Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 65 การระบาดของสงคราม (2)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 65 การระบาดของสงคราม (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล

บทที่ 65 การระบาดของสงคราม (2)

“ คาฮาฮา! ในที่สุดก็ได้รับการอนุมัติแล้ว”

เคานต์โมนาร์ชที่เห็นกระดาษที่ส่งมาจากผู้ส่งสารของสภาจักรพรรดิก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา

มันคือกระดาษที่ประกาศถึงการทําสงครามและมีการลงตราประทับของสภาจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว

“ในที่สุด พวกเราก็จะได้ออกโรงสักที” อัศวินที่สวมชุดเกราะเต็มยศกล่าว

เขาคือมือขวาคนสนิทของเคานต์โมนาร์ช เชน อัศวินผู้เชี่ยวชาญชั้นสูง และเขาก็ยังเป็นแม่ทัพอัศวินของจักรพรรดิด้วย

“ใช่ ในที่สุด ข้าก็จะสามารถชดใช้ความอัปยศที่เกิดขึ้นในครั้งล่า

สุดได้!”

หากเคานต์โฒนาร์ชเลือกที่จะลงมือตอนนี้ สิ่งที่เขาจะทําก็คือลอบเข้าไป แล้วทําการสังหารผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดและนําเอาตัวเจ้าหญิงออกมา

ซึ่งเขาก็อดทนต่อความปรารถนาของเขาต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว แต่โกทก็ยังคงยืนกรานว่า เขาไม่ควรเคลื่อนไหวจนกว่าเขาจะได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากสภาจักรพรรดิ

 

“หึ! มันกล้าดียังไงมาหลอกข้า หลังจากฆ่ากองทหารม้าของข้า ไปรอก่อนเถอะ หลังจากสงครามครั้งนี้จบข้าจะไปเอาตัวเจ้าหญิงกลับคืนมา!”

 

สิ่งที่เคานต์โมนาร์ชมีต่อเจ้าหญิงเรย์น่านั้นไม่สามารถนับเป็นความชอบได้อีกต่อไปแล้ว มันคือความหลงใหล

 

และนั่นเป็นสาเหตุที่ทําให้เขาโกรธมาก

 

โกทพูดพลางส่ายหัว

“แต่นายท่าน พวกเรายังไม่รู้เลยว่าพวกรากันต์มันสามารถจัดการกับกองกําลังทหารม้าของเราได้อย่างไร”

ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดนี่ตระกูลรากันต์นั้นสามารถโค่นล้มกองกําลังทหารม้าแมปองของเคานต์โมนาร์ชได้

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือ ตระกูลรากันต์ทํามันได้อย่างไร?

 

“เจ้ายังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่อีกหรอ? พวกมันอาจจะใช้กิกันท์ก็ได้”

“มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เท่าที่เราทราบมากิกันท์ทั้ง 3 ตัวของไวเคานตากันต์นั้นไม่สามารถขยับได้

 

กิกันท์นั้นมีความสําคัญมาก ซึ่งมันทําให้ดินแดนต่างๆต่างก็จับตาดูกันและกันอยู่อย่างเสมอๆ

ด้วยเหตุนั้น มันจึงมีสายลับที่อยู่ในราดกันต์คออยจับตาดูการเคลื่อนไหวของกิกันท์ของรากันต์

 

“และยังมีอีกประการหนึ่ง ก็คือดินแดนรากันต์ทั้งหมดนั้นกําลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะไม่รู้ถึงความจริงที่ว่าเราสมัครเข้าร่วมสงคราม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงทําการพัฒนาเมืองต่อไป”

สายตาของโกทนั้นสงบและเยือกเย็น เขาคิดว่าการกระทําของพวกรากันท์นั้นไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย

ไม่ว่าพวกเขาจะคิดที่จะเอาชนะหรือยอมแพ้ แต่ในสายตาของโกทนั้นก็บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ได้รู้ออะไรเลยเกี่ยวกับรากันต์

 

“นี่เป็นเพียงการคาดเดา ข้าว่าขุนนางอาจช่วยเหลือรากันต์ หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่สามารถอธิบายสาเหตุที่ทําให้อัศวินเงาและกองกําลังทหารม้าแมงปองถูกทําลายได้อีกแล้ว”

 

เป็นที่รู้กันดีว่าอัศวินเงาถูกส่งไปลอบสังหารลุค แต่พวกเขากลับพบซากศพของพวกอัศวินเงาพร้อมกับกิกันท์ที่ข้างใต้บริเวณหน้าผา

แวบแรกมันก็ดูเหมือนจะเป็นเพราะพื้นดินที่ถล่มลงมา

 

แต่เมื่อคิดดูดีๆมันก็แปลกมาก เพราะมันไม่มีเหตุผลที่จะมีใครจงใจพากิกันท์ไปที่หน้าผา

นอกจากนี้สายลับยังระบุว่ารถพ่วงที่พวกอัศวินเงาเคยใช้ตอนนี้อยู่กับไวเคานต์รากันต์

 

นั่นหมายความว่าพวกอัศวินเงาต้องเคยปะทะเข้ากับพวกรากันต์แน่นอน

 

“หากเรายังไม่สามารถยืนยันคําตอบได้ ข้าก็คิดว่าการจะไปโจมตีพวกมันในตอนนี้เป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้น…”

 

คําพูดของโกทนั้นทําให้เชนรําคาญ

“แล้วไง? เจ้ากําลังจะบอกว่าเราควรยอมรับความพ่ายแพ้อย่างนี้

นหรอ?”

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าพยายามจะสื่อ อย่างไรก็ตามข้ารู้สึกว่าเรายังจําเป็นต้องหาข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อนจะเริ่มการโจมตี”

 

สําหรับโกทแล้ว เชนนั้นเป็นคนที่รับมือได้ยาก

พลังของเขาที่ว่าเหนือมนุษย์แล้ว แค่ความโง่เขลาของเขานั้นเหนือมนุษย์ยิ่งกว่า

 

“ไม่ว่าพวกมันจะทําอะไร พวกเราก็เพียงแค่ต้องบดขยี้และเอาชนะพวกมันเท่านั้น เจ้าคิดว่พวกเราจะแพ้งั้นหรอ?”

 

“อ่า ก็ไม่”

 

พวกเขานั้นมีพลังที่ไม่มีวันสูญหาย

 

ลําพังเพียงจํานวนกิกันท์ที่เขาครอบครองก็มากกว่าฝ่ายรากันต์ถึง 20 ตัวแล้ว แล้วไหนจะจํานวนกองทหารอัศวินอีก

จํานวนอัศวินรวมถึงผู้เชี่ยวชาญนั้นก็มีมากกว่า 200 นายและทหารมีมากกว่า 10,000 นาย

 

ด้วยพลังที่มากขนาดนี้ พวกเขาก็จะไม่เสียเปรียบแน่นอนแม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นมาร์ควิสเมเยอร์ก็ตาม

“เชอะ เก็บหัวใหญ่ๆของเจ้าเอาไว้ทําอย่างอื่นให้ดีเถอะ!”

“ไม่ใช่ว่าข้ามีความกังวลอะไร แต่ข้าแค่อยากจะระวังไว้ก่อน”

 

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่อยู่ตรงหน้านี้”

 

แม้ว่าการเยาะเย้ยของเชนนั้นทําให้โกทเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหุบปาก

 

“โปรดให้ข้าได้นําทัพไปที่นั่นด้วย ข้าจะไปเล่นกับพวกมันเอง!”

 

เคานต์โมนาร์ชพยักหน้าเนด้วยอย่างมั่นใจ

 

“ข้าอนุญาต”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ขอบคุณมาก!”

 

เชนที่กระสับกระส่ายอย่างมาก กระโดดออกจากที่นั่งและออกจากห้องทํางาน

 

กองทัพได้รวมตัวกันนอกเมืองลาเมอร์…

เมื่อได้รับรายงานว่าสงครามได้รับการอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ลุคก็เข้าไปในห้องทํางานซึ่งคนรับใช้ทั้งหมดกําลังรอเขาอยู่ที่นั่น

“ คาดว่ากองกําลังของโฒนาร์ชจะระดมพลกิกันท์ 42 ตัว อัศวิน 80 นาย และทหารอีก 5,000 นาย

ไม่มีทางที่เคานต์โมนาร์ชจะระดมกองกําลังทั้งหมดของเขา นั่นก็เพราะเขาต้องเก็บกองกําลังทหารส่วนหนึ่งไว้คอยปกป้องเมือง

 

เคานต์โมนาร์ชนั้นยังมีอีกห้าเมืองนอกเหนือจากลาเมอร์และป้อมปราการมากกว่าเจ็ดแห่งที่ใต้ใต้การปกครองของเขา

 

“แต่พวกเขาก็ยังอยู่สูงเกินไปสําหรับเรา”

 

แม้จะมีส่วนหนึ่งต้องป้องกันเมือง แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากลําบากหสําหรับฝ่ายรากันต์

ลุคตอบกลับโรเจอร์ส

 

“แต่เรามีกําลังใจและการเตรียมพร้อมที่ดีกว่า”

“อื้มนั่นก็ใช่”

ลุครู้ว่าพวกเขานั้นเตรียมการอย่างหนักในการทําสงคราม แต่ยังไงซะกําลังรบของพวกเขาก็ยังจัดอยู่ในระดับต่ํา

 

“แล้วแผนการของเราคืออะไร? ท่านคงไม่คิดจะให้เราตั้งรับอยู่แต่ในนี้ใช่ไหม?”

 

“ไม่อย่างแน่นอน เราจะทําให้ศัตรูของเราต้องตกใจจนอกสั่นขวัญผวา”

 

หุบเขายอทเทิร์นที่โรเจอร์สชี้ไปนั้นเป็นเส้นทางเคานต์โมนาร์ชต้องใช้เพื่อเดินทางมาที่รากันต์

 

เส้นทางของมันนั้นไม่ได้กว้างอะไรมาก มันมีพื้นที่เลนพอให้รถม้าสองคันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ มันจึงสถานที่ที่เหมาะกับการซุ่มโจม

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาไม่ใช้เส้นทางนั้น”

ไม่มีเส้นทางใดที่เคานต์โมนาร์ชจะสามารถใช้เพื่อมายังรากันต์ได้อีกแล้ว

แต่หากพวกมันสามรถหาทางได้ มันก็จะทําให้การจัดสรรกองกําลังของพวกเขาไขว้เขวไป

 

“แน่นอนว่าอาจเป็นได้ แต่คราวนี้ผู้บัญชาการของพวกเขาคือเชน จากรายงานของเรา เขาเป็นคนห้าวหาญและใจร้อน ซึ่งความคิดของเขาก็เป็นอะไรที่ตื้นเขิน ดังนั้นบางทีพวกเขาอาจจะวางแผนที่จะมาที่นี่ในเวลาที่สั้นที่สุด”

 

หุบเขายอทเทิร์นนั้นตั้งอยู่ในดินแดนของโมนาร์ช

และแม้ว่าจะต้องประหลาดใจ แต่พวกเขาก็ต้องกําจัดพวกเขาด้วยกิกันท์เพียงแค่ 3 ตัว

“ใครว่า 3 ล่ะ เรามี 10 ต่างหาก”

เดิมที่พวกเขากิกันท์ที่ใช้ได้ 3 ตัวและ 5 ตัวจากการซ่อมบํารุง 1 ตัวจากแบรนดอน และ 1 ตัวจากเจ้าหญิงเรย์น่า

 

แม้ว่าการต่อสู้โดยตรงจะเป็นเรื่องยาก แต่หากการซุ่มโจมตีสามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่น ชัยชนะก็น่าจะเป็นของพวกเขา

“ไม่เลว”

 

ลุคกล่าวพลางพยักหน้า

 

อย่างไรก็ตามลุคสามารถมองเห็นช่องโหว่มากมาย เนื่องจากสงครามที่เขาเคยทําในอดีต

 

“แล้วถ้าพวกเขาเห็นการซุ่มโจมตีล่ะ?”

หากพวกมันบางคนมีความรอบคอบและค้นพบการซุ่มโจมตี มันจะทําให้ฝ่ายรากันต์นั้นตกที่นั่งลําบาก

และถ้ากิกันท์จํานวนมากเหล่านั้นยังมีประสิทธิภาพคุณภาพสูงด้วยล่ะ?

 

ผู้ขับขี่หลายคนมีประสบการณ์โดยตรงในสนามประลองกิกันท์ สําหรับการต่อสู้แบบกิกันท์ นอกจากนี้ผู้บัญชาการอัศวินก็เป็นคนที่เก่งที่สุด

 

“ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ข้าก็ต้องไป”

หากเขาต้องตกอยู่ในสงคราม อํานาจของเขาก็ไม่ควรถูกเปิดเผย

ซึ่งแตกต่างจากผู้ลี้ภัยชาวโวลก้าที่เขาช่วยชีวิตครั้งสุดท้าย มันมีดวงตามากมายที่จะเป็นพยานให้เขา

 

ในครั้งนี้นอกจากจะมีทหารของทั้งสองฝ่ายแล้ว มันยังมีสายลับของกอองกําลังอื่นๆอีกมากมายที่มาเฝ้าสังเกตุการณ์

ดังนั้นเขาจึงควรที่จะหนีไปซะตั้งแต่แรกๆ เพราะมันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะถูกสงสัยว่าเป็นพ่อมดแห่งความมืด

อย่างไรก็ตามการที่เขาจะเข้าร่วมในการซุ่มโจมตี มันก็หมายความว่าเขาต้องละออกจากเหล่าคนรับใช้ทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาไม่ควรที่จะไปเข้าร่วม

 

“ข้ายังมีภาระงานที่ต้องทําอีกมาก ซึ่งมันมองไม่เห็นด้วยตา”

 

ลุคยิ้มอย่างมีเลศนัย และปล่อยให้ทหารไปทําหน้าที่ของตน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล 65 การระบาดของสงคราม (2)

Now you are reading Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล Chapter 65 การระบาดของสงคราม (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Emperor of Steel-กําเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล

บทที่ 65 การระบาดของสงคราม (2)

“ คาฮาฮา! ในที่สุดก็ได้รับการอนุมัติแล้ว”

เคานต์โมนาร์ชที่เห็นกระดาษที่ส่งมาจากผู้ส่งสารของสภาจักรพรรดิก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา

มันคือกระดาษที่ประกาศถึงการทําสงครามและมีการลงตราประทับของสภาจักรพรรดิเรียบร้อยแล้ว

“ในที่สุด พวกเราก็จะได้ออกโรงสักที” อัศวินที่สวมชุดเกราะเต็มยศกล่าว

เขาคือมือขวาคนสนิทของเคานต์โมนาร์ช เชน อัศวินผู้เชี่ยวชาญชั้นสูง และเขาก็ยังเป็นแม่ทัพอัศวินของจักรพรรดิด้วย

“ใช่ ในที่สุด ข้าก็จะสามารถชดใช้ความอัปยศที่เกิดขึ้นในครั้งล่า

สุดได้!”

หากเคานต์โฒนาร์ชเลือกที่จะลงมือตอนนี้ สิ่งที่เขาจะทําก็คือลอบเข้าไป แล้วทําการสังหารผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดและนําเอาตัวเจ้าหญิงออกมา

ซึ่งเขาก็อดทนต่อความปรารถนาของเขาต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว แต่โกทก็ยังคงยืนกรานว่า เขาไม่ควรเคลื่อนไหวจนกว่าเขาจะได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากสภาจักรพรรดิ

 

“หึ! มันกล้าดียังไงมาหลอกข้า หลังจากฆ่ากองทหารม้าของข้า ไปรอก่อนเถอะ หลังจากสงครามครั้งนี้จบข้าจะไปเอาตัวเจ้าหญิงกลับคืนมา!”

 

สิ่งที่เคานต์โมนาร์ชมีต่อเจ้าหญิงเรย์น่านั้นไม่สามารถนับเป็นความชอบได้อีกต่อไปแล้ว มันคือความหลงใหล

 

และนั่นเป็นสาเหตุที่ทําให้เขาโกรธมาก

 

โกทพูดพลางส่ายหัว

“แต่นายท่าน พวกเรายังไม่รู้เลยว่าพวกรากันต์มันสามารถจัดการกับกองกําลังทหารม้าของเราได้อย่างไร”

ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดนี่ตระกูลรากันต์นั้นสามารถโค่นล้มกองกําลังทหารม้าแมปองของเคานต์โมนาร์ชได้

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือ ตระกูลรากันต์ทํามันได้อย่างไร?

 

“เจ้ายังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่อีกหรอ? พวกมันอาจจะใช้กิกันท์ก็ได้”

“มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่เท่าที่เราทราบมากิกันท์ทั้ง 3 ตัวของไวเคานตากันต์นั้นไม่สามารถขยับได้

 

กิกันท์นั้นมีความสําคัญมาก ซึ่งมันทําให้ดินแดนต่างๆต่างก็จับตาดูกันและกันอยู่อย่างเสมอๆ

ด้วยเหตุนั้น มันจึงมีสายลับที่อยู่ในราดกันต์คออยจับตาดูการเคลื่อนไหวของกิกันท์ของรากันต์

 

“และยังมีอีกประการหนึ่ง ก็คือดินแดนรากันต์ทั้งหมดนั้นกําลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะไม่รู้ถึงความจริงที่ว่าเราสมัครเข้าร่วมสงคราม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงทําการพัฒนาเมืองต่อไป”

สายตาของโกทนั้นสงบและเยือกเย็น เขาคิดว่าการกระทําของพวกรากันท์นั้นไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย

ไม่ว่าพวกเขาจะคิดที่จะเอาชนะหรือยอมแพ้ แต่ในสายตาของโกทนั้นก็บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ได้รู้ออะไรเลยเกี่ยวกับรากันต์

 

“นี่เป็นเพียงการคาดเดา ข้าว่าขุนนางอาจช่วยเหลือรากันต์ หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่สามารถอธิบายสาเหตุที่ทําให้อัศวินเงาและกองกําลังทหารม้าแมงปองถูกทําลายได้อีกแล้ว”

 

เป็นที่รู้กันดีว่าอัศวินเงาถูกส่งไปลอบสังหารลุค แต่พวกเขากลับพบซากศพของพวกอัศวินเงาพร้อมกับกิกันท์ที่ข้างใต้บริเวณหน้าผา

แวบแรกมันก็ดูเหมือนจะเป็นเพราะพื้นดินที่ถล่มลงมา

 

แต่เมื่อคิดดูดีๆมันก็แปลกมาก เพราะมันไม่มีเหตุผลที่จะมีใครจงใจพากิกันท์ไปที่หน้าผา

นอกจากนี้สายลับยังระบุว่ารถพ่วงที่พวกอัศวินเงาเคยใช้ตอนนี้อยู่กับไวเคานต์รากันต์

 

นั่นหมายความว่าพวกอัศวินเงาต้องเคยปะทะเข้ากับพวกรากันต์แน่นอน

 

“หากเรายังไม่สามารถยืนยันคําตอบได้ ข้าก็คิดว่าการจะไปโจมตีพวกมันในตอนนี้เป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้น…”

 

คําพูดของโกทนั้นทําให้เชนรําคาญ

“แล้วไง? เจ้ากําลังจะบอกว่าเราควรยอมรับความพ่ายแพ้อย่างนี้

นหรอ?”

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าพยายามจะสื่อ อย่างไรก็ตามข้ารู้สึกว่าเรายังจําเป็นต้องหาข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อนจะเริ่มการโจมตี”

 

สําหรับโกทแล้ว เชนนั้นเป็นคนที่รับมือได้ยาก

พลังของเขาที่ว่าเหนือมนุษย์แล้ว แค่ความโง่เขลาของเขานั้นเหนือมนุษย์ยิ่งกว่า

 

“ไม่ว่าพวกมันจะทําอะไร พวกเราก็เพียงแค่ต้องบดขยี้และเอาชนะพวกมันเท่านั้น เจ้าคิดว่พวกเราจะแพ้งั้นหรอ?”

 

“อ่า ก็ไม่”

 

พวกเขานั้นมีพลังที่ไม่มีวันสูญหาย

 

ลําพังเพียงจํานวนกิกันท์ที่เขาครอบครองก็มากกว่าฝ่ายรากันต์ถึง 20 ตัวแล้ว แล้วไหนจะจํานวนกองทหารอัศวินอีก

จํานวนอัศวินรวมถึงผู้เชี่ยวชาญนั้นก็มีมากกว่า 200 นายและทหารมีมากกว่า 10,000 นาย

 

ด้วยพลังที่มากขนาดนี้ พวกเขาก็จะไม่เสียเปรียบแน่นอนแม้ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นมาร์ควิสเมเยอร์ก็ตาม

“เชอะ เก็บหัวใหญ่ๆของเจ้าเอาไว้ทําอย่างอื่นให้ดีเถอะ!”

“ไม่ใช่ว่าข้ามีความกังวลอะไร แต่ข้าแค่อยากจะระวังไว้ก่อน”

 

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่อยู่ตรงหน้านี้”

 

แม้ว่าการเยาะเย้ยของเชนนั้นทําให้โกทเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหุบปาก

 

“โปรดให้ข้าได้นําทัพไปที่นั่นด้วย ข้าจะไปเล่นกับพวกมันเอง!”

 

เคานต์โมนาร์ชพยักหน้าเนด้วยอย่างมั่นใจ

 

“ข้าอนุญาต”

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ขอบคุณมาก!”

 

เชนที่กระสับกระส่ายอย่างมาก กระโดดออกจากที่นั่งและออกจากห้องทํางาน

 

กองทัพได้รวมตัวกันนอกเมืองลาเมอร์…

เมื่อได้รับรายงานว่าสงครามได้รับการอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ลุคก็เข้าไปในห้องทํางานซึ่งคนรับใช้ทั้งหมดกําลังรอเขาอยู่ที่นั่น

“ คาดว่ากองกําลังของโฒนาร์ชจะระดมพลกิกันท์ 42 ตัว อัศวิน 80 นาย และทหารอีก 5,000 นาย

ไม่มีทางที่เคานต์โมนาร์ชจะระดมกองกําลังทั้งหมดของเขา นั่นก็เพราะเขาต้องเก็บกองกําลังทหารส่วนหนึ่งไว้คอยปกป้องเมือง

 

เคานต์โมนาร์ชนั้นยังมีอีกห้าเมืองนอกเหนือจากลาเมอร์และป้อมปราการมากกว่าเจ็ดแห่งที่ใต้ใต้การปกครองของเขา

 

“แต่พวกเขาก็ยังอยู่สูงเกินไปสําหรับเรา”

 

แม้จะมีส่วนหนึ่งต้องป้องกันเมือง แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากลําบากหสําหรับฝ่ายรากันต์

ลุคตอบกลับโรเจอร์ส

 

“แต่เรามีกําลังใจและการเตรียมพร้อมที่ดีกว่า”

“อื้มนั่นก็ใช่”

ลุครู้ว่าพวกเขานั้นเตรียมการอย่างหนักในการทําสงคราม แต่ยังไงซะกําลังรบของพวกเขาก็ยังจัดอยู่ในระดับต่ํา

 

“แล้วแผนการของเราคืออะไร? ท่านคงไม่คิดจะให้เราตั้งรับอยู่แต่ในนี้ใช่ไหม?”

 

“ไม่อย่างแน่นอน เราจะทําให้ศัตรูของเราต้องตกใจจนอกสั่นขวัญผวา”

 

หุบเขายอทเทิร์นที่โรเจอร์สชี้ไปนั้นเป็นเส้นทางเคานต์โมนาร์ชต้องใช้เพื่อเดินทางมาที่รากันต์

 

เส้นทางของมันนั้นไม่ได้กว้างอะไรมาก มันมีพื้นที่เลนพอให้รถม้าสองคันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ มันจึงสถานที่ที่เหมาะกับการซุ่มโจม

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาไม่ใช้เส้นทางนั้น”

ไม่มีเส้นทางใดที่เคานต์โมนาร์ชจะสามารถใช้เพื่อมายังรากันต์ได้อีกแล้ว

แต่หากพวกมันสามรถหาทางได้ มันก็จะทําให้การจัดสรรกองกําลังของพวกเขาไขว้เขวไป

 

“แน่นอนว่าอาจเป็นได้ แต่คราวนี้ผู้บัญชาการของพวกเขาคือเชน จากรายงานของเรา เขาเป็นคนห้าวหาญและใจร้อน ซึ่งความคิดของเขาก็เป็นอะไรที่ตื้นเขิน ดังนั้นบางทีพวกเขาอาจจะวางแผนที่จะมาที่นี่ในเวลาที่สั้นที่สุด”

 

หุบเขายอทเทิร์นนั้นตั้งอยู่ในดินแดนของโมนาร์ช

และแม้ว่าจะต้องประหลาดใจ แต่พวกเขาก็ต้องกําจัดพวกเขาด้วยกิกันท์เพียงแค่ 3 ตัว

“ใครว่า 3 ล่ะ เรามี 10 ต่างหาก”

เดิมที่พวกเขากิกันท์ที่ใช้ได้ 3 ตัวและ 5 ตัวจากการซ่อมบํารุง 1 ตัวจากแบรนดอน และ 1 ตัวจากเจ้าหญิงเรย์น่า

 

แม้ว่าการต่อสู้โดยตรงจะเป็นเรื่องยาก แต่หากการซุ่มโจมตีสามารถเป็นไปได้อย่างราบรื่น ชัยชนะก็น่าจะเป็นของพวกเขา

“ไม่เลว”

 

ลุคกล่าวพลางพยักหน้า

 

อย่างไรก็ตามลุคสามารถมองเห็นช่องโหว่มากมาย เนื่องจากสงครามที่เขาเคยทําในอดีต

 

“แล้วถ้าพวกเขาเห็นการซุ่มโจมตีล่ะ?”

หากพวกมันบางคนมีความรอบคอบและค้นพบการซุ่มโจมตี มันจะทําให้ฝ่ายรากันต์นั้นตกที่นั่งลําบาก

และถ้ากิกันท์จํานวนมากเหล่านั้นยังมีประสิทธิภาพคุณภาพสูงด้วยล่ะ?

 

ผู้ขับขี่หลายคนมีประสบการณ์โดยตรงในสนามประลองกิกันท์ สําหรับการต่อสู้แบบกิกันท์ นอกจากนี้ผู้บัญชาการอัศวินก็เป็นคนที่เก่งที่สุด

 

“ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ข้าก็ต้องไป”

หากเขาต้องตกอยู่ในสงคราม อํานาจของเขาก็ไม่ควรถูกเปิดเผย

ซึ่งแตกต่างจากผู้ลี้ภัยชาวโวลก้าที่เขาช่วยชีวิตครั้งสุดท้าย มันมีดวงตามากมายที่จะเป็นพยานให้เขา

 

ในครั้งนี้นอกจากจะมีทหารของทั้งสองฝ่ายแล้ว มันยังมีสายลับของกอองกําลังอื่นๆอีกมากมายที่มาเฝ้าสังเกตุการณ์

ดังนั้นเขาจึงควรที่จะหนีไปซะตั้งแต่แรกๆ เพราะมันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะถูกสงสัยว่าเป็นพ่อมดแห่งความมืด

อย่างไรก็ตามการที่เขาจะเข้าร่วมในการซุ่มโจมตี มันก็หมายความว่าเขาต้องละออกจากเหล่าคนรับใช้ทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาไม่ควรที่จะไปเข้าร่วม

 

“ข้ายังมีภาระงานที่ต้องทําอีกมาก ซึ่งมันมองไม่เห็นด้วยตา”

 

ลุคยิ้มอย่างมีเลศนัย และปล่อยให้ทหารไปทําหน้าที่ของตน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+