Elixir Supplier 588

Now you are reading Elixir Supplier Chapter 588 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

588 ฝนโปรย

 

“เขายังเป็นอันตรายใหญ่หลวงที่ซ่อนเร้นอยู่ด้วย เป็นตัวแพร่เชื้อดีดีนี่เอง” หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญพูด “คำแนะนำจากฉันก็คือ ให้ทำลายเขาซะตรงนั้นเลย!”

 

“แล้วหมู่บ้านจำเป็นต้องถูกปิดกั้นการเข้าออกด้วยไหมครับ?” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งถาม

 

“ตอนนี้ ฉันเสนอให้สังเกตการณ์ดูไปก่อน” ผู้เชี่ยวชาญอีกคนพูด

 

“สังเกตการณ์เหรอ? แล้วถ้าเกิดมีนำเชื้อออกไปข้างนอก จะเกิดอะไรขึ้น? นายได้คิดถึงเรื่องนี้บ้างรึเปล่า?” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญถาม

 

“ฉันเสนอให้ทำการปิดกั้นการเข้าออกเป็นการชั่วคราว” หัวหน้าทีมพูด “ห้ามทุกคนในหมู่บ้านออกไปไหนทั้งนั้น เราจะทำการสังเกตการณ์เป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วนำเลือดของพวกเขาไปทำการทดสอบ”

 

ผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนต่างก็เห็นด้วย แล้วคนคนหนึ่งก็พูดแทรกขึ้นมา เพื่อบอกเรื่องที่หวังเจียนหลี่ได้บอกเอาไว้

 

“อะไรนะ?” หัวหน้าทีมถาม

 

“เขาบอกมาแบบนั้นน่ะครับ” คนส่งสารพูด

 

“เขาพูดว่า ที่นั่นมีแรงกดดันสูงและมีพลังของความตายอยู่อย่างนั้นเหรอ?” หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญถาม

 

คนที่มีความรู้ในระดับสูง พวกเขามีหน้าที่ในการรักษาและช่วยชีวิตคน พวกเขาเชื่อในเรื่องของวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องลวงและลึกลับ

 

“แล้วที่นั่นอยู่ที่ไหนเหรอ?” หัวหน้าทีมถาม

 

“ผมไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนหรอก แต่มีคนหนึ่งที่รู้” หวังเจียนหลี่พูด เขาได้ถามหวังเย้าเกี่ยวกับสถานที่นั้นมาแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้จุดที่แน่นอน

 

“คุณช่วยพาเราไปที่นั่นหน่อยได้ไหม?” หัวหน้าทีมถาม

 

“อืม ผมจะโทรเรียกเขามา” หวังเจียนหลี่กดโทรออก

 

“หัวหน้าเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ?” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญถาม

 

“แค่ลองไปดูเท่านั้นแหละ ถ้าเราเจอแหล่งที่มาของไวรัสตัวนี้ได้ ก็ถือเป็นเรื่องที่โชคดี” หัวหน้าทีมพูด “แต่ถ้าไม่เจอ ก็คิดซะว่า เป็นการออกกำลังก็แล้วกันนะ”

 

“ออกกำลังกาย? ตอนฝนตกแบบนี้เนี้ยนะ?” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งถาม

 

ฝนฤดูใบไม้ผลิโปรยลงไปเบาบางและแผ่วเบา ทำให้อากาศเย็นลงเล็กน้อย

 

บนเนินเขาหนานชาน หวังเย้าสร้างกรงขังขึ้นมาจากหินบนภูเขา ภายในนั้นมีกระต่ายตัวเล็กๆอยู่ตัวหนึ่ง และด้านล่างมีดินดำที่เขาเก็บมาจากหลุมนั่น จากการที่เขาทดสอบดู ดินนั้นเต็มไปด้วยพิษในปริมาณสูง เขาตั้งกรงเอาไว้ในบริเวณแปลงสมุนไพรและนั่งมองอยู่เงียบๆ

 

โฮ่ง! โฮ่ง! ซานเซียนเห่าประท้วง

 

“อย่าเห่าสิ นายก็กินข้าวไปแล้วไม่ใช่เหรอไง? ขอฉันคิดดูก่อนนะ นายกินเนื้ออบพริกไทยไปใช่ไหม?” หวังเย้ายิ้มและลูบศีรษะของซานเซียน “แล้วนายดื่มยาไปรึยัง?”

 

โฮ่ง! ซานเซียนหันหน้าไปอีกทาง

 

“ไม่อร่อยเหรอ?” หวังเย้าถาม “ไม่ได้ มันดีต่อร่างกายนายนะ ไปดื่มเดี๋ยวนี้เลย” หวังเย้าชี้ไปที่ถ้วยแสตนเลสที่วางอยู่ข้างๆบ้านสุนัข

 

โฮ่ง!

