Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 2 ผู้สืบสายเลือดของไวเคานต์รากันต์ (1)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 2 ผู้สืบสายเลือดของไวเคานต์รากันต์ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2 ผู้สืบสายเลือดของไวเคานต์รากันต์ (1)

ไม่สามารถมองเห็นทั้งท้องฟ้าและผืนดิน ชายคนหนึ่งกำลังหลงอยู่ในความมืดมิดที่ล้อมรอบตัวเค้า เขาคนนั้นคือ เซย์ม่อน

“นี่ข้ากำลังอยู่ในสถานล้างบาปอย่างนั้นเหรอ?”

สถานล้างบาปคือสถานที่ที่มนุษย์จะต้องผ่านก่อนจะไปสู่ยมโลก นั่นคือความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวของเซย์ม่อน

ความมืดมิดคือสิ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เขาเรียนรู้ทั้งเวทยมนต์แห่งความมืดและดูเหมือนเขาจะชินกับมันแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ชอบก็ตาม

แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่ได้คาดหวังที่จะไปสู่ชีวิตหลังความตายก่อนที่จะแก้แค้นได้สำเร็จ

“ไอ้เ?ยนั่น! ทั้งหมดเป็นเพราะมันคนเดียว รากันต์!”

ถ้าเขายังไม่สามารถแก้แค้นพวกมันได้อย่างสาสมแล้วละก็ เขาจะมีหน้ากลับไปพบเธอผู้เป็นที่รักได้อย่างไร?

“ถ้าข้าได้พบกับเจ้าหลังจากการแก้แค้นสิ้นสุดลง ข้าก็คงจะพอมีหน้าไปพบเจ้าได้เล็กน้อย” เซย์ม่อนถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว

เขาคิดว่าการกระทำของเขานั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ตลอดการแก้แค้นของเขานั้น มันไม่มีการฆ่าฟันครั้งไหนที่ไม่จำเป็น เขาไม่เคยลงมือกับคนที่ไม่มีอำนาจต่อกรกับเขา

แน่นอนว่าเขาได้ศึกษาเวทยมนต์แห่งความมืด แต่เขาก็ใช้มันแค่ในการแก้แค้นเท่านั้น

พวกพ่อมดบางคนนั้นถวายวิญญาณของตัวเองเพื่อเป็นเครื่องบูชาในการอัญเชิญปีศาจ

อย่างไรก็ตาม เซย์ม่อนนั้นแตกต่างออกไป หลังจากเขาอัญเชิญปีศาจออกมาโดยใช้เลือดเป็นเครื่องบูชา เขาก็ได้ทำการต่อสู้กับปีศาจตนนั้นและได้รับพลังของมันมา ดังนั้นแล้วมันจึงไม่เหมือนกับพวกพ่อมดเหล่านั้น วิญญาณของเขานั้นยังอยู่กับตัวและไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด เพราะมันไม่มีปีศาจที่สามารถล่วงล้ำจิตใจของเขาได้

เขายังค้นพบความจริงต่างๆเกี่ยวกับเวทยมนตร์แห่งความมืดและเวทมนตร์แห่งความโกลาหล เช่นการค้นหากลุ่มดาวในค่ำคืนที่อับแสง

…..

แต่บาปก็คือบาป

แม้ว่าเขาจะพยายามรักษาบาปที่เขาก่อให้เหลือน้อยที่สุด แต่บาปที่เขาทำร้ายผู้คนด้วยเหตุผลเดียวคือการแก้แค้นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจลบล้างหรือลบเลือนได้

เดิมทีเขาคิดว่ามันคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย แต่…

“หากสาเหตุที่ข้าแก้แค้นต่อไม่ได้นั้นเป็นเพราะข้าได้ทำบาปมามากแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วไอ้พวกหน้าซื่อใจคดละ ทำไมมันถึงยังมีชีวิตอยู่ต่อได้?”

ไอ้พวกพ่อมดอาวุโสและพวกราชวงศ์ชั้นสูงที่ที่ทำให้เธอต้องตาย ไม่ใช่เพียงพวกมันจะยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นแต่พวกมันยังไม่ได้ชดใช้ในสิ่งที่พวกมันได้ทำลงไปเลยด้วยซ้ำ

สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแค่ปลอบใจตัวเองและหลอกตัวเองเกี่ยวกับคนที่ตายไปแล้ว

พวกหมูตะกละและพวกหมาป่าที่ชอบทำตัวลับๆล่อๆ จะต้องดีใจเป็นบ้าเป็นหลังแน่นอน ถ้าพวกมันรู้ว่ารากันต์สามารถฆ่าเขาได้สำเร็จ

“ข้าขอสาปแช่งไอ้พวกสัตว์เหล่านั้น และไอ้บ้ารากันต์นั่น”

ความแค้นและความเกรียวโกรธของเซย์ม่อนนั้นดูจะเป็นอะไรที่ไม่หายไปในเวลาอันสั้นแน่นอน ความรู้สึกแสบร้อนในทรวงอกเหล่านั้นเป็นเพียงการสร้างจุดมุ่งหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อของเขาเพียงเท่านั้น

“ถ้าข้ามีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้พวกเจ้าแน่!”

อารมณ์ที่รุนแรงและความปรารถนาที่จะได้เกิดใหม่ของเขาก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาภายในส่วนลึกของจิตใจ

และในที่สุด เซย์ม่อนก็มองเห็นแสงสว่างจุดเล็กๆในความมืดมิดที่เขาสัมผัสได้เพียงความรู้สึกนึกคิดของตนเอง

“นั่นมัน..”

เช่นเดียวกับดวงดาวที่ส่องแสงยามราตรี เซย์ม่อนเคลื่อนตัวไปยังทิศทางของแสงสว่างจุดเล็กๆจุดนั้น

ยิ่งความปรารถนาของเขาแรงกล้ามากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกเหมือนเคลื่อนที่เร็วขึ้นมากเท่านั้น และแสงก็เริ่มส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากนั้นเขาก็พบเข้ากับประตูที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงที่สว่างจ้า

เซย์ม่อนรีบเปิดประตูเข้าไปในทันที เขาก้าวเดินต่อไปข้างหน้าโดยไม่มีท่าทีลังเลใดๆ

และแล้ว

….

แสงที่สว่างจ้าส่องมาที่ตาของเขา

เซย์ม่อนยกมือขึ้นมาบังแสงละเริ่มมองไปยังพื้นที่รอบๆตัวของเขา

เขามองออกไปนอกหน้าต่างที่แสงแดดอันอบอุ่นส่องเข้ามา นกตัวเล็กๆต่างส่งเสียงร้องกันอยู่ข้างนอกหน้าต่าง

ในห้องนั้นถูกตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าและเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหรา และนั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดที่เขารับรู้ได้ เขายังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากผ้าห่มและไอเย็นที่ออกมาจากปากของเขาตอนหายใจออก

“ข้ายังไม่ตาย?”

ไม่ เขานั้นถูกรากันต์ฆ่าตายไปแล้วอย่างแน่นอน เขายังจำได้ถึงความเจ็บปวดในตอนที่รากันต์ใช้ดาบแทงทะลุหัวใจของเขา

หลังจากตาย เขาก็เดินวนเวียนอยู่ในความมืดมิดจนพบเข้ากับประตูที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสง

“นี่มันไม่ใช่ประตูสู่โลกหลังความตายหรอกเหรอ”

ความรู้สึก,การมองเห็น,การได้ยินและการได้กลิ่นของเขาเริ่มกลับมา สิ่งเหล่านี้กำลังบอกเขาว่าเขากำลังมีชีวิตอยู่

เขาไม่สามารถสัมผัสถึงพลังเวทย์มืดที่อยู่ในใจเขาได้อีกต่อไป นั่นอาจเกิดจากการที่ถูกดาบแทงทะลุหัวใจ

และถ้ามันจะมีอะไรที่สามารถตอบคำถามของเขาได้ก็คงเป็น…

“ใครเป็นคนช่วยข้าเอาไว้กัน? นี่มีคนจากหอคอยแห่งมนต์ดำช่วยข้าไว้อย่างนั้นเหรอ?”

เพล้ง…

ขณะที่กำลังสงสัยเขาก็เริ่มดึงผ้าห่มออกจากตัวและได้ยินเสียงแหลมดังขึ้น เมื่อเขาหันไปยังทิศทางที่เดินเสียง เขาก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเปิดประตูเข้ามา เธอดูเหมือนจะอยู่ในช่วงวัยรุ่นและเสียงแหลมที่เขาได้ยินนั้นก็มาจากแจกันที่เธอทำหล่น ดูจากชุดของเธอแล้วเธอน่าจะเป็นสาวใช้

ขณะที่เซย์ม่อนกำลังจะเอ่ยถามหญิงสาว เธอก็ได้แข็งทื่อไปและส่งเสียงกรีดร้องออกมา

“อ้า! นายน้อยตื่นขึ้นมาแล้ว!”

เซย์ม่อนขมวดคิ้วและยกมืดขึ้นมาปิดหูของตัวเอง เสียงของเธอนั้นค่อนข้างดังและมันเกือบจะทำให้เขาคิดว่ามันเป็นเวทมนต์รูปแบบหนึ่ง

แต่.. สิ่งที่สำคัญกว่าเสียงกรีดร้องของเธอตอนนี้คือ

“นายน้อย…? ข้าเนี่ยนะ?”

หญิงสาวมองมาที่เขาอย่างแน่วแน่และยังคงกรีดร้องขณะจ้องมอง

เซย์ม่อนเริ่มจัดระเบียบความคิดของตัวเองและทำความเข้าใจในสถานการณ์ แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรเสร็จ

แอด..

ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกอีกครั้งและมีคนสองคนเดินเข้ามานั่นคือ ชายชราและชายวัยกลางคน

เมื่อพวกเขาเห็นว่าเซย์ม่อนตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเขาก็เริ่มมีความสุขขึ้นมาทันที

“นายน้อย..”

“ท่านตื่นแล้วจริงๆ”

ขณะที่พวกเขากำลังจะพุ่งเข้ามาหาเซย์ม่อน เซย์ม่อนก็ยกมือขึ้นหยุดพวกเขาซะก่อน

“หยุดก่อน พวกเจ้าคือพวกผู้ที่เหลือรอดจากหอคอยแห่งมนต์ดำอย่างนั้นเหรอ?”

เซย์ม่อนต้องการจะยืนยันสิ่งต่างๆทันที หากหอคอยแห่งมนต์ดำยังคงอยู่แล้วละก็ มันก็พอที่จะอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้ แต่คำตอบที่เขาได้ยินนั้นเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงและมันก็ไม่ค่อยมีความสมเหตุสมผลซักเท่าไหร่

“ขออภัยนะครับ หอคอยแห่งมนต์ดำ?  นายน้อย ท่านยังจำได้หรือไม่ว่าข้าคือใคร”

“ข้าไม่รู้ นี่พวกเจ้าช่วยข้าทั้งๆที่ไม่รู้ว่าหอคอยมนต์ดำคืออะไร? พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”

ในขณะที่ชายชราเริ่มทำตัวลุกลี้ลุกลน นักบวชวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆก็เริ่มส่ายหัวและพูดขึ้นว่า

“ข้าเกรงว่าผลกระทบจากอุบัติเหตุจะทำให้ความทรงจำของนายน้อยเกิดปัญหา”

“โอ้ ไม่นะ..”  ชายชราดูค่อนข้างเศร้า

ในกรณีที่หายากที่สุด ผลกระทบจากการที่ศีรษะโดนกระแทกอย่างรุนแรงนั้น มักจะส่งผลให้ความทรงจำหรือความคิดของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปได้

ชายชราเข้าใจในสิ่งที่นักบวชพยายามจะสื่อ เขามองไปทางเซย์ม่อนและเริ่มอธิบายอย่างใจเย็น

“ข้าคือ ฮานส์ หัวหน้าพ่อบ้านประจำตระกูลรากันต์ ส่วนนี่คือ มารอน หัวหน้านักบวชของที่นี่ และนายน้อยก็คือผู้ปกครองคนต่อไปของสถานที่แห่งนี้ นั่นคือสาเหตุที่เราเรียกท่านว่านายน้อย”

“เดี๋ยวก่อนนะ พวกเจ้าหมายความว่ายังไงกัน?”

เซย์ม่อนสงสัยในสิ่งที่เขาได้ยิน  เขาไม่เคยได้ยินชื่อของหัวหน้าพ่อบ้านและนักบวชทั้งสองมาก่อน มันมีเพียงสองสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาในตอนนี้ นั่นก็คืออีกชื่อที่เขาได้ยินหลังจากตื่นนอน

“รากันต์แห่งจักรวรรดิบาล็อค?”

“..รากันต์?”

“ใช่แล้วนายท่าน ท่านจำอะไรได้ไหม?  ลอร์ดหนุ่ม,ลุคแห่งรากันต์,ผู้สืบทอดและผู้ถือครองในมรดกแห่งรากันต์ ท่านหมดสติไปเพราะอุบัติเหตุ แต่ข้าก็เชื่อเสมอว่าท่านจะตื่นขึ้นมาและในที่สุดวันนี้ท่านก็…”

คำพูดของฮานส์ยังคงดำเนินต่อไปแต่มีเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้นที่เข้ามาในหัวของเขา

บาล็อค.. รากันต์… ไวเคานต์…

“อย่าบอกนะว่า… มันคงไม่จริงใช่ไหม..”

อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อรากันต์และชายที่บงการให้รากันต์มาโจมตีเขาก็คือ ดยุกแห่งบาล็อค ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนจักรพรรดิเหล็กไหล

เซย์ม่อนรู้ดีว่าในทวีปโรดีเซียนั้นมีจักรวรรดิที่ชื่อ อาร์เธเนียอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ และในอาณาจักรแห่งนั้นก็ไม่มีไวเคานต์ที่ชื่อว่ารากันต์อยู่อย่างแน่นอน

เซย์ม่อนเริ่มส่ายหัวในใจ

“บางทีพวกเขาอาจพยายามที่จะหลอกข้า ทำไมพวกเขาถึงเรียกข้าว่านายน้อยกัน ทั้งๆที่ข้าอายุ 40 กว่าแล้ว”

เซย์ม่อนหันหน้ามองไปรอบๆห้องในขณะที่เขากำลังใช้ความคิดอยู่ และทันใดนั้นเอง ดวงตาของเขาก็ขยายขึ้น เมื่อเห็นโต๊ะกระจกบานหนึ่ง

ภาพในกระจกที่ส่องสะท้อนนั้นเห็นได้ชัดว่ามันเป็นภาพของเด็กหนุ่มที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ไม่ใช่นักเวทวัยกลางคน

“นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย..”

เซย์ม่อนแตะไปที่ใบหน้าของตัวเอง และภาพเด็กหนุ่มในกระจกกก็ทำเช่นเดียวกัน มันทำให้เขาสับสนอย่างมาก เขาดึงแก้มตัวเองเพื่อดูว่าฝันไปหรือเปล่า แต่เด็กหนุ่มในกระจกก็ทำตามเขาเช่นกัน

“หึๆ นี่มัน..”

มันเหมือนกับตอนนี้เขากำลังจะหนีจากความเป็นจริงที่เขาเจออยู่  อย่างไรก็ตามเซย์ม่อนเริ่มสังเกตุสิ่งที่เขาเห็นอย่างตั้งใจ

ผมสีเงินหยักศก ดวงตาสีฟ้าที่ดูดื้อดึง  คิ้วเข้ม หน้าผากกว้างและริมฝีปากทีดูเต่งตึง  เขาดูค่อนข้างจะขี้โรค แต่ถึงยังงั้นเขาก็ยังดูเหมือนคนที่ปกติดีจนน่าประหลาด

หลังจากดูอยู่ซักพักหนึ่ง ก็มีชื่อๆหนึ่งโผล่ออกมาจากปากของเขา

“ระ.. รากันต์”

“ท่านจำได้แล้ว ใช่แล้ว นายน้อยคือผู้สืบสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลรากันต์”

“ท่านคือผู้สืบสายเลือดของนักรบผู้ยิ่งใหญ่ รากันต์!”

ฮานส์และมารอนรีบอธิบายเพิ่มเติมอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่านายน้อยของพวกเขาเริ่มที่จะรื้อฟื้นความทรงจำได้บ้างเล็กน้อย

แต่สิ่งที่พวกเขาทำนั้นมันเหมือนกับการเอาดินปืนไปใส่ในบ้านที่กำลังไหม้ไฟ

“ย้ากกส์…” ความโกรธและความเกลียดชังของเซย์ม่อนระเบิดออกมาเหมือนกับภูเขาไฟ

“นายน้อย ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า?”

“ท่านเจ็บตรงไหนหรือไม่?”

ชายทั้งสองสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่านายน้อยของพวกเขากำลังสั่นสะท้านด้วยความโกรธ โดยไม่สนใจอะไรเซย์ม่อนถามพวกเขาเพียงแค่

“วันที่ในปฎิทินศักดิ์สิทธิ์คือวันที่เท่าไหร่?”

เขารู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวของเขา

“การเปลี่ยนวิญญาณ!”

มันคือเวทมนต์แห่งความมืด ที่จะเอาวิญญาณจากร่างกายของคนคนหนึ่งออกไปและแทนที่ด้วยดวงวิญญาณอีกดวงแทน

ถ้าพวกวอล็อครู้เรื่องนี้เข้า พวกมันจะต้องใช้การเปลี่ยนวิญญาณนี้เพื่อฟื้นคืนชีพผู้สืบสายเลือดของรากันต์กลับมาเป็นแน่

และด้วยเหตุการณ์แบบนี้นี่เอง เขามัโอกาสในการทำตามความปรารถนาสุดท้ายของเขาได้

“นี่มันหมายความว่าข้ายังมีโอกาสที่จะแก้แค้น…”

เพื่อให้การแก้แค้นดำเนินต่อไปได้ พวกบาล็อคและรากันต์นั้นจะต้องยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น และเซย์ม่อนก็ไม่คิดที่จะปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเกินไป

“วันนี้คือวันที่ 23 มีนาคม 1532 ครับ”

“พวกเราอยู่ในปี 1500?”

“ใช่แล้วครับ เป็นเวลากว่า 500 ปีแล้วที่บรรพบุรุษของท่าน ท่านรากันต์ได้จากไป”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮานส์บอก เซย์ม่อนก็เริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย เขาเสียชีวิตไปในปี 1021 ซึ่งมันหมายความว่าเวลาได้ผ่านไปนานกว่า 511 ปีแล้วนับตั้งแต่เขาเสียชีวิต

ศัตรูทั้งหมดของเขานั้นได้ตายและกลายเป็นฝุ่นธุลีไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็คงมีแต่ผู้สืบสายเลือดของพวกเขาเท่านั้น  แต่มันจะไปมีความหมายอะไรกัน ถ้าพวกคนร้ายตายไปทั้งหมดแล้ว การแก้แค้นกับลูกหลานของพวกมันจะไปมีประโยชน์อะไร

“ฮ่าๆ…” เซย์ม่อนหัวเราะอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยุดไป

“ออกไปให้พ้น..”

“ฮะ? นายน้อย ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

“ข้าบอกให้ออกไปให้พ้นจากสายตาของข้า!”

เซย์ม่อนตัดสินใจที่จะความความประทับใจกับพวกเขาโดยการปากระจกลงไปยังพื้น

ฮานส์และมารอนที่ตกใจกับการกระทำของเซย์ม่อนนั้นก็รีบออกไปจากห้องนอนของเขาในทันที อย่างไรก็ตามเซย์ม่อนยังไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอิสระจากความโกรธเหล่านี้ เขาหยิบทุกอย่างและปามันทิ้งลงพื้นเพื่อระบายอารมณ์

“หึ! ทำไม… ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!”

พ่อมดมนต์ดำขั้น 9  ที่รู้จักกันในนาม “เซย์ม่อน” บัดนี้ได้ฟื้นคืนชีพในร่างของผู้สืบสายเลือดของรากันต์ จักรพรรดิดาบผู้ที่ปลิดชีพของเขาลงเมื่อ 500 ปีก่อน…

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 2 ผู้สืบสายเลือดของไวเคานต์รากันต์ (1)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 2 ผู้สืบสายเลือดของไวเคานต์รากันต์ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 2 ผู้สืบสายเลือดของไวเคานต์รากันต์ (1)

ไม่สามารถมองเห็นทั้งท้องฟ้าและผืนดิน ชายคนหนึ่งกำลังหลงอยู่ในความมืดมิดที่ล้อมรอบตัวเค้า เขาคนนั้นคือ เซย์ม่อน

“นี่ข้ากำลังอยู่ในสถานล้างบาปอย่างนั้นเหรอ?”

สถานล้างบาปคือสถานที่ที่มนุษย์จะต้องผ่านก่อนจะไปสู่ยมโลก นั่นคือความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวของเซย์ม่อน

ความมืดมิดคือสิ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เขาเรียนรู้ทั้งเวทยมนต์แห่งความมืดและดูเหมือนเขาจะชินกับมันแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ชอบก็ตาม

แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่ได้คาดหวังที่จะไปสู่ชีวิตหลังความตายก่อนที่จะแก้แค้นได้สำเร็จ

“ไอ้เ?ยนั่น! ทั้งหมดเป็นเพราะมันคนเดียว รากันต์!”

ถ้าเขายังไม่สามารถแก้แค้นพวกมันได้อย่างสาสมแล้วละก็ เขาจะมีหน้ากลับไปพบเธอผู้เป็นที่รักได้อย่างไร?

“ถ้าข้าได้พบกับเจ้าหลังจากการแก้แค้นสิ้นสุดลง ข้าก็คงจะพอมีหน้าไปพบเจ้าได้เล็กน้อย” เซย์ม่อนถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว

เขาคิดว่าการกระทำของเขานั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

ตลอดการแก้แค้นของเขานั้น มันไม่มีการฆ่าฟันครั้งไหนที่ไม่จำเป็น เขาไม่เคยลงมือกับคนที่ไม่มีอำนาจต่อกรกับเขา

แน่นอนว่าเขาได้ศึกษาเวทยมนต์แห่งความมืด แต่เขาก็ใช้มันแค่ในการแก้แค้นเท่านั้น

พวกพ่อมดบางคนนั้นถวายวิญญาณของตัวเองเพื่อเป็นเครื่องบูชาในการอัญเชิญปีศาจ

อย่างไรก็ตาม เซย์ม่อนนั้นแตกต่างออกไป หลังจากเขาอัญเชิญปีศาจออกมาโดยใช้เลือดเป็นเครื่องบูชา เขาก็ได้ทำการต่อสู้กับปีศาจตนนั้นและได้รับพลังของมันมา ดังนั้นแล้วมันจึงไม่เหมือนกับพวกพ่อมดเหล่านั้น วิญญาณของเขานั้นยังอยู่กับตัวและไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด เพราะมันไม่มีปีศาจที่สามารถล่วงล้ำจิตใจของเขาได้

เขายังค้นพบความจริงต่างๆเกี่ยวกับเวทยมนตร์แห่งความมืดและเวทมนตร์แห่งความโกลาหล เช่นการค้นหากลุ่มดาวในค่ำคืนที่อับแสง

…..

แต่บาปก็คือบาป

แม้ว่าเขาจะพยายามรักษาบาปที่เขาก่อให้เหลือน้อยที่สุด แต่บาปที่เขาทำร้ายผู้คนด้วยเหตุผลเดียวคือการแก้แค้นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจลบล้างหรือลบเลือนได้

เดิมทีเขาคิดว่ามันคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย แต่…

“หากสาเหตุที่ข้าแก้แค้นต่อไม่ได้นั้นเป็นเพราะข้าได้ทำบาปมามากแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วไอ้พวกหน้าซื่อใจคดละ ทำไมมันถึงยังมีชีวิตอยู่ต่อได้?”

ไอ้พวกพ่อมดอาวุโสและพวกราชวงศ์ชั้นสูงที่ที่ทำให้เธอต้องตาย ไม่ใช่เพียงพวกมันจะยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นแต่พวกมันยังไม่ได้ชดใช้ในสิ่งที่พวกมันได้ทำลงไปเลยด้วยซ้ำ

สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแค่ปลอบใจตัวเองและหลอกตัวเองเกี่ยวกับคนที่ตายไปแล้ว

พวกหมูตะกละและพวกหมาป่าที่ชอบทำตัวลับๆล่อๆ จะต้องดีใจเป็นบ้าเป็นหลังแน่นอน ถ้าพวกมันรู้ว่ารากันต์สามารถฆ่าเขาได้สำเร็จ

“ข้าขอสาปแช่งไอ้พวกสัตว์เหล่านั้น และไอ้บ้ารากันต์นั่น”

ความแค้นและความเกรียวโกรธของเซย์ม่อนนั้นดูจะเป็นอะไรที่ไม่หายไปในเวลาอันสั้นแน่นอน ความรู้สึกแสบร้อนในทรวงอกเหล่านั้นเป็นเพียงการสร้างจุดมุ่งหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อของเขาเพียงเท่านั้น

“ถ้าข้ามีโอกาสอีกครั้ง ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้พวกเจ้าแน่!”

อารมณ์ที่รุนแรงและความปรารถนาที่จะได้เกิดใหม่ของเขาก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาภายในส่วนลึกของจิตใจ

และในที่สุด เซย์ม่อนก็มองเห็นแสงสว่างจุดเล็กๆในความมืดมิดที่เขาสัมผัสได้เพียงความรู้สึกนึกคิดของตนเอง

“นั่นมัน..”

เช่นเดียวกับดวงดาวที่ส่องแสงยามราตรี เซย์ม่อนเคลื่อนตัวไปยังทิศทางของแสงสว่างจุดเล็กๆจุดนั้น

ยิ่งความปรารถนาของเขาแรงกล้ามากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกเหมือนเคลื่อนที่เร็วขึ้นมากเท่านั้น และแสงก็เริ่มส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากนั้นเขาก็พบเข้ากับประตูที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงที่สว่างจ้า

เซย์ม่อนรีบเปิดประตูเข้าไปในทันที เขาก้าวเดินต่อไปข้างหน้าโดยไม่มีท่าทีลังเลใดๆ

และแล้ว

….

แสงที่สว่างจ้าส่องมาที่ตาของเขา

เซย์ม่อนยกมือขึ้นมาบังแสงละเริ่มมองไปยังพื้นที่รอบๆตัวของเขา

เขามองออกไปนอกหน้าต่างที่แสงแดดอันอบอุ่นส่องเข้ามา นกตัวเล็กๆต่างส่งเสียงร้องกันอยู่ข้างนอกหน้าต่าง

ในห้องนั้นถูกตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าและเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหรา และนั่นยังไม่ใช่ทั้งหมดที่เขารับรู้ได้ เขายังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากผ้าห่มและไอเย็นที่ออกมาจากปากของเขาตอนหายใจออก

“ข้ายังไม่ตาย?”

ไม่ เขานั้นถูกรากันต์ฆ่าตายไปแล้วอย่างแน่นอน เขายังจำได้ถึงความเจ็บปวดในตอนที่รากันต์ใช้ดาบแทงทะลุหัวใจของเขา

หลังจากตาย เขาก็เดินวนเวียนอยู่ในความมืดมิดจนพบเข้ากับประตูที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสง

“นี่มันไม่ใช่ประตูสู่โลกหลังความตายหรอกเหรอ”

ความรู้สึก,การมองเห็น,การได้ยินและการได้กลิ่นของเขาเริ่มกลับมา สิ่งเหล่านี้กำลังบอกเขาว่าเขากำลังมีชีวิตอยู่

เขาไม่สามารถสัมผัสถึงพลังเวทย์มืดที่อยู่ในใจเขาได้อีกต่อไป นั่นอาจเกิดจากการที่ถูกดาบแทงทะลุหัวใจ

และถ้ามันจะมีอะไรที่สามารถตอบคำถามของเขาได้ก็คงเป็น…

“ใครเป็นคนช่วยข้าเอาไว้กัน? นี่มีคนจากหอคอยแห่งมนต์ดำช่วยข้าไว้อย่างนั้นเหรอ?”

เพล้ง…

ขณะที่กำลังสงสัยเขาก็เริ่มดึงผ้าห่มออกจากตัวและได้ยินเสียงแหลมดังขึ้น เมื่อเขาหันไปยังทิศทางที่เดินเสียง เขาก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเปิดประตูเข้ามา เธอดูเหมือนจะอยู่ในช่วงวัยรุ่นและเสียงแหลมที่เขาได้ยินนั้นก็มาจากแจกันที่เธอทำหล่น ดูจากชุดของเธอแล้วเธอน่าจะเป็นสาวใช้

ขณะที่เซย์ม่อนกำลังจะเอ่ยถามหญิงสาว เธอก็ได้แข็งทื่อไปและส่งเสียงกรีดร้องออกมา

“อ้า! นายน้อยตื่นขึ้นมาแล้ว!”

เซย์ม่อนขมวดคิ้วและยกมืดขึ้นมาปิดหูของตัวเอง เสียงของเธอนั้นค่อนข้างดังและมันเกือบจะทำให้เขาคิดว่ามันเป็นเวทมนต์รูปแบบหนึ่ง

แต่.. สิ่งที่สำคัญกว่าเสียงกรีดร้องของเธอตอนนี้คือ

“นายน้อย…? ข้าเนี่ยนะ?”

หญิงสาวมองมาที่เขาอย่างแน่วแน่และยังคงกรีดร้องขณะจ้องมอง

เซย์ม่อนเริ่มจัดระเบียบความคิดของตัวเองและทำความเข้าใจในสถานการณ์ แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรเสร็จ

แอด..

ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดออกอีกครั้งและมีคนสองคนเดินเข้ามานั่นคือ ชายชราและชายวัยกลางคน

เมื่อพวกเขาเห็นว่าเซย์ม่อนตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเขาก็เริ่มมีความสุขขึ้นมาทันที

“นายน้อย..”

“ท่านตื่นแล้วจริงๆ”

ขณะที่พวกเขากำลังจะพุ่งเข้ามาหาเซย์ม่อน เซย์ม่อนก็ยกมือขึ้นหยุดพวกเขาซะก่อน

“หยุดก่อน พวกเจ้าคือพวกผู้ที่เหลือรอดจากหอคอยแห่งมนต์ดำอย่างนั้นเหรอ?”

เซย์ม่อนต้องการจะยืนยันสิ่งต่างๆทันที หากหอคอยแห่งมนต์ดำยังคงอยู่แล้วละก็ มันก็พอที่จะอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้ แต่คำตอบที่เขาได้ยินนั้นเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงและมันก็ไม่ค่อยมีความสมเหตุสมผลซักเท่าไหร่

“ขออภัยนะครับ หอคอยแห่งมนต์ดำ?  นายน้อย ท่านยังจำได้หรือไม่ว่าข้าคือใคร”

“ข้าไม่รู้ นี่พวกเจ้าช่วยข้าทั้งๆที่ไม่รู้ว่าหอคอยมนต์ดำคืออะไร? พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”

ในขณะที่ชายชราเริ่มทำตัวลุกลี้ลุกลน นักบวชวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆก็เริ่มส่ายหัวและพูดขึ้นว่า

“ข้าเกรงว่าผลกระทบจากอุบัติเหตุจะทำให้ความทรงจำของนายน้อยเกิดปัญหา”

“โอ้ ไม่นะ..”  ชายชราดูค่อนข้างเศร้า

ในกรณีที่หายากที่สุด ผลกระทบจากการที่ศีรษะโดนกระแทกอย่างรุนแรงนั้น มักจะส่งผลให้ความทรงจำหรือความคิดของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปได้

ชายชราเข้าใจในสิ่งที่นักบวชพยายามจะสื่อ เขามองไปทางเซย์ม่อนและเริ่มอธิบายอย่างใจเย็น

“ข้าคือ ฮานส์ หัวหน้าพ่อบ้านประจำตระกูลรากันต์ ส่วนนี่คือ มารอน หัวหน้านักบวชของที่นี่ และนายน้อยก็คือผู้ปกครองคนต่อไปของสถานที่แห่งนี้ นั่นคือสาเหตุที่เราเรียกท่านว่านายน้อย”

“เดี๋ยวก่อนนะ พวกเจ้าหมายความว่ายังไงกัน?”

เซย์ม่อนสงสัยในสิ่งที่เขาได้ยิน  เขาไม่เคยได้ยินชื่อของหัวหน้าพ่อบ้านและนักบวชทั้งสองมาก่อน มันมีเพียงสองสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาในตอนนี้ นั่นก็คืออีกชื่อที่เขาได้ยินหลังจากตื่นนอน

“รากันต์แห่งจักรวรรดิบาล็อค?”

“..รากันต์?”

“ใช่แล้วนายท่าน ท่านจำอะไรได้ไหม?  ลอร์ดหนุ่ม,ลุคแห่งรากันต์,ผู้สืบทอดและผู้ถือครองในมรดกแห่งรากันต์ ท่านหมดสติไปเพราะอุบัติเหตุ แต่ข้าก็เชื่อเสมอว่าท่านจะตื่นขึ้นมาและในที่สุดวันนี้ท่านก็…”

คำพูดของฮานส์ยังคงดำเนินต่อไปแต่มีเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้นที่เข้ามาในหัวของเขา

บาล็อค.. รากันต์… ไวเคานต์…

“อย่าบอกนะว่า… มันคงไม่จริงใช่ไหม..”

อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อรากันต์และชายที่บงการให้รากันต์มาโจมตีเขาก็คือ ดยุกแห่งบาล็อค ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนจักรพรรดิเหล็กไหล

เซย์ม่อนรู้ดีว่าในทวีปโรดีเซียนั้นมีจักรวรรดิที่ชื่อ อาร์เธเนียอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ และในอาณาจักรแห่งนั้นก็ไม่มีไวเคานต์ที่ชื่อว่ารากันต์อยู่อย่างแน่นอน

เซย์ม่อนเริ่มส่ายหัวในใจ

“บางทีพวกเขาอาจพยายามที่จะหลอกข้า ทำไมพวกเขาถึงเรียกข้าว่านายน้อยกัน ทั้งๆที่ข้าอายุ 40 กว่าแล้ว”

เซย์ม่อนหันหน้ามองไปรอบๆห้องในขณะที่เขากำลังใช้ความคิดอยู่ และทันใดนั้นเอง ดวงตาของเขาก็ขยายขึ้น เมื่อเห็นโต๊ะกระจกบานหนึ่ง

ภาพในกระจกที่ส่องสะท้อนนั้นเห็นได้ชัดว่ามันเป็นภาพของเด็กหนุ่มที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ไม่ใช่นักเวทวัยกลางคน

“นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย..”

เซย์ม่อนแตะไปที่ใบหน้าของตัวเอง และภาพเด็กหนุ่มในกระจกกก็ทำเช่นเดียวกัน มันทำให้เขาสับสนอย่างมาก เขาดึงแก้มตัวเองเพื่อดูว่าฝันไปหรือเปล่า แต่เด็กหนุ่มในกระจกก็ทำตามเขาเช่นกัน

“หึๆ นี่มัน..”

มันเหมือนกับตอนนี้เขากำลังจะหนีจากความเป็นจริงที่เขาเจออยู่  อย่างไรก็ตามเซย์ม่อนเริ่มสังเกตุสิ่งที่เขาเห็นอย่างตั้งใจ

ผมสีเงินหยักศก ดวงตาสีฟ้าที่ดูดื้อดึง  คิ้วเข้ม หน้าผากกว้างและริมฝีปากทีดูเต่งตึง  เขาดูค่อนข้างจะขี้โรค แต่ถึงยังงั้นเขาก็ยังดูเหมือนคนที่ปกติดีจนน่าประหลาด

หลังจากดูอยู่ซักพักหนึ่ง ก็มีชื่อๆหนึ่งโผล่ออกมาจากปากของเขา

“ระ.. รากันต์”

“ท่านจำได้แล้ว ใช่แล้ว นายน้อยคือผู้สืบสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลรากันต์”

“ท่านคือผู้สืบสายเลือดของนักรบผู้ยิ่งใหญ่ รากันต์!”

ฮานส์และมารอนรีบอธิบายเพิ่มเติมอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่านายน้อยของพวกเขาเริ่มที่จะรื้อฟื้นความทรงจำได้บ้างเล็กน้อย

แต่สิ่งที่พวกเขาทำนั้นมันเหมือนกับการเอาดินปืนไปใส่ในบ้านที่กำลังไหม้ไฟ

“ย้ากกส์…” ความโกรธและความเกลียดชังของเซย์ม่อนระเบิดออกมาเหมือนกับภูเขาไฟ

“นายน้อย ท่านเป็นอะไรมากหรือเปล่า?”

“ท่านเจ็บตรงไหนหรือไม่?”

ชายทั้งสองสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่านายน้อยของพวกเขากำลังสั่นสะท้านด้วยความโกรธ โดยไม่สนใจอะไรเซย์ม่อนถามพวกเขาเพียงแค่

“วันที่ในปฎิทินศักดิ์สิทธิ์คือวันที่เท่าไหร่?”

เขารู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวของเขา

“การเปลี่ยนวิญญาณ!”

มันคือเวทมนต์แห่งความมืด ที่จะเอาวิญญาณจากร่างกายของคนคนหนึ่งออกไปและแทนที่ด้วยดวงวิญญาณอีกดวงแทน

ถ้าพวกวอล็อครู้เรื่องนี้เข้า พวกมันจะต้องใช้การเปลี่ยนวิญญาณนี้เพื่อฟื้นคืนชีพผู้สืบสายเลือดของรากันต์กลับมาเป็นแน่

และด้วยเหตุการณ์แบบนี้นี่เอง เขามัโอกาสในการทำตามความปรารถนาสุดท้ายของเขาได้

“นี่มันหมายความว่าข้ายังมีโอกาสที่จะแก้แค้น…”

เพื่อให้การแก้แค้นดำเนินต่อไปได้ พวกบาล็อคและรากันต์นั้นจะต้องยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น และเซย์ม่อนก็ไม่คิดที่จะปล่อยให้เวลาผ่านไปนานเกินไป

“วันนี้คือวันที่ 23 มีนาคม 1532 ครับ”

“พวกเราอยู่ในปี 1500?”

“ใช่แล้วครับ เป็นเวลากว่า 500 ปีแล้วที่บรรพบุรุษของท่าน ท่านรากันต์ได้จากไป”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮานส์บอก เซย์ม่อนก็เริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย เขาเสียชีวิตไปในปี 1021 ซึ่งมันหมายความว่าเวลาได้ผ่านไปนานกว่า 511 ปีแล้วนับตั้งแต่เขาเสียชีวิต

ศัตรูทั้งหมดของเขานั้นได้ตายและกลายเป็นฝุ่นธุลีไปหมดแล้ว ที่เหลืออยู่ก็คงมีแต่ผู้สืบสายเลือดของพวกเขาเท่านั้น  แต่มันจะไปมีความหมายอะไรกัน ถ้าพวกคนร้ายตายไปทั้งหมดแล้ว การแก้แค้นกับลูกหลานของพวกมันจะไปมีประโยชน์อะไร

“ฮ่าๆ…” เซย์ม่อนหัวเราะอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยุดไป

“ออกไปให้พ้น..”

“ฮะ? นายน้อย ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

“ข้าบอกให้ออกไปให้พ้นจากสายตาของข้า!”

เซย์ม่อนตัดสินใจที่จะความความประทับใจกับพวกเขาโดยการปากระจกลงไปยังพื้น

ฮานส์และมารอนที่ตกใจกับการกระทำของเซย์ม่อนนั้นก็รีบออกไปจากห้องนอนของเขาในทันที อย่างไรก็ตามเซย์ม่อนยังไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอิสระจากความโกรธเหล่านี้ เขาหยิบทุกอย่างและปามันทิ้งลงพื้นเพื่อระบายอารมณ์

“หึ! ทำไม… ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้!”

พ่อมดมนต์ดำขั้น 9  ที่รู้จักกันในนาม “เซย์ม่อน” บัดนี้ได้ฟื้นคืนชีพในร่างของผู้สืบสายเลือดของรากันต์ จักรพรรดิดาบผู้ที่ปลิดชีพของเขาลงเมื่อ 500 ปีก่อน…

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+