Elixir Supplier 536

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 536 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

536 ลูกอกตัญญู

 

“ฉันก็ยังอยากจะลองอยู่ดี” หลี่เชิ่งหรงที่อยู่ปลายสายพูด

 

“แกมันแก่เกินไปสำหรับเรื่องนี้แล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วละก็ ฉันวางแล้วนะ” เฉินเหล่าพูด

 

ดื้อจริงๆ!

 

ตู๊ด! ตู๊ด!

 

เฉินเหล่ากดวางสายและสายหน้า มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ!

 

เขาก็เป็นคนหนึ่งที่อยากรู้ส่วนผสมของตัวยา เพราะถึงยังไงมันก็เป็นยาที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก เขาเคยพยายามวิเคราะห์หาส่วนประกอบของยาอยู่หลายครั้ง แต่แล้วก็ล้มเหลวทุกครั้ง ดังนั้น เขาจึงต้องยอมแพ้ไป

 

การพยายามอยู่ซ้ำๆ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะคุ้มค่ากับความพยายามในทุกเรื่อง

 

วันต่อมา มันเป็นวันที่สดใสและแดดจ้า

 

หวังเย้ามีแขกเดินทางมาพบที่คลินิก เขาก็คือพันจวิน

 

“อรุณสวัสดิ์ครับ อาจารย์” พันจวินพูด

 

“วันนี้ไม่มีงานเหรอครับ?” ถึงแม้ว่าตอนแรกเขาจะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่ตอนนี้หวังเย้าก็ชินกับชื่อเรียกว่า “อาจารย์” แล้ว

 

“วันนี้เป็นวันหยุดน่ะ” พันจวินพูด

 

“ดีครับ งั้นผมขอถามคำถามหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ได้เลย” พันจวินพูดอย่างยินดี

 

เขามาที่คลินิกก็เพราะ เขาคิดว่าตัวเองมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาบ้างแล้ว ดังนั้น เขาจึงอยากจะเรีบนเทคนิคการรักษาจากหวังเย้า

 

หวังเย้าถามกับพันจวินอยู่หลายคำถาม โดยจะเน้นถามในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเส้นเลือดและจุดฝังเข็มเป็นหลัก สิ่งเหล่านี้คือเรื่องพื้นฐานที่ต้องมีในผู้เรียนแพทย์แผนจีน

 

พันจวินตอบคำถามทุกข้อได้อย่างไม่มีตกหล่น

 

“ดีมากครับ” หวังเย้าพูด

 

พันจวินอยู่ในช่วงอายุ 40 และเรียนแพทย์ตะวันตกมาก่อน เขาจึงต้องใช้ความพยายามในการเรียนรู้อย่างมาก

 

“ผมจะสอนเทคนิคการนวดให้พี่นะครับ” หวังเย้าพูด

 

“เยี่ยม” พันจวินพูด เขารอคอยเวลานี้มานานมากแล้ว

 

หวังเย้าเริ่มต้นที่เทคนิคการนวดขั้นพื้นฐาน คือ การกด, การบีบ, การนวด พันจวินฟังสิ่งที่หวังเย้าสอนอย่างตั้งใจ และยังจดบันทึกเป็นครั้งคราวอีกด้วย

 

“มาทางนี่สิครับ ผมจะแสดงให้พี่ดู” หวังเย้าพูด

 

หลังจากที่อธิบายเทคนิคไปเรียบร้อยแล้ว หวังเย้าก็สาธิตวิธีการนวดโดยใช้ร่างกายของพันจวิน เขายังอธิบายซ้ำในสิ่งที่เขาได้เคยพูดไว้ก่อนหน้านั้น และย้ำเตือนให้พันจวินจำความรู้สึกที่ได้รับ

 

พันจวินรับรู้ได้ถึงความรู้สึกสบายและอบอุ่น ในจุดที่หวังเย้ากำลังนวดอยู่  โดยเฉพาะที่แผ่นหลังของเขา เขายังรู้สึกสบายยิ่งกว่าตอนที่แช่น้ำร้อนด้วยซ้ำ

 

“รู้สึกยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ฉันรู้สึกสบายมากเลย” พันจวินพูด

 

“ผมไม่ได้จะถามว่าพี่รู้สึกสบายรึเปล่า ผมถามเพราะอยากรู้ว่า พี่จดจำความรู้สึกของการนวดได้ไหมต่างหาก” หวังเย้าพูด

 