 

ซานเซียนรู้สึกไม่พอใจและเห่าออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ แต่มันก็ยังคงเดินไปที่บ้านสุนัขและดื่มยาที่หวังเย้าทำให้เข้าไป

 

อยู่ๆมือถือของหวังเย้าก็ส่งเสียงดังขึ้นมา “คุณลุง มีเรื่องอะไรเหรอครับ? อะไรนะ? จะไปดูที่นั่นเหรอครับ? ไปกับใครครับ? ผู้เชี่ยวชาญของทางจังหวัดเหรอ? เอ่อ ให้พวกเขารอแปบนึงนะครับ ผมจะลงจากเขาเดี๋ยวนี้เลย”

 

หลังจากวางสายแล้ว หวังเย้าก็เรียกซานเซียนให้มาหา

 

“ซานเซียน นายเฝ้ากระต่ายตัวนี้เอาไว้นะ ถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น นายก็จับมันโยนไปตรงนั้นเลยนะ!” หวังเย้าชี้ไปตรงจุดที่ปลูกสมุนไพรรากบางชนิดเอาไว้

 

หญ้าพิษสามารถจัดการกับสัตว์และแมลงมีพิษได้

 

เขาเคยนำดินในบริเวณที่ปลูกหญ้าพิษเอาไว้ไปทำการตรวจ และพบว่า มันไม่มีแมลงหรือสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่เลย

 

“จำได้ใช่ไหม?” หวังเย้าถาม

 

โฮ่ง!

 

“ดีมาก! ตอนขากลับ ฉันจะเอาเนื้ออบซอสมาให้นายนะ!” หวังเย้าเดินลงไปจากเขา

 

ที่บริเวณตีนเขา เขาเห็นหวังเจียนหลี่ยืนอยู่ตรงนั้น เขายังได้พบกับผู้เชี่ยวชาญของทางจังหวัดด้วย หัวหน้าทีมเป็นชายวัยประมาณ 50 เขามีศีรษะล้านเลี่ยนและสวมแว่นตา ดวงตาของเขาเป็นประกายสดใส แก้มของเขาตอบและมีร่างกายผอมบาง

 

“เสี่ยวเย้า นี่คือหัวหน้าหลิว” หวังเจียนหลี่พูด

 

“สวัสดีครับ” หวังเย้าพูด

 

“สวัสดี เธอช่วยพาเราไปที่ที่เธอพูดถึงหน่อยได้ไหม?” หัวหน้าหลิวยิ้มอย่างใจดีให้กับหวังเย้า

 

“ได้สิครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาพาพวกเขาไปยังเนินเขาซีชาน ซึ่งตั้งอยู๋ไม่ไกลจากหมู่บ้าน

 

“เธอเจอที่ที่เรียกว่า ดินแดนแห่งความตายได้ยังไงเหรอ?” หัวหน้าหลิวถาม

 

“ดินแดนแห่งความตายเหรอครับ?” หวังเย้าตกใจ

 

“มีอะไรเหรอ?” หัวหน้าหลิวถาม “นั่นเป็นชื่อที่ผู้ใหญ่บ้านของเธอเป็นคนตั้งให้นะ”

 

ชื่อนี้ดูเหมือนจะเหมาะกับสถานที่แห่งนั้นดี

 

“ผมบังเอิญไปเจอมันเข้าน่ะครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาเดินนำไปยังหลุมภายใต้สายฝนที่โปรยลงมา บนพื้นดินมียอดอ่อนโผล่ออกมา แต่ภายในหลุมยังคงมีสีทึมทึบ ภายในนั้นมีศากศพของสัตว์อยู่หลายตัว เช่น กระต่ายและกระรอก

 

“ที่นี่เหรอ?” หัวหน้าหลิวถาม

 

“ครับ” หวังเย้าพูด

 

ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปดูใกล้ๆด้วยความระมัดระวัง

 

“สีของดินดูแปลกมาก” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญพูด

 

“รู้สึกว่าที่นี่มีความกดดันสูงมากไหม?” ผู้เชี่ยวชาญอีกคนถาม

 

“ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่เข้าไปใกล้ขนาดนั้นนะครับ” หวังเย้ายืนพูดอยู่ด้านหลังเขา

 

“พ่อหนุ่ม เธอรู้ไหมว่าอะไรอยู่ข้างในนั้น?” หัวหน้าหลิวถาม

 

“สิ่งที่สามารถฆ่าคนได้ครับ” หวังเย้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

 

ในตอนสุดท้าย พวกเขาก็ไม่เข้าไปใกล้หลุมนั่น แต่พวกเขาเลือกที่จะสำรวจบริเวณโดยรอบแทน พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านไบโอเมดิซีน ดังนั้น พวกเขาจึงมองเห็นความแตกต่างของพื้นที่บริเวณนี้ได้ดี

 

“เอาดินจากที่นี่กลับไปทดสอบดู” หัวหน้าหลิวพูด

 

“ครับ” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งตอบรับ

 

“พ่อหนุ่ม ขอบคุณเธอมากนะ” หัวหน้าหลิวพูด

 

“ยินดีครับ” หวังเย้าพูด

 

ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการเก็บตัวอย่างดินจากขอบหลุมด้วยความระมัดระวัง และเดินทางกลับไป หวังเย้าก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน

 

“ซานเซียน เป็นยังไงบ้าง?” หวังเย้าเดินมาที่จุดที่เขาทำการทดลองกระต่ายเอาไว้

 

โฮ่ง!

