Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 1 หัวศีรษะ

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 1 หัวศีรษะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1 หัวศีรษะ

ในสถานที่ทุรกันดารที่สามารถมองเห็นปราสาทขนาดมหึมาได้ ในตอนนี้ได้มีการต่อสู้กันระหว่างพ่อมดที่สวมชุดคลุมสีเทาและอัศวินที่สวมเกราะสีทอง

เมื่อพลังแห่งความมืดพุ่งออกจากมือของพ่อมด ลาวาสีแดงเดือดก็ผุดขึ้นมาจากพื้น ขณะที่ออร่าสีทองของอัศวินก็ทำให้เกิดภาพของทูตสวรรค์ที่กำลังถือโล่กันไม่ให้ลาวาเข้ามาใกล้

ขณะที่พ่อมดกำลังพยายามที่จะทำลายการป้องกันของอัศวิน เขาก็ได้ถอยกลับออกมา และพบว่ามีเลือดหยดลงมาจากดาบของอัศวินเกราะทอง

“ตายซะเถอะ ไอ้ปีศาจเซย์ม่อน!”

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของอัศวินเกราะทอง พ่อมดชุดเทาก็เริ่มกัดฟัน เขาใช้พละกำลังทั้งหมดของเขาในการพยายามที่จะหยุดยั้งดาบของอัศวินเกราะทองและถามว่า

“ปีศาจ? นี่เจ้าจะบอกว่าพลังของข้าเป็นพลังของปีศาจอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่แล้ว! ที่ดินและเมืองต่างก็เต็มไปด้วยมนต์ดำอันสกปรกของเจ้า สิ่งที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนเช่นนี้จะไม่ใช่พลังของปีศาจได้ยังไง”

เซย์ม่อนรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้  แต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด เพราะคำพูดของอัศวินเราะทองนั้นเป็นความจริง

เซย์ม่อนนั้นเป็นพ่อมดมนต์ดำขั้นที่ 9 และตามที่อัศวินพูด มันคือพลังของเขาเองที่จัดการกับทั้งเมืองและที่ดิน

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณานั่นก็คือ สิ่งที่เซย์ม่อนทำลายไปนั้นก็มีเพียงพวกขุนนางชั่ว และพวกผู้ติดตามของมัน มันไม่ใช่ว่าเขาควรดีใจเหรอที่เซย์ม่อนช่วยกำจัดพวกกาฝากให้

และในส่วนของผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องนั้น เขาก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรด้วยยิ่งไปกว่านั้นคนที่ยอมจำนนต่างก็มีชีวิตรอดอย่างปลอดภัย เท่านั้นนั่นยังไม่พอ! นอกจากนี้เขายังช่วยเหลือเหล่าผู้คนที่ถูกกักขังและถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาสอีกด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาได้รับฉายาจากเผ่าพันธุ์อื่นๆว่า “ปราชญ์แห่งความมืด” และ “เทวดาผู้ปลดปล่อย”

แต่อัศวินเกราะทองนั้นตัดสินใจโดยไม่สนความจริง นั่นทำให้ความจริงนั้นถูกบิดเบือนไป

“หึ! เจ้าจะมองเห็นและชมดวงดาราได้ ก็แค่ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นแหละ!” อัศวินเกราะทองหัวเราะหลังจากพูดเสร็จ

“รากันต์ ข้าทำอะไรผิดกัน? มันเป็นความผิดงั้นเหรอที่ข้าจัดการกับไอ้พวกที่สูบเลือดสูบเนื้อผู้บริสุทธิ์ และทำให้ประเทศนี้มันย่ำแย่ลง”

ขณะที่เขากำลังพูด น้ำตาก็เอ่อล้นที่ดวงตาของเซย์ม่อน

“ถ้าเจ้ามีตา เจ้าก็คงจะเคยได้เห็นเหมือนกัน ว่ามันคือพวกราชวงศ์ต่างหากที่ทำลายที่ดินและอาณาจักรด้วยความโลภของพวกมัน คุกคามกดขี่ประชาชนและเหล่ามนุษย์ลูกครึ่ง พวกมันต่างหากที่เป็นปีศาจที่แท้จริง”

อย่างไรก็ตามรากันต์ส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วย

“ไม่ พวกเขาไม่เหมือนกับเจ้า เจ้าทำให้โลกทั้งใบนี้ยุ่งเหยิงไปด้วยเวทมนต์อันชั่วร้ายของเจ้า”