“อ่อ ฉันจดจำความรู้สึกนั้นเอาไว้แล้วล่ะ” พันจวินพูด

 

หวังเย้าไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก แล้วพันจวินก็ศึกษาข้อมูลเหล่านี้ก่อนที่เขาจะมาที่นี่แล้ว ดังนั้น เขาจึงมีความเข้าใจในเทคนิคการนวดได้เป็นอย่างดี หลังจากรวมความรู้ในทางทฤษฎีและทางปฏิบัติเข้าด้วยกัน มันก็ทำให้เขาสามารถเรียนรู้ได้เร็วขึ้น

 

“โอเคครับ ตอนนี้เป็นตาของพี่บ้างแล้ว มานวดให้ผมทีครับ” หวังเย้าชี้ไปที่แผ่นหลังของตัวเอง

 

“โอเค” พันจวินกระตือรือร้นที่จะลองทำด้วยตัวเองอย่างมาก

 

“ให้ใช้เทคนิค อย่าใช้แรงอย่างเดียวครับ” หลังจากที่เขากดลงไปบนแผ่นหลังของหวังเย้าได้สองครั้ง หวังเย้าก็เอ่ยบอกเขา “ดูให้แน่ว่าพี่ไล่ไปตามเส้นเลือดรึเปล่า”

 

“แล้วก็อย่ารีบครับ” ในตอนที่พันจวินกำลังนวดให้เขา หวังเย้าก็จะเอ่ยปากบอกอยู่อย่างต่อเนื่อง

 

หวังเย้าสามารถบอกปัญหาสุขภาพได้จากการนวดให้พ่อแม่ของเขา

 

“ฉันเข้าใจแล้ว” พันจวินพูด

 

หวังเย้าใช้เวลาสอนเทคนิคการนวดให้กับพันจวินตลอดทั้งเช้า

 

“วันนี้พอก่อนนะครับ ถ้ามีเวลาก็ให้โทรมาหาผมก่อน ผมจะดูว่าพอจะแบ่งเวลาสอนพี่ได้ไหมนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“โอเค” พันจวินพูด “แล้วฉันเอาเทคนิคนี้ไปนวดให้คนในบ้านฉันได้ไหม?”

 

“ได้สิครับ แต่ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังนะครับ เพราะการนวดใช่ว่าจะเหมาะกับทุกคน พี่เพิ่งจะเรียนเทคนิคการนวดไป ดังนั้น พี่ต้องเลี่ยงจุดอันตรายบนร่างกายของมนุษย์ให้ดีดีด้วย” หวังเย้าพูด

 

“แน่นอน” พันจวินพูด เขาออกไปจากคลินิกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ถึงแม้ว่าเขาจะอายุ 40 กว่าแล้ว แต่เขาก็ยังยิ้มแย้มราวกับเด็กน้อย ตอนนี้ เขามีความสุขมากจริงๆ

 

หลังมื้อหลางวัน หวังเจียนหลี่ก็มาหาหวังเย้า

 

“สวัสดี เสี่ยวเย้าอยู่บ้านไหม?” หวังเจียนหลี่ถาม

 

“สวัสดีครับ คุณลุง มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ลุงมีเรื่องอยากจะถามเธอสักหน่อยนะ” หวังเจียนหลี่พูด

 

“เชิญเข้ามาก่อนสิครับ” หวังเย้าเชิญหวังเจียนหลี่เข้ามาในบ้านและชงชาให้กับเขา

 

“คุณซุนมาคุยกับลุงเมื่อวานน่ะ เขาขอให้ลุงยืนยันตัวเลขของคนที่ต้องการจะเอาบ้านแลกกับพาร์ทเมนต์ในเมือง” หวังเจียนหลี่พูด “ลุงเอาแต่คิดเรื่องนี้ทั้งคืน แล้วลุงก็เข้าไปในเมืองอีกรอบเพื่อยืนยันเรื่องจำนวนตัวเลข”

 

“เรื่องนั้นน่าจะไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาได้ยินจากซุนหยุนเชิงว่า มันไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องของเอกสาร ซุนหยุนเชิงจัดการทุกอย่างเพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ไว้เรียบร้อยหมดแล้ว

 

“มันก็มีปัญหาอยู่เรื่องเดียวก็คือ มีชาวบ้านหลายคนที่อยากจะเอาบ้านไปแลกน่ะสิ” หวังเจียนหลี่พูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา

 