 

“มีปัญหาอะไรไหม?” หวังเย้าถาม

 

กระต่ายดูมีท่าทีหงุดหงิดและกระโดดไปมาอยู่ภายในกรงไม่หยุด

 

“มันป่วยเหรอ?” หวังเย้าถาม “เป็นเพราะมันสัมผัสกับดิน หรือเป็นเพราะสาเหตุอื่นกันนะ?”

 

หวังเย้ามองดูเวลา ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง กระต่ายก็เริ่มแสดงพฤติกรรมผิดปกติให้เห็นแล้ว

 

ที่ตีนเขา ผู้เชี่ยวชาญจากจังหวัดและห่ายชิวได้เดินทางกลับไปแล้ว พวกเขาไม่ได้นำร่างของเฉินเจียกุ้ยกลับไปด้วย และนำแค่เนื้อเยื่อบนร่างกายของเขากลับไปแทน การตัดสินใจนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ปรึกษากันดีแล้ว พวกเขารู้สึกว่า พวกเขาเตรียมการมาไม่พร้อม ถ้าหากพวกเขารีบร้อนนำร่างกลับไปด้วย มันอาจจะส่งผลร้ายมากกว่าดีก็ได้

 

ในตอนบ่าย แพทย์กลุ่มหนึ่งได้เดินทางมาถึง และปักหลักอยู่ที่ที่ทำการหมู่บ้าน พวกเขามาเพื่อตรวจสุขภาพให้กับชาวบ้านโดยไม่คิดเงิน ทุกคนได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด

 

หวังเย้าที่กำลังสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของกระต่ายบนเนินเขานั้น ก็ได้รับสายจากที่บ้าน “ตรวจร่างกายเหรอครับ?”

 

ภายในกรงหิน กระต่ายกระโดดขึ้นๆลงๆอย่างรุนแรง มันอยู่ไม่เป็นสุข หวังเย้าทำการจดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้

 

ภายในหมู่บ้าน ชาวบ้านคนแรกได้เข้ารับการตรวจเช็คร่างกาย ซึ่งมีทั้งการวัดอุณหภูมิ, วัดความดันโลหิต, อัตราการเต้นของหัวใจ, เก็บตัวอย่างเลือด, และฉีดยา มันดูธรรมดาทั่วไป แตมีเป้าหมายที่ชัดเจน

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่กันเหรอ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม “พวกเขามาถึงที่นี่ ทั้งๆที่ฝนตกเนี่ยนะ”

 

“ใครจะไปรู้ล่ะ” ชาวบ้านอีกคนพูด

 

“คงจะไม่มีโรคระบาดในหมู่บ้านของเราหรอกนะ” ชาวบ้านอีกคนหนึ่งพูด

 

ในยุคที่อินเตอร์เนตและข่าวสารเดินทางด้วยความเร็วสูง ความรู้จึงเป็นสิ่งที่สามารเข้าถึงได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย ภายใต้สถานการณ์แบบนี้นั้น มันเป็นเรื่องยากที่จะไม่คิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น

 

“ก็อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ คนพวกนั้นไปรวมอยู่ที่หน้าบ้านเฉินเจียกุ้ยกันหมด” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด “ฉันได้ยินมาว่า เมื่อสองสามวันก่อน อยู่ๆเขาก็เป็นบ้าขึ้นมา แถมยังไปกัดหลี่จูฉ่ายด้วย!”

 

“จริงเหรอ?” ชาวบ้านอีกคนถาม

 

“ใช่ เรื่องจริงแน่นอน ที่คอของหลี่จูฉ่ายมีแผลเป็นใหญ่มากอยู่ด้วย ฉันเพิ่งเห็นเมื่อเช้านี้เอง” ชาวบ้านคนแรกพูด

 

ในตอนบ่าย หวังเย้าลงมาจากเนินเขา

 

“พ่อกับแม่ไปตรวจร่างกายมาเมื่อเช้านี้แล้วนะจ๊ะ” แม่ของเขาพูด

 

“ดีแล้วครับ แต่แม่กับพ่อก็แข็งแรงอยู่แล้ว” หวังเย้าพูด

 

ผมหงอกของพวกเขากลับมาดกดำอีกครั้ง และผิวพรรณของพวกเขาก็มีสีอมชมพูและเป็นประกาย นี่เป็นผลจากการดื่มน้ำแร่โบราณเป็นประจำทุกวัน รวมถึงการที่หวังเย้านวดให้พวกเขาทุกเย็น และในระหว่างการนวด หวังเย้าก็จะส่งพลังฉีเข้าไปในร่างกายพ่อแม่ของเขาทีละน้อยอีกด้วย

 

ในคืนนั้น ภายในหมู่บ้านเงียบสงบดี ในที่สุด ฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งวันก็หยุดลงในตอนกลางดึก

 

ผู้เชี่ยวชาญที่เดินทางมาจากตัวจังหวัดได้เดินทางกลับไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เอาร่างของเฉินเจียกุ้ยกลับมาด้วย แต่พวกเขาก็ได้นำเนื้อเยื่อของเขากลับไปทำการทดสอบที่ตัวจังหวัด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด