Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 694

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 694 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 694 : ดาบพายุ!
  “ห๊ะ!”
  เจสเตอร์กระทืบเบรคอย่างแรงพร้อมกับร้องอุทานออกมาเสียดัง!
  ทันทีที่ได้ยินชื่อ‘ดาบพายุ’ เจสเตอร์ก็เหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง สายตาของมันจับจ้องอยู่ที่ความมืดด้านหน้าครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อยๆหันกลับไปมองหลิงหยุนช้าๆ ด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงสุดขีด!
  ในขณะที่พอลเองก็อยู่ในอาการตกใจไม่ต่างไปจากเจสเตอร์นัก..
  “เจ้านายที่เคารพ..นี่ท่านรู้ตัวบ้างมั๊ยว่าพูดอะไรออกมา! ดาบพายุ! ไม่นะ.. เจสเตอร์ไม่อยากได้ยินชื่อนี้!”
  หลังจากนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่..เจสเตอร์ก็กรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัว!
  หลิงหยุนยังคงนั่งเงียบและมีสีหน้าสงบนิ่งเป็นปกติ แต่ในใจนั้นกลับกระหยิ่มยิ้มย่อง ‘ดูเหมือนข้าจะได้สมบัติล้ำค่ามาอีกชิ้นแล้วสินะ!’
  จากนั้นจึงเอ่ยปากถามยิ้มๆ“ดูท่าพวกเจ้าคงจะรู้จักดาบพายุดีสินะ”
  เจสเตอร์นั่งจ้องมองหลิงหยุนและพูดอะรไม่ออกอยู่นาน! ผ่านไปครู่ใหญ่.. มันจึงพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “ใช่แล้วเจ้านาย..ในฐานะที่พวกเราเป็นแวมไพร์ ก็ต้องเคยได้ยินชื่อดาบพายุมาบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก! พวกเราเพียงแค่เคยได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยได้เห็นหรือจับต้อง..”
  “พวกเจ้าไปได้ยินชื่อดาบพายุมาจากใหนเจ้าคนชั่วเฉินเจี้ยนกุ่ยบอกกับพวกเจ้างั้นรึ?”
  พูดจบ..หลิงหยุนก็หัวเราะออกมาพร้อมกับสั่งว่า “พวกเจ้าทั้งคู่ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้!”
  หลิงหยุนร้องสั่งแวมไพร์ทั้งสองตนพร้อมกับเปิดประตูรถและก้าวออกมาทันทีภายในรถนั้นเล็กและแคบเกินไป อีกทั้งเขายังนั่งอยู่ข้างคนขับ จึงไม่สะดวกที่จะเรียกดาบพายุออกมาได้
  ดาบสีดำนั้นเพียงแค่ตัวดาบก็ยาวถึงหนึ่งเมตรครึ่งแล้วยังไม่รวมด้ามจับที่ยาวไม่ต่ำกว่ายี่สิบเซ็นติเมตร..
  ทั้งพอลกับเจสเตอร์ต่างก็ลงมาจากรถตามคำสั่งของหลิงหยุนแต่พอลก็ร้องถามออกมาอย่างประหลาดใจ
  “เจ้านาย..ฟ้าใกล้จะสางแล้ว ท่านเรียกพวกเราลงมาทำไมกัน!”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเรียกดาบพายุออกมาจากแหวนพื้นที่และทำการกวัดแกว่งดาบไปมาอยู่กลางอากาศ เสียงตัวดาบปะทะกับสายลมจนเกิดเสียงดังหวีดหวิวขึ้น..
  “โอ้..ชิบหายแล้วเจ้านาย!”
  “โอ้พระเจ้า..เป็นไปไม่ได้!”
  เพียงแค่หลิงหยุนเรียกดาบสีดำออกมาจากแหวนพื้นที่ทั้งพอลกับเจสเตอร์ต่างก็มีสีหน้าตกใจ และวิ่งหนีออกไปคนละทิศคนละทาง ทั้งคู่วิ่งหนีไปไกลราวห้าสิบเมตรจึงหยุดพร้อมกับมีสีหน้าหวาดผวา..
  ดาบพายุนั้นหนักกว่ากระบี่โลหิตแดนใต้และตัวดาบไม่มีการประดับประดามากมาย มีเพียงแค่ตัวดาบที่คมกริบกับด้ามจับซึ่งเป็นสีดำเท่านั้น และไม่รู้ว่าดาบเล่มนี้ทำจากโลหะอะไรถึงได้มีสีดำไร้ประกายแวววาว หลิงหยุนยืนกวัดแกว่งดาบในมือไปมาพร้อมกับเอ่ยชม..
  “ช่างเป็นดาบที่ยอดเยี่ยมนัก!”
  หลิงหยุนไม่สนใจเจสเตอร์กับพอลเขาจ้องมองดาบพายุในมือพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง แล้วจึงร้องบอกแวมไพร์ทั้งสองตนว่า
  “เหตุใดพวกเจ้าทั้งสองต้องหนีไปไกลอย่างนั้นด้วยเล่า”
  “ท่านซานตาน..นี่ท่านทำบ้าอะไร แล้วทำไมจู่ๆดาบพายุถึงได้มาอยู่ในมือของท่านได้..”
  เจสเตอร์ที่ยืนอยู่ไกลๆนั้นกระโดดขึ้นกระโดดลงราวกับคนบ้า!มันจ้องมองดาบสีดำด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เวลานี้.. สีหน้าของเจสเตอร์เต็มไปด้วยความหวาดผวาราวกับกำลังเผชิญหน้ากับซานตาน แต่สีหน้าของพอลก็ไม่ได้ดีไปกว่าเจสเตอร์นัก..
  “โอ้เจ้านายที่เคารพ..ได้โปรดเอาดาบนั่นไปให้ห่างจากพวกเรา มันน่าสยดสยองเกินไป!”
  หลิงหยุนได้แต่นึกขันอยู่ในใจว่าดาบพายุเล่มนี้สามารถทำให้แวมไพร์สองตนนี้หวาดกลัวได้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ ดูท่าจะสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว..
  หลิงหยุนยืนครุ่นคิดเรื่องดาบพายุอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดกับแวมไพร์ทั้งสองตนว่า“เอาล่ะ.. ข้าจะเก็บมันก็ได้!”
  “เจ้านายที่เคารพ..พวกเรากลับกันได้แล้ว! แต่ท่านต้องสัญญาว่าจะไม่เอาดาบศักดิ์สิทธิ์นั่นออกมากวัดแกว่งต่อหน้าพวกเราอีก..”
  หลิงหยุนเพียงแค่หัวเราะไม่ตอบอะไรแล้วกลับเข้าไปนั่งในรถเช่นเดิม..
  ทันทีที่กลับไปถึงบ้าน..หลังจากที่หลิงหยุนลงไปจากรถแล้ว แวมไพร์ทั้งสองตนก็รีบขับรถสีเงินเข้าไปจอดในโรงรถ และแทบอยากหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ทันที
  “ก็แค่ดาบเล่มเดียว..พวกเจ้าต้องหวาดกลัวถึงเพียงนี้เชียวรึ” หลิงหยุนตะโกนถามยิ้มๆ
  เจสเตอร์ยังคงนั่งกุมพวงมาลัยตัวสั่น..ส่วนพอลที่นั่งนิ่งมานานเพราะความตกใจนั้นจึงตอบหลิงหยุนไปว่า
  “เจ้านายที่เคารพ..พวกเราเคยบอกท่านแล้วว่าเหล่าแวมไพร์มีสองพวกใหญ่ๆ พวกหนึ่งคือกลุ่มแวมไพร์ลับ ส่วนอีกพวกหนึ่งคือกลุ่มแวมไพร์ปีศาจ”
  ในยุคโบร่ำโบราณนั้นเคยปรากฏว่ามีผู้นำกลุ่มแวมไพร์ปีศาจตนหนึ่งนามว่าไดนาสท์ เพื่อต้องการครอบครองบัลลังก์ของบิดาตนเอง จึงได้ทำการตีดาบขึ้นมาสองเล่ม และทำการแยกดวงจิตของตนไปสิงสถิตอยู่ในดาบทั้งสองเล่ม เล่มหนึ่งชื่อว่าดาบเทพเจ้า ส่วนอีกเล่มหนึ่งชื่อว่าดาบพายุ!
