Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 19 การปรากฏตัวของอัศวินทมิฬ (2)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 19 การปรากฏตัวของอัศวินทมิฬ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 19 การปรากฏตัวของอัศวินทมิฬ (2)

เมื่อลุคจัดการกับความสนใจจากผู้คนเสร็จ เขาก็เอื้อมมือไปหาวิคเตอร์ที่อยู่ด้านข้าง

“ขอข้ายืมดาบของท่านซักครู่ได้ไหม?”

“ดาบ? ข้าไม่เข้าใจ ท่านจะใช้มันทำอะไรกัน”

วิคเตอร์กล่าวอย่างสงสัยขณะดึงดาบออก

ลุคหยิบดาบและคว้าใบมีดด้วยมือซ้ายแล้วดึงมัน

เฉือด!

เลือดไหลออกจากมือของลุค และทำให้ใบดาบเปลี่ยนไปเป็นสีแดง

“นายน้อย?”

“ไม่ทำไมท่านถึงทำอย่างนั้น!”

จากนั้นเขาก็บีบเลือดออกจากมือของตัวเองราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

เลือดสีแดงเริ่มหยดลงบนศิลาเวทมนตร์ที่วางอยู่บนพื้น

‘ศิลาเวทมนต์มันต้องเปียกแบบนี้…’

หลังจากศิลาเวทมนต์จมอยู่ภายใต้เลือดของลุค เขาก็ได้เริ่มวาดวงเวทย์รอบๆหิน

จอมเวทเหล็กไหลทุกคนต่างอ้าปากค้างเมื่อเห็นลุควาดวงเวทย์และอักขระเวทย์มนตร์บนพื้นอย่างไร้ซึ่งความลังเล

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าลุคคงจะเป็นขุนนางหนุ่มธรรมดาๆอีกคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามรูปร่างและรูปแบบของวงเวทย์นั้นเหมือนกับรูปแบบคลื่นมานาที่แกนกลางของศิลาเวทมนตร์ปล่อยออกมา

‘ไม่ เป็นไม่ได้!’

‘เขาไม่ใช่พ่อมดด้วยซ้ำ เขาจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน?

ลุคยังคงทำงานต่อไปในขณะที่เหล่าจอมเวทเหล็กไหลต่างก็กำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เขาทำ

หลังจากนั้นไม่นานวงเวทย์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 เมตรก็เสร็จสมบูรณ์ หลังจากคืนดาบให้วิคเตอร์ ลุคก็หายใจเข้าและเริ่มร่ายมนตร์ด้วยเสียงอันดังก้อง

“ราห์ คานทาร์ เอลี เรย์ เพราโต …”

‘ไม่มีทาง! นั่นคือคาถาเวทมนต์! ’

 

จอมเวทเหล็กไหลเริ่มอ้าปากค้าง เมื่อพวกเขานึกถึงคำสัญญาที่พวกเขาได้ใหไว้กับลุค

คาถาเวทมนตร์นั้นเป็นเหมือนเวทมนตร์รอง การจดจำคำร่ายในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของมานาและช่วยในการสร้างเวทมนตร์

มันมีข้อได้เปรียบตรงที่ไม่ต้องการวงเวทย์ แต่ในทางกลับกันคำร่ายของคาถาก็ยาวมากและระยะเวลาในการร่ายกับจังหวะของการร่ายจะต้องเท่ากันทุกประการ

หากทำได้ไม่ดี ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะไม่ได้ดีตาม

คาถาเวทมนตร์นั้นสามารถสร้างวงเวทย์พื้นฐานได้เพียงหนึ่งหรือสองวง เท่านั้น หากต้องการวงเวทย์วงที่ 3 เขาก็จำเป็นจะต้องวาดวงเวทย์นั้นเอง นี่คือสาเหตุที่เหล่าพ่อมดไม่ค่อยพุ่งความสนใจไปที่เวทมนตร์ประเภทนี้และทำให้ผู้ที่ไม่ใช่พ่อมด,นักวิชาการและขุนนางต่างก็สนใจและพยายามที่จะเรียนรู้มัน

แต่เด็กชายคนนี้กลับรู้วิธีการใช้เวทมนตร์แล้ว!

“ก็แค่การพูดเลียนแบบคำร่าย…’

ในระหว่างพิธีร่ายมนต์ของลุค วงเวทย์ที่วาดด้วยเลือดของเขาก็เริ่มเปล่งประกายออกมาพร้อมกันนั้นมานาที่ถูกรวบรวมโดยวงเวทย์ก็เริ่มแทรกตัวเข้าไปในหินเวทมนตร์

วงเวทย์เริ่มเปล่งประกายและมีเสียงสะท้อนดังออกมาจากศิลาเวทมนตร์

“อะไรกัน? นีเจ้ากำลังทำบ้าอะไร?”

“มันเกิดอะไรขึ้นกับมานาเหล่านั้นกัน”

จอมเวทเหล็กไหลจากแคลนอื่นๆเริ่มสงสัยในปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่กำลังเกิดขึ้น

พวกเขายังต้องการเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

แกนกลางของศิลาเวทมนต์ที่กำลังอยู่ในช่วงท้ายของชีวิตเริ่มเรืองแสงออกมาและสีของมันก็เริ่มเปลี่ยนไป

ในขณะนี้ดวงตาของผู้คนรอบตัวลุคเริ่มเบิกกว้าง

“นั่น…นั่นมัน!”

“ตะกอนมานาที่ถูกสะสมไว้กำลังหายไป!”

ท่ามกลางความสับสนชุลมุน ลุคทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อจะร่ายคาถาต่อให้เสร็จ

 

หลังจากพิธีกรรมเวทมนตร์ประมาณ 30 นาทีวงเวทย์เลือดรอบๆลุคก็เริ่มระเหยหายไป

ในที่สุดแกนกลางของศิลาเวทมนต์ก็กลับมามีสีโปร่งใส  เหมือนกับระยะแรกๆที่มันดริ่มถูกใช้

“ตอนนี้มันจบแล้ว ท่านสามารถไปตรวจสอบมันได้เลย”

ลุควางศิลาเวทมนตร์กลับเข้าไปในแกนเครื่องยนต์ และทำให้ประสิทธิภาพของเมียร์เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ มันดูเหมือนเป็นกิกันท์ตัวใหม่ที่เพิ่งลงมาจากเวิร์กชอป

เหล่าจอมเวทเหล็กไหลโดยเฉพาะผู้ที่ท้าทายลุคเป็นการเดิมพันนั้นถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์

“ไร้สาระ!”

“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร…”

ลุคแทบไม่ได้เรียนรู้เวทมนตร์คาถาใด ๆ

แต่ด้วยวงเวทย์และการสะสมมานาของศิลาเวทย์มนตร์ มันจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้

“เรื่องไร้สาระ? หึ เป็นธรรมดาสำหรับพวกเจ้าที่ไม่ได้ศึกษามาอย่างถูกต้องที่จะไม่เข้าใจเรื่องนี้”

ในตอนที่ลุคยังเป็นพ่อมดซย์มอนและยังไม่มีศิลาเวทมนตร์เทียมมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะตามหาศิลาเวทมนตร์มาสักก้อน

และแม้แต่ลุคที่เป็นผู้นำในการสร้างกองทัพโกเลมเอง ก็ไม่สามารถทนกับความจริงที่ว่า โกเลมที่เขาสร้างขึ้นมานั้นไม่สามารถจะอยู่ในจุดที่ดีที่สุดได้เนื่องจากไม่มีศิลาเวทมนตร์

“คงจะดีไม่น้อย หากข้าสามารถรีไซเคิลเศษศิลาเวทมนตร์ที่ถูกทิ้งในตอนท้ายของชีวิต…’

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลุคเริ่มศึกษาค้นคว้าในเรื่องของตะกอนมานา

และในตอนนั้นเองที่เขาคิดได้

“ทำไมร่างกายมนุษย์เราถึงไม่มีการตกตะกอนของมานาเหมือนกับศิลาเวทมนตร์กันนะ”

มานาที่สะสมอยู่ในร่างกายนั้นไม่เคยหยุดไหลและเขาก็ไม่เคยได้ยินแนวคิดเช่นนี้มาก่อน

ด้วยเหตุนั้นลุคจึงเริ่มคิดเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในร่างกายมนุษย์ จากนั้นเขาก็ถึงตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขากำลังมองหาก็คือเลือด ความมีชีวิตชีวาชองมันเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อการไหลของมานา

นอกจากนี้เขายังค้นคว้าวิธีการชุบชีวิตหินเวทมนตร์โดยอาศัยเลือดและวงเวทย์ได้สำเร็จ

“ข้าคงกำลังเหนื่อยและจ้องมองเห็นภาพหลอนแน่ๆเลย”

“ใช่แล้ว เขาพยายามทำให้เราหลอนโดยใช้เวทย์มนตร์มืด!”

ลุคจ้องไปที่เหล่าจอมเวทเหล็กไหลขณะที่พวกเขากำลังพ่นเรื่องไร้สาระออกมา

ในความเป็นจริงคำพูดของพวกเขาเกี่ยวกับเวทมนตร์แห่งความมืดนั้นเป็นเรื่องจริง แม้ว่าเวทมนตร์นี้จะตั้งอยู่บนพื้นฐานของคาเวทมนตร์ แต่คาถาเวทมนตร์นั้นก็ตั้งอยู่บนความรู้จากเวทมนตร์มืดเช่นกัน

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถหาหลักฐานใดๆมาพิสูจน์ได้ ลุคจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก

“มนต์ดำ? เห็นข้าอัญเชิญปีศาจออกมารึไง? หรือว่าเห็นฉันสังเวยมนุษย์ไปกัน”

“เห็นได้ชัดว่าวงเวทย์นั่นสร้างจากเลือด…!”

“หุบปากซะ ไอ้โง่นี่! เจ้ากล้าดียังไง ที่มาทำเหมือนกับว่าความลับของจระกูลข้าเป็นเรื่องตลก!”

เมื่อลุคขึ้นเสียงราวกับว่าเขากำลังโกรธ เรย์น่าก็เข้ามายืนข้างๆเขา

“ลุคเป็นลูกหลานของอัศวินผู้ยิ่งใหญ่รากันต์ เขาจะใช้เวทมนตร์แห่งความมืดได้อย่างไร”

รากันต์นั้นมีชื่อเสียงในด้านการเป็นจักรพรรดิแห่งดาบ แต่ผู้คนมักจดจำเขาในฐานะอัศวินศักดิ์สิทธิ์

ด้วยเหตุนั้นลูกหลานของเขาจะกล้าใช้เวทมนตร์มืดได้อย่างไรกัน แม้ว่าเวทมนต์ที่ใช้เลือดเป็นสื่อกลางนั้นจะไม่ค่อยมีให้พบเห็นแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย

ฝูงชนที่ได้ยินคำถามของเรย์น่าก็เริ่มส่ายหัว

“มันดูแปลกๆ แต่มันก็ไม่น่าจะใช่เวทมนตร์แห่งความมืด”

“นั่นสิ ใครจะกล้าใช้เวทมนตร์แห่งความมืดในเวลากลางวันกัน”

“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าตระกูลรากันต์จะมีความลับแบบนี้ซ่อนอยู่”

โดยไม่คำนึงถึงการเดิมพัน พ่อมดคนอื่นๆก็เริ่มเข้าข้างลุค

“สำหรับเรื่องนี้…”

“พวกเจ้าทั้งสามคงไม่คิดที่จะแสดงพฤติกรรมที่ผิดปกติของพ่อมดหรอกใช่ไหม? เจ้ารู้หรือไม่ว่าการขาดความน่าเชื่อถืออาจจะเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่การเดิมพันโดยแล้วไม่ทำตามนั้นล้วนแต่ไม่น่าให้อภัย”

เมื่อลุคถามเสร็จ ขอมเวทเหล็กไหลทั้งสามก็รู้สึกอายจนแทบจะยกหัวไม่ขึ้น

ในทางกลับกันเจ้าหญิงย์น่าก็กำลังมองไปที่ลุคด้วยความชื่นชม

“นายน้อยท่านช่างน่าทึ่งจริงๆ แต่เมื่อไหร่กันที่ท่านเริ่มเรียนรู้เวทมนตร์พวกนี้?”

ฟิลิปที่ยืนอ้าปากค้างกล่าวขึ้นหลังจากฟื้นคืนสติ

ลุคให้การตอบกลับอย่างชาญฉลาด

“มันไม่มีอะไรพิเศษหรอก สิ่งนี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งในความเชี่ยวชาญของตระกูลเราที่จะต้องได้รับการฟื้นฟู”

“แต่ท่านเรียนรู้เรื่องนี้มาจากใครกัน? จอมเวทเหล็กไหลที่ดินแดนเราก็มีเพียว มิวท์ เท่านั้น”

“ข้าเรียนรู้มันด้วยตัวเอง หลังจากอ่านหนังสือบางเล่ม”

“ข้าเข้าใจแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าตระกูลของท่านนั้นเป็นตระกูลอัศวินหรอกหรือ? การแสดงวงเวทย์นั้นก็เหมือนกับการมีความฝันที่ไม่มีอยู่จริง…”

ขณะที่ฟิลิปตั้งคำถามอยู่เรื่อยๆ การพูดโกหกก็เริ่มกลายเป็นเรื่องยากขึ้นไปเรื่อยๆ และทำให้ลุคเริ่มรู้สึกรำคาญอย่างช้าๆ

“เซอร์ฟิลิป!”

“ขอรับ นายน้อย!”

“ข้าได้แก้ไขกิกันท์แล้ว ไม่ใช่ว่าเจ้าจำเป็นจะต้องลองทดสอบมันดูก่อนหรอ?”

“อ๊ะใช่! นี่เป็นครั้งแรกของข้า แต่ฉันจะพยายามควบคุมให้ดีที่สุด”

ฟิลิปปีนขึ้นไปบนบันไดเพื่อเปิดฝาบนหน้าอกเมียร์เพื่อเข้าไปในห้องควบคุม เขาเริ่มต้นด้วยการขยับนิ้วและข้อเท้า แล้วจึงเริ่มเคลื่อนไหวเพลงดาบขั้นพื้นฐานและพยายามปรับตัวให้เข้ากับกิกันท์ตัวใหม่นี้ให้มากที่สุดโดยมีลุคเฝ้าดูเขาจากด้านหลัง

ขณะที่ลุคกำลังทำเช่นนั้นเจ้าหญิงเรย์น่าก็มองมาที่เขา

“เขาเป็นคนที่น่าทึ่งต่างจากรูปลักษณ์ของเขาจริงๆ เขาดูค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่เมื่อเทียบกับอายุของเขา”

ตามอายุแล้ว ฟิลิปเป็นคนที่ให้บรรยากาศเหมือนกับพี่ชายซึ่งมันทำให้ลุคดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ลุคกำลังมองไปที่เมียร์ซึ่งทำให้เขาคิดขึ้นมาทันที

“ข้าสามารถเดิมพันในเกมนี้ได้ด้วยนี่นา และดูเหมือนเงินปันผลจะสูงขึ้นเนื่องจากอำนาจต่อรองในฝั่งของเจ้าหญิงนั้นต่ำกว่าของตระกูลเคาท์ลิปปี้อย่างเห็นได้ชัด… “

เรย์น่าเมื่อเห็นลุคก้าวขึ้นมาพร้อมกับถุงเงินจึงถามว่า

“ลุค นี่ท่านกำลังจะไปไหนกัน?”

“โอ้ ข้าก็จะไปดูว่ากิกันท์ของท่านเคานต์เป็นอย่างไรบ้าง”

ไม่มีทางที่ลุคจะพูดออกไปว่า ‘โอ้! ข้าจะซื้อตั๋วเงินปันผล!

เจ้าหญิงจะมองเขาอย่างไรถ้าเธอรู้ว่าเขาเดิมพันในเกมที่หมายถึงชีวิตของเธอ?

แน่นอนว่าหลังจากซื้อตั๋วเงินปันผลเสร็จ เขาก็ได้วางแผนที่จะไปสอดแนมกลุ่มของเคานต์อยู่เหมือนกัน

เรย์น่าเหลือบมองลุคที่เดินออกไปอย่างทุลักทุเล

“ทำไมเขาถึงเอาเงินไปสอดแนมด้วยกันนะ?”

เธอคิดหาวิธีต่างๆมากมายในการพยายามทำความเข้าใจความคิดของลุค แต่เธอก็ยังคิดไม่ออก…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 19 การปรากฏตัวของอัศวินทมิฬ (2)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 19 การปรากฏตัวของอัศวินทมิฬ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 19 การปรากฏตัวของอัศวินทมิฬ (2)

เมื่อลุคจัดการกับความสนใจจากผู้คนเสร็จ เขาก็เอื้อมมือไปหาวิคเตอร์ที่อยู่ด้านข้าง

“ขอข้ายืมดาบของท่านซักครู่ได้ไหม?”

“ดาบ? ข้าไม่เข้าใจ ท่านจะใช้มันทำอะไรกัน”

วิคเตอร์กล่าวอย่างสงสัยขณะดึงดาบออก

ลุคหยิบดาบและคว้าใบมีดด้วยมือซ้ายแล้วดึงมัน

เฉือด!

เลือดไหลออกจากมือของลุค และทำให้ใบดาบเปลี่ยนไปเป็นสีแดง

“นายน้อย?”

“ไม่ทำไมท่านถึงทำอย่างนั้น!”

จากนั้นเขาก็บีบเลือดออกจากมือของตัวเองราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

เลือดสีแดงเริ่มหยดลงบนศิลาเวทมนตร์ที่วางอยู่บนพื้น

‘ศิลาเวทมนต์มันต้องเปียกแบบนี้…’

หลังจากศิลาเวทมนต์จมอยู่ภายใต้เลือดของลุค เขาก็ได้เริ่มวาดวงเวทย์รอบๆหิน

จอมเวทเหล็กไหลทุกคนต่างอ้าปากค้างเมื่อเห็นลุควาดวงเวทย์และอักขระเวทย์มนตร์บนพื้นอย่างไร้ซึ่งความลังเล

ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าลุคคงจะเป็นขุนนางหนุ่มธรรมดาๆอีกคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามรูปร่างและรูปแบบของวงเวทย์นั้นเหมือนกับรูปแบบคลื่นมานาที่แกนกลางของศิลาเวทมนตร์ปล่อยออกมา

‘ไม่ เป็นไม่ได้!’

‘เขาไม่ใช่พ่อมดด้วยซ้ำ เขาจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน?

ลุคยังคงทำงานต่อไปในขณะที่เหล่าจอมเวทเหล็กไหลต่างก็กำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เขาทำ

หลังจากนั้นไม่นานวงเวทย์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3 เมตรก็เสร็จสมบูรณ์ หลังจากคืนดาบให้วิคเตอร์ ลุคก็หายใจเข้าและเริ่มร่ายมนตร์ด้วยเสียงอันดังก้อง

“ราห์ คานทาร์ เอลี เรย์ เพราโต …”

‘ไม่มีทาง! นั่นคือคาถาเวทมนต์! ’

 

จอมเวทเหล็กไหลเริ่มอ้าปากค้าง เมื่อพวกเขานึกถึงคำสัญญาที่พวกเขาได้ใหไว้กับลุค

คาถาเวทมนตร์นั้นเป็นเหมือนเวทมนตร์รอง การจดจำคำร่ายในรูปแบบที่เฉพาะเจาะจงจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของมานาและช่วยในการสร้างเวทมนตร์

มันมีข้อได้เปรียบตรงที่ไม่ต้องการวงเวทย์ แต่ในทางกลับกันคำร่ายของคาถาก็ยาวมากและระยะเวลาในการร่ายกับจังหวะของการร่ายจะต้องเท่ากันทุกประการ

หากทำได้ไม่ดี ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะไม่ได้ดีตาม

คาถาเวทมนตร์นั้นสามารถสร้างวงเวทย์พื้นฐานได้เพียงหนึ่งหรือสองวง เท่านั้น หากต้องการวงเวทย์วงที่ 3 เขาก็จำเป็นจะต้องวาดวงเวทย์นั้นเอง นี่คือสาเหตุที่เหล่าพ่อมดไม่ค่อยพุ่งความสนใจไปที่เวทมนตร์ประเภทนี้และทำให้ผู้ที่ไม่ใช่พ่อมด,นักวิชาการและขุนนางต่างก็สนใจและพยายามที่จะเรียนรู้มัน

แต่เด็กชายคนนี้กลับรู้วิธีการใช้เวทมนตร์แล้ว!

“ก็แค่การพูดเลียนแบบคำร่าย…’

ในระหว่างพิธีร่ายมนต์ของลุค วงเวทย์ที่วาดด้วยเลือดของเขาก็เริ่มเปล่งประกายออกมาพร้อมกันนั้นมานาที่ถูกรวบรวมโดยวงเวทย์ก็เริ่มแทรกตัวเข้าไปในหินเวทมนตร์

วงเวทย์เริ่มเปล่งประกายและมีเสียงสะท้อนดังออกมาจากศิลาเวทมนตร์

“อะไรกัน? นีเจ้ากำลังทำบ้าอะไร?”

“มันเกิดอะไรขึ้นกับมานาเหล่านั้นกัน”

จอมเวทเหล็กไหลจากแคลนอื่นๆเริ่มสงสัยในปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่กำลังเกิดขึ้น

พวกเขายังต้องการเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

แกนกลางของศิลาเวทมนต์ที่กำลังอยู่ในช่วงท้ายของชีวิตเริ่มเรืองแสงออกมาและสีของมันก็เริ่มเปลี่ยนไป

ในขณะนี้ดวงตาของผู้คนรอบตัวลุคเริ่มเบิกกว้าง

“นั่น…นั่นมัน!”

“ตะกอนมานาที่ถูกสะสมไว้กำลังหายไป!”

ท่ามกลางความสับสนชุลมุน ลุคทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อจะร่ายคาถาต่อให้เสร็จ

 

หลังจากพิธีกรรมเวทมนตร์ประมาณ 30 นาทีวงเวทย์เลือดรอบๆลุคก็เริ่มระเหยหายไป

ในที่สุดแกนกลางของศิลาเวทมนต์ก็กลับมามีสีโปร่งใส  เหมือนกับระยะแรกๆที่มันดริ่มถูกใช้

“ตอนนี้มันจบแล้ว ท่านสามารถไปตรวจสอบมันได้เลย”

ลุควางศิลาเวทมนตร์กลับเข้าไปในแกนเครื่องยนต์ และทำให้ประสิทธิภาพของเมียร์เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ มันดูเหมือนเป็นกิกันท์ตัวใหม่ที่เพิ่งลงมาจากเวิร์กชอป

เหล่าจอมเวทเหล็กไหลโดยเฉพาะผู้ที่ท้าทายลุคเป็นการเดิมพันนั้นถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์

“ไร้สาระ!”

“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร…”

ลุคแทบไม่ได้เรียนรู้เวทมนตร์คาถาใด ๆ

แต่ด้วยวงเวทย์และการสะสมมานาของศิลาเวทย์มนตร์ มันจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้

“เรื่องไร้สาระ? หึ เป็นธรรมดาสำหรับพวกเจ้าที่ไม่ได้ศึกษามาอย่างถูกต้องที่จะไม่เข้าใจเรื่องนี้”

ในตอนที่ลุคยังเป็นพ่อมดซย์มอนและยังไม่มีศิลาเวทมนตร์เทียมมันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะตามหาศิลาเวทมนตร์มาสักก้อน

และแม้แต่ลุคที่เป็นผู้นำในการสร้างกองทัพโกเลมเอง ก็ไม่สามารถทนกับความจริงที่ว่า โกเลมที่เขาสร้างขึ้นมานั้นไม่สามารถจะอยู่ในจุดที่ดีที่สุดได้เนื่องจากไม่มีศิลาเวทมนตร์

“คงจะดีไม่น้อย หากข้าสามารถรีไซเคิลเศษศิลาเวทมนตร์ที่ถูกทิ้งในตอนท้ายของชีวิต…’

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลุคเริ่มศึกษาค้นคว้าในเรื่องของตะกอนมานา

และในตอนนั้นเองที่เขาคิดได้

“ทำไมร่างกายมนุษย์เราถึงไม่มีการตกตะกอนของมานาเหมือนกับศิลาเวทมนตร์กันนะ”

มานาที่สะสมอยู่ในร่างกายนั้นไม่เคยหยุดไหลและเขาก็ไม่เคยได้ยินแนวคิดเช่นนี้มาก่อน

ด้วยเหตุนั้นลุคจึงเริ่มคิดเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในร่างกายมนุษย์ จากนั้นเขาก็ถึงตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขากำลังมองหาก็คือเลือด ความมีชีวิตชีวาชองมันเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อการไหลของมานา

นอกจากนี้เขายังค้นคว้าวิธีการชุบชีวิตหินเวทมนตร์โดยอาศัยเลือดและวงเวทย์ได้สำเร็จ

“ข้าคงกำลังเหนื่อยและจ้องมองเห็นภาพหลอนแน่ๆเลย”

“ใช่แล้ว เขาพยายามทำให้เราหลอนโดยใช้เวทย์มนตร์มืด!”

ลุคจ้องไปที่เหล่าจอมเวทเหล็กไหลขณะที่พวกเขากำลังพ่นเรื่องไร้สาระออกมา

ในความเป็นจริงคำพูดของพวกเขาเกี่ยวกับเวทมนตร์แห่งความมืดนั้นเป็นเรื่องจริง แม้ว่าเวทมนตร์นี้จะตั้งอยู่บนพื้นฐานของคาเวทมนตร์ แต่คาถาเวทมนตร์นั้นก็ตั้งอยู่บนความรู้จากเวทมนตร์มืดเช่นกัน

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถหาหลักฐานใดๆมาพิสูจน์ได้ ลุคจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก

“มนต์ดำ? เห็นข้าอัญเชิญปีศาจออกมารึไง? หรือว่าเห็นฉันสังเวยมนุษย์ไปกัน”

“เห็นได้ชัดว่าวงเวทย์นั่นสร้างจากเลือด…!”

“หุบปากซะ ไอ้โง่นี่! เจ้ากล้าดียังไง ที่มาทำเหมือนกับว่าความลับของจระกูลข้าเป็นเรื่องตลก!”

เมื่อลุคขึ้นเสียงราวกับว่าเขากำลังโกรธ เรย์น่าก็เข้ามายืนข้างๆเขา

“ลุคเป็นลูกหลานของอัศวินผู้ยิ่งใหญ่รากันต์ เขาจะใช้เวทมนตร์แห่งความมืดได้อย่างไร”

รากันต์นั้นมีชื่อเสียงในด้านการเป็นจักรพรรดิแห่งดาบ แต่ผู้คนมักจดจำเขาในฐานะอัศวินศักดิ์สิทธิ์

ด้วยเหตุนั้นลูกหลานของเขาจะกล้าใช้เวทมนตร์มืดได้อย่างไรกัน แม้ว่าเวทมนต์ที่ใช้เลือดเป็นสื่อกลางนั้นจะไม่ค่อยมีให้พบเห็นแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย

ฝูงชนที่ได้ยินคำถามของเรย์น่าก็เริ่มส่ายหัว

“มันดูแปลกๆ แต่มันก็ไม่น่าจะใช่เวทมนตร์แห่งความมืด”

“นั่นสิ ใครจะกล้าใช้เวทมนตร์แห่งความมืดในเวลากลางวันกัน”

“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าตระกูลรากันต์จะมีความลับแบบนี้ซ่อนอยู่”

โดยไม่คำนึงถึงการเดิมพัน พ่อมดคนอื่นๆก็เริ่มเข้าข้างลุค

“สำหรับเรื่องนี้…”

“พวกเจ้าทั้งสามคงไม่คิดที่จะแสดงพฤติกรรมที่ผิดปกติของพ่อมดหรอกใช่ไหม? เจ้ารู้หรือไม่ว่าการขาดความน่าเชื่อถืออาจจะเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่การเดิมพันโดยแล้วไม่ทำตามนั้นล้วนแต่ไม่น่าให้อภัย”

เมื่อลุคถามเสร็จ ขอมเวทเหล็กไหลทั้งสามก็รู้สึกอายจนแทบจะยกหัวไม่ขึ้น

ในทางกลับกันเจ้าหญิงย์น่าก็กำลังมองไปที่ลุคด้วยความชื่นชม

“นายน้อยท่านช่างน่าทึ่งจริงๆ แต่เมื่อไหร่กันที่ท่านเริ่มเรียนรู้เวทมนตร์พวกนี้?”

ฟิลิปที่ยืนอ้าปากค้างกล่าวขึ้นหลังจากฟื้นคืนสติ

ลุคให้การตอบกลับอย่างชาญฉลาด

“มันไม่มีอะไรพิเศษหรอก สิ่งนี้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวหนึ่งในความเชี่ยวชาญของตระกูลเราที่จะต้องได้รับการฟื้นฟู”

“แต่ท่านเรียนรู้เรื่องนี้มาจากใครกัน? จอมเวทเหล็กไหลที่ดินแดนเราก็มีเพียว มิวท์ เท่านั้น”

“ข้าเรียนรู้มันด้วยตัวเอง หลังจากอ่านหนังสือบางเล่ม”

“ข้าเข้าใจแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าตระกูลของท่านนั้นเป็นตระกูลอัศวินหรอกหรือ? การแสดงวงเวทย์นั้นก็เหมือนกับการมีความฝันที่ไม่มีอยู่จริง…”

ขณะที่ฟิลิปตั้งคำถามอยู่เรื่อยๆ การพูดโกหกก็เริ่มกลายเป็นเรื่องยากขึ้นไปเรื่อยๆ และทำให้ลุคเริ่มรู้สึกรำคาญอย่างช้าๆ

“เซอร์ฟิลิป!”

“ขอรับ นายน้อย!”

“ข้าได้แก้ไขกิกันท์แล้ว ไม่ใช่ว่าเจ้าจำเป็นจะต้องลองทดสอบมันดูก่อนหรอ?”

“อ๊ะใช่! นี่เป็นครั้งแรกของข้า แต่ฉันจะพยายามควบคุมให้ดีที่สุด”

ฟิลิปปีนขึ้นไปบนบันไดเพื่อเปิดฝาบนหน้าอกเมียร์เพื่อเข้าไปในห้องควบคุม เขาเริ่มต้นด้วยการขยับนิ้วและข้อเท้า แล้วจึงเริ่มเคลื่อนไหวเพลงดาบขั้นพื้นฐานและพยายามปรับตัวให้เข้ากับกิกันท์ตัวใหม่นี้ให้มากที่สุดโดยมีลุคเฝ้าดูเขาจากด้านหลัง

ขณะที่ลุคกำลังทำเช่นนั้นเจ้าหญิงเรย์น่าก็มองมาที่เขา

“เขาเป็นคนที่น่าทึ่งต่างจากรูปลักษณ์ของเขาจริงๆ เขาดูค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่เมื่อเทียบกับอายุของเขา”

ตามอายุแล้ว ฟิลิปเป็นคนที่ให้บรรยากาศเหมือนกับพี่ชายซึ่งมันทำให้ลุคดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ลุคกำลังมองไปที่เมียร์ซึ่งทำให้เขาคิดขึ้นมาทันที

“ข้าสามารถเดิมพันในเกมนี้ได้ด้วยนี่นา และดูเหมือนเงินปันผลจะสูงขึ้นเนื่องจากอำนาจต่อรองในฝั่งของเจ้าหญิงนั้นต่ำกว่าของตระกูลเคาท์ลิปปี้อย่างเห็นได้ชัด… “

เรย์น่าเมื่อเห็นลุคก้าวขึ้นมาพร้อมกับถุงเงินจึงถามว่า

“ลุค นี่ท่านกำลังจะไปไหนกัน?”

“โอ้ ข้าก็จะไปดูว่ากิกันท์ของท่านเคานต์เป็นอย่างไรบ้าง”

ไม่มีทางที่ลุคจะพูดออกไปว่า ‘โอ้! ข้าจะซื้อตั๋วเงินปันผล!

เจ้าหญิงจะมองเขาอย่างไรถ้าเธอรู้ว่าเขาเดิมพันในเกมที่หมายถึงชีวิตของเธอ?

แน่นอนว่าหลังจากซื้อตั๋วเงินปันผลเสร็จ เขาก็ได้วางแผนที่จะไปสอดแนมกลุ่มของเคานต์อยู่เหมือนกัน

เรย์น่าเหลือบมองลุคที่เดินออกไปอย่างทุลักทุเล

“ทำไมเขาถึงเอาเงินไปสอดแนมด้วยกันนะ?”

เธอคิดหาวิธีต่างๆมากมายในการพยายามทำความเข้าใจความคิดของลุค แต่เธอก็ยังคิดไม่ออก…

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+