Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 33 การพัฒนาเหมือง (2)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 33 การพัฒนาเหมือง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 33 การพัฒนาเหมือง (2)

หลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นานลุคก็ผลิตโกเลมชุดแรกเสร็จ

เมื่อสร้างโกเลมทั้ง 20 ตัวเสร็จ ลุคก็ดึงสิ่งประดิษฐ์ที่เหมือนกับสร้อยข้อมือออกมาจากที่เก็บของในห้องทดลองใต้ดิน

สิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวถูกค้นพบในดันเจี้ยนของพ่อมดที่เขาเคยไปสำรวจร่วมกับคาธารีน่าในอดีต มันมีวงเวทย์ซับสเปซโบราณที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในปัจจุบัน

‘คาธารีน่า…’

เมื่อมองไปที่สร้อยข้อมือเงินโบราณที่มีรูปลักษณ์คล้ายใบไม้ เขาก็นึกถึงตอนที่เธอเคยสวมมัน

‘แม้ว่าร่างกายของข้าจะแตกสลายและกลายเป็นผง แต่ข้าก็จะแก้แค้นด้วยการกำจัดตระกูลบาล็อคและหอคอยเวทย์มนต์เวอร์ริทัสให้ได้! ดังนั้นโปรดรออีกสักหน่อย “

หลังจากสูญเสียผู้เป็นที่รัก ลุคก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับชีวิตของเขาเขาคิดว่าถ้าเขาสามารถแก้แค้นจนสำเร็จได้ เขาก็คงจะจากโลกนี้ไปได้อย่างสงบสุข

อย่างไรก็ตามไม่ว่าชะตากรรมจะเป็นเช่นไร ภาพความทรงจำของคาธารีน่าที่เข้ามาในใจของเขา ก็กลายเป็นเจ้าหญิงเรย์น่า

บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าหญิงเรย์น่าดูคล้ายกับเธอมาก …

‘แม้ว่าเจ้าหญิงจะดูเหมือนเธอมาก แต่เธอก็ยังคงแตกต่างกันมากเช่นกัน’

แม้เขาจะคิดแบบนั้น แต่หัวใจของเขาก็ไม่สามารถหยุดนิ่งได้

บางทีอาจเป็นเพราะหนังสือศาสนาที่เขาเห็นในทวีปทางใต้เกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิด

“ …หรือว่าข้ากำลังจะตกหลุมรักกัน?”

ลุคสวมสร้อยข้อมือซับสเปสและกลับไปที่ห้องวิจัยโกเลมใต้ดินของเขา

“บันทึกมิติ”

ฮิ้ววว!

เมื่อลุคพูดคาถาขณะที่ฉีดอัดมันด้วยหลังงานเมไจ โกเลมทั้ง 20 ตัวก็เริ่มหายไปพร้อมกับแสงจ้า

‘มันคงจะยากมากถ้ามีคนคอยมองข้าอยู่’

ถ้าพวกคนรับใช้ได้เห็นถึงโกเลมเหล่านี้ พวกเขาก็จะต้องตื่นตกใจอย่างมากแน่นอนและมันจะทำให้คฤหาสน์ทั้งหลังตกอยู่ในความโกลาหล

โกเลมนั้นไม่ได้เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเซย์มอน ​​แต่มันก็ไม่เคยมีพ่อมดหรือวงเวทย์อื่นใดที่สามารถสร้างและควบคุมโกเลมได้ดีเท่าเซย์มอน

‘ช่วยไม่ได้ ยังไงซะวิญญาณในร่างนี้เป็นของเซย์มอน’

ลุคลูบสร้อยข้อมือด้วยรอยยิ้มและเดินออกจากปราสาทราชาปีศาจ มันเป็นเพราะตอนนี้เขามีสถานที่ที่อยากไป

แต่ก่อนที่เขาจะได้ไปถึงที่นั่น ฟิลิปก็ได้พบเขาก่อน

ฟิลิปที่เข้ามาในปราสาทเพื่อตามหาลุคเริ่มจู้จี้เขาทันทีที่สบตากันกับเขา

“นายท่าน ครั้งนี้ท่านจะทำอะไรต่อไปละ? การฝึกฝนลับในปราสาทราชาปีศาจมันก็เป็นสิ่งที่ดีอยู่ แต่การที่จะทอดทิ้งอัศวินไปทุกครั้งและเข้าไปคนเดียวนี่มันคืออะไรกัน?”

“ขออภัยค้าบ ครั้งหน้าข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”

ลุคตอบอย่างน่าเบื่อ ขณะที่โดนฟิลิปเทศนาใส่

“ท่านเคยคิดบ้างไหม ว่านายพลอัศวินคนนั้นรู้เรื่องนี้มากแค่ไหน? ข้าถูกบังคับให้เขียนรายงานทุกๆเดือน แต่นายท่านก็ยังไม่รักษาสัญญาที่จะซื้อกิกันท์ให้ข้า…”

“โอ้โรเจอร์ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”

เมื่อได้ยินคำพูดของลุค ฟิลิปก็นิ่งไปและหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามโรเจอร์ไม่ได้อยู่ที่นั่น

มีแต่แมวที่เดินผ่านมา ที่หยุดและมองกลับมาที่เขา

“อา!”

ฟิลิปที่รู้ตัวว่าถูกหลอกก็หันกลับไปมองที่ลุคอีกครั้ง แต่ในระหว่างนั้นลุคก็หายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้

“ไม่นะ นายท่านนน..!”

เป็นอีกครั้งที่เสียงร้องของฟิลิปดังขึ้นในบริเวณปราสาทราชาปีศาจ

หลังจากการเผชิญหน้ากับฟิลิปไม่นาน ลุคก็มุ่งหน้าไปยังภูเขาร็อคเคีย

ภูเขาร็อคเคียนั้นเป็นภูเขาหินซึ่งตั้งอยู่ห่างจากปราสาทราชาปีศาจไปทางทิศตะวันตก 10 กิโลเมตร มันมีการกล่าวกันว่ามีสัตว์ประหลาดจำนวนมากซ่อนตัวและอาศัยอยู่ที่นั่นซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคนเก็บสมุนไพรและคนตัดไม้จึงไม่กล้าเข้าไป

มีเหตุผลว่าทำไมลุคถึงเข้าไปในพื้นที่หิน

“ข้าต้องใช้เงินจำนวนมากในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 1 แห่ง”

เขาได้รับ 210,000 เปโซในเวทีสนามประลองกิกันท์แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด

เพื่อเพิ่มจำนวนผู้อยู่อาศัยในดินแดนและเพิ่มกำลังทหารให้เข้มแข็ง แหล่งรายได้ที่มั่นคงจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด

ลุคนั้นได้พบบางสิ่งบางอย่างในที่ดินของเขา ซึ่งอาจช่วยพวกเขาการสร้างรายได้ได้

‘มันมีเหมืองที่เคยถูกใช้โดยคนแคระอยู่ในภูเขาร็อคเคีย’

ในช่วงชีวิตของเขาในฐานะเซย์ม่อน มันมีชนเผ่าต่างๆและสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์มากมายที่อาศัยและทำงานภายใต้บารมีของเขา

พวกเขาทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนกดขี่

เผ่าพันธุ์จำนวนมากที่รวมตัวกันนั้นยังรวมไปถึงคนแคระด้วย

คนแคระนั้นนับเป็นเผ่าพันธุ์ของโลกใบนี้

พวกเขาพัฒนาเหมืองและสร้างอาคารแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนักแต่พวกเขาเป็นช่างตีเหล็กและสถาปนิกที่ยอดเยี่ยม พวกเขาสร้างอาวุธเพื่อสนับสนุนอัศวินของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

“มันไม่มีเหมืองทองคำหรือเงินที่ถูกพัฒนาขึ้นในภูเขาร็อคเคีย”

อย่างไรก็ตามหลังจากการตายของเซย์ม่อน พวกคนแคระได้หายตัวไปและเหมืองก็ถูกปิดลง

ตระกูลรากันต์นั้นพยายามค้นหาเหมืองของคนแคระอยู่หลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งเนื่องจากพวกเขาไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอน

30,000 เปโซที่พวกเขาเป็นหนี้กับบริษัทอาลอนนั้นก็เป็นเพราะการค้นหาเหมืองในภูเขาร็อคเคียเช่นเดียวกัน

‘ในเมื่อข้ารู้ที่ตั้งของมัน ข้าก็จะสามารถทำให้โกเลมที่อยู่เคียงข้างข้าคอยทำงานเพื่อฟื้นฟูเหมืองได้‘

นั่นคือสาเหตุที่ลุคมาที่ภูเขาร็อคเคีย

เขาเรียกโกเลมมาที่ทางเข้าภูเขา

ในการที่จะเข้าไปในส่วนลึกของภูเขานั้น เขาก็จำเป็นจะต้องทำความสะอาดเส้นทางซะก่อน

“เหล่าเด็กน้อยที่เป็นเหมือนลูกๆของข้าเอ๋ย จงกำจัดสิ่งที่ขวางทางของข้า!”