“มีกี่หลังเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“141 หลัง” หวังเจียนหลี่พูด

 

“อะไรนะครับ?” หวังเย้าตกใจ จำนวนตัวเลขเพิ่มเป็นสองเท่าจากที่เขาได้ยินมาเมื่อวันก่อน

 

“ทั้งหมดก็น่าจะประมาณ 150 ได้” หวังเจียนหลี่พูด

 

“สรุปแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่อยากจะย้ายออกกันสินะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ใช่ เธอพูดถูก” หวังเจียนหลี่พูด

 

เขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีคนไม่มากที่อยากจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่อ พวกเขาส่วนใหญ่ต้องการย้ายเข้าไปอยู่ในตัวเมือง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านแห่งนี้ล่ะ? ชาวบ้านส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ทำไร่ทำนากัน และจำนวนของคนที่ต้องการย้ายออกก็สูงเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ เขาเคยคิดว่า อาจจะมีคนอยากย้ายออกแค่ไม่กี่สิบหลังเท่านั้น จำนวน 150 นั้นสูงเกินคาดอย่างมาก

 

“มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ในตัวเมืองสูงขึ้นมาก” หวังเจียนหลี่พูด “ชาวบ้านส่วนใหญ่เลือกที่จะเอาบ้านไปแลกก็เพื่อลูกๆของพวกเขา ยังมีบางคนที่จ่ายมัดจำอพาร์ทเมนต์อื่นเอาไว้แล้วด้วย พวกเขากำลังจะยกเลิกสัญญาที่ทำเอาไว้ เพราะยังไงก็ยังไม่ได้ทำการตกแต่งเอาไว้อยู่แล้ว พวกเขาไม่เสียดายค่ามัดจำเท่าไหร่”

 

สำหรับครอบครัวคนธรรมดาในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจีน ที่ไม่ใช่แค่ในเมืองหลวงเท่านั้น การซื้ออสังหาริมทรัพย์คือการผลาญทรัพย์ก้อนใหญ่ พวกเขาต้องเก็บเงินสำหรับค่ามัดจำ และทำเรื่องขอกู้กับทางธนาคาร ซึ่งสัญญาเงินกู้มักจะมีระยะเวลาประมาณ 10-20 ปี

 

“เธอมีอพาร์ทเมนต์พอสำหรับชาวบ้านรึเปล่า?” หวังเจียนหลี่ถาม

 

“พอครับ ผมไปดูที่ก่อสร้างมาแล้ว มันมีขนาดใหญ่มาก” หวังเย้าพูด

 

อพาร์ทเมนต์ที่สร้างขึ้นมาสองตึกนั้นไม่เพียงพอสำหรับชาวบ้านทุกคนแน่ แต่พื้นที่บริเวณนั้นกว้างพอที่จะสร้างได้อีกถึงสิบกว่าตึก ซุนเจิ้งหรงอาจจะไม่ใช่นักพัฒนาที่ดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน แต่เขาก็มีประสบการณ์ในเรื่องนี้อยู่มาก มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับบริษัทของเขา ที่จะสร้างอาคารที่อยู่อาศัยหลายตึกรวมกัน

 

“เยี่ยม! ลุงจะได้ไปถามกับชาวบ้านเพื่อยืนยันเรื่องนี้อีกรอบ” หวังเจียนหลี่พูด

 

“ได้ครับ” หวังเย้าพูด “มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยอีกไหมครับ?”

 

“ไม่มีแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะ” หวังเจียนหลี่พูด

 

เขาอยู่คุยกับหวังเย้าและหวังเฟิงฮวาต่ออีกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะขอตัวกลับ

 

“ไม่คิดเลยว่า ลุงเจียนหลี่จะกระตือรือร้นกับเรื่องนี้มากขนาดนี้” หวังเย้าพูด

 

“ก็อย่างว่าละนะ พอคนพวกนั้นย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองแล้ว ที่นี่ก็จะเหลือแต่คนอายุ 50 กว่า อย่างพ่อกับแม่ของลูก หรือไม่ก็คนที่แก่กว่านี้ พวกเขามีแต่ต้องการความช่วยเหลือ แล้วก็มีกำลังทำอะไรไม่ได้มาก เพราะคนที่มีแรงก็ย้ายออกไปกันหมด” หวังเฟิงฮวาพูด “เธอคิดว่า เขาจะมีความสุขไหมล่ะ? แล้วอีกเดี๋ยว ไร่นาพวกนี้ก็จะกลายเป็นที่ร้างไป”