“ หึ ที่เจ้าพูดหมายความว่ายังไงกัน?.. โอเคเราอาจจะไม่เหมือนกันจริงๆ เพราะข้าไม่ใช่พวกลูกแกะที่เดินตามพระวจนะของพระเจ้าแล้วกัดกินเลือดเนื้อคนที่อ่อนแอกว่าตัวเองเหมือนกับหมาบ้าหรอกนะ “

“หุปปาก! เจ้าอย่ามาคิดจะมาหลอกลวงข้าด้วยคำพูดที่ออกมาจากปากของเจ้า”

“ไอ้เจ้าโง่ เจ้านะถูกหลอกแล้ว ถูกหลอกโดยพวกหมาป่าที่ห่มหนังแกะ” เซย์ม่อนกล่าวขณะเริ่มสร้างวงเวทย์

ความมืดเริ่มกัดกินนิ้วมือที่ของเขา กำลังร่ายเวทย์

และมันเริ่มมีของเหลวไร้สีไหลออกมาจากดวงตาของเขา มันคือน้ำตา.. น้ำตาที่เขาคิดว่ามันจะแห้งเหือดไปนานแล้ว ขณะนี้มันได้เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อเขานึกถึงความเศร้าโศกและความโกรธที่ไม่มีวันลบออกไปจากความคิดของเขาได้

……

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน เซย์ม่อนยังเป็นแค่พ่อมดธรรมดาคนหนึ่งในหอคอยเวทมนต์เวอร์ริทัช มันไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นมากให้เขาทำข้างในนั้น

ในช่วงที่เขาอยู่ในหอคอยนั้น เขาได้ครอบครองในสิ่งที่เขาไม่ควรจะได้ครอบครอง มันจึงทำให้เขามักโดนอิจฉาหรือหยามเหยียดอยู่บ่อยครั้ง

โดยปกติแล้ว หน้าที่ของเขาคือการทำความสะอาดส่วนที่สกปรกของหอคอย แต่ยังไงก็ตามเขายังคงอดทนกับงานหนักเหล่านั้นมาโดยตลอด

ใยบางครั้งไอเดียความคิดและเอกสารงานวิจัยของเขาก็ได้ถูกขโมยไปโดยเหลาพ่อมดอาวุโส อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เคยบ่นถึงเรื่องนี้เลยซักครั้ง

“ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ที่นี่ ตราบใดที่เจ้ายังมองมาที่ข้าและอยู่เคียงข้างข้า ข้าก็สามารถที่จะแบกโลกทั้งใบเอาไว้ได้..”

เพื่อผู้หญิงอันเป็นที่รักของเขาแล้ว เขาสามารถลืมความเจ็บปวดในอดีต มีความสุขกับปัจจุบันและฝันถึงอนาคตได้

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นก็ไม่ได้ราบรื่นนักเพราะมีพวกพ่อมดจอมละโมภและขุนนางที่บ้าคลั่งคอยก่อกวนและพยายามจะพรากเธอจากเขา เธอผู้มีค่าที่สุดสำหรับเขา

และนั่นคือสิ่งที่เขาจะไม่มีวันอภัยให้ การกระทำอันชั่วร้ายของพวกมันทำให้เธอตาย มันทำให้จิตใจของเซย์ม่อนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ

เขาสูญเสียทั้งสติและเหตุผล เขาวิ่งเข้าใส่พวกมันแต่เพราะเขาก็ไม่มีความสามารถพอ พลังของพ่อมดขั้น 4 นั้นไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลย หลังจากเหตุการนั้นเขาก็ถูกขอให้ละทิ้งพลังเวทและถูกขับไล่ออกจากหอคอย เซย์ม่อนต้องสูญเสียทุกอย่าง

ไร้ซึ่งพลัง ไร้ซึ่งชีวิต และไร้ซึ่งคนรัก แต่เขาก็ยังคงอยากมีชีวิตอยู่ เขาจึงได้สร้างเหตุผลในการดำรงอยู่ขึ้นมาใหม่นั่นก็คือ..

“แก้แค้น!”  เขาเผาทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและเริ่มต้นชีวิตใหม่จากเถ้าถ่านอีกครั้ง

“ถ้าพวกแกจับมือกับพระเจ้า ฉันก็จะจับมือการปีศาจเอง”

เซย์ม่อน ผู้ซึ่งถูกความแค้นเข้าฝังลึกจนถึงกระดูกเริ่มถูกเติมเต็มด้วยพลังแห่งความมืด  กองทหารแห่งความมืดของเขาก็ที่จะเริ่มเหยียบย่ำและกวาดล้างทุกสิ่งอย่าง

…..

“เจ้ากำลังหลงทางรากันต์ ข้าไม่มีอะไรต้องพูดคุยกับเจ้าอีกแล้ว”

“อ้าก!”

พายุแห่งความมืดเริ่มก่อตัวล้อมรอบรากันต์ วงเวทย์นี้เต็มไปด้วยสัญลักษณ์และอักขระอันซับซ้อนที่ลุกโชนไปด้วยเลือด

ในไม่ช้าวงเวทย์ก็เริ่มเปล่งแสงออกมา และในที่สุดสิ่งที่ออกมาจากวงเวทย์ก็เริ่มที่จะชัดเจนมากขึ้นมันคือ โกเลม!

โกเลมที่ถูกอัญเชิญมานั้นขยับร่างกายของพวกมันอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกมันแต่ละตัวปล่อยพลังโจมตีที่รุนแรงอย่างมากออกมา

ถ้าสิ่งที่อยู่ตรงนั้นคือมอนส์เตอร์ที่แข็งแกร่งอย่าง ออร์คยัก 2 หัว มันก็คงจะกลายเป็นกองเลือดไปแล้วแต่อย่างไรก็ตาม รากันต์นั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็นถึงจักรพรรดิดาบ เขาสามารถตัดผ่านโกเลมยักษ์เหล่านั้นได้ในพริบตาด้วยดาบออริคัลคุมที่หุ้มไฮเปอร์ออร่าเอาไว้

“รับนี่ไปซะ! เซย์ม่อน!”

“อั้ก! นี่มัน…”

เพื่อที่จะรับการโจมตีของรากันต์ เซย์ม่อนจึงได้นำเอาหอกเวทมนต์แห่งความมืดออกมา

คลื่นกระแทกจากการปะทะทำให้ฝุ่นกระจัดกระจายออกไปทั่ว ขณะที่การปะทะกันระหว่างทั้งสองยังคงดำเนินต่อไป

ผลของการต่อสู้ในตอนแรกเหมือนจะจบลงที่เสมอกัน  แต่เมื่อเวลาผ่านไปช่องว่างระหว่างชัยชนะและความพ่ายแพ้ก็เริ่มกว้างขึ้น

ในที่สุดหอกแห่งความมืดก็แตกลงเมื่อสัมผัสกับดาบของรากันต์ ส่งผลให้หัวใจของเซย์ม่อนถูกแทงด้วยดาบของเขา ยิ่งดาบแทงลึกไปเท่าไหร่ เลือดก็ยิ่งไหลออกมามากเท่านั้น ความเจ็บปวดนี้มาจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของรากันต์

เมื่อการโจมตีจบลงเซม่อนก็ยังคงไม่ล้มลง เขาจับดาบที่แทงทะลุหัวใจของเขาและมองไปที่รากันต์ด้วยความโกรธและเกลียดชัง

“รากันต์! ไอ้โง่! ข้าขอสาปแช่งเจ้า! และสายเลือดของเจ้!”

เซย์ม่อนที่กำลังจะหมดพลังชีวิตไปได้กล่าวสาปแช่งรากันต์และลูกหลานของเขา เลือดของเซม่อนต์ที่หยดลงไปที่บริเวณเท้าของรากันต์เริ่มก่อตัวเป็นสัญลักษณ์ที่แปลกประหลาด

“รอก่อนเถอะ ครอบครัวของเจ้าจะต้องผอมแห้งเหมือนกับด้าย ลูกหลานของเจ้าจะต้องประสบพบเจอแต่กับโชคร้ายและโรคภัยต่างๆ และเจ้า! เจ้าจะต้องทนทรมาณในขณะที่ทำได้แค่เฝ้าดู”

ผมบนหัวของเซย์ม่อนเริ่มลุกขึ้น ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของเขาเริ่มมองดูเหมือนกับปีศาจ และน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเขา

สภาพของเขาในตอนนี้สามารถทำให้รากันต์สั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวได้ แม้กระทั่งในยามที่เขาหลับฝันก็ตาม

แต่ในไม่ช้าเขาก็เริ่มพยายามสงบจิตใจที่กระสับกระส่าย เขาดึงดาบออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา และทำการตัดหัวศีรษะของเซย์ม่อนอย่างโหดเหี้ยม

เทพนิยายปีศาจที่ทุกคนเคยรู้จักกันในชื่อ “ราชาปีศาจมนต์ดำ” บัดนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 1 หัวศีรษะ

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 1 หัวศีรษะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1 หัวศีรษะ

ในสถานที่ทุรกันดารที่สามารถมองเห็นปราสาทขนาดมหึมาได้ ในตอนนี้ได้มีการต่อสู้กันระหว่างพ่อมดที่สวมชุดคลุมสีเทาและอัศวินที่สวมเกราะสีทอง

เมื่อพลังแห่งความมืดพุ่งออกจากมือของพ่อมด ลาวาสีแดงเดือดก็ผุดขึ้นมาจากพื้น ขณะที่ออร่าสีทองของอัศวินก็ทำให้เกิดภาพของทูตสวรรค์ที่กำลังถือโล่กันไม่ให้ลาวาเข้ามาใกล้

ขณะที่พ่อมดกำลังพยายามที่จะทำลายการป้องกันของอัศวิน เขาก็ได้ถอยกลับออกมา และพบว่ามีเลือดหยดลงมาจากดาบของอัศวินเกราะทอง

“ตายซะเถอะ ไอ้ปีศาจเซย์ม่อน!”

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของอัศวินเกราะทอง พ่อมดชุดเทาก็เริ่มกัดฟัน เขาใช้พละกำลังทั้งหมดของเขาในการพยายามที่จะหยุดยั้งดาบของอัศวินเกราะทองและถามว่า

“ปีศาจ? นี่เจ้าจะบอกว่าพลังของข้าเป็นพลังของปีศาจอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่แล้ว! ที่ดินและเมืองต่างก็เต็มไปด้วยมนต์ดำอันสกปรกของเจ้า สิ่งที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนเช่นนี้จะไม่ใช่พลังของปีศาจได้ยังไง”

เซย์ม่อนรู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี้  แต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด เพราะคำพูดของอัศวินเราะทองนั้นเป็นความจริง

เซย์ม่อนนั้นเป็นพ่อมดมนต์ดำขั้นที่ 9 และตามที่อัศวินพูด มันคือพลังของเขาเองที่จัดการกับทั้งเมืองและที่ดิน

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณานั่นก็คือ สิ่งที่เซย์ม่อนทำลายไปนั้นก็มีเพียงพวกขุนนางชั่ว และพวกผู้ติดตามของมัน มันไม่ใช่ว่าเขาควรดีใจเหรอที่เซย์ม่อนช่วยกำจัดพวกกาฝากให้

และในส่วนของผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องนั้น เขาก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรด้วยยิ่งไปกว่านั้นคนที่ยอมจำนนต่างก็มีชีวิตรอดอย่างปลอดภัย เท่านั้นนั่นยังไม่พอ! นอกจากนี้เขายังช่วยเหลือเหล่าผู้คนที่ถูกกักขังและถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาสอีกด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาได้รับฉายาจากเผ่าพันธุ์อื่นๆว่า “ปราชญ์แห่งความมืด” และ “เทวดาผู้ปลดปล่อย”

แต่อัศวินเกราะทองนั้นตัดสินใจโดยไม่สนความจริง นั่นทำให้ความจริงนั้นถูกบิดเบือนไป

“หึ! เจ้าจะมองเห็นและชมดวงดาราได้ ก็แค่ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นแหละ!” อัศวินเกราะทองหัวเราะหลังจากพูดเสร็จ

“รากันต์ ข้าทำอะไรผิดกัน? มันเป็นความผิดงั้นเหรอที่ข้าจัดการกับไอ้พวกที่สูบเลือดสูบเนื้อผู้บริสุทธิ์ และทำให้ประเทศนี้มันย่ำแย่ลง”

ขณะที่เขากำลังพูด น้ำตาก็เอ่อล้นที่ดวงตาของเซย์ม่อน

“ถ้าเจ้ามีตา เจ้าก็คงจะเคยได้เห็นเหมือนกัน ว่ามันคือพวกราชวงศ์ต่างหากที่ทำลายที่ดินและอาณาจักรด้วยความโลภของพวกมัน คุกคามกดขี่ประชาชนและเหล่ามนุษย์ลูกครึ่ง พวกมันต่างหากที่เป็นปีศาจที่แท้จริง”

อย่างไรก็ตามรากันต์ส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วย

“ไม่ พวกเขาไม่เหมือนกับเจ้า เจ้าทำให้โลกทั้งใบนี้ยุ่งเหยิงไปด้วยเวทมนต์อันชั่วร้ายของเจ้า”

“ หึ ที่เจ้าพูดหมายความว่ายังไงกัน?.. โอเคเราอาจจะไม่เหมือนกันจริงๆ เพราะข้าไม่ใช่พวกลูกแกะที่เดินตามพระวจนะของพระเจ้าแล้วกัดกินเลือดเนื้อคนที่อ่อนแอกว่าตัวเองเหมือนกับหมาบ้าหรอกนะ “

“หุปปาก! เจ้าอย่ามาคิดจะมาหลอกลวงข้าด้วยคำพูดที่ออกมาจากปากของเจ้า”

“ไอ้เจ้าโง่ เจ้านะถูกหลอกแล้ว ถูกหลอกโดยพวกหมาป่าที่ห่มหนังแกะ” เซย์ม่อนกล่าวขณะเริ่มสร้างวงเวทย์

ความมืดเริ่มกัดกินนิ้วมือที่ของเขา กำลังร่ายเวทย์

และมันเริ่มมีของเหลวไร้สีไหลออกมาจากดวงตาของเขา มันคือน้ำตา.. น้ำตาที่เขาคิดว่ามันจะแห้งเหือดไปนานแล้ว ขณะนี้มันได้เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อเขานึกถึงความเศร้าโศกและความโกรธที่ไม่มีวันลบออกไปจากความคิดของเขาได้

……

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน เซย์ม่อนยังเป็นแค่พ่อมดธรรมดาคนหนึ่งในหอคอยเวทมนต์เวอร์ริทัช มันไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นมากให้เขาทำข้างในนั้น

ในช่วงที่เขาอยู่ในหอคอยนั้น เขาได้ครอบครองในสิ่งที่เขาไม่ควรจะได้ครอบครอง มันจึงทำให้เขามักโดนอิจฉาหรือหยามเหยียดอยู่บ่อยครั้ง

โดยปกติแล้ว หน้าที่ของเขาคือการทำความสะอาดส่วนที่สกปรกของหอคอย แต่ยังไงก็ตามเขายังคงอดทนกับงานหนักเหล่านั้นมาโดยตลอด

ใยบางครั้งไอเดียความคิดและเอกสารงานวิจัยของเขาก็ได้ถูกขโมยไปโดยเหลาพ่อมดอาวุโส อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เคยบ่นถึงเรื่องนี้เลยซักครั้ง

“ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ที่นี่ ตราบใดที่เจ้ายังมองมาที่ข้าและอยู่เคียงข้างข้า ข้าก็สามารถที่จะแบกโลกทั้งใบเอาไว้ได้..”

เพื่อผู้หญิงอันเป็นที่รักของเขาแล้ว เขาสามารถลืมความเจ็บปวดในอดีต มีความสุขกับปัจจุบันและฝันถึงอนาคตได้

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นก็ไม่ได้ราบรื่นนักเพราะมีพวกพ่อมดจอมละโมภและขุนนางที่บ้าคลั่งคอยก่อกวนและพยายามจะพรากเธอจากเขา เธอผู้มีค่าที่สุดสำหรับเขา

และนั่นคือสิ่งที่เขาจะไม่มีวันอภัยให้ การกระทำอันชั่วร้ายของพวกมันทำให้เธอตาย มันทำให้จิตใจของเซย์ม่อนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ

เขาสูญเสียทั้งสติและเหตุผล เขาวิ่งเข้าใส่พวกมันแต่เพราะเขาก็ไม่มีความสามารถพอ พลังของพ่อมดขั้น 4 นั้นไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลย หลังจากเหตุการนั้นเขาก็ถูกขอให้ละทิ้งพลังเวทและถูกขับไล่ออกจากหอคอย เซย์ม่อนต้องสูญเสียทุกอย่าง

ไร้ซึ่งพลัง ไร้ซึ่งชีวิต และไร้ซึ่งคนรัก แต่เขาก็ยังคงอยากมีชีวิตอยู่ เขาจึงได้สร้างเหตุผลในการดำรงอยู่ขึ้นมาใหม่นั่นก็คือ..

“แก้แค้น!”  เขาเผาทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและเริ่มต้นชีวิตใหม่จากเถ้าถ่านอีกครั้ง

“ถ้าพวกแกจับมือกับพระเจ้า ฉันก็จะจับมือการปีศาจเอง”

เซย์ม่อน ผู้ซึ่งถูกความแค้นเข้าฝังลึกจนถึงกระดูกเริ่มถูกเติมเต็มด้วยพลังแห่งความมืด  กองทหารแห่งความมืดของเขาก็ที่จะเริ่มเหยียบย่ำและกวาดล้างทุกสิ่งอย่าง

…..

“เจ้ากำลังหลงทางรากันต์ ข้าไม่มีอะไรต้องพูดคุยกับเจ้าอีกแล้ว”

“อ้าก!”

พายุแห่งความมืดเริ่มก่อตัวล้อมรอบรากันต์ วงเวทย์นี้เต็มไปด้วยสัญลักษณ์และอักขระอันซับซ้อนที่ลุกโชนไปด้วยเลือด

ในไม่ช้าวงเวทย์ก็เริ่มเปล่งแสงออกมา และในที่สุดสิ่งที่ออกมาจากวงเวทย์ก็เริ่มที่จะชัดเจนมากขึ้นมันคือ โกเลม!

โกเลมที่ถูกอัญเชิญมานั้นขยับร่างกายของพวกมันอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกมันแต่ละตัวปล่อยพลังโจมตีที่รุนแรงอย่างมากออกมา

ถ้าสิ่งที่อยู่ตรงนั้นคือมอนส์เตอร์ที่แข็งแกร่งอย่าง ออร์คยัก 2 หัว มันก็คงจะกลายเป็นกองเลือดไปแล้วแต่อย่างไรก็ตาม รากันต์นั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็นถึงจักรพรรดิดาบ เขาสามารถตัดผ่านโกเลมยักษ์เหล่านั้นได้ในพริบตาด้วยดาบออริคัลคุมที่หุ้มไฮเปอร์ออร่าเอาไว้

“รับนี่ไปซะ! เซย์ม่อน!”

“อั้ก! นี่มัน…”

เพื่อที่จะรับการโจมตีของรากันต์ เซย์ม่อนจึงได้นำเอาหอกเวทมนต์แห่งความมืดออกมา

คลื่นกระแทกจากการปะทะทำให้ฝุ่นกระจัดกระจายออกไปทั่ว ขณะที่การปะทะกันระหว่างทั้งสองยังคงดำเนินต่อไป

ผลของการต่อสู้ในตอนแรกเหมือนจะจบลงที่เสมอกัน  แต่เมื่อเวลาผ่านไปช่องว่างระหว่างชัยชนะและความพ่ายแพ้ก็เริ่มกว้างขึ้น

ในที่สุดหอกแห่งความมืดก็แตกลงเมื่อสัมผัสกับดาบของรากันต์ ส่งผลให้หัวใจของเซย์ม่อนถูกแทงด้วยดาบของเขา ยิ่งดาบแทงลึกไปเท่าไหร่ เลือดก็ยิ่งไหลออกมามากเท่านั้น ความเจ็บปวดนี้มาจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของรากันต์

เมื่อการโจมตีจบลงเซม่อนก็ยังคงไม่ล้มลง เขาจับดาบที่แทงทะลุหัวใจของเขาและมองไปที่รากันต์ด้วยความโกรธและเกลียดชัง

“รากันต์! ไอ้โง่! ข้าขอสาปแช่งเจ้า! และสายเลือดของเจ้!”

เซย์ม่อนที่กำลังจะหมดพลังชีวิตไปได้กล่าวสาปแช่งรากันต์และลูกหลานของเขา เลือดของเซม่อนต์ที่หยดลงไปที่บริเวณเท้าของรากันต์เริ่มก่อตัวเป็นสัญลักษณ์ที่แปลกประหลาด

“รอก่อนเถอะ ครอบครัวของเจ้าจะต้องผอมแห้งเหมือนกับด้าย ลูกหลานของเจ้าจะต้องประสบพบเจอแต่กับโชคร้ายและโรคภัยต่างๆ และเจ้า! เจ้าจะต้องทนทรมาณในขณะที่ทำได้แค่เฝ้าดู”

ผมบนหัวของเซย์ม่อนเริ่มลุกขึ้น ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของเขาเริ่มมองดูเหมือนกับปีศาจ และน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเขา

สภาพของเขาในตอนนี้สามารถทำให้รากันต์สั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวได้ แม้กระทั่งในยามที่เขาหลับฝันก็ตาม

แต่ในไม่ช้าเขาก็เริ่มพยายามสงบจิตใจที่กระสับกระส่าย เขาดึงดาบออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา และทำการตัดหัวศีรษะของเซย์ม่อนอย่างโหดเหี้ยม

เทพนิยายปีศาจที่ทุกคนเคยรู้จักกันในชื่อ “ราชาปีศาจมนต์ดำ” บัดนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+