Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 693

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 693 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 693 : ชัยชนะในสนามต่อสู้
  หลิงหยุนร่ายรำเพลงกระบี่นวสังหารพร้อมกับเดินพลังหยินบริสุทธิ์ไปทั่วร่างกายหลิงหยุนถ่ายเทพลังหยินบริสุทธิ์เข้าสู่ตัวกระบี่ และเปลี่ยนกระบี่ในมือของตนเองให้มีอุณหภูมิที่ติดลบซึ่งจะเป็นฝันร้ายของเหล่าแวมไพร์เลยทีเดียว ครั้งนี้เขาไม่เปิดโอกาสให้เฉินเจี้ยนกุ่ยได้มีโอกาสหนีรอดแน่..!
  ไม่น่าเชื่อว่าเหล่าแวมไพร์ที่อาศัยอยู่แต่ในที่มืดนั้นจะไม่ชอบและถึงขั้นเกลียดกลัวความหนาวเย็นเช่นนี้ ซึ่งไม่ต่างจากวิสัยของค้างคาว.. ในฤดูหนาวนั้นมีใครเคยพบเห็นค้างคาวออกมาบินเพ่นพ่านอยู่นอกถ้ำบ้าง
  กระบี่ในมือของหลิงหยุนนั้นทั้งดุดันและยากที่จะต้านทานแม้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยจะใช้พลังขั้นสุดของตนเองแล้ว ก็ยังยากที่จะต้านทานความรุนแรงของหลิงหยุนได้ และด้วยความเย็นที่ติดลบ ทำให้ความสามารถในการหลบหลีกของเฉินเจี้ยนกุ่ยใช้การได้ไม่ดีนัก อีกทั้งแต่ละดาบที่ฟาดฟันลงมานั้นก็มุ่งหมายเพื่อเอาชีวิต!
  หลิงหยุนต้องการจบเกมนี้ด้วยชัยชนะเท่านั้น!
  แต่ถึงกระนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ไม่ใช่หมูในอวยเช่นกันแม้ว่าเลือดในตัวของมันจะเริ่มแข็งตัว แต่เฉินเจี้ยนกุ่ยก็ได้ใช้วิชาโลหิตมารทำให้เลือดภายในตัวมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ในขณะที่สองมือก็ต้องยกดาบขึ้นรับกระบี่ที่หมายเอาชีวิตของหลิงหยุน!
  “รับมือได้ไม่เลวนี่..แต่แกพลาดแล้วเจ้าโง่!”
  หลิงหยุนเย้ยหยันด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและจู่ๆมือข้างซ้ายของเขาก็ปรากฏกระบี่อ่อนขึ้นมาเล่มหนึ่ง มันกวัดแกว่งไปมาราวกับมังกรเต้นรำ!
  -สะบั้นนิมิต-
  -พิชิตไร้เงา-
  -เผาลนจิตใจ-
  -ขับไสวิญญาณ-
  -ห้ำหั่นสวรรค์-
  -สังหารชีวิต-
  -จิตนิ่งดั่งหินผา-
  -นภาสังหาร-
  -ผลาญเทวะ-
  -นวสังหาร-
  และนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนใช้เพลงกระบี่นวสังหารครบทั้งสิบกระบวนท่านับตั้งแต่กลับออกมาจากเกาะเตียวหยูในครั้งนั้น
  เฉินเจี้ยนกุ่ยถึงกับต้องพ่นลมออกจากปากด้วยความโมโหถึงแม้ว่าในมือของเขาจะถือดาบพายุอยู่ก็ตาม แต่เพลงกระบี่นวสังหารของหลิงหยุนนั้นทั้งรวดเร็วและล้ำลึกจนยากที่จะต้านทานได้ง่ายๆ
  ระหว่างที่เป็นฝ่ายตั้งรับการจู่โจมของหลิงหยุนนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ไม่ลืมที่จะหลบหลีกปีกของเขาจากการโจมตีของหลิงหยุนเช่นกัน มันรู้ดีว่าเป้าหมายของหลิงหยุนนั้นคือปีกที่ใหญ่โตของตัวเอง!
  แคว๊ก..
  เสียงคล้ายกับเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้นและเฉินเจี้ยนกุ่ยก็กรีดร้องออกมา หลังจากที่เฉินเจี้ยนกุ่ยรับมือหลิงหยุนได้เพียงเจ็ดกระบวนท่า ในที่สุดก็พ่ายแพ้ให้กับสามกระบวนท่าสุดท้าย
  กระบี่มังกรขาวในมือของหลิงหยุนนั้นๆไม่ต่างจากมังกรสีขาวที่มีชีวิต และกำลังบินวนอยู่รอบๆกายของเฉินเจี้ยนกุ่ย และในสามกระบวนท่าสุดท้าย ปีกใหญ่โตของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ถูกหลิงหยุนฟันขาด ไม่เพียงเท่านั้น.. มือทั้งสองข้างของมันยังถูกกระบี่ของหลิงหยุนตัดขาดเช่นกัน!
  เฉินเจี้ยนกุ่ยสูญเสียปีกได้สูญเสียมือทั้งสองข้างได้.. แต่มันต้องต่อสู้ปกป้องจุดสำคัญของตนเองอย่างสุดชีวิต จุดแรกคือที่ลำคอ และจุดที่สองคือหัวใจ! จุดสำคัญทั้งสองจุดนี้ เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่มีวันยอมให้เกิดอันตรายใดๆขึ้นอย่างเด็ดขาด..
  ในที่สุดเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่เรียกว่าอยู่ระหว่างความเป็นความตายและเมื่อความเย็นจากกระบี่ของหลิงหยุนค่อยๆลดลง เฉินเจี้ยนกุ่ยจึงสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วขึ้น มันจึงกระโดดถอยหลังออกห่างจากหลิงหยุนไปไกลถึงสามสิบเมตร
  หลิงหยุนไม่รีบร้อนที่จะตามไปมากนักเขารีบก้มลงเก็บกระบี่สีดำที่ตกอยู่บนพื้นเข้าไปไว้ในแหวนพื้นที่เสียก่อน จากนั้นจึงยกกระบี่มังกรขาว และกระบี่โลหิตแดนใต้ที่อยู่ในมือชี้ไปทางเฉินเจี้ยนกุ่ยซึ่งกำลังบาดเจ็บสาหัสพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
  “เจ้าหนู..เจ้าบอกจะดีกว่าว่าตอนนี้เกาเฉินเฉินอยู่ที่ใหน แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยที่ตอนนี้ไม่มีทั้งปีกและมือ เหลือเพียงเขี้ยวยาวทั้งสองข้างงอกออกมา เพราะเล็บที่แหลมคมของมันก็ถูกตัดทิ้งไปพร้อมกับมือแล้ว ในสายตาของหลิงหยุนเวลานี้ เฉินเจี้ยนกุ่ยจึงไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น
  เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่สามารถทนอยู่ในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้ได้แน่..มันต้องการใช้ความสามารถในการงอกอวัยวะของแวมไพร์สร้างปีกและมือขึ้นมาใหม่ให้เร็วที่สุด แต่ในเมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ จะสามารถฟื้นตัวโดยเร็วได้อย่างไรกัน
  แต่หลิงหยุนก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้!เพราะแม้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ แต่บาดแผลของมันกลับไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว ซึ่งแตกต่างจากพอลกับเจสเตอร์..
  “เจ้า..กระบี่อ่อนในมือของเจ้าโผล่มาจากใหน!”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยร้องถามออกมาด้วยความหวาดผวาพร้อมกับชี้แขนที่ไร้มือไปทางกระบี่มังกรขาวที่อยู่ในมือซ้ายของหลิงหยุน
  ไม่ว่าใครก็ตามที่ไม่รู้เรื่องแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนนั้นหากได้ประมือกับหลิงหยุนครั้งแรก ก็มักจะพ่ายแพ้ให้กับเขาได้ง่ายๆ เพราะจากที่สู้กันด้วยมือเปล่า แต่จู่ๆกลับมีกระบี่เล่มยาวโผล่ออกมา เช่นนี้แล้วใครกันเล่าจะหลบได้ทันท่วงที!
  ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-9 แล้ว ความเร็วในการเคลื่อนที่นั้นแทบไม่ต้องพูดถึง อีกทั้งยังมีกระบี่สองเล่มที่คมกริบอยู่ในมือ จึงไม่น่าแปลกใจที่เฉินเจี้ยนกุ่ยจะพ่ายแพ้ให้แก่เขา
  แววตาของเฉินเจี้ยนกุ่ยเต็มไปด้วยความประหลาดใจเขานึกเสียใจที่ไม่ได้กลายร่างขั้นสมบูรณ์ หากเขากลายร่างได้ทันเวลา ทั้งความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว และคงไม่พ่ายแพ้ยับเยินเช่นนี้
  หลิงหยุนพุ่งเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเฉินเจี้ยนกุ่ยและอยู่ห่างไปราวสามเมตรพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
  “เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจว่ากระบี่ในมือข้ามาจากใหนแล้วก็ไม่ต้องพยายามถ่วงเวลาข้าด้วย แผนตื้นๆเช่นนี้ใช้กับข้าไม่ได้ผลแน่.. แล้วก็อย่าคิดหนีล่ะ! เจ้าคงไม่มีปัญญาหนีได้ เพราะตอนนี้ปีกของเจ้าถูกข้าตัดทิ้งไปแล้ว”
  หลิงหยุนยกกระบี่โลหิตแดนใต้ชี้ไปทางเฉินเจี้ยนกุ่ยพร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา..
  “บอกข้ามาว่าเจ้าเอาเกาเฉินเฉินไปซ่อนไว้ที่ใหน”
  “นางอยู่ในภูเขาหินซึ่งตั้งอยู่ทางชานเมืองตอนเหนือของปักกิ่ง..”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยตอบหลิงหยุนพร้อมกับมองหาโอกาสในการหลบหนี..
  “ภูเขาหินงั้นรึเจ้าพาข้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เจ้าหนู.. ที่ข้าไม่ตัดขาของเจ้าทิ้งก็เพราะจะเก็บไว้ให้เจ้าเดินนำข้าไปต่างหากเล่า..”
  ทันทีที่พูดจบ..ร่างของหลิงหยุนก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกับยกมือขวาขึ้นเพื่อหวังจี้จุดเฉินเจี้ยนกุ่ย
  แต่จู่ๆก็มีละอองเลือดสีแดงจำนวนหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ย!
  และนี่คืออีกหนึ่งความสามารถของแวมไพร์นั่นก็คือการแปลงร่าง!
  ระหว่างที่ละอองเลือดพวยพุ่งออกมานั้นร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็หายไป เหลือเพียงค้างคาวสีดำตัวเล็กกำลังกรีดร้อง และรีบบินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที!
  “ไม่เลวนี่!”
  หลิงหยุนเอ่ยชมพร้อมกับกระโดดตามค้างคาวตัวเล็กขึ้นไปบนท้องฟ้าและจัดการซัดฝ่ามือขวาซึ่งเต็มไปด้วยพลังหยางรุนแรงเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยซึ่งตอนนี้ได้แปลงเป็นค้างคาว
  หลิงหยุนจัดการซัดพลังหยางบริสุทธิ์ที่รุนแรงเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยหลายครั้งทำให้ตามร่างกายของมันมีควันสีฟ้าห่อหุ้มอยู่ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ร่วงลงสู่พื้นดิน และได้บินหนีหายไปในที่สุด!
  ร่างของหลิงหยุนร่อนลงสู่พื้นดินแต่ใบหน้าของเขากลับไม่มีอารมณ์หงุดหงิดผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามกลับดูอารมณ์ดีอย่างมากด้วย มุมปากของหลิงหยุนแย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์พร้อมกับพึมพำเบาๆ
  “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องหนี..ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเจ้าจะบินได้หรือไม่ และบินไปที่ใดต่างหากเล่า?”
  หลิงหยุนรู้ดีว่าหากเขาต้องการรู้ว่าเกาเฉินเฉินซ่อนอยู่ที่ใหนนั้นไม่มีทางที่เฉินเจี้ยนกุ่ยจะยอมพูดความจริง เขาจึงจงใจปล่อยให้เฉินเจี้ยนกุ่ยหนีไปตามที่มันต้องการ
  เวลานี้ในมือของหลิงหยุนมีกล่องหยกอยู่ใบหนึ่งและด้านในมีเลือดของเฉินเจี้ยนกุ่ยบรรจุอยู่ ระหว่างที่ละอองเลือดพวยพุ่งออกมาจากร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยเมื่อครู่นั้น ด้วยความเร็วของหลิงหยุน เขารีบเรียกกล่องหยกมาไว้ในมือ และทำการเก็บละอองเลือดเหล่านั้นไว้ด้านใน..
  นี่เป็นเลือดของเฉินเจี้ยนกุ่ย!และเป็นสิ่งที่หลิงหยุนจำเป็นต้องใช้ มันจะเป็นประโยชน์กับเขาอย่างมากในวันข้างหน้า!
  ระหว่างนั้น..พอลกับเจสเตอร์ที่ได้ยินเสียงคนกำลังต่อสู้กัน ทั้งคู่จึงรีบลงจากรถและวิ่งตรงมาที่สวนหลังบ้านตระกูลเกา พวกเขาได้เห็นหลิงหยุนกำลังเก็บเลือดของเฉินเจี้ยนกุ่ยได้พอดี
  เมื่อทั้งคู่ได้เห็นมือสองข้างที่ขาดกองอยู่บนพื้นทั้งพอลกับเจสเตอร์ต่างก็ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ พร้อมกับถามขึ้นทันที
  “เจ้านายที่เคารพ..เมื่อครู่ท่านสู้กับใคร”
  “อย่าบอกนะว่า..ท่านสู้กับคนชั่วเฉินเจี้ยนกุ่ย!”
  หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใช่.. ชิ้นส่วนที่ตกอยู่ที่พื้นก็เป็นของมัน.. พวกเจ้าสองคนรีบจัดการเก็บกวาดทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วรีบไปกันแล้ว..”
  ในที่สุดหลิงหยุนก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้!
  หลิงหยุนไม่เพียงทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยพิการแต่ยังทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพลังหยางบริสุทธิ์อีกด้วย และที่สำคัญเขาได้ดาบพายุของมันมาครอง!
  “โอ้พระเจ้า!นี่เป็นปีกของคนชั่วเฉินเจี้ยนกุ่ยงั้นเหรอ! เจ้านาย.. นี่ท่านสามารถตัดปีกของมันได้เหรอนี่?”
  “ห๊ะ..แล้วนี่ก็มือของเฉินเจี้ยนกุ่ยด้วยสินะ! ช่างน่าสงสาร.. ครั้งนี้เฉินเจี้ยนกุ่ยคงต้องฝันร้ายไปอีกนาน ต่อให้มันเก่งกาจแค่ใหน ก็ต้องใช้เวลาถึงสามเดือนกว่าจะฟื้นคืนสภาพกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้..”
  หลิงหยุนจ้องมองแวมไพร์ทั้งสองตนที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บชิ้นส่วนของเฉินเจี้ยนกุ่ยพร้อมพูดขึ้นว่า
  “เมื่อครู่เฉินเจี้ยนกุ่ยมันพ่นละอองเลือดออกมาแล้วก็แปลงร่างเป็นค้างคาว!”
  พอลได้ยินถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีเขารีบหยุดทำงาน แล้วหันไปพูดกับหลิงหยุน “ละอองเลือดงั้นเหรอ เจ้านายที่เคารพ.. ”
  พอลถึงกับสีหน้าเปลี่ยนเมื่อได้ยินเขารีบหยุดทำงานและหันมาถามหลิงหยุน “หมอกเลือด เจ้านายที่เคารพ.. นี่ท่านทำร้ายมันจนต้องแปลงร่างหนีเชียวเหรอ?!”
  เจสเตอร์เองก็ถึงกับตกใจจนแทบช็อคเช่นกัน“โอ้พระเจ้า.. นี่ท่านถึงกับทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยต้องระเบิดเลือดตัวเองทิ้งเชียวเหรอ การทำแบบนี้จะทำให้ระดับขั้นของมันลดลง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องกลับไปอยู่ขั้นบารอน.. หากเป็นแบบนี้ท่านสบายใจได้เลย มันจะไม่สามารถดูดเลือดสาวน้อยของท่านได้ และสาวน้อยของท่านก็จะอยู่รอดปลอดภัยได้อีกอย่างน้อยสามเดือน!”
  หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า‘ใครว่าข้าจะรอจนถึงสามเดือนเล่า’
  หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไรมาก..
  หลังจากที่แวมไพร์ทั้งสองตนจัดการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็เรียกยันต์เตโชออกมาเผาปีกของเฉินเจี้ยนกุ่ยจนเหลือเพียงแค่เถ้าถ่าน
  “รอให้ข้าช่วยเฉินเฉินออกมาได้ก่อนรับรองว่าหลังจากนั้นเจ้าเจอดีแน่!”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับกระโดดออกจากบ้านตระกูลเกาไป..
  พอลกับเจสเตอร์ไปคอยหลิงหยุนอยู่ที่รถแล้วและเมื่อหลิงหยุนมาถึง ทั้งคู่ก็เดินลงมาเปิดประตูรถรอหลิงหยุนด้วยท่าทางเคารพนบนอบ จากนั้นเจสเตอร์ก็ขับรถกลับไปที่บ้านของหลิงหยุน
  ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ..หลิงหยุนก็ถามขึ้นมาว่า “พวกเจ้าสองคนเคยได้ยินชื่อดาบพายุบ้างหรือไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 693

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 693 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 693 : ชัยชนะในสนามต่อสู้
  หลิงหยุนร่ายรำเพลงกระบี่นวสังหารพร้อมกับเดินพลังหยินบริสุทธิ์ไปทั่วร่างกายหลิงหยุนถ่ายเทพลังหยินบริสุทธิ์เข้าสู่ตัวกระบี่ และเปลี่ยนกระบี่ในมือของตนเองให้มีอุณหภูมิที่ติดลบซึ่งจะเป็นฝันร้ายของเหล่าแวมไพร์เลยทีเดียว ครั้งนี้เขาไม่เปิดโอกาสให้เฉินเจี้ยนกุ่ยได้มีโอกาสหนีรอดแน่..!
  ไม่น่าเชื่อว่าเหล่าแวมไพร์ที่อาศัยอยู่แต่ในที่มืดนั้นจะไม่ชอบและถึงขั้นเกลียดกลัวความหนาวเย็นเช่นนี้ ซึ่งไม่ต่างจากวิสัยของค้างคาว.. ในฤดูหนาวนั้นมีใครเคยพบเห็นค้างคาวออกมาบินเพ่นพ่านอยู่นอกถ้ำบ้าง
  กระบี่ในมือของหลิงหยุนนั้นทั้งดุดันและยากที่จะต้านทานแม้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยจะใช้พลังขั้นสุดของตนเองแล้ว ก็ยังยากที่จะต้านทานความรุนแรงของหลิงหยุนได้ และด้วยความเย็นที่ติดลบ ทำให้ความสามารถในการหลบหลีกของเฉินเจี้ยนกุ่ยใช้การได้ไม่ดีนัก อีกทั้งแต่ละดาบที่ฟาดฟันลงมานั้นก็มุ่งหมายเพื่อเอาชีวิต!
  หลิงหยุนต้องการจบเกมนี้ด้วยชัยชนะเท่านั้น!
  แต่ถึงกระนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ไม่ใช่หมูในอวยเช่นกันแม้ว่าเลือดในตัวของมันจะเริ่มแข็งตัว แต่เฉินเจี้ยนกุ่ยก็ได้ใช้วิชาโลหิตมารทำให้เลือดภายในตัวมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ในขณะที่สองมือก็ต้องยกดาบขึ้นรับกระบี่ที่หมายเอาชีวิตของหลิงหยุน!
  “รับมือได้ไม่เลวนี่..แต่แกพลาดแล้วเจ้าโง่!”
  หลิงหยุนเย้ยหยันด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและจู่ๆมือข้างซ้ายของเขาก็ปรากฏกระบี่อ่อนขึ้นมาเล่มหนึ่ง มันกวัดแกว่งไปมาราวกับมังกรเต้นรำ!
  -สะบั้นนิมิต-
  -พิชิตไร้เงา-
  -เผาลนจิตใจ-
  -ขับไสวิญญาณ-
  -ห้ำหั่นสวรรค์-
  -สังหารชีวิต-
  -จิตนิ่งดั่งหินผา-
  -นภาสังหาร-
  -ผลาญเทวะ-
  -นวสังหาร-
  และนี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหยุนใช้เพลงกระบี่นวสังหารครบทั้งสิบกระบวนท่านับตั้งแต่กลับออกมาจากเกาะเตียวหยูในครั้งนั้น
  เฉินเจี้ยนกุ่ยถึงกับต้องพ่นลมออกจากปากด้วยความโมโหถึงแม้ว่าในมือของเขาจะถือดาบพายุอยู่ก็ตาม แต่เพลงกระบี่นวสังหารของหลิงหยุนนั้นทั้งรวดเร็วและล้ำลึกจนยากที่จะต้านทานได้ง่ายๆ
  ระหว่างที่เป็นฝ่ายตั้งรับการจู่โจมของหลิงหยุนนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ไม่ลืมที่จะหลบหลีกปีกของเขาจากการโจมตีของหลิงหยุนเช่นกัน มันรู้ดีว่าเป้าหมายของหลิงหยุนนั้นคือปีกที่ใหญ่โตของตัวเอง!
  แคว๊ก..
  เสียงคล้ายกับเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้นและเฉินเจี้ยนกุ่ยก็กรีดร้องออกมา หลังจากที่เฉินเจี้ยนกุ่ยรับมือหลิงหยุนได้เพียงเจ็ดกระบวนท่า ในที่สุดก็พ่ายแพ้ให้กับสามกระบวนท่าสุดท้าย
  กระบี่มังกรขาวในมือของหลิงหยุนนั้นๆไม่ต่างจากมังกรสีขาวที่มีชีวิต และกำลังบินวนอยู่รอบๆกายของเฉินเจี้ยนกุ่ย และในสามกระบวนท่าสุดท้าย ปีกใหญ่โตของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ถูกหลิงหยุนฟันขาด ไม่เพียงเท่านั้น.. มือทั้งสองข้างของมันยังถูกกระบี่ของหลิงหยุนตัดขาดเช่นกัน!
  เฉินเจี้ยนกุ่ยสูญเสียปีกได้สูญเสียมือทั้งสองข้างได้.. แต่มันต้องต่อสู้ปกป้องจุดสำคัญของตนเองอย่างสุดชีวิต จุดแรกคือที่ลำคอ และจุดที่สองคือหัวใจ! จุดสำคัญทั้งสองจุดนี้ เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่มีวันยอมให้เกิดอันตรายใดๆขึ้นอย่างเด็ดขาด..
  ในที่สุดเฉินเจี้ยนกุ่ยก็ได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่เรียกว่าอยู่ระหว่างความเป็นความตายและเมื่อความเย็นจากกระบี่ของหลิงหยุนค่อยๆลดลง เฉินเจี้ยนกุ่ยจึงสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วขึ้น มันจึงกระโดดถอยหลังออกห่างจากหลิงหยุนไปไกลถึงสามสิบเมตร
  หลิงหยุนไม่รีบร้อนที่จะตามไปมากนักเขารีบก้มลงเก็บกระบี่สีดำที่ตกอยู่บนพื้นเข้าไปไว้ในแหวนพื้นที่เสียก่อน จากนั้นจึงยกกระบี่มังกรขาว และกระบี่โลหิตแดนใต้ที่อยู่ในมือชี้ไปทางเฉินเจี้ยนกุ่ยซึ่งกำลังบาดเจ็บสาหัสพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า
  “เจ้าหนู..เจ้าบอกจะดีกว่าว่าตอนนี้เกาเฉินเฉินอยู่ที่ใหน แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยที่ตอนนี้ไม่มีทั้งปีกและมือ เหลือเพียงเขี้ยวยาวทั้งสองข้างงอกออกมา เพราะเล็บที่แหลมคมของมันก็ถูกตัดทิ้งไปพร้อมกับมือแล้ว ในสายตาของหลิงหยุนเวลานี้ เฉินเจี้ยนกุ่ยจึงไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น
  เฉินเจี้ยนกุ่ยไม่สามารถทนอยู่ในสภาพน่าสังเวชเช่นนี้ได้แน่..มันต้องการใช้ความสามารถในการงอกอวัยวะของแวมไพร์สร้างปีกและมือขึ้นมาใหม่ให้เร็วที่สุด แต่ในเมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ จะสามารถฟื้นตัวโดยเร็วได้อย่างไรกัน
  แต่หลิงหยุนก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้!เพราะแม้ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยจะได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ แต่บาดแผลของมันกลับไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว ซึ่งแตกต่างจากพอลกับเจสเตอร์..
  “เจ้า..กระบี่อ่อนในมือของเจ้าโผล่มาจากใหน!”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยร้องถามออกมาด้วยความหวาดผวาพร้อมกับชี้แขนที่ไร้มือไปทางกระบี่มังกรขาวที่อยู่ในมือซ้ายของหลิงหยุน
  ไม่ว่าใครก็ตามที่ไม่รู้เรื่องแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนนั้นหากได้ประมือกับหลิงหยุนครั้งแรก ก็มักจะพ่ายแพ้ให้กับเขาได้ง่ายๆ เพราะจากที่สู้กันด้วยมือเปล่า แต่จู่ๆกลับมีกระบี่เล่มยาวโผล่ออกมา เช่นนี้แล้วใครกันเล่าจะหลบได้ทันท่วงที!
  ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้หลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-9 แล้ว ความเร็วในการเคลื่อนที่นั้นแทบไม่ต้องพูดถึง อีกทั้งยังมีกระบี่สองเล่มที่คมกริบอยู่ในมือ จึงไม่น่าแปลกใจที่เฉินเจี้ยนกุ่ยจะพ่ายแพ้ให้แก่เขา
  แววตาของเฉินเจี้ยนกุ่ยเต็มไปด้วยความประหลาดใจเขานึกเสียใจที่ไม่ได้กลายร่างขั้นสมบูรณ์ หากเขากลายร่างได้ทันเวลา ทั้งความเร็วและความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว และคงไม่พ่ายแพ้ยับเยินเช่นนี้
  หลิงหยุนพุ่งเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าเฉินเจี้ยนกุ่ยและอยู่ห่างไปราวสามเมตรพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
  “เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจว่ากระบี่ในมือข้ามาจากใหนแล้วก็ไม่ต้องพยายามถ่วงเวลาข้าด้วย แผนตื้นๆเช่นนี้ใช้กับข้าไม่ได้ผลแน่.. แล้วก็อย่าคิดหนีล่ะ! เจ้าคงไม่มีปัญญาหนีได้ เพราะตอนนี้ปีกของเจ้าถูกข้าตัดทิ้งไปแล้ว”
  หลิงหยุนยกกระบี่โลหิตแดนใต้ชี้ไปทางเฉินเจี้ยนกุ่ยพร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา..
  “บอกข้ามาว่าเจ้าเอาเกาเฉินเฉินไปซ่อนไว้ที่ใหน”
  “นางอยู่ในภูเขาหินซึ่งตั้งอยู่ทางชานเมืองตอนเหนือของปักกิ่ง..”
  เฉินเจี้ยนกุ่ยตอบหลิงหยุนพร้อมกับมองหาโอกาสในการหลบหนี..
  “ภูเขาหินงั้นรึเจ้าพาข้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เจ้าหนู.. ที่ข้าไม่ตัดขาของเจ้าทิ้งก็เพราะจะเก็บไว้ให้เจ้าเดินนำข้าไปต่างหากเล่า..”
  ทันทีที่พูดจบ..ร่างของหลิงหยุนก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกับยกมือขวาขึ้นเพื่อหวังจี้จุดเฉินเจี้ยนกุ่ย
  แต่จู่ๆก็มีละอองเลือดสีแดงจำนวนหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ย!
  และนี่คืออีกหนึ่งความสามารถของแวมไพร์นั่นก็คือการแปลงร่าง!
  ระหว่างที่ละอองเลือดพวยพุ่งออกมานั้นร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยก็หายไป เหลือเพียงค้างคาวสีดำตัวเล็กกำลังกรีดร้อง และรีบบินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที!
  “ไม่เลวนี่!”
  หลิงหยุนเอ่ยชมพร้อมกับกระโดดตามค้างคาวตัวเล็กขึ้นไปบนท้องฟ้าและจัดการซัดฝ่ามือขวาซึ่งเต็มไปด้วยพลังหยางรุนแรงเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยซึ่งตอนนี้ได้แปลงเป็นค้างคาว
  หลิงหยุนจัดการซัดพลังหยางบริสุทธิ์ที่รุนแรงเข้าใส่ร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยหลายครั้งทำให้ตามร่างกายของมันมีควันสีฟ้าห่อหุ้มอยู่ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ร่วงลงสู่พื้นดิน และได้บินหนีหายไปในที่สุด!
  ร่างของหลิงหยุนร่อนลงสู่พื้นดินแต่ใบหน้าของเขากลับไม่มีอารมณ์หงุดหงิดผิดหวังเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามกลับดูอารมณ์ดีอย่างมากด้วย มุมปากของหลิงหยุนแย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์พร้อมกับพึมพำเบาๆ
  “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องหนี..ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเจ้าจะบินได้หรือไม่ และบินไปที่ใดต่างหากเล่า?”
  หลิงหยุนรู้ดีว่าหากเขาต้องการรู้ว่าเกาเฉินเฉินซ่อนอยู่ที่ใหนนั้นไม่มีทางที่เฉินเจี้ยนกุ่ยจะยอมพูดความจริง เขาจึงจงใจปล่อยให้เฉินเจี้ยนกุ่ยหนีไปตามที่มันต้องการ
  เวลานี้ในมือของหลิงหยุนมีกล่องหยกอยู่ใบหนึ่งและด้านในมีเลือดของเฉินเจี้ยนกุ่ยบรรจุอยู่ ระหว่างที่ละอองเลือดพวยพุ่งออกมาจากร่างของเฉินเจี้ยนกุ่ยเมื่อครู่นั้น ด้วยความเร็วของหลิงหยุน เขารีบเรียกกล่องหยกมาไว้ในมือ และทำการเก็บละอองเลือดเหล่านั้นไว้ด้านใน..
  นี่เป็นเลือดของเฉินเจี้ยนกุ่ย!และเป็นสิ่งที่หลิงหยุนจำเป็นต้องใช้ มันจะเป็นประโยชน์กับเขาอย่างมากในวันข้างหน้า!
  ระหว่างนั้น..พอลกับเจสเตอร์ที่ได้ยินเสียงคนกำลังต่อสู้กัน ทั้งคู่จึงรีบลงจากรถและวิ่งตรงมาที่สวนหลังบ้านตระกูลเกา พวกเขาได้เห็นหลิงหยุนกำลังเก็บเลือดของเฉินเจี้ยนกุ่ยได้พอดี
  เมื่อทั้งคู่ได้เห็นมือสองข้างที่ขาดกองอยู่บนพื้นทั้งพอลกับเจสเตอร์ต่างก็ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ พร้อมกับถามขึ้นทันที
  “เจ้านายที่เคารพ..เมื่อครู่ท่านสู้กับใคร”
  “อย่าบอกนะว่า..ท่านสู้กับคนชั่วเฉินเจี้ยนกุ่ย!”
  หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใช่.. ชิ้นส่วนที่ตกอยู่ที่พื้นก็เป็นของมัน.. พวกเจ้าสองคนรีบจัดการเก็บกวาดทำความสะอาดให้เรียบร้อย แล้วรีบไปกันแล้ว..”
  ในที่สุดหลิงหยุนก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้!
  หลิงหยุนไม่เพียงทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยพิการแต่ยังทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพลังหยางบริสุทธิ์อีกด้วย และที่สำคัญเขาได้ดาบพายุของมันมาครอง!
  “โอ้พระเจ้า!นี่เป็นปีกของคนชั่วเฉินเจี้ยนกุ่ยงั้นเหรอ! เจ้านาย.. นี่ท่านสามารถตัดปีกของมันได้เหรอนี่?”
  “ห๊ะ..แล้วนี่ก็มือของเฉินเจี้ยนกุ่ยด้วยสินะ! ช่างน่าสงสาร.. ครั้งนี้เฉินเจี้ยนกุ่ยคงต้องฝันร้ายไปอีกนาน ต่อให้มันเก่งกาจแค่ใหน ก็ต้องใช้เวลาถึงสามเดือนกว่าจะฟื้นคืนสภาพกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้..”
  หลิงหยุนจ้องมองแวมไพร์ทั้งสองตนที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บชิ้นส่วนของเฉินเจี้ยนกุ่ยพร้อมพูดขึ้นว่า
  “เมื่อครู่เฉินเจี้ยนกุ่ยมันพ่นละอองเลือดออกมาแล้วก็แปลงร่างเป็นค้างคาว!”
  พอลได้ยินถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีเขารีบหยุดทำงาน แล้วหันไปพูดกับหลิงหยุน “ละอองเลือดงั้นเหรอ เจ้านายที่เคารพ.. ”
  พอลถึงกับสีหน้าเปลี่ยนเมื่อได้ยินเขารีบหยุดทำงานและหันมาถามหลิงหยุน “หมอกเลือด เจ้านายที่เคารพ.. นี่ท่านทำร้ายมันจนต้องแปลงร่างหนีเชียวเหรอ?!”
  เจสเตอร์เองก็ถึงกับตกใจจนแทบช็อคเช่นกัน“โอ้พระเจ้า.. นี่ท่านถึงกับทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยต้องระเบิดเลือดตัวเองทิ้งเชียวเหรอ การทำแบบนี้จะทำให้ระดับขั้นของมันลดลง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องกลับไปอยู่ขั้นบารอน.. หากเป็นแบบนี้ท่านสบายใจได้เลย มันจะไม่สามารถดูดเลือดสาวน้อยของท่านได้ และสาวน้อยของท่านก็จะอยู่รอดปลอดภัยได้อีกอย่างน้อยสามเดือน!”
  หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า‘ใครว่าข้าจะรอจนถึงสามเดือนเล่า’
  หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไรมาก..
  หลังจากที่แวมไพร์ทั้งสองตนจัดการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็เรียกยันต์เตโชออกมาเผาปีกของเฉินเจี้ยนกุ่ยจนเหลือเพียงแค่เถ้าถ่าน
  “รอให้ข้าช่วยเฉินเฉินออกมาได้ก่อนรับรองว่าหลังจากนั้นเจ้าเจอดีแน่!”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับกระโดดออกจากบ้านตระกูลเกาไป..
  พอลกับเจสเตอร์ไปคอยหลิงหยุนอยู่ที่รถแล้วและเมื่อหลิงหยุนมาถึง ทั้งคู่ก็เดินลงมาเปิดประตูรถรอหลิงหยุนด้วยท่าทางเคารพนบนอบ จากนั้นเจสเตอร์ก็ขับรถกลับไปที่บ้านของหลิงหยุน
  ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ..หลิงหยุนก็ถามขึ้นมาว่า “พวกเจ้าสองคนเคยได้ยินชื่อดาบพายุบ้างหรือไม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+