เมื่อลุคเริ่มดึงพลังเมไจออกมา และเริ่มสั่งการโกเลมหินที่สูง 5 เมตรและโกเลมไม้ที่เปล่งประกายไปด้วยพลังออร่าสีม่วงสดใส

ครืด!

คุคุก-!

โกเลมเริ่มปีนภูเขาและทำลายหินกับถอนต้นไม้ที่ขวางทางอย่างช้าๆ

เคี้ยค!

เมื่อมีการบุกรุกอาณาเขตเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พวกสัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าก็ส่งเสียงร้องและคำราม

พวกมันส่วนใหญ่เป็นออร์ค,ก็อบลินและโคโบลด์

เมื่อพวกสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายเหล่านั้นพบเห็นเขา พวกมันก็เริ่มโจมตีใส่พวกเขาทันที

“ห้าตัวแรกปิดกั้นการโจมตีของพวกมันไม่ให้เข้ามา ในขณะที่พวกที่เหลือก็ผลักพวกมันออกไปให้แรงที่สุด”

ลุคควบคุมโกเลมของเขาด้วยเวทย์หุ่นกระบอก

มันเป็นเวทมนตร์ที่เชื่อมต่อระหว่างเขากับโกเลม เหมือนเชือกที่ติดกับตุ๊กตาหุ่นเชิด มันทำให้เขาได้เปรียบในการเชื่อมต่อและควบคุมวัตถุหลายชิ้นพร้อมกัน

แน่นอนว่ามันมีข้อเสียอยู่ตรงที่ไม่สามารถให้คำสั่งที่ละเอียดหรือหลากหลายได้

อย่างไรก็ตาม การควบคุมแค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับการจัดการกับมอนสเตอร์ระดับต่ำ

หมัดและลูกเตะขนาดใหญ่ของโกเลมส่งผลให้มอนสเตอร์ตัวอื่นๆกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่พวกมันบางตัวก็กำลังวิ่งหนี

ลุคหยุดการเคลื่อนไหวของโกเลมที่ผลักมอนสเตอร์

มอนสเตอร์ที่ยังมีชีวิตอยู่สั่นสะท้านเมื่อเห็นถึงความโกงที่โกเลมมี พวกมันส่วนใหญ่เป็นเพศชายและเป็นจ่าฝูงของเผ่า พวกมันต่างก็พร้อมที่จะต่อสู้จนตัวตายเพื่อให้ลูกและเมียของพวกมันได้หลบหนี

ลุคที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ของมอนสเตอร์ดี เขาจึงเดินเข้ามาหาพวกมันด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าพวกเจ้าเชื่อฟังข้า ข้าก็จะไม่ขับไล่พวกเจ้าออกจากที่นี่”

ลุคพูดกับมอนสเตอร์ระดับบอสที่ดูหน้าตาดีและล้างสมองพวกมันด้วยเวทมนตร์แห่งความมืด

“การเชื่อฟัง” เป็นเวทมนตร์แห่งความมืดที่กดขี่ปีศาจและสัตว์ประหลาดที่อ่อนแอกว่าให้รับฟังคำสั่งของผู้ใช้

ลุคสามารถล้างสมองของบอสได้เพียงแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะยังไงเขาตอนนี้เขายังเป็นแค่พ่อมดขั้น 3 เท่านั้น

ถ้าเขาเอาชนะมอนสเตอร์ระดับบอสได้ มันก็จะไม่มีปัญหาอะไรในการทำส่วนที่เหลือดังนั้นเขาจึงไม่ต้องใช้กำลังภายนอกอื่นใด

“ในอนาคตถ้าพวกเจ้าทำในสิ่งที่ข้าบอกให้พวกเจ้าทำได้ดี  เจ้าก็จะได้รับอาหารที่ดีเช่นกัน แต่หากไม่ ข้าก็คงจะต้องกำจัดพวกเจ้าทิ้งไป”

กิ๊กกั๊ก!

หัวของออร์คก็อบลินและโคโบลด์เคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียง

หลังจากนั้นลุคก็มุ่งหน้าตรงไปยังเหมืองของคนแคระ

“ทางเข้าถูกปิดอย่างนั้นหรอ”

มีเหมืองสามแห่งในภูเขาร็อคเคีย

อย่างไรก็ตามคนแคระจงใจปิดกั้นทางเข้าของเหมือง เนื่องจากเหมืองทั้งสามมีทางเข้าทางดียวกัน

“ช่วยไม่ได้ คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก”

ลุคพูดพลางยักไหล่ของเขา

เขาเริ่มสั่งให้โกเลมและมอนสเตอร์กำจัดสิ่งสกปรกและเศษหินที่ขวางทางเข้าออกไป

เมื่อพวกโกเลมได้รับคำสั่งให้ทุบหินหรือยก พวกมอนสเตอร์จึงเป็นฝ่ายที่ต้องขุดดินแทน

หลังจากทำงานได้สองชั่วโมง หินและสิ่งสกปรกก็ถูกล้างออกและเผยให้เห็นถึงอุโมงค์ที่คนแคระใช้ขุดเหมืองในอดีต

ลุคส่งโกเลมกลับไปยังพื้นที่ซัปสเปสแล้วจึงเข้าไปในอุโมงค์

พึมพำ! พึมพำ!

อุโมงค์ที่สร้างโดยคนแคระนั้นเหมือนกับเขาวงกต พวกเขาทำแบบนี้เพื่อเป็นการกำจัดศัตรูที่อาจบุกเข้ามาในเหมือง และดูเหมือนว่าเหมืองจะอยู่ในสภาพดีแม้จะไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานก็ตาม

“แน่นอนว่านี่จะต้องเป็นฝีมือของพวกคนแคระ”

ทวีปโรดีเซียนั้นมีเผ่าพันธุ์ช่างฝีมือที่ดีที่สุดที่สามารถสร้างหรือประดิษฐ์สิ่งที่พวกเขาต้องการได้

หลังจากที่ลุคผ่านเขาวงกตมาได้ เขาก็ได้พบเข้ากับช่องว่างขนาดใหญ่ มันเป็นสถานที่ที่คนแคระสร้างเพื่อเป็นจุดพักชั่วคราวและยังเป็นโกดังเก็บของกับโรงตีเหล็กอีกด้วย

ในนี้มีเครื่องมือและวัสดุเหลือใช้ที่พวกคนแคระเคยใช้

“พวกเขาได้ทิ้งเครื่องมือล้ำค่าที่สุดของพวกเขาไว้”

หลังจากที่เซย์ม่อนถูกรากันต์ฆ่าแล้ว ดินแดนซึ่งเดิมถูกเรียกว่าดินแดนแห่งความมืด ก็ถูกมนุษย์ยึดครองอย่างสมบูรณ์

และน่าแปลกที่ถึงแม้รากันต์จะส่งหัวหน้าอัศวินและทหารจำนวนมากเพื่อตามหาพวกคนแคระแต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตแม้แต่ตัวเดียว

“ข้าจะต้องไปตามหาพวกเขาในภายหลัง แต่ตอนนี้ข้าต้องทำการขุดเหมืองพวกนี้ก่อน”

ลุคสั่งโกเลมสามตัวให้ไปที่เหมืองและสั่งให้มอนสเตอร์ไปช่วยพวกเขาด้วยเครื่องมือที่พวกคนแคระทิ้งเอาไว้

แม้ว่าพวกมันจะทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าคนแคระ แต่พวกโกเลมและมอนสเตอร์ก็ยังสามารถทำงานให้สำเร็จลุล่วงได้

ในขณะที่พวกเขากำลังขุดแร่ ลุคก็จ้องไปที่วงเวทย์เทเลพอร์ตที่อยู่อีกด้านหนึ่งของเหมือง

ในอดีตวงเวทย์นี้ได้รับการติดตั้งเพื่อเคลื่อนย้ายแร่ธาตุต่างๆไปยังห้องทำงานใต้ดินของปราสาทราชาปีศาจ มันสามารถทำใหม่ได้อย่างรวดเร็วด้วยการวางหินเวทย์มนตร์ใหม่

‘หุหุหุ! ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องทำก็คือการปรับแต่งมันในเตาหลอมเวทมนตร์”

หลังจากเยี่ยมชมเหมืองทั้งสามแห่งและทำงานที่จำเป็นทั้งหมดเสร็จแล้วลุคก็กลับไปยังคฤหาสน์

เมื่อเห็นว่าลุคนั้นออกไปเป็นเวลานาน เหล่าคนรับใช้และฮานส์ก็ไม่สามารถที่จะอดสงสัยในตัวเขาได้…

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 33 การพัฒนาเหมือง (2)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 33 การพัฒนาเหมือง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 33 การพัฒนาเหมือง (2)

หลังจากเวลาผ่านไปได้ไม่นานลุคก็ผลิตโกเลมชุดแรกเสร็จ

เมื่อสร้างโกเลมทั้ง 20 ตัวเสร็จ ลุคก็ดึงสิ่งประดิษฐ์ที่เหมือนกับสร้อยข้อมือออกมาจากที่เก็บของในห้องทดลองใต้ดิน

สิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวถูกค้นพบในดันเจี้ยนของพ่อมดที่เขาเคยไปสำรวจร่วมกับคาธารีน่าในอดีต มันมีวงเวทย์ซับสเปซโบราณที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในปัจจุบัน

‘คาธารีน่า…’

เมื่อมองไปที่สร้อยข้อมือเงินโบราณที่มีรูปลักษณ์คล้ายใบไม้ เขาก็นึกถึงตอนที่เธอเคยสวมมัน

‘แม้ว่าร่างกายของข้าจะแตกสลายและกลายเป็นผง แต่ข้าก็จะแก้แค้นด้วยการกำจัดตระกูลบาล็อคและหอคอยเวทย์มนต์เวอร์ริทัสให้ได้! ดังนั้นโปรดรออีกสักหน่อย “

หลังจากสูญเสียผู้เป็นที่รัก ลุคก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับชีวิตของเขาเขาคิดว่าถ้าเขาสามารถแก้แค้นจนสำเร็จได้ เขาก็คงจะจากโลกนี้ไปได้อย่างสงบสุข

อย่างไรก็ตามไม่ว่าชะตากรรมจะเป็นเช่นไร ภาพความทรงจำของคาธารีน่าที่เข้ามาในใจของเขา ก็กลายเป็นเจ้าหญิงเรย์น่า

บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าหญิงเรย์น่าดูคล้ายกับเธอมาก …

‘แม้ว่าเจ้าหญิงจะดูเหมือนเธอมาก แต่เธอก็ยังคงแตกต่างกันมากเช่นกัน’

แม้เขาจะคิดแบบนั้น แต่หัวใจของเขาก็ไม่สามารถหยุดนิ่งได้

บางทีอาจเป็นเพราะหนังสือศาสนาที่เขาเห็นในทวีปทางใต้เกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิด

“ …หรือว่าข้ากำลังจะตกหลุมรักกัน?”

ลุคสวมสร้อยข้อมือซับสเปสและกลับไปที่ห้องวิจัยโกเลมใต้ดินของเขา

“บันทึกมิติ”

ฮิ้ววว!

เมื่อลุคพูดคาถาขณะที่ฉีดอัดมันด้วยหลังงานเมไจ โกเลมทั้ง 20 ตัวก็เริ่มหายไปพร้อมกับแสงจ้า

‘มันคงจะยากมากถ้ามีคนคอยมองข้าอยู่’

ถ้าพวกคนรับใช้ได้เห็นถึงโกเลมเหล่านี้ พวกเขาก็จะต้องตื่นตกใจอย่างมากแน่นอนและมันจะทำให้คฤหาสน์ทั้งหลังตกอยู่ในความโกลาหล

โกเลมนั้นไม่ได้เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเซย์มอน ​​แต่มันก็ไม่เคยมีพ่อมดหรือวงเวทย์อื่นใดที่สามารถสร้างและควบคุมโกเลมได้ดีเท่าเซย์มอน

‘ช่วยไม่ได้ ยังไงซะวิญญาณในร่างนี้เป็นของเซย์มอน’

ลุคลูบสร้อยข้อมือด้วยรอยยิ้มและเดินออกจากปราสาทราชาปีศาจ มันเป็นเพราะตอนนี้เขามีสถานที่ที่อยากไป

แต่ก่อนที่เขาจะได้ไปถึงที่นั่น ฟิลิปก็ได้พบเขาก่อน

ฟิลิปที่เข้ามาในปราสาทเพื่อตามหาลุคเริ่มจู้จี้เขาทันทีที่สบตากันกับเขา

“นายท่าน ครั้งนี้ท่านจะทำอะไรต่อไปละ? การฝึกฝนลับในปราสาทราชาปีศาจมันก็เป็นสิ่งที่ดีอยู่ แต่การที่จะทอดทิ้งอัศวินไปทุกครั้งและเข้าไปคนเดียวนี่มันคืออะไรกัน?”

“ขออภัยค้าบ ครั้งหน้าข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”

ลุคตอบอย่างน่าเบื่อ ขณะที่โดนฟิลิปเทศนาใส่

“ท่านเคยคิดบ้างไหม ว่านายพลอัศวินคนนั้นรู้เรื่องนี้มากแค่ไหน? ข้าถูกบังคับให้เขียนรายงานทุกๆเดือน แต่นายท่านก็ยังไม่รักษาสัญญาที่จะซื้อกิกันท์ให้ข้า…”

“โอ้โรเจอร์ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”

เมื่อได้ยินคำพูดของลุค ฟิลิปก็นิ่งไปและหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามโรเจอร์ไม่ได้อยู่ที่นั่น

มีแต่แมวที่เดินผ่านมา ที่หยุดและมองกลับมาที่เขา

“อา!”

ฟิลิปที่รู้ตัวว่าถูกหลอกก็หันกลับไปมองที่ลุคอีกครั้ง แต่ในระหว่างนั้นลุคก็หายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้

“ไม่นะ นายท่านนน..!”

เป็นอีกครั้งที่เสียงร้องของฟิลิปดังขึ้นในบริเวณปราสาทราชาปีศาจ

หลังจากการเผชิญหน้ากับฟิลิปไม่นาน ลุคก็มุ่งหน้าไปยังภูเขาร็อคเคีย

ภูเขาร็อคเคียนั้นเป็นภูเขาหินซึ่งตั้งอยู่ห่างจากปราสาทราชาปีศาจไปทางทิศตะวันตก 10 กิโลเมตร มันมีการกล่าวกันว่ามีสัตว์ประหลาดจำนวนมากซ่อนตัวและอาศัยอยู่ที่นั่นซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคนเก็บสมุนไพรและคนตัดไม้จึงไม่กล้าเข้าไป

มีเหตุผลว่าทำไมลุคถึงเข้าไปในพื้นที่หิน

“ข้าต้องใช้เงินจำนวนมากในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 1 แห่ง”

เขาได้รับ 210,000 เปโซในเวทีสนามประลองกิกันท์แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด

เพื่อเพิ่มจำนวนผู้อยู่อาศัยในดินแดนและเพิ่มกำลังทหารให้เข้มแข็ง แหล่งรายได้ที่มั่นคงจึงเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด

ลุคนั้นได้พบบางสิ่งบางอย่างในที่ดินของเขา ซึ่งอาจช่วยพวกเขาการสร้างรายได้ได้

‘มันมีเหมืองที่เคยถูกใช้โดยคนแคระอยู่ในภูเขาร็อคเคีย’

ในช่วงชีวิตของเขาในฐานะเซย์ม่อน มันมีชนเผ่าต่างๆและสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์มากมายที่อาศัยและทำงานภายใต้บารมีของเขา

พวกเขาทั้งหมดรวมตัวกันเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนกดขี่

เผ่าพันธุ์จำนวนมากที่รวมตัวกันนั้นยังรวมไปถึงคนแคระด้วย

คนแคระนั้นนับเป็นเผ่าพันธุ์ของโลกใบนี้

พวกเขาพัฒนาเหมืองและสร้างอาคารแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนักแต่พวกเขาเป็นช่างตีเหล็กและสถาปนิกที่ยอดเยี่ยม พวกเขาสร้างอาวุธเพื่อสนับสนุนอัศวินของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

“มันไม่มีเหมืองทองคำหรือเงินที่ถูกพัฒนาขึ้นในภูเขาร็อคเคีย”

อย่างไรก็ตามหลังจากการตายของเซย์ม่อน พวกคนแคระได้หายตัวไปและเหมืองก็ถูกปิดลง

ตระกูลรากันต์นั้นพยายามค้นหาเหมืองของคนแคระอยู่หลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งเนื่องจากพวกเขาไม่ทราบตำแหน่งที่แน่นอน

30,000 เปโซที่พวกเขาเป็นหนี้กับบริษัทอาลอนนั้นก็เป็นเพราะการค้นหาเหมืองในภูเขาร็อคเคียเช่นเดียวกัน

‘ในเมื่อข้ารู้ที่ตั้งของมัน ข้าก็จะสามารถทำให้โกเลมที่อยู่เคียงข้างข้าคอยทำงานเพื่อฟื้นฟูเหมืองได้‘

นั่นคือสาเหตุที่ลุคมาที่ภูเขาร็อคเคีย

เขาเรียกโกเลมมาที่ทางเข้าภูเขา

ในการที่จะเข้าไปในส่วนลึกของภูเขานั้น เขาก็จำเป็นจะต้องทำความสะอาดเส้นทางซะก่อน

“เหล่าเด็กน้อยที่เป็นเหมือนลูกๆของข้าเอ๋ย จงกำจัดสิ่งที่ขวางทางของข้า!”

เมื่อลุคเริ่มดึงพลังเมไจออกมา และเริ่มสั่งการโกเลมหินที่สูง 5 เมตรและโกเลมไม้ที่เปล่งประกายไปด้วยพลังออร่าสีม่วงสดใส

ครืด!

คุคุก-!

โกเลมเริ่มปีนภูเขาและทำลายหินกับถอนต้นไม้ที่ขวางทางอย่างช้าๆ

เคี้ยค!

เมื่อมีการบุกรุกอาณาเขตเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พวกสัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าก็ส่งเสียงร้องและคำราม

พวกมันส่วนใหญ่เป็นออร์ค,ก็อบลินและโคโบลด์

เมื่อพวกสัตว์ประหลาดที่ดุร้ายเหล่านั้นพบเห็นเขา พวกมันก็เริ่มโจมตีใส่พวกเขาทันที

“ห้าตัวแรกปิดกั้นการโจมตีของพวกมันไม่ให้เข้ามา ในขณะที่พวกที่เหลือก็ผลักพวกมันออกไปให้แรงที่สุด”

ลุคควบคุมโกเลมของเขาด้วยเวทย์หุ่นกระบอก

มันเป็นเวทมนตร์ที่เชื่อมต่อระหว่างเขากับโกเลม เหมือนเชือกที่ติดกับตุ๊กตาหุ่นเชิด มันทำให้เขาได้เปรียบในการเชื่อมต่อและควบคุมวัตถุหลายชิ้นพร้อมกัน

แน่นอนว่ามันมีข้อเสียอยู่ตรงที่ไม่สามารถให้คำสั่งที่ละเอียดหรือหลากหลายได้

อย่างไรก็ตาม การควบคุมแค่นี้ก็เกินพอแล้วสำหรับการจัดการกับมอนสเตอร์ระดับต่ำ

หมัดและลูกเตะขนาดใหญ่ของโกเลมส่งผลให้มอนสเตอร์ตัวอื่นๆกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่พวกมันบางตัวก็กำลังวิ่งหนี

ลุคหยุดการเคลื่อนไหวของโกเลมที่ผลักมอนสเตอร์

มอนสเตอร์ที่ยังมีชีวิตอยู่สั่นสะท้านเมื่อเห็นถึงความโกงที่โกเลมมี พวกมันส่วนใหญ่เป็นเพศชายและเป็นจ่าฝูงของเผ่า พวกมันต่างก็พร้อมที่จะต่อสู้จนตัวตายเพื่อให้ลูกและเมียของพวกมันได้หลบหนี

ลุคที่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ของมอนสเตอร์ดี เขาจึงเดินเข้ามาหาพวกมันด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าพวกเจ้าเชื่อฟังข้า ข้าก็จะไม่ขับไล่พวกเจ้าออกจากที่นี่”

ลุคพูดกับมอนสเตอร์ระดับบอสที่ดูหน้าตาดีและล้างสมองพวกมันด้วยเวทมนตร์แห่งความมืด

“การเชื่อฟัง” เป็นเวทมนตร์แห่งความมืดที่กดขี่ปีศาจและสัตว์ประหลาดที่อ่อนแอกว่าให้รับฟังคำสั่งของผู้ใช้

ลุคสามารถล้างสมองของบอสได้เพียงแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะยังไงเขาตอนนี้เขายังเป็นแค่พ่อมดขั้น 3 เท่านั้น

ถ้าเขาเอาชนะมอนสเตอร์ระดับบอสได้ มันก็จะไม่มีปัญหาอะไรในการทำส่วนที่เหลือดังนั้นเขาจึงไม่ต้องใช้กำลังภายนอกอื่นใด

“ในอนาคตถ้าพวกเจ้าทำในสิ่งที่ข้าบอกให้พวกเจ้าทำได้ดี  เจ้าก็จะได้รับอาหารที่ดีเช่นกัน แต่หากไม่ ข้าก็คงจะต้องกำจัดพวกเจ้าทิ้งไป”

กิ๊กกั๊ก!

หัวของออร์คก็อบลินและโคโบลด์เคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียง

หลังจากนั้นลุคก็มุ่งหน้าตรงไปยังเหมืองของคนแคระ

“ทางเข้าถูกปิดอย่างนั้นหรอ”

มีเหมืองสามแห่งในภูเขาร็อคเคีย

อย่างไรก็ตามคนแคระจงใจปิดกั้นทางเข้าของเหมือง เนื่องจากเหมืองทั้งสามมีทางเข้าทางดียวกัน

“ช่วยไม่ได้ คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก”

ลุคพูดพลางยักไหล่ของเขา

เขาเริ่มสั่งให้โกเลมและมอนสเตอร์กำจัดสิ่งสกปรกและเศษหินที่ขวางทางเข้าออกไป

เมื่อพวกโกเลมได้รับคำสั่งให้ทุบหินหรือยก พวกมอนสเตอร์จึงเป็นฝ่ายที่ต้องขุดดินแทน

หลังจากทำงานได้สองชั่วโมง หินและสิ่งสกปรกก็ถูกล้างออกและเผยให้เห็นถึงอุโมงค์ที่คนแคระใช้ขุดเหมืองในอดีต

ลุคส่งโกเลมกลับไปยังพื้นที่ซัปสเปสแล้วจึงเข้าไปในอุโมงค์

พึมพำ! พึมพำ!

อุโมงค์ที่สร้างโดยคนแคระนั้นเหมือนกับเขาวงกต พวกเขาทำแบบนี้เพื่อเป็นการกำจัดศัตรูที่อาจบุกเข้ามาในเหมือง และดูเหมือนว่าเหมืองจะอยู่ในสภาพดีแม้จะไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานก็ตาม

“แน่นอนว่านี่จะต้องเป็นฝีมือของพวกคนแคระ”

ทวีปโรดีเซียนั้นมีเผ่าพันธุ์ช่างฝีมือที่ดีที่สุดที่สามารถสร้างหรือประดิษฐ์สิ่งที่พวกเขาต้องการได้

หลังจากที่ลุคผ่านเขาวงกตมาได้ เขาก็ได้พบเข้ากับช่องว่างขนาดใหญ่ มันเป็นสถานที่ที่คนแคระสร้างเพื่อเป็นจุดพักชั่วคราวและยังเป็นโกดังเก็บของกับโรงตีเหล็กอีกด้วย

ในนี้มีเครื่องมือและวัสดุเหลือใช้ที่พวกคนแคระเคยใช้

“พวกเขาได้ทิ้งเครื่องมือล้ำค่าที่สุดของพวกเขาไว้”

หลังจากที่เซย์ม่อนถูกรากันต์ฆ่าแล้ว ดินแดนซึ่งเดิมถูกเรียกว่าดินแดนแห่งความมืด ก็ถูกมนุษย์ยึดครองอย่างสมบูรณ์

และน่าแปลกที่ถึงแม้รากันต์จะส่งหัวหน้าอัศวินและทหารจำนวนมากเพื่อตามหาพวกคนแคระแต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตแม้แต่ตัวเดียว

“ข้าจะต้องไปตามหาพวกเขาในภายหลัง แต่ตอนนี้ข้าต้องทำการขุดเหมืองพวกนี้ก่อน”

ลุคสั่งโกเลมสามตัวให้ไปที่เหมืองและสั่งให้มอนสเตอร์ไปช่วยพวกเขาด้วยเครื่องมือที่พวกคนแคระทิ้งเอาไว้

แม้ว่าพวกมันจะทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าคนแคระ แต่พวกโกเลมและมอนสเตอร์ก็ยังสามารถทำงานให้สำเร็จลุล่วงได้

ในขณะที่พวกเขากำลังขุดแร่ ลุคก็จ้องไปที่วงเวทย์เทเลพอร์ตที่อยู่อีกด้านหนึ่งของเหมือง

ในอดีตวงเวทย์นี้ได้รับการติดตั้งเพื่อเคลื่อนย้ายแร่ธาตุต่างๆไปยังห้องทำงานใต้ดินของปราสาทราชาปีศาจ มันสามารถทำใหม่ได้อย่างรวดเร็วด้วยการวางหินเวทย์มนตร์ใหม่

‘หุหุหุ! ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องทำก็คือการปรับแต่งมันในเตาหลอมเวทมนตร์”

หลังจากเยี่ยมชมเหมืองทั้งสามแห่งและทำงานที่จำเป็นทั้งหมดเสร็จแล้วลุคก็กลับไปยังคฤหาสน์

เมื่อเห็นว่าลุคนั้นออกไปเป็นเวลานาน เหล่าคนรับใช้และฮานส์ก็ไม่สามารถที่จะอดสงสัยในตัวเขาได้…

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+