Gourmet of Another World มาลิ้มรสอาหารที่ต่างโลก ตอนที่ 1 – 190 197

Now you are reading Gourmet of Another World มาลิ้มรสอาหารที่ต่างโลก ตอนที่ 1 – 190 Chapter 197 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 197 น้ำแข็งเปลวเพลิงหอมฟุ้งขึ้นสองเท่า
ครึ่งเมืองหลวงถูกห้อมล้อมด้วยกลิ่นหอมของเหล้ามันทำให้คนมากมายมึนเมา กลิ่นเสมือนเป็นคลื่นซัดกระจายออกไปทั่ว ผู้คนมากมายต่างอยู่นิ่งถูกมันสยบ
หนี่เหยี่ยนกับเย่สื่อหลิงที่อยู่ไม่ไกลก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ใบของทั้งสองคนก็สีแดงเหมือนกับคนที่เมาเหล้า ทั้งสองคนมองหน้ากันและกันด้วยความตกตะลึงสายตาของทั้งคู่แทบที่จะไม่เชื่อ
“ทำไมเหล้าถึงหอมแบบนี้?” หนี่เหยี่ยนพึมพำ นางเร่งความเร็วไปหาแหล่งที่มาของเหล้า
ภายในโรงเตี๊ยมที่หรูหรา
สิบสามโจรเมืองโม่กำลังล้อมวงอยู่ด้วยในโรงเตี๊ยม พวกมันต่างดื่มให้กัน หัวเราะออกมาเสียงดังไม่หยุด พวกมันกำลังรินและลิ้มรสเหล้ารสชาติอร่อยหวานหอมตลอดเวลา
ทกลิ่นหอมที่มองไม่เห็นก็พุ่งไปข้างหน้ากลิ่นเหล้าหอมฟุ้งออกมาไม่หยุด ทันใดนั้นคลื่นที่มองไม่เห็นก็พุ่งออกมา กลิ่นของเหล้าหอมมากจนยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้
เพล้ง (เสียงแตก)
เสียงดังชัดโจรทั้งสิบสามคนตกตะลึง มือที่ถือไหเหล้าเล็กๆอยู่ก็หล่นลงพื้นแล้วตกลงไป พื้นก็เต็มไปด้วยของเหลว
แม้พวกเขาจะไม่เห็นแต่ดวงตาของพวกเขาก็หดตัวลง จมูกของพวกเขาสูดกลิ่นอย่างไม่รู้ตัว มุมปากของพวกเขาน้ำลายไหล ใบหน้าของพวกเขาเคลิ้บเคลิ้ม
“หอม………หอมมาก นี่มันเหล้าใช่ไหม? มันยากเกินไปที่พวกเราจะควบคุมตัวได้………มาพี่น้องพวกเราไปดื่มกันเถอะ”
ทันใดสิบสามโจรก็ได้สติทำลายไหเหล้าทิ้ง กลิ่นหอมนี้ทำให้วิญญาณในร่างของพวกเขายอมแพ้ แม้พวกเขาจะฝึกฝนวิชาการต่อสู้พวกเขาก็ยังเป็นคอสุราอีกด้วย พวกเขาอยากให้เหล้าที่มีกลิ่นหอมล่อลวงนี้อัดแน่นเต็มท้อง
ตอนนี้สิบสามโจรพูดได้ว่าเผ่นออกมาจากโรงเตี๊ยมที่หรูหรา พวกเขาวิ่งไปตามทางเหล้าที่ส่งกลิ่นหอมมันหอมยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ที่คฤหาสน์ตระกูลเซียว
เซียวเม้งที่นั่งลงห้องเขียนอักษรที่มีแสงสว่างพาดผ่านเข้ามา ลมที่หนาวเย็นพัดเข้ามาที่หน้าต่าง เขาวางปากกาที่อยู่ในมือ เขาลูบคิ้วของเขา แล้วเอามือแตะหนังตาเบาๆ……….
กลิ่นเหล้าที่น่าหลงใหลหองฟุ้งขึ้นมามันเหมือนกับสัมผัสการกอดของคนรัก ทำให้ร่างกายของเซียวเม้งสั่นสะเทือนไปทั่ว ดวงตาของเขาเบิกกว้างกลิ่นเหล้าเข้าไปสลักที่หัวใจของเขา
“เหล้าดี มันหอมเหมือนไม่ได้อยู่ในโลกมนุษย์”
เซียวเม้งหายใจเข้าไปลึกๆ เขาอยากจะจับกลิ่นเหล้าที่อยู่ในอากาศทั้งหมด เขายืนขึ้นเอาเสื้อคลุมมาสวมใส่ จากนั้นเขาก็ออกไปตามหาเหล้า
เซียวเยว่นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องของเขา ร่างกายของเขามีแสงสว่างสีขาวส่องออกมา พลังงานที่หนักแน่นรวดเร็วรุนแรงพุ่งออกมาไม่หยุด มันลอยขึ้นเหนือหัวของเขาเมื่อเวลาผ่านไปมันก็เปลี่ยนเป็นดาบเล็กๆ เมื่อเวลาผ่านไปมันก็เปลี่ยนไปเป็นดาบนับพันที่ส่องแสง
ทันใดนั้นแสงดาบที่ส่องก็ “ฟิ้ง” กระจายหายไป เซียวเยว่ลืมตา เขาทนไม่ไหวเลียริมฝีปาก
“เหล้า…..เมื่อเทียบกับเหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะแล้วมันหอมกว่ามาก พระเจ้า”
เสียงแหบของเซียวเยว่พูดออกมาตอนที่เขาตกใจมันแทบที่จะไม่เป็นภาษา
เมื่อได้กลิ่นเหล้าเซียวเยว่ก็ไม่สนใจเรื่องการฝึกฝนอีกต่อไป เขากระโดดเด้งขึ้นเปิดประตูทันที เขาเดินไปเหยียบดาบที่ส่องแสงแล้วพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“เหล้านี้ไม่นานมันต้องเป็นของข้าