดังสวนกลับมาทันที “หลิงหยุน.. อย่าทำร้ายพวกเขา!”
เกาเทียนหลงเกรงว่าหลิงหยุนจะสังหารแวมไพร์ทั้งสองตนซึ่งเป็นปู่กับพ่อของตนเองจึงรีบร้องเตือน แต่หลิงหยุนตอบสวนกลับมาทันที..
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเตือนข้า!”
หลิงหยุนตอบกลับไปทันทีเช่นกันเพราะหากเขาสังหารปู่และพ่อของเกาเฉินเฉินไปแล้ว ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะช่วยเกาเฉินเฉินออกมาอีก..
อ๊าก..
เสียงกรีดร้องดังขึ้นหลิงหยุนปะทะกับเกาจิ้นสงกลางอากาศ หลิงหยุนรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ในขั้นเซียงเทียน-4 จึงไม่ได้โคจรดาราคุ้มกายถึงขั้นสุด เพราะนั่นอาจจะทำให้เกาจิ้นสงถึงแก่ความตายได้..
หลังจากที่ปะทะกับหลิงหยุนแล้วร่างของเกาจิ้นสงก็ถึงกับกระเด็นถอยหลังกลับไป.. แต่หลิงหยุนกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆแม้แต่น้อย หลังจากที่ร่างของเขาร่วงลงสู่พื้นแล้ว ก็เคลื่อนที่ไปด้านหน้า และไปหยุดอยู่หน้าเกาจิ้นสง จากนั้นหลิงหยุนจึงฟาดฝ่ามือลงไปที่ร่างของเกาจิ้นสงทันที
นี่คือยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนที่กลายเป็นแวมไพร์จึงยากนักที่หลิงหยุนจะเอาชนะทั้งสองคนได้ง่ายๆเหมือนเช่นแวมไพร์อย่างเจสเตอร์กับพอล.. มันแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!
และผลจากการทดสอบก็ทำให้หลิงหยุนถึงกับตกใจสุดขีด!
เกาจิ้นสงนั้นมีพละกำลังมากขึ้นกว่าเดิมและตอนนี้พละกำลังของเขาก็เทียบเท่ากับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-5 ส่วนเกาซิงฉางที่อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-1 นั้น ก็มีพละกำลังเพิ่มขึ้นเท่ากันยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-2 เช่นเดียวกับเหล่ากุ่ย!
นี่ย่อมหมายความว่าผู้ที่ฝึกบ่มเพาะกำลังภายในนั้น หากกลายเป็นแวมไพร์แล้ว จะมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขั้น! และนี่เป็นเพียงความแข็งแกร่งในขั้นที่ยังไม่กลายร่างเท่านั้น!
หลิงหยุนรู้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนไม่ต่างจากซากศพเดินได้เมื่อโจมตีก็จะใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีของตนเอง และจะไม่มีการออมมืออย่างเด็ดขาด..
“หลิงหยุน..เจ้าไม่เป็นไรใช่มั๊ย!”
เกาเทียนหลงที่เห็นหลิงหยุนไม่ยอมหลบในขณะที่ทั้งปู่และพ่อของเขาต่างก็พุ่งโจมตีใส่หลิงหยุนเขาเองก็ถึงกับตกใจจนแทบช็อค และรู้สึกเป็นห่วงหลิงหยุนอย่างมาก
“ข้าไม่เป็นไร..”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยทั้งหมดทั้งมวลที่หลิงหยุนทำไปนั้น เขาทำไปเพื่อหาข้อมูลเตรียมตัวสำหรับจัดการกับคนชั่วช้าอย่างเฉินเจี้ยนกุ่ย เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องรู้เขารู้เราก่อนที่จะลงมือสู้กับคนชั่วช้าเช่นนั้นจริงๆ
แต่ถึงกระนั้น..หลิงหยุนก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้เมื่อพบว่า ภายในร่างกายของเกาจิ้นสงและเกาซิงฉางต่างก็มีพลังชี่หมุนเวียนอยู่ในร่างกาย!
หากในร่างกายของคนทั้งคู่มีพลังชี่เคลื่อนที่อยู่เช่นนี้นั่นย่อมหมายความว่าจุดตันเถียนของคนทั้งคู่ก็ยังมีอยู่เช่นกัน และจุดฝังเข็มตามเส้นลมปราณต่างๆก็ต้องยังคงอยู่ด้วย หากเป็นเช่นนี้ หลิงหยุนก็ย่อมสามารถใช้วิธีจี้จุดกับพวกเขาได้..
การที่ทั้งคู่ยังคงมีพลังชี่หมุนเวียนอยู่ในร่างนั้นอาจเป็นเพราะว่าทั้งคู่ฝึกฝนกำลังภายในจนเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้แล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะทั้งคู่เป็นชาวเอเชีย หรืออาจเป็นเพราะทั้งคู่พึ่งจะกลายเป็นแวมไพร์ได้ไม่นาน.. หลิงหยุนเองก็ไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงเช่นกัน!
แต่สิ่งหนึ่งที่หลิงหยุนคิดได้ก็คือ..อาจเป็นไปได้ว่าทั้งเกาจิ้นสงและเกาซิงฉางที่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียนแล้วทั้งคู่นั้น หลังจากที่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน เส้นลมปราณเหยินและเส้นลมปราณตูของทั้งคู่ได้เชื่อมถึงกันแล้ว และได้บรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ ร่างกายของทั้งคู่จึงแตกต่างกว่าร่างกายของคนธรรมดาทั่วไปมาก
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงหยุนก็ใช้มังกรพรางร่างและวิชาเงาลวงตา สร้างภาพลวงตาขึ้น ส่วนร่างจริงก็วิ่งเข้าใส่เกาจิ้นสงและเกาซิงฉาง
“เสร็จข้าล่ะ!”
หลิงหยุนจัดการจี้จุดสองสามจุดของทั้งสองคนอย่างรวดเร็วหลังจากจัดการจี้จุดแล้ว ร่างของหลิงหยุนก็กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมที่เคยเป็นเงาลวงตาอยู่!
ด้วยระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-9วิชาเงาลวงตาของหลิงหยุนจึงพัฒนาขึ้นตามไปด้วย!
จากนั้นเกาเทียนหลงเจสเตอร์ และพอลต่างก็ตกใจเมื่อเห็นเกาจิ้นสงและเกาซิงฉางดิ้นรนไปมาเล็กน้อยก่อนจะอ่อนยวบ แล้วทรุดลงกับพื้นทันที..
“ดูเหมือนว่า..เหล่าแวมไพร์จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนที่เป็นมนุษย์” หลิงหยุนจ้องมองไปยังร่างที่กองอยู่กับพื้นพร้อมกับพึมพำเบาๆ
เกาเทียนหลงจ้องมองปู่และพ่อของตนเองที่ทรุดลงกับพื้นแล้วรีบพุ่งไปหาหลิงหยุนทันที
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ไม่มีอะไร.. ข้าแค่จี้จุดพวกเขาสองสามจุดเท่านั้น ไม่เช่นนั้นพวกเราจะต้องมีปัญหาแน่ๆ..”
หลิงหยุนใช้เชือกที่ทำจากผ้าไหมทองคำมัดร่างของเกาจิ้นสงและเกาซิงฉางไว้จึงยากที่ทั้งคู่จะดิ้นหลุดได้..
เมื่อเกาเทียนหลงได้ยินเขาก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังไม่คลายกังวลนัก จึงรีบตรงเข้าไปหาปู่และพ่อของตนเองที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้น เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ยังมีลมหายใจอยู่ จึงค่อยรู้สึกโล่งใจ..
หลิงหยุนค่อยๆเดินตรงเข้าไปหาและสังเกตุคนทั้งคู่อย่างละเอียดลออเช่นกัน จากนั้นจึงหันไปสั่งพอลกับเจสเตอร์
“พวกเจ้าสองคนช่วยข้าเฝ้าพวกเขาไว้ให้ดีถ้าเกิดอะไรผิดพลาด พวกเจ้าตายแน่!”
“ครับ..เจ้านายที่เคารพ!”
พอลกับเจสเตอร์เมื่อได้เห็นความสามารถของหลิงหยุนอีกครั้งก็ถึงกับอึ้งไป และได้แต่เชื่อโดยสนิทใจว่าหลิงหยุนต้องเป็นซานตานอย่างแน่นอน
“ข้าจะไปช่วยคนที่เหลือออกมาก่อน!”
หลิงหยุนบอกกับเกาเทียนหลงแล้วร่างของเขาก็หายวับเข้าไปภายในบ้านทันที และไม่นานก็ช่วยคนที่เหลือออกมาได้หมด หลิงหยุนจัดการจี้จุดทุกคน และมัดคนทั้งหมดไว้รวมกัน
หลังจากที่ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูภายในบ้านแล้วเมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตหลงเหลืออยู่อีกแล้ว จึงออกมาบอกกับเกาเทียนหลงว่า
“ข้าช่วยคนที่ยังมีชีวิตมาได้เจ็ดคนส่วนที่เหลืออีกเป็นสิบนั้น เป็นร่างที่ไร้วิญญาณไปหมดแล้ว เจ้าต้องการจะไปดูหรือไม่”
หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับเกรงว่าเกาเทียนหลงจะไม่สามารยอมรับได้..
“อะไรนะ!”
หลังจากที่ได้ยินคำบอกเล่าของหลิงหยุนเกาเทียนหลงก็ถึงกับอึ้งไปทันที และไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อีก ใบหน้าของเขาซีดเผือดและล้มลงก้นกระแทกพื้นทันที!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 685

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 685 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 685 : เนตรปีศาจ!
เกาเทียนหลงถึงกับหัวใจแตกสลายแต่หลิงหยุนกลับยังคงมีท่าทีสงบนิ่งเช่นเคย และหลังจากที่สังหารแวมไพร์ทั้งหกตนไปแล้ว เขาก็ยกกระบี่โลหิตแดนใต้ขึ้นดู..
ตอนนี้แวมไพร์ทั้งสองตนที่อยู่ตรงหน้าหลิงหยุนนั้นคนหนึ่งคือปู่ ส่วนอีกคนก็คือพ่อของเกาเทียนหลง ทั้งคู่ได้กลายเป็นแวมไพร์และตกเป็นบริวารของเกาเทียนแล้ว แต่แน่นอนว่าหลิงหยุนไม่คิดที่จะทำร้ายพวกเขาทั้งคู่อย่างแน่นอน..
ปู่ของเกาเทียนหลงนั้นมีชื่อว่าเกาจิ้นสงส่วนพ่อของเขาชื่อว่าเกาซิงฉาง ทั้งคู่ต่างก็เป็นยอดฝีมือ เกาจิ้นสงนั้นอยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นเซียงเทียน-4 ส่วนเกาซิงฉางนั้นอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-1 และเวลานี้เกาซิงฉางก็เป็นทั้งหัวหน้าครอบครัว และผู้นำตระกูลเกาคนปัจจุบัน
หลิงหยุนไม่ลังเลที่จะใช้จิตหยั่งรู้จับตามองพวกเขาทั้งคู่ไว้ในเวลเดียวกันก็ใช้เนตรหยิน-หยางสังเกตุดูอาการของพวกเขาทั้งคู่อย่างละเอียดละออด้วย
“ไม่นะ..”
หลิงหยุนจ้องมองแววตาที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณของพวกเขาอยู่นานและในที่สุดก็ร้องอุทานออกมาอย่างสงสัย..
หลิงหยุนได้ยินมาจากเจสเตอร์กับพอลว่าหากแวมไพร์ตนใดได้ดื่มเลือดของแวมไพร์ผู้เป็นนายไปแล้ว ก็จะไม่มีอะไรสามารถทำลายล้างได้ หลังจากนั้นแวมไพร์ตนนั้นก็จะกลายเป็นบริวารที่จงรักภักดีต่อเจ้านายของมันอย่างมาก และตราบใดที่เจ้านายของมันยังไม่ตาย มันก็จะจงรักภักดีไปชั่วชีวิต และไม่ยอมทรยศต่อเจ้านายโดยเด็ดขาด
แต่ถึงแม้จะจงรักภักดีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสูญสิ้นซึ่งจิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์ หรืออุปนิสัยเดิมไปจนหมดเสียเลย..
แม้กระทั่งจิมกับเจสเตอร์หรือแม้กระทั่งพอลเองก็ตาม พวกเขาต่างก็มีจิตวิญญาณและอุปนิสัยในแบบดั้งเดิมของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการพูด หรืออุปนิสัยก็แตกต่างกัน อีกทั้งยังมีความชอบและหวาดกลัวแตกต่างกันไปด้วย
แต่ตอนนี้..ทั้งเกาจิ้นสงและเกาซิงฉางต่างก็ดูราวกับซากศพที่เดินได้ อีกทั้งยังดูเหมือนกับว่าได้ถูกทำให้จิตวิญญาณเดิมหายไปด้วย
“ท่านปู่ท่านพ่อ.. ทำไมพวกท่านถึงไม่พูดไม่จา ข้าเทียนหลงยังไงล่ะ! ข้ากับหลิงหยุนมาช่วยพวกท่านแล้ว นี่เกิดอะไรขึ้นกับพวกท่านกันแน่?”
หลังจากที่เกาเทียนหลงได้สติ..เขาก็เริ่มพบว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น เพราะเมื่อครั้งที่เขากลับมาจากกรมครั้งแรกนั้น เกาจิ้นสงและเกาซิงฉางยังไม่เป็นแบบนี้ พวกเขาเพียงแค่เฉยชากับเกาเทียนหลง และไม่กล้าปรากฏตัวในที่ที่มีแสงอาทิตย์เท่านั้น
แต่ตอนนี้..ทั้งคู่กลับจ้องมองเกาเทียนหลงราวกับไม่เคยรู้จักเขามาก่อน!
“หลิงหยุน..นี่..นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ข้าควรทำอย่างไรดี?!” เกาเทียนหลงถึงกับตื่นตระหนกอย่างมาก และรีบหันไปถามหลิงหยุนทันที
สีหน้าของหลิงหยุนเคร่งเครียดเขาร้องถามเจสเตอร์ซึ่งอยู่ข้างหลังโดยไม่หันไปมอง “เจสเตอร์.. นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดพวกเขาทั้งคู่จึงดูไร้จิตวิญญาณเช่นนี้!?”
“โอ้..ไม่นะ! เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางเป็นไปได้!”
เจสเตอร์พึมพำออกมาราวกับคนเสียสติปากของเขาพร่ำพูดแต่ว่า “เป็นไปไม่ได้.. เขาไม่ควรแข็งแกร่งได้รวดเร็วขนาดนี้!”
พอลเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกันเขายกมือขึ้นชี้ไปทางเกาจิ้นสงและเกาซิงฉางพร้อมกับร้องออกมาว่า
“เจ้านายที่เคารพ..นี่มันคือเนตรปีศาจ! มีเพียงแวมไพร์ที่พัฒนาแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถใช้เนตรปีศาจนี้ได้.. แย่แล้ว! เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่น่าก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ทำไมเขาถึงได้ก้าวหน้าเร็วแบบนี้?!”
แวมไพร์ที่พัฒนาจนเข้าสู่ขั้นสูงได้แล้วนั้นจะสามารถบังคับเหยื่อให้ออกมาจากบ้าน หรือสถานที่ที่ปลอดภัย และไปให้พวกมันฆ่าถึงที่โดยไม่มีท่าทีต่อต้านแม้แต่น้อย คล้ายๆกับการสะกดจิต!
และความสามารถเช่นนี้ของแวมไพร์จะเรียกว่า..เนตรปีศาจ!
เนตรปีศาจนั้นเมื่อฝึกฝนไปจนถึงระดับหนึ่งจะสามารถสะกดจิตและแม้แต่ควบคุมความคิดและพฤติกรรมของมนุษย์ได้ และสามารถทำลายจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์เดิมได้อีกด้วย อีกทั้งยังทำให้พวกมันกลายมาเป็นข้าทาสบริวารที่ซื่อสัตย์ของแวมไพร์ตนนั้นได้
นอกเหนือจากแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์แล้วเป็นไปได้ที่มนุษย์ธรรมดาที่ตกเป็นบริวารของแวมไพร์จะสามารถขึ้นมาเป็นถึงไวเคานต์ได้ แต่แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะได้เนตรปีศาจ..แต่เฉินเจี้ยนกุ่ยกลับมีพลังของเนตรปีศาจ!
หากเป็นเช่นนี้ย่อมหมายความว่าหลังจากที่เฉินเจี้ยนกุ่ยกลับมาที่ประเทศจีนได้เพียงแค่สองเดือน เขาก็สามารถขึ้นสู่ไวเค้านต์ได้แล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พอลกับเจสเตอร์จะตกใจอย่างมากกับความก้าวหน้าที่รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อนี้!
“เนตรปีศาจงั้นรึ!”
คิ้วของหลิงหยุนขมวดเข้าหากันแน่นริมฝีปากเม้นและสีหน้าเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ในใจได้แต่นึกเป็นห่วงเกาเฉินเฉินมากยิ่งขึ้น
พรึบ..พรึบ..
แทบไม่ต้องรอให้เกาเทียนหลงตอบเกาจิ้งสงและเกาซิงฉางที่อยู่ตรงหน้าก็กระโดดเข้าหาหลิงหยุนและคนอื่นๆทันที จนทั้งสี่คนต้องกระโดดถอยหนีทันที!
“ทุกคนถอยออกไปก่อน!”
หลิงหยุนตะโกนสั่งและเสียงของเกาเทียนหลงก็ดังสวนกลับมาทันที “หลิงหยุน.. อย่าทำร้ายพวกเขา!”
เกาเทียนหลงเกรงว่าหลิงหยุนจะสังหารแวมไพร์ทั้งสองตนซึ่งเป็นปู่กับพ่อของตนเองจึงรีบร้องเตือน แต่หลิงหยุนตอบสวนกลับมาทันที..
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเตือนข้า!”
หลิงหยุนตอบกลับไปทันทีเช่นกันเพราะหากเขาสังหารปู่และพ่อของเกาเฉินเฉินไปแล้ว ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะช่วยเกาเฉินเฉินออกมาอีก..
อ๊าก..
เสียงกรีดร้องดังขึ้นหลิงหยุนปะทะกับเกาจิ้นสงกลางอากาศ หลิงหยุนรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นอยู่ในขั้นเซียงเทียน-4 จึงไม่ได้โคจรดาราคุ้มกายถึงขั้นสุด เพราะนั่นอาจจะทำให้เกาจิ้นสงถึงแก่ความตายได้..
หลังจากที่ปะทะกับหลิงหยุนแล้วร่างของเกาจิ้นสงก็ถึงกับกระเด็นถอยหลังกลับไป.. แต่หลิงหยุนกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆแม้แต่น้อย หลังจากที่ร่างของเขาร่วงลงสู่พื้นแล้ว ก็เคลื่อนที่ไปด้านหน้า และไปหยุดอยู่หน้าเกาจิ้นสง จากนั้นหลิงหยุนจึงฟาดฝ่ามือลงไปที่ร่างของเกาจิ้นสงทันที
นี่คือยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนที่กลายเป็นแวมไพร์จึงยากนักที่หลิงหยุนจะเอาชนะทั้งสองคนได้ง่ายๆเหมือนเช่นแวมไพร์อย่างเจสเตอร์กับพอล.. มันแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!
และผลจากการทดสอบก็ทำให้หลิงหยุนถึงกับตกใจสุดขีด!
เกาจิ้นสงนั้นมีพละกำลังมากขึ้นกว่าเดิมและตอนนี้พละกำลังของเขาก็เทียบเท่ากับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-5 ส่วนเกาซิงฉางที่อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-1 นั้น ก็มีพละกำลังเพิ่มขึ้นเท่ากันยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-2 เช่นเดียวกับเหล่ากุ่ย!
นี่ย่อมหมายความว่าผู้ที่ฝึกบ่มเพาะกำลังภายในนั้น หากกลายเป็นแวมไพร์แล้ว จะมีพละกำลังเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งขั้น! และนี่เป็นเพียงความแข็งแกร่งในขั้นที่ยังไม่กลายร่างเท่านั้น!
หลิงหยุนรู้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนไม่ต่างจากซากศพเดินได้เมื่อโจมตีก็จะใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีของตนเอง และจะไม่มีการออมมืออย่างเด็ดขาด..
“หลิงหยุน..เจ้าไม่เป็นไรใช่มั๊ย!”
เกาเทียนหลงที่เห็นหลิงหยุนไม่ยอมหลบในขณะที่ทั้งปู่และพ่อของเขาต่างก็พุ่งโจมตีใส่หลิงหยุนเขาเองก็ถึงกับตกใจจนแทบช็อค และรู้สึกเป็นห่วงหลิงหยุนอย่างมาก
“ข้าไม่เป็นไร..”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยทั้งหมดทั้งมวลที่หลิงหยุนทำไปนั้น เขาทำไปเพื่อหาข้อมูลเตรียมตัวสำหรับจัดการกับคนชั่วช้าอย่างเฉินเจี้ยนกุ่ย เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องรู้เขารู้เราก่อนที่จะลงมือสู้กับคนชั่วช้าเช่นนั้นจริงๆ
แต่ถึงกระนั้น..หลิงหยุนก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้เมื่อพบว่า ภายในร่างกายของเกาจิ้นสงและเกาซิงฉางต่างก็มีพลังชี่หมุนเวียนอยู่ในร่างกาย!
หากในร่างกายของคนทั้งคู่มีพลังชี่เคลื่อนที่อยู่เช่นนี้นั่นย่อมหมายความว่าจุดตันเถียนของคนทั้งคู่ก็ยังมีอยู่เช่นกัน และจุดฝังเข็มตามเส้นลมปราณต่างๆก็ต้องยังคงอยู่ด้วย หากเป็นเช่นนี้ หลิงหยุนก็ย่อมสามารถใช้วิธีจี้จุดกับพวกเขาได้..
การที่ทั้งคู่ยังคงมีพลังชี่หมุนเวียนอยู่ในร่างนั้นอาจเป็นเพราะว่าทั้งคู่ฝึกฝนกำลังภายในจนเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้แล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะทั้งคู่เป็นชาวเอเชีย หรืออาจเป็นเพราะทั้งคู่พึ่งจะกลายเป็นแวมไพร์ได้ไม่นาน.. หลิงหยุนเองก็ไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงเช่นกัน!
แต่สิ่งหนึ่งที่หลิงหยุนคิดได้ก็คือ..อาจเป็นไปได้ว่าทั้งเกาจิ้นสงและเกาซิงฉางที่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียนแล้วทั้งคู่นั้น หลังจากที่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน เส้นลมปราณเหยินและเส้นลมปราณตูของทั้งคู่ได้เชื่อมถึงกันแล้ว และได้บรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ ร่างกายของทั้งคู่จึงแตกต่างกว่าร่างกายของคนธรรมดาทั่วไปมาก
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงหยุนก็ใช้มังกรพรางร่างและวิชาเงาลวงตา สร้างภาพลวงตาขึ้น ส่วนร่างจริงก็วิ่งเข้าใส่เกาจิ้นสงและเกาซิงฉาง
“เสร็จข้าล่ะ!”
หลิงหยุนจัดการจี้จุดสองสามจุดของทั้งสองคนอย่างรวดเร็วหลังจากจัดการจี้จุดแล้ว ร่างของหลิงหยุนก็กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมที่เคยเป็นเงาลวงตาอยู่!
ด้วยระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-9วิชาเงาลวงตาของหลิงหยุนจึงพัฒนาขึ้นตามไปด้วย!
จากนั้นเกาเทียนหลงเจสเตอร์ และพอลต่างก็ตกใจเมื่อเห็นเกาจิ้นสงและเกาซิงฉางดิ้นรนไปมาเล็กน้อยก่อนจะอ่อนยวบ แล้วทรุดลงกับพื้นทันที..
“ดูเหมือนว่า..เหล่าแวมไพร์จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนที่เป็นมนุษย์” หลิงหยุนจ้องมองไปยังร่างที่กองอยู่กับพื้นพร้อมกับพึมพำเบาๆ
เกาเทียนหลงจ้องมองปู่และพ่อของตนเองที่ทรุดลงกับพื้นแล้วรีบพุ่งไปหาหลิงหยุนทันที
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ไม่มีอะไร.. ข้าแค่จี้จุดพวกเขาสองสามจุดเท่านั้น ไม่เช่นนั้นพวกเราจะต้องมีปัญหาแน่ๆ..”
หลิงหยุนใช้เชือกที่ทำจากผ้าไหมทองคำมัดร่างของเกาจิ้นสงและเกาซิงฉางไว้จึงยากที่ทั้งคู่จะดิ้นหลุดได้..
เมื่อเกาเทียนหลงได้ยินเขาก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ยังไม่คลายกังวลนัก จึงรีบตรงเข้าไปหาปู่และพ่อของตนเองที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้น เมื่อเห็นว่าทั้งคู่ยังมีลมหายใจอยู่ จึงค่อยรู้สึกโล่งใจ..
หลิงหยุนค่อยๆเดินตรงเข้าไปหาและสังเกตุคนทั้งคู่อย่างละเอียดลออเช่นกัน จากนั้นจึงหันไปสั่งพอลกับเจสเตอร์
“พวกเจ้าสองคนช่วยข้าเฝ้าพวกเขาไว้ให้ดีถ้าเกิดอะไรผิดพลาด พวกเจ้าตายแน่!”
“ครับ..เจ้านายที่เคารพ!”
พอลกับเจสเตอร์เมื่อได้เห็นความสามารถของหลิงหยุนอีกครั้งก็ถึงกับอึ้งไป และได้แต่เชื่อโดยสนิทใจว่าหลิงหยุนต้องเป็นซานตานอย่างแน่นอน
“ข้าจะไปช่วยคนที่เหลือออกมาก่อน!”
หลิงหยุนบอกกับเกาเทียนหลงแล้วร่างของเขาก็หายวับเข้าไปภายในบ้านทันที และไม่นานก็ช่วยคนที่เหลือออกมาได้หมด หลิงหยุนจัดการจี้จุดทุกคน และมัดคนทั้งหมดไว้รวมกัน
หลังจากที่ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูภายในบ้านแล้วเมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตหลงเหลืออยู่อีกแล้ว จึงออกมาบอกกับเกาเทียนหลงว่า
“ข้าช่วยคนที่ยังมีชีวิตมาได้เจ็ดคนส่วนที่เหลืออีกเป็นสิบนั้น เป็นร่างที่ไร้วิญญาณไปหมดแล้ว เจ้าต้องการจะไปดูหรือไม่”
หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับเกรงว่าเกาเทียนหลงจะไม่สามารยอมรับได้..
“อะไรนะ!”
หลังจากที่ได้ยินคำบอกเล่าของหลิงหยุนเกาเทียนหลงก็ถึงกับอึ้งไปทันที และไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อีก ใบหน้าของเขาซีดเผือดและล้มลงก้นกระแทกพื้นทันที!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+