 

“ไม่หรอกครับ เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่มีคนดูแลไร่นาบนเขา ผมจะทำเอง” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ทำไมจะต้องเอาที่ดินมากมายขนาดนั้นด้วย? แค่แปลงสมุนไพรบนเนินเขาหนานชานยังไม่พออีกเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงที่บังเอิญมาได้ยินคำพูดของหวังเย้ากับหวังเฟิงฮวา ก็เอ่ยถามขึ้นมา

 

“ผมจะปลูกต้นไม้กับสมุนไพรครับ บนเนินเขาหนานชานมีที่ให้ปลูกไม่มากแล้ว” หวังเย้าตอบ

 

เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง เขาตั้งใจที่จะปลูกต้นไม้เพิ่ม แต่เขาก็จำเป็นต้องวางแผนให้ดี ต้นไม้ที่จะปลูกใหม่ต้องไม่กระทบกับค่ายกลของเขา

 

ระหว่างทางกลับขึ้นไปบนเขา หวังเย้าก็บังเอิญเจอเข้ากับชายชราที่มาหาเขาที่คลินิกเมื่อสองสามวันก่อน ชายชรามีสภาพที่แย่ลงกว่าเดิมมาก ดวงตาของเขาฝ้าฟางและเดินไม่มั่นคง มันดูราวกับว่า เขาสามารถถูกลมพัดปลิวไปได้ทุกขณะ

 

“คุณลุงได้ไปโรงพยาบาลแล้วรึยังครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ยังเลย” ชายชราตอบอย่างอ่อนแรง เสียงพูดของเขาถูกสายลมพัดปลิวหายไปอย่างรวดเร็ว

 

อาการของชายชรานั้นเกินกว่าที่จะรักษาได้แล้ว พลังของเขาหดหายลงไปทุกที ซึ่งเป็นสัญญาณของชีวิตที่ใกล้ดับสูญ

 

“แล้วไม่ได้โทรไปบอกลูกสาวของคุณลุงเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ตอนนี้ เธอต้องดูแลเด็กเล็กสองคน แค่นี้เธอก็เหนื่อยมากแล้วล่ะ” ชายชราพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา

 

พ่อแม่ส่วนใหญ่มักไม่ต้องการสร้างภาระให้กับลูกๆ นอกจากว่าพวกเขาจะทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ แล้วชายชราก็เป็นแบบนั้น เขาเลือกที่จะอดทนมากกว่าที่จะไปรบกวนลูกสาวของตัวเอง

 

ชายชราเดินต่อไป แต่ก็เกือบจะล้ม หวังเย้าเข้าไปช่วยพยุงเขาเอาไว้

 

“ระวังครับ ให้ผมพาไปส่งที่บ้านดีกว่านะครับ” หวังเย้าพูด

 

ในตอนที่ช่วยพยุงชายชรานั้น หวังเย้าก็รีบส่งพลังฉีเข้าไปในร่างกายของชายชราด้วย

 

“ไม่เป็นไร ขอบคุณๆ ฉันรู้ว่าเธอน่ะงานยุ่ง” ชายชราพูด “เธอมีคนไข้ที่คลินิกหลายคนเลยใช่ไหมล่ะ?”

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ให้ผมพาคุณลุงกลับไปที่บ้านนะครับ” หวังเย้าเดินกลับบ้านเป็นเพื่อนชายชรา

 

“พ่อไปไหนมาน่ะ?” เมื่อเห็นชายชรา ลูกชายของเขาก็ตะคอกออกมาทันทีด้วยท่าทีที่ไม่พอใจนัก

 

“เสี่ยวเย้า!” เมื่อเห็นหวังเย้า เขาก็รีบปรับเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว และส่งรอยยิ้มกว้างให้กับหวังเย้า

 

หวังเย้ารู้สึกรังเกียจท่าทีของเขา แต่ตัวเขาเองอาจจะไม่รู้ว่า ชาวบ้านหลายคนรู้สึกเกรงกลัวหวังเย้าอยู่เล็กน้อย พวกเขารู้ว่า หวังเย้านั้นรู้จักกับผู้มีอำนาจหลายคนและยังส่งคนร้ายเข้าคุกไปแล้วอีกเป็นจำนวนมาก คนหนุ่มเกเรหลายคนจึงไม่กล้าทำตัวแย่ๆต่อหน้าเขา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด