Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 32 การพัฒนาเหมือง (1)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 32 การพัฒนาเหมือง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 32 การพัฒนาเหมือง (1)

ที่คฤหาสน์ทางตอนเหนือของเมืองลาเมอร์

มีเสียงดังมาจากคฤหาสน์ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของเคานต์โมนาร์ช

“อะไรกัน? ท่านจะทำแบบนี้ตั้งแต่เช้าไม่ได้นะ”

“ หุหุหุ ไม่ได้เหรอจ้ะ? ข้าทำอะไรไม่ได้! ข้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่ข้าต้องการ”

ในห้องทำงาน เคานต์โมนาร์ชกำลังทะเลาะกับทุกคน เรื่องการจีบนางบำเรอคนใหม่ที่เพิ่งพาเข้ามาในคฤหาสน์

ในขณะที่เขากำลังสนุกสนานนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงของผู้ดูแลพร้อมกับเคาะประตู

“ท่านครับผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงาน!”

“ไอ้เ?ยเอ้ย ทำไมต้องตอนนี้วะ…?”

เคานต์โมนาร์ชรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก แต่ข่าวดังกล่าวไม่ได้มาจากใครคนอื่นนอกจาก โกทผู้ซึ่งเป็นที่ปรึกษาพิเศษของเขา

เขาส่งนางบำเรอของเขาออกไปยังประตูเล็กๆ ไปยังห้องถัดไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขา

“ ฮึ่ม! เข้ามา!”

เมื่อมีคำสั่งเข้ามาในทางเข้าประตูก็เปิดออกและโกทก็เข้ามาทันที

“อะไรคือสิ่งสำคัญที่เจ้าอยากจะรายงาน? พวกขุนนางและราชวงศ์ทะเลาะกันอีกแล้วรึไง”

ย้อนไปเมื่อ 300 ปีที่แล้ว ในตอนที่อาณาจักรพึ่งจะถูกก่อตั้งในทวีปแห่งนี้ มันได้ทำให้พวกเขากลายมาเป็นราชวงศ์ที่มีอำนาจ

พวกขุนนางที่เริ่มรู้สึกถึงวิกฤต ก็เริ่มรวมตัวกันทีละน้อยๆ ปละเรียกตัวเองว่า – ขุนนางผู้สูงศักดิ์

อย่างไรก็ตามพวกขุนนางเหล่านี้ก็ยังคงมีอำนาจน้อยกว่าขุนนางของจักรวรรดิ และอิทธิพลของพวกมันก็มักจะรุนแรงขึ้นตามกิจกาจที่จักรวรรดิครอบครอง

เป็นผลให้ขุนนางและราชวงศ์ต่างๆ เริ่มย้ายออกไปอยู่ที่อื่น

เคานต์โมนาร์ชซึ่งเป็นญาติของทางราชวงศ์ ก็ถูกบังคับให้ดูแลภูมิภาคที่สำคัญที่สุด

ดินแดนทางใต้ของจักรวรรดินั้นมีขุนนางชั้นสูงอยู่เป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังมีหนึ่งในสามขุนนางซึ่งก็คือ มาร์ควิสมาเยอร์แห่งดินแดนทางใต้ หากเรื่องที่พวกเขาทำผิดถึงหูของเมเยอร์สแล้วละก็ พวกเขาก็อาจจะถูกเนรเทศได้

“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เราได้ค้นพบตัวตนของอัศวินทมิฬที่ทำให้ท่านต้องสูญเสียเงินไปเมื่อวันก่อน”

“อะ.. อัศวินทมิฬ!”

ความกลัวปรากฏออกมาในสายตาของเขา เคานต์โมนาร์ชถามขณะที่เขากระโดดขึ้นจากที่นั่ง

การเดิมพันกับเรย์น่านั้นเป็นอะไรที่มีความสำคัญอยู่พอสมควร

เงินหลายแสนเปโซถูกใช้ไปในเงินเดิมพันที่วางเอาไว้

แต่แล้วคนขับกิกันท์รับจ้างคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในเกมและขว้างโคลนด้วยความพยายามของพวกเขา

“ใครกันที่รู้ว่ามันเป็นใคร? นี่มันทำงานให้กับขุนนางที่อยากจะขัดขวางข้าอย่างนั้นหรอ?”

“ไม่ใช่เลย…”

โกทเปิดเผยข้อมูลที่เขารวบรวมในช่วงเดือนที่ผ่านมา

ใบหน้าของเคานต์โมนาร์ชเปลี่ยนไปอย่างบิดเบี้ยวหลังจากได้ยินข้อมูลที่โกทรวบรวมมา

“อัศวินทมิฬคนนั้นเป็นคนรับใช้ของตระกูลรากันต์อย่างนั้นหรอ?”

“ใช่. ในช่วงเวลานั้นเขาได้ปรากฏตัวในเวทีพร้อมกับเจ้านายของมัน”

“ …ไม่  ไอ้เจ้าลุคคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?”

เคานต์ถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้อย่างไร

เขาได้รับข้อมูลมาว่าผู้สืบสายเลือดคนสุดท้ายของตระกูลรากันต์นั้นได้เสียชีวิตไปแล้วจากอาการบาดเจ็บที่สมองเพราะอุบัติเหตุขณะควบคุมกิกันท์

“นั่นนั่นนั่น…”

เมื่อเห็นว่าโกทตอบไม่ได้เคานต์โมนาร์ชที่มีสีหน้าบิดเบี้ยวจึงถามว่า

“ทำไมเจ้าถึงตอบไม่ได้! ไหนเจ้าบอกว่าผู้ชายคนนั้นได้ตายไปแล้วไง?”

“นั่นคือสิ่งที่ข้าคิด เป็นเรื่องจริงที่เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ”

แต่เขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี

การรอดชีวิตจากอุบัติเหตุของลุคนั้นไม่ได้ทำให้เคานต์โมนาร์ชโกรธแต่อย่างใด แต่การที่เขาไปที่เมืองลาเมอร์และเข้าไปยุ่งการเดิมพันต่างหากที่ทำให้เคานต์โกรธ

“ว้ากก!  พวก_งกำลังทำอะไรอยู่วะ? ถ้าพวก_งส่งมันให้ไปตายตั้งแต่แรก มันก็คงไม่ได้ช่วยเหลือเจ้าหญิงและเข้าใกล้เธอมากขนาดนี้หรอก!”

ย้อนไปเมื่อสองเดือนก่อน เคานต์โมนาร์ชได้วางแผนที่จะกำจัดลุคทิ้ง เพื่อหวังที่จะหุบเอาที่ดินของรากันต์มาเป็นของตัวเอง

เขาได้ทำการซื้อหัวหน้าภาคสนามคนหนึ่งและตัดสินใจที่จะฆ่าลุคด้วยการเปลี่ยนเครื่องยนต์หลักของกิกันท์ที่เขาขับ

แต่แผนล้มเหลว

ขณะที่เคานต์โมนาร์ชกำลังสบทอย่างโกรธเกรี้ยว โกทคุกเข่าลงบนพื้น

“ข้าต้อฃขออภัยเป็นอย่างสูงจริงๆท่านเคานต์! ครั้งนี้ข้าจะไปฆ่าไอ้ขยะนี่เอง!”

ในความเป็นจริงแล้วโกทไม่ได้อยากที่จะฆ่าใครมากนัก แต่เมื่อใดก็ตามที่เคานต์โมนาร์ชหมดอารมณ์ เขาก็มักจะชอบให้คนรับใช้ทำเช่นนั้น

ว้า! พุก!

เคานต์โมนาร์ชที่กำลังโกรธก็ได้พูกขึ้นมา

“หึ! เจ้ายังไม่ได้ทำลายหลักฐานหรือเบาะแสใช่ไหม?”

โกทที่ยืนขึ้นก็หันกลับมาและตอบว่า

“ข้าได้จัดการกับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะตรวจสอบสักแค่ไหน พวกเขาก็จะไม่รู้แน่นอนว่าเราเป็นคนทำ”

“งั้นก็ดีแล้ว”

หากพวกของลุครู้ว่ามือขวาของเขาเป็นคนทำเรื่องแบบนี้ ปัญหาเล็กใหญ่ก็จะตามมาทีหลังแน่นอน

มันไม่ใช่ว่าเขากลัวสายเลือดของรากันต์

แต่หากมาร์ควิสเมเยอร์สและลอร์ดคนอื่นๆของทางใต้จับได้ว่าพวกเขาเป็นคนลงมือทำเรื่องเหล่านี้ สิ่งต่างๆก็อาจจะเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้ายแน่นอน

แม้ว่าเขาจะเป็นขุนนางใหญ่อันดับสองในภาคใต้ แต่เขาก็ไม่สามารถรับมือได้แน่นอนหากต้องเป็นศัตรูกับทุกคน

“อึก! ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมจักรพรรดิถึงยังคงนิ่งเฉยต่อเรื่องของขุนนาง ข้าละอยากจะระดมกองทัพและกวาดล้างพวกเขาจริงๆ”

‘ถ้าพวกเราทำอย่างนั้นสาธารณรัฐโวลก้าและจักรวรรดิอาร์เทเนียศักดิ์สิทธิ์ก็คงจะไม่อยู่นิ่งแน่นอน’

มันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องการโจมตีศัตรู แต่ว่าการกระทำแบบนั้นก็จะดึงดูดศัตรูจากภายนอกมาเช่นกัน

เพราะเหตุนี้จักรพรรดิรูดอล์ฟจึงไม่สามารถกวาดล้างขุนนางคนอื่นๆได้

อย่างไรก็ตามโกทตัดสินใจที่จะไม่พูดคำพูดของเขาในตอนนี้ ถ้าเขาทำแบบนั้นต่อหน้าเคานต์โมนาร์ช สิ่งที่เขาจะได้รับก็จะมีเพียงความเสียหายเท่านั้น

และสาเหตุที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ทำให้เคานต์โมนาร์ชต้องการที่ดินของตระกูลรากันต์ก็เป็นเพราะความก้าวหน้าในการทำลายการปิดล้อมของขุนนางฝ่ายใต้

เมื่อมีการเปิดถนนใหม่ทางด้านตะวันตกของจักรวรรดิ มันจึงมีความเป็นไปได้ที่จะเชื่อมต่อที่ดินของรากันต์กับทางตะวันตกเฉียงใต้ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย

แน่นอนว่าหมู่บ้านในที่ดินของรากันต์นั้นไม่เคยรู้ถึงเรื่องนี้เลย

“แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่เจ้าก็ต้องจัดการกับลุคให้ได้”

“ไม่ต้องห่วงนายท่าน เราจะทำการเคลื่อนพลอัศวินเงาในอีกไม่กี่วันและนำคอของเขามาให้ท่านเอง”

“อัศวินเงา?”

“ใช่แล้ว ข้าคิดว่าคนที่กล้าท้าทายอำนาจของท่าน ต้องได้รับอะไรแบบนี้”

“ฮ่าๆ เจ้าแน่มาก ทำได้ดี! ทำได้ดี!”

อัศวินเงาเป็นหนึ่งในพลังลับของเคานต์โมนาร์ช ซึ่งเป็นกองกำลังทหารหรือทหารรับจ้างและอัศวินอิสระที่ถูกเกณฑ์ไปยังเวทีกิกันท์

พวกเขาดูแลงานที่ยุ่งเหยิงของเคานต์เป็นหลัก และทักษะในการควบคุมกิกันท์ของคนเหล่านี้ก็ยังเหนือกว่าพวกอัศวิน

เคานต์โมนาร์ชพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และถามบางอย่างที่อยู่ในใจของเขา

“แล้วตอนนี้เจ้าหญิงเรย์น่าเป็นยังไงบ้าง”

เขายังคงหมกมุ่นอยู่กับเจ้าหญิง และยังคงคิดหาวิธีกดดันเธอและทำให้เธอเป็นของเขา

เขาเริ่มต้นด้วยการเพิ่มภาษีให้กับผู้คนที่เข้ามาจากอาณาจักรโวลก้าและหากพวกเขาทำอะไรที่ไม่สบายใจหรือแสดงพฤติกรรมไม่พอใจทหารตำรวจจะจับพวกเขาทันที

ส่งผลให้คนรับใช้เก่าที่เคยทำงานกับเจ้าหญิงออกมาประท้วงหลายครั้ง แต่เคานต์โมนาร์ชก็ไม่ได้สนใจพวกเขา

“เธอกำลังพบปะผู้คนที่นู่นและที่นั่น แต่ในไม่ช้าเธอก็จะหมดทางเลือก”

“ดีมาก! ในท้ายที่สุดเธอจะต้องยอมจำนนและเข้ามาโอบกอดข้า”

ทั้งโกทและเคานต์โมนาร์ชที่รู้สึกหงุดหงิดก็เริ่มยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเจ้าหญิงที่วิ่งเข้ามาในอ้อมแขนของพวกเขา….

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 32 การพัฒนาเหมือง (1)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 32 การพัฒนาเหมือง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 32 การพัฒนาเหมือง (1)

ที่คฤหาสน์ทางตอนเหนือของเมืองลาเมอร์

มีเสียงดังมาจากคฤหาสน์ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของเคานต์โมนาร์ช

“อะไรกัน? ท่านจะทำแบบนี้ตั้งแต่เช้าไม่ได้นะ”

“ หุหุหุ ไม่ได้เหรอจ้ะ? ข้าทำอะไรไม่ได้! ข้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่ข้าต้องการ”

ในห้องทำงาน เคานต์โมนาร์ชกำลังทะเลาะกับทุกคน เรื่องการจีบนางบำเรอคนใหม่ที่เพิ่งพาเข้ามาในคฤหาสน์

ในขณะที่เขากำลังสนุกสนานนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงของผู้ดูแลพร้อมกับเคาะประตู

“ท่านครับผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงาน!”

“ไอ้เ?ยเอ้ย ทำไมต้องตอนนี้วะ…?”

เคานต์โมนาร์ชรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก แต่ข่าวดังกล่าวไม่ได้มาจากใครคนอื่นนอกจาก โกทผู้ซึ่งเป็นที่ปรึกษาพิเศษของเขา

เขาส่งนางบำเรอของเขาออกไปยังประตูเล็กๆ ไปยังห้องถัดไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขา

“ ฮึ่ม! เข้ามา!”

เมื่อมีคำสั่งเข้ามาในทางเข้าประตูก็เปิดออกและโกทก็เข้ามาทันที

“อะไรคือสิ่งสำคัญที่เจ้าอยากจะรายงาน? พวกขุนนางและราชวงศ์ทะเลาะกันอีกแล้วรึไง”

ย้อนไปเมื่อ 300 ปีที่แล้ว ในตอนที่อาณาจักรพึ่งจะถูกก่อตั้งในทวีปแห่งนี้ มันได้ทำให้พวกเขากลายมาเป็นราชวงศ์ที่มีอำนาจ

พวกขุนนางที่เริ่มรู้สึกถึงวิกฤต ก็เริ่มรวมตัวกันทีละน้อยๆ ปละเรียกตัวเองว่า – ขุนนางผู้สูงศักดิ์

อย่างไรก็ตามพวกขุนนางเหล่านี้ก็ยังคงมีอำนาจน้อยกว่าขุนนางของจักรวรรดิ และอิทธิพลของพวกมันก็มักจะรุนแรงขึ้นตามกิจกาจที่จักรวรรดิครอบครอง

เป็นผลให้ขุนนางและราชวงศ์ต่างๆ เริ่มย้ายออกไปอยู่ที่อื่น

เคานต์โมนาร์ชซึ่งเป็นญาติของทางราชวงศ์ ก็ถูกบังคับให้ดูแลภูมิภาคที่สำคัญที่สุด

ดินแดนทางใต้ของจักรวรรดินั้นมีขุนนางชั้นสูงอยู่เป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังมีหนึ่งในสามขุนนางซึ่งก็คือ มาร์ควิสมาเยอร์แห่งดินแดนทางใต้ หากเรื่องที่พวกเขาทำผิดถึงหูของเมเยอร์สแล้วละก็ พวกเขาก็อาจจะถูกเนรเทศได้

“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เราได้ค้นพบตัวตนของอัศวินทมิฬที่ทำให้ท่านต้องสูญเสียเงินไปเมื่อวันก่อน”

“อะ.. อัศวินทมิฬ!”

ความกลัวปรากฏออกมาในสายตาของเขา เคานต์โมนาร์ชถามขณะที่เขากระโดดขึ้นจากที่นั่ง

การเดิมพันกับเรย์น่านั้นเป็นอะไรที่มีความสำคัญอยู่พอสมควร

เงินหลายแสนเปโซถูกใช้ไปในเงินเดิมพันที่วางเอาไว้

แต่แล้วคนขับกิกันท์รับจ้างคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในเกมและขว้างโคลนด้วยความพยายามของพวกเขา

“ใครกันที่รู้ว่ามันเป็นใคร? นี่มันทำงานให้กับขุนนางที่อยากจะขัดขวางข้าอย่างนั้นหรอ?”

“ไม่ใช่เลย…”

โกทเปิดเผยข้อมูลที่เขารวบรวมในช่วงเดือนที่ผ่านมา

ใบหน้าของเคานต์โมนาร์ชเปลี่ยนไปอย่างบิดเบี้ยวหลังจากได้ยินข้อมูลที่โกทรวบรวมมา

“อัศวินทมิฬคนนั้นเป็นคนรับใช้ของตระกูลรากันต์อย่างนั้นหรอ?”

“ใช่. ในช่วงเวลานั้นเขาได้ปรากฏตัวในเวทีพร้อมกับเจ้านายของมัน”

“ …ไม่  ไอ้เจ้าลุคคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?”

เคานต์ถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้อย่างไร

เขาได้รับข้อมูลมาว่าผู้สืบสายเลือดคนสุดท้ายของตระกูลรากันต์นั้นได้เสียชีวิตไปแล้วจากอาการบาดเจ็บที่สมองเพราะอุบัติเหตุขณะควบคุมกิกันท์

“นั่นนั่นนั่น…”

เมื่อเห็นว่าโกทตอบไม่ได้เคานต์โมนาร์ชที่มีสีหน้าบิดเบี้ยวจึงถามว่า

“ทำไมเจ้าถึงตอบไม่ได้! ไหนเจ้าบอกว่าผู้ชายคนนั้นได้ตายไปแล้วไง?”

“นั่นคือสิ่งที่ข้าคิด เป็นเรื่องจริงที่เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ”

แต่เขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี

การรอดชีวิตจากอุบัติเหตุของลุคนั้นไม่ได้ทำให้เคานต์โมนาร์ชโกรธแต่อย่างใด แต่การที่เขาไปที่เมืองลาเมอร์และเข้าไปยุ่งการเดิมพันต่างหากที่ทำให้เคานต์โกรธ

“ว้ากก!  พวก_งกำลังทำอะไรอยู่วะ? ถ้าพวก_งส่งมันให้ไปตายตั้งแต่แรก มันก็คงไม่ได้ช่วยเหลือเจ้าหญิงและเข้าใกล้เธอมากขนาดนี้หรอก!”

ย้อนไปเมื่อสองเดือนก่อน เคานต์โมนาร์ชได้วางแผนที่จะกำจัดลุคทิ้ง เพื่อหวังที่จะหุบเอาที่ดินของรากันต์มาเป็นของตัวเอง

เขาได้ทำการซื้อหัวหน้าภาคสนามคนหนึ่งและตัดสินใจที่จะฆ่าลุคด้วยการเปลี่ยนเครื่องยนต์หลักของกิกันท์ที่เขาขับ

แต่แผนล้มเหลว

ขณะที่เคานต์โมนาร์ชกำลังสบทอย่างโกรธเกรี้ยว โกทคุกเข่าลงบนพื้น

“ข้าต้อฃขออภัยเป็นอย่างสูงจริงๆท่านเคานต์! ครั้งนี้ข้าจะไปฆ่าไอ้ขยะนี่เอง!”

ในความเป็นจริงแล้วโกทไม่ได้อยากที่จะฆ่าใครมากนัก แต่เมื่อใดก็ตามที่เคานต์โมนาร์ชหมดอารมณ์ เขาก็มักจะชอบให้คนรับใช้ทำเช่นนั้น

ว้า! พุก!

เคานต์โมนาร์ชที่กำลังโกรธก็ได้พูกขึ้นมา

“หึ! เจ้ายังไม่ได้ทำลายหลักฐานหรือเบาะแสใช่ไหม?”

โกทที่ยืนขึ้นก็หันกลับมาและตอบว่า

“ข้าได้จัดการกับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะตรวจสอบสักแค่ไหน พวกเขาก็จะไม่รู้แน่นอนว่าเราเป็นคนทำ”

“งั้นก็ดีแล้ว”

หากพวกของลุครู้ว่ามือขวาของเขาเป็นคนทำเรื่องแบบนี้ ปัญหาเล็กใหญ่ก็จะตามมาทีหลังแน่นอน

มันไม่ใช่ว่าเขากลัวสายเลือดของรากันต์

แต่หากมาร์ควิสเมเยอร์สและลอร์ดคนอื่นๆของทางใต้จับได้ว่าพวกเขาเป็นคนลงมือทำเรื่องเหล่านี้ สิ่งต่างๆก็อาจจะเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้ายแน่นอน

แม้ว่าเขาจะเป็นขุนนางใหญ่อันดับสองในภาคใต้ แต่เขาก็ไม่สามารถรับมือได้แน่นอนหากต้องเป็นศัตรูกับทุกคน

“อึก! ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมจักรพรรดิถึงยังคงนิ่งเฉยต่อเรื่องของขุนนาง ข้าละอยากจะระดมกองทัพและกวาดล้างพวกเขาจริงๆ”

‘ถ้าพวกเราทำอย่างนั้นสาธารณรัฐโวลก้าและจักรวรรดิอาร์เทเนียศักดิ์สิทธิ์ก็คงจะไม่อยู่นิ่งแน่นอน’

มันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องการโจมตีศัตรู แต่ว่าการกระทำแบบนั้นก็จะดึงดูดศัตรูจากภายนอกมาเช่นกัน

เพราะเหตุนี้จักรพรรดิรูดอล์ฟจึงไม่สามารถกวาดล้างขุนนางคนอื่นๆได้

อย่างไรก็ตามโกทตัดสินใจที่จะไม่พูดคำพูดของเขาในตอนนี้ ถ้าเขาทำแบบนั้นต่อหน้าเคานต์โมนาร์ช สิ่งที่เขาจะได้รับก็จะมีเพียงความเสียหายเท่านั้น

และสาเหตุที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ทำให้เคานต์โมนาร์ชต้องการที่ดินของตระกูลรากันต์ก็เป็นเพราะความก้าวหน้าในการทำลายการปิดล้อมของขุนนางฝ่ายใต้

เมื่อมีการเปิดถนนใหม่ทางด้านตะวันตกของจักรวรรดิ มันจึงมีความเป็นไปได้ที่จะเชื่อมต่อที่ดินของรากันต์กับทางตะวันตกเฉียงใต้ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย

แน่นอนว่าหมู่บ้านในที่ดินของรากันต์นั้นไม่เคยรู้ถึงเรื่องนี้เลย

“แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่เจ้าก็ต้องจัดการกับลุคให้ได้”

“ไม่ต้องห่วงนายท่าน เราจะทำการเคลื่อนพลอัศวินเงาในอีกไม่กี่วันและนำคอของเขามาให้ท่านเอง”

“อัศวินเงา?”

“ใช่แล้ว ข้าคิดว่าคนที่กล้าท้าทายอำนาจของท่าน ต้องได้รับอะไรแบบนี้”

“ฮ่าๆ เจ้าแน่มาก ทำได้ดี! ทำได้ดี!”

อัศวินเงาเป็นหนึ่งในพลังลับของเคานต์โมนาร์ช ซึ่งเป็นกองกำลังทหารหรือทหารรับจ้างและอัศวินอิสระที่ถูกเกณฑ์ไปยังเวทีกิกันท์

พวกเขาดูแลงานที่ยุ่งเหยิงของเคานต์เป็นหลัก และทักษะในการควบคุมกิกันท์ของคนเหล่านี้ก็ยังเหนือกว่าพวกอัศวิน

เคานต์โมนาร์ชพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และถามบางอย่างที่อยู่ในใจของเขา

“แล้วตอนนี้เจ้าหญิงเรย์น่าเป็นยังไงบ้าง”

เขายังคงหมกมุ่นอยู่กับเจ้าหญิง และยังคงคิดหาวิธีกดดันเธอและทำให้เธอเป็นของเขา

เขาเริ่มต้นด้วยการเพิ่มภาษีให้กับผู้คนที่เข้ามาจากอาณาจักรโวลก้าและหากพวกเขาทำอะไรที่ไม่สบายใจหรือแสดงพฤติกรรมไม่พอใจทหารตำรวจจะจับพวกเขาทันที

ส่งผลให้คนรับใช้เก่าที่เคยทำงานกับเจ้าหญิงออกมาประท้วงหลายครั้ง แต่เคานต์โมนาร์ชก็ไม่ได้สนใจพวกเขา

“เธอกำลังพบปะผู้คนที่นู่นและที่นั่น แต่ในไม่ช้าเธอก็จะหมดทางเลือก”

“ดีมาก! ในท้ายที่สุดเธอจะต้องยอมจำนนและเข้ามาโอบกอดข้า”

ทั้งโกทและเคานต์โมนาร์ชที่รู้สึกหงุดหงิดก็เริ่มยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเจ้าหญิงที่วิ่งเข้ามาในอ้อมแขนของพวกเขา….

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+