  นับแต่นั้นมา..ดาบทั้งสองเล่มจึงได้กลายเป็นดาบที่น่าสะพรึงกลัว และมีอานุภาพร้ายแรง ว่ากันว่าดาบทั้งสองเล่มนี้สามารถฉีกร่างของเหล่าแวมไพร์ได้อย่างง่ายดาย และหากเหล่าแวมไพร์ถูกดาบนี้ฟันเข้าไป ก็ยากที่แผลจะสมานกลับคืนได้อย่างรวดเร็ว!
  แต่ที่น่าหวาดผวากว่านั้นก็คือ..ดวงจิตที่แข็งแกร่งของราชาไดนาสท์ที่สิงสถิตอยู่ในดาบทั้งสองนั่นต่างหาก!
  และเหล่าแวมไพร์ต่างก็รู้ดีว่า..ผู้ที่ครอบครองดาบทั้งสองเล่มนี้ จะมีพลังอำนาจสามารถทำให้แวมไพร์สายเลือดแท้กลายเป็นบริวารได้!
  ความคมของดาบทั้งสองเล่มนั้นเรียกได้ว่าสามารถตัดเพชรที่แข็งแกร่งให้ขาดได้ไม่ต่างจากการฟันลูกแตงโม และดาบพายุนั้น หากผู้ที่ใช้มันมีพลังมากพอ เพียงแค่ดาบเดียวก็สามารถทำให้เกิดพายุทอร์นาโดขึ้นรอบๆตัวได้ และพายุทอร์นาโดดำมืดนั้นก็สามารถกวาดเอาทุกอย่างในบริเวณนั้นให้ราบเรียบได้เลยทีเดียว
  “เยี่ยมยอดถึงเพียงนี้เชียวรึ!เฉินเจี้ยนกุ่ย.. ขอบใจเจ้ามากที่ทิ้งดาบล้ำเลิศเช่นนี้ไว้ให้ข้า!”
  หลังจากที่หลิงหยุนได้ฟังคุณสมบัติที่น่าสะพรึงกลัวของดาบพายุแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าครั้งนี้ตนเองได้กำไรอย่างมหาศาลเลยทีเดียว!
  หลิงหยุนหันไปมองเจสเตอร์กับพอลอย่างสนอกสนใจพร้อมกับถามต่อว่า“ถ้าเช่นนั้นจงตอบข้ามา.. ข้าจะสามารถใช้ดาบพายุเล่มนี้ทำให้แวมไพร์อย่างพวกเจ้าทั้งสองกลายเป็นบริวารของข้าได้หรือไม่”
  “ห๊ะ!”
  สิ้นเสียงร้องอุทานดังออกมาพร้อมๆกันเจสเตอร์เหยียบคันเร่งรถสีเงินถอยหลังพุ่งออกจากบ้านไปชนกับเสาไฟถนนด้านนอกพอดี!
  เจสเตอร์พยักหน้าหงึกๆและใบหน้าที่ซีดขาวของมันก็กลับซีดยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับระล่ำระลักตอบกลับไปว่า “เจ้านายที่เคารพ..ได้อย่างแน่นอน! ”
  แต่พอลกลับมีทีท่าที่สงบนิ่งพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
  “เจ้านายที่เคารพ..ไม่ว่าจะเป็นแวมไพร์สายเลือดแท้ หรือว่าแวมไพร์เลือดผสมอย่างพวกเรา ตราบใดที่ระดับขั้นของแวมไพร์ตนนั้นไม่สูงกว่าราชาไดนาสท์ ท่านก็สามารถใช้ดาบพายุเล่มนี้ทำให้แวมไพร์ตนนั้นกลายเป็นบริวารของท่านได้..”
  หลิงหยุนถามอย่างประหลาดใจ“ทำให้แวมไพร์กลายเป็นบริวารของข้าได้จริงๆอย่างนั้นรึ”
  “ใช่แล้ว!แต่มีข้อสองข้อ.. ข้อแรก – แวมไพร์ตนนั้นต้องอยู่ในระดับขั้นที่ต่ำกว่าราชาไดนาสท์ และข้อที่สอง – สายเลือดในกายของท่านต้องแข็งแกร่งกว่าราชาไดนาสท์..”
  หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับร้องถามออกไปว่า“แล้วสายเลือดในตัวของพวกเจ้าแข็งแกร่งกว่าราชาไดนาสท์หรือไม่!”
  เจสเตอร์รีบร้องตะโกนออกมาทันที“โอ้เจ้านายที่เคารพ.. คำถามของท่านเท่ากับเป็นการดูถูกราชาไดนาสท์ที่เป็นไอดอลของพวกเราเหล่าแวมไพร์เลยนะ! ราชาไดนาสท์เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นนิรันดร์ และเป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของแวมไพร์อย่างพวกเรา! เขาคือราชันผู้สูงส่ง!”
  พอลกระซิบเบาๆ“ถ้าเช่นนั้นข้อแม้ข้อแรกก็ตัดทิ้งไปได้เลย เหลือเพียงข้อแม้ข้อที่สอง ในดาบเล่มนี้มีดวงจิตของราชาไดนาสท์สิงสถิตอยู่เพียงครึ่งดวง..”
  “คราวนี้ก็ต้องดูว่าดวงจิตครึ่งดวงของราชาไดนาสท์นั้นจะทรงพลังแค่ใหน”
  “ในอดีตนั้น..ว่ากันว่าดาบสองเล่มนี้มีเพียงแวมไพร์ระดับลอร์ดเท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้ แต่เนื่องจากเวลาผ่านมาเนิ่นนานมากแล้ว ดวงจิตที่สถิตอยู่ในดาบก็น่าจะมีพลังลดลงไปตามกาลเวลา มาถึงตอนนี้แวมไพร์ขั้นแกรนด์ดยุคก็น่าจะใช้ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร..”
  “แค่แกรนด์ดยุคก็ใช้ได้แล้วงั้นรึ”
  สีหน้าของหลิงหยุนดูผิดหวังเล็กน้อยเขาได้แต่คิดในใจว่า.. น่าจะเป็นระดับองค์ชาย หรือระดับเหล่าอาวุโส หรือไม่ก็แกรนด์ลอร์ด
  “โอ้เจ้านายที่เคารพ..ขนาดแกรนด์ดยุคท่านยังไม่พอใจอีกเหรอ ท่านไม่รู้อะไร.. ฉันกับพอลอยู่มาจนอายุเท่านี้ยังเคยเห็นแกรนด์ดยุคห่างๆแค่ครั้งเดียวเอง..”
  ตอนนี้หลิงหยุนไม่รู้ว่าเลือดของตนเองจะเทียบเท่าแกรนด์ดยุคได้หรือไม่แต่หากเทียบกับแวมไพร์ทั้งสองนี้ เขาเหนือกว่ามาก!
  “เยี่ยม..เยี่ยมมาก! ถ้าเช่นนั้นก็รีบบอกมาว่าข้าจะใช้ดาบพายุเล่มนี้ทำให้พวกเจ้ากลายเป็นบริวารของข้าได้อย่างไร”
  เจสเตอร์รู้ดีว่าเขาคงไม่สามารถหนีรอดเงื้อมือหลิงหยุนได้แน่จึงได้แต่พูดออกไปอย่างห้าวหาญ..
  “เจ้านายที่เคารพ..ง่ายนิดเดียว! เพียงแค่ท่านใช้ดาบเล่มนี้กรีดลงบนร่างกายของพวกเราให้เป็นแผล แล้วหยดเลือดของท่านลงบนบาดแผล เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว!”
  “อ่อ..ง่ายแค่นี้เองรึ ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าไปทำอะไรอยู่ในรถ ยังไม่รีบลงมาอีก..เร็วเข้า!”
  หลิงหยุนเดินไปเปิดประตูรถออกพร้อมกับจ้องมองแวมไพร์สองตนที่นั่งคู่กัน แล้วถามเสียงเบาว่า
  “เอาล่ะ..บอกข้ามาว่าจะให้เริ่มจากใครก่อนดี!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร 694

Now you are reading Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร Chapter 694 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 694 : ดาบพายุ!
  “ห๊ะ!”
  เจสเตอร์กระทืบเบรคอย่างแรงพร้อมกับร้องอุทานออกมาเสียดัง!
  ทันทีที่ได้ยินชื่อ‘ดาบพายุ’ เจสเตอร์ก็เหยียบเบรกให้รถหยุดนิ่ง สายตาของมันจับจ้องอยู่ที่ความมืดด้านหน้าครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อยๆหันกลับไปมองหลิงหยุนช้าๆ ด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงสุดขีด!
  ในขณะที่พอลเองก็อยู่ในอาการตกใจไม่ต่างไปจากเจสเตอร์นัก..
  “เจ้านายที่เคารพ..นี่ท่านรู้ตัวบ้างมั๊ยว่าพูดอะไรออกมา! ดาบพายุ! ไม่นะ.. เจสเตอร์ไม่อยากได้ยินชื่อนี้!”
  หลังจากนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่..เจสเตอร์ก็กรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัว!
  หลิงหยุนยังคงนั่งเงียบและมีสีหน้าสงบนิ่งเป็นปกติ แต่ในใจนั้นกลับกระหยิ่มยิ้มย่อง ‘ดูเหมือนข้าจะได้สมบัติล้ำค่ามาอีกชิ้นแล้วสินะ!’
  จากนั้นจึงเอ่ยปากถามยิ้มๆ“ดูท่าพวกเจ้าคงจะรู้จักดาบพายุดีสินะ”
  เจสเตอร์นั่งจ้องมองหลิงหยุนและพูดอะรไม่ออกอยู่นาน! ผ่านไปครู่ใหญ่.. มันจึงพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “ใช่แล้วเจ้านาย..ในฐานะที่พวกเราเป็นแวมไพร์ ก็ต้องเคยได้ยินชื่อดาบพายุมาบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก! พวกเราเพียงแค่เคยได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยได้เห็นหรือจับต้อง..”
  “พวกเจ้าไปได้ยินชื่อดาบพายุมาจากใหนเจ้าคนชั่วเฉินเจี้ยนกุ่ยบอกกับพวกเจ้างั้นรึ?”
  พูดจบ..หลิงหยุนก็หัวเราะออกมาพร้อมกับสั่งว่า “พวกเจ้าทั้งคู่ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้!”
  หลิงหยุนร้องสั่งแวมไพร์ทั้งสองตนพร้อมกับเปิดประตูรถและก้าวออกมาทันทีภายในรถนั้นเล็กและแคบเกินไป อีกทั้งเขายังนั่งอยู่ข้างคนขับ จึงไม่สะดวกที่จะเรียกดาบพายุออกมาได้
  ดาบสีดำนั้นเพียงแค่ตัวดาบก็ยาวถึงหนึ่งเมตรครึ่งแล้วยังไม่รวมด้ามจับที่ยาวไม่ต่ำกว่ายี่สิบเซ็นติเมตร..
  ทั้งพอลกับเจสเตอร์ต่างก็ลงมาจากรถตามคำสั่งของหลิงหยุนแต่พอลก็ร้องถามออกมาอย่างประหลาดใจ
  “เจ้านาย..ฟ้าใกล้จะสางแล้ว ท่านเรียกพวกเราลงมาทำไมกัน!”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเรียกดาบพายุออกมาจากแหวนพื้นที่และทำการกวัดแกว่งดาบไปมาอยู่กลางอากาศ เสียงตัวดาบปะทะกับสายลมจนเกิดเสียงดังหวีดหวิวขึ้น..
  “โอ้..ชิบหายแล้วเจ้านาย!”
  “โอ้พระเจ้า..เป็นไปไม่ได้!”
  เพียงแค่หลิงหยุนเรียกดาบสีดำออกมาจากแหวนพื้นที่ทั้งพอลกับเจสเตอร์ต่างก็มีสีหน้าตกใจ และวิ่งหนีออกไปคนละทิศคนละทาง ทั้งคู่วิ่งหนีไปไกลราวห้าสิบเมตรจึงหยุดพร้อมกับมีสีหน้าหวาดผวา..
  ดาบพายุนั้นหนักกว่ากระบี่โลหิตแดนใต้และตัวดาบไม่มีการประดับประดามากมาย มีเพียงแค่ตัวดาบที่คมกริบกับด้ามจับซึ่งเป็นสีดำเท่านั้น และไม่รู้ว่าดาบเล่มนี้ทำจากโลหะอะไรถึงได้มีสีดำไร้ประกายแวววาว หลิงหยุนยืนกวัดแกว่งดาบในมือไปมาพร้อมกับเอ่ยชม..
  “ช่างเป็นดาบที่ยอดเยี่ยมนัก!”
  หลิงหยุนไม่สนใจเจสเตอร์กับพอลเขาจ้องมองดาบพายุในมือพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง แล้วจึงร้องบอกแวมไพร์ทั้งสองตนว่า
  “เหตุใดพวกเจ้าทั้งสองต้องหนีไปไกลอย่างนั้นด้วยเล่า”
  “ท่านซานตาน..นี่ท่านทำบ้าอะไร แล้วทำไมจู่ๆดาบพายุถึงได้มาอยู่ในมือของท่านได้..”
  เจสเตอร์ที่ยืนอยู่ไกลๆนั้นกระโดดขึ้นกระโดดลงราวกับคนบ้า!มันจ้องมองดาบสีดำด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เวลานี้.. สีหน้าของเจสเตอร์เต็มไปด้วยความหวาดผวาราวกับกำลังเผชิญหน้ากับซานตาน แต่สีหน้าของพอลก็ไม่ได้ดีไปกว่าเจสเตอร์นัก..
  “โอ้เจ้านายที่เคารพ..ได้โปรดเอาดาบนั่นไปให้ห่างจากพวกเรา มันน่าสยดสยองเกินไป!”
  หลิงหยุนได้แต่นึกขันอยู่ในใจว่าดาบพายุเล่มนี้สามารถทำให้แวมไพร์สองตนนี้หวาดกลัวได้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ ดูท่าจะสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว..
  หลิงหยุนยืนครุ่นคิดเรื่องดาบพายุอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดกับแวมไพร์ทั้งสองตนว่า“เอาล่ะ.. ข้าจะเก็บมันก็ได้!”
  “เจ้านายที่เคารพ..พวกเรากลับกันได้แล้ว! แต่ท่านต้องสัญญาว่าจะไม่เอาดาบศักดิ์สิทธิ์นั่นออกมากวัดแกว่งต่อหน้าพวกเราอีก..”
  หลิงหยุนเพียงแค่หัวเราะไม่ตอบอะไรแล้วกลับเข้าไปนั่งในรถเช่นเดิม..
  ทันทีที่กลับไปถึงบ้าน..หลังจากที่หลิงหยุนลงไปจากรถแล้ว แวมไพร์ทั้งสองตนก็รีบขับรถสีเงินเข้าไปจอดในโรงรถ และแทบอยากหนีออกไปจากบ้านหลังนี้ทันที
  “ก็แค่ดาบเล่มเดียว..พวกเจ้าต้องหวาดกลัวถึงเพียงนี้เชียวรึ” หลิงหยุนตะโกนถามยิ้มๆ
  เจสเตอร์ยังคงนั่งกุมพวงมาลัยตัวสั่น..ส่วนพอลที่นั่งนิ่งมานานเพราะความตกใจนั้นจึงตอบหลิงหยุนไปว่า
  “เจ้านายที่เคารพ..พวกเราเคยบอกท่านแล้วว่าเหล่าแวมไพร์มีสองพวกใหญ่ๆ พวกหนึ่งคือกลุ่มแวมไพร์ลับ ส่วนอีกพวกหนึ่งคือกลุ่มแวมไพร์ปีศาจ”
  ในยุคโบร่ำโบราณนั้นเคยปรากฏว่ามีผู้นำกลุ่มแวมไพร์ปีศาจตนหนึ่งนามว่าไดนาสท์ เพื่อต้องการครอบครองบัลลังก์ของบิดาตนเอง จึงได้ทำการตีดาบขึ้นมาสองเล่ม และทำการแยกดวงจิตของตนไปสิงสถิตอยู่ในดาบทั้งสองเล่ม เล่มหนึ่งชื่อว่าดาบเทพเจ้า ส่วนอีกเล่มหนึ่งชื่อว่าดาบพายุ!
  นับแต่นั้นมา..ดาบทั้งสองเล่มจึงได้กลายเป็นดาบที่น่าสะพรึงกลัว และมีอานุภาพร้ายแรง ว่ากันว่าดาบทั้งสองเล่มนี้สามารถฉีกร่างของเหล่าแวมไพร์ได้อย่างง่ายดาย และหากเหล่าแวมไพร์ถูกดาบนี้ฟันเข้าไป ก็ยากที่แผลจะสมานกลับคืนได้อย่างรวดเร็ว!
  แต่ที่น่าหวาดผวากว่านั้นก็คือ..ดวงจิตที่แข็งแกร่งของราชาไดนาสท์ที่สิงสถิตอยู่ในดาบทั้งสองนั่นต่างหาก!
  และเหล่าแวมไพร์ต่างก็รู้ดีว่า..ผู้ที่ครอบครองดาบทั้งสองเล่มนี้ จะมีพลังอำนาจสามารถทำให้แวมไพร์สายเลือดแท้กลายเป็นบริวารได้!
  ความคมของดาบทั้งสองเล่มนั้นเรียกได้ว่าสามารถตัดเพชรที่แข็งแกร่งให้ขาดได้ไม่ต่างจากการฟันลูกแตงโม และดาบพายุนั้น หากผู้ที่ใช้มันมีพลังมากพอ เพียงแค่ดาบเดียวก็สามารถทำให้เกิดพายุทอร์นาโดขึ้นรอบๆตัวได้ และพายุทอร์นาโดดำมืดนั้นก็สามารถกวาดเอาทุกอย่างในบริเวณนั้นให้ราบเรียบได้เลยทีเดียว
  “เยี่ยมยอดถึงเพียงนี้เชียวรึ!เฉินเจี้ยนกุ่ย.. ขอบใจเจ้ามากที่ทิ้งดาบล้ำเลิศเช่นนี้ไว้ให้ข้า!”
  หลังจากที่หลิงหยุนได้ฟังคุณสมบัติที่น่าสะพรึงกลัวของดาบพายุแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าครั้งนี้ตนเองได้กำไรอย่างมหาศาลเลยทีเดียว!
  หลิงหยุนหันไปมองเจสเตอร์กับพอลอย่างสนอกสนใจพร้อมกับถามต่อว่า“ถ้าเช่นนั้นจงตอบข้ามา.. ข้าจะสามารถใช้ดาบพายุเล่มนี้ทำให้แวมไพร์อย่างพวกเจ้าทั้งสองกลายเป็นบริวารของข้าได้หรือไม่”
  “ห๊ะ!”
  สิ้นเสียงร้องอุทานดังออกมาพร้อมๆกันเจสเตอร์เหยียบคันเร่งรถสีเงินถอยหลังพุ่งออกจากบ้านไปชนกับเสาไฟถนนด้านนอกพอดี!
  เจสเตอร์พยักหน้าหงึกๆและใบหน้าที่ซีดขาวของมันก็กลับซีดยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับระล่ำระลักตอบกลับไปว่า “เจ้านายที่เคารพ..ได้อย่างแน่นอน! ”
  แต่พอลกลับมีทีท่าที่สงบนิ่งพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
  “เจ้านายที่เคารพ..ไม่ว่าจะเป็นแวมไพร์สายเลือดแท้ หรือว่าแวมไพร์เลือดผสมอย่างพวกเรา ตราบใดที่ระดับขั้นของแวมไพร์ตนนั้นไม่สูงกว่าราชาไดนาสท์ ท่านก็สามารถใช้ดาบพายุเล่มนี้ทำให้แวมไพร์ตนนั้นกลายเป็นบริวารของท่านได้..”
  หลิงหยุนถามอย่างประหลาดใจ“ทำให้แวมไพร์กลายเป็นบริวารของข้าได้จริงๆอย่างนั้นรึ”
  “ใช่แล้ว!แต่มีข้อสองข้อ.. ข้อแรก – แวมไพร์ตนนั้นต้องอยู่ในระดับขั้นที่ต่ำกว่าราชาไดนาสท์ และข้อที่สอง – สายเลือดในกายของท่านต้องแข็งแกร่งกว่าราชาไดนาสท์..”
  หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับร้องถามออกไปว่า“แล้วสายเลือดในตัวของพวกเจ้าแข็งแกร่งกว่าราชาไดนาสท์หรือไม่!”
  เจสเตอร์รีบร้องตะโกนออกมาทันที“โอ้เจ้านายที่เคารพ.. คำถามของท่านเท่ากับเป็นการดูถูกราชาไดนาสท์ที่เป็นไอดอลของพวกเราเหล่าแวมไพร์เลยนะ! ราชาไดนาสท์เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นนิรันดร์ และเป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของแวมไพร์อย่างพวกเรา! เขาคือราชันผู้สูงส่ง!”
  พอลกระซิบเบาๆ“ถ้าเช่นนั้นข้อแม้ข้อแรกก็ตัดทิ้งไปได้เลย เหลือเพียงข้อแม้ข้อที่สอง ในดาบเล่มนี้มีดวงจิตของราชาไดนาสท์สิงสถิตอยู่เพียงครึ่งดวง..”
  “คราวนี้ก็ต้องดูว่าดวงจิตครึ่งดวงของราชาไดนาสท์นั้นจะทรงพลังแค่ใหน”
  “ในอดีตนั้น..ว่ากันว่าดาบสองเล่มนี้มีเพียงแวมไพร์ระดับลอร์ดเท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้ แต่เนื่องจากเวลาผ่านมาเนิ่นนานมากแล้ว ดวงจิตที่สถิตอยู่ในดาบก็น่าจะมีพลังลดลงไปตามกาลเวลา มาถึงตอนนี้แวมไพร์ขั้นแกรนด์ดยุคก็น่าจะใช้ได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร..”
  “แค่แกรนด์ดยุคก็ใช้ได้แล้วงั้นรึ”
  สีหน้าของหลิงหยุนดูผิดหวังเล็กน้อยเขาได้แต่คิดในใจว่า.. น่าจะเป็นระดับองค์ชาย หรือระดับเหล่าอาวุโส หรือไม่ก็แกรนด์ลอร์ด
  “โอ้เจ้านายที่เคารพ..ขนาดแกรนด์ดยุคท่านยังไม่พอใจอีกเหรอ ท่านไม่รู้อะไร.. ฉันกับพอลอยู่มาจนอายุเท่านี้ยังเคยเห็นแกรนด์ดยุคห่างๆแค่ครั้งเดียวเอง..”
  ตอนนี้หลิงหยุนไม่รู้ว่าเลือดของตนเองจะเทียบเท่าแกรนด์ดยุคได้หรือไม่แต่หากเทียบกับแวมไพร์ทั้งสองนี้ เขาเหนือกว่ามาก!
  “เยี่ยม..เยี่ยมมาก! ถ้าเช่นนั้นก็รีบบอกมาว่าข้าจะใช้ดาบพายุเล่มนี้ทำให้พวกเจ้ากลายเป็นบริวารของข้าได้อย่างไร”
  เจสเตอร์รู้ดีว่าเขาคงไม่สามารถหนีรอดเงื้อมือหลิงหยุนได้แน่จึงได้แต่พูดออกไปอย่างห้าวหาญ..
  “เจ้านายที่เคารพ..ง่ายนิดเดียว! เพียงแค่ท่านใช้ดาบเล่มนี้กรีดลงบนร่างกายของพวกเราให้เป็นแผล แล้วหยดเลือดของท่านลงบนบาดแผล เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว!”
  “อ่อ..ง่ายแค่นี้เองรึ ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าไปทำอะไรอยู่ในรถ ยังไม่รีบลงมาอีก..เร็วเข้า!”
  หลิงหยุนเดินไปเปิดประตูรถออกพร้อมกับจ้องมองแวมไพร์สองตนที่นั่งคู่กัน แล้วถามเสียงเบาว่า
  “เอาล่ะ..บอกข้ามาว่าจะให้เริ่มจากใครก่อนดี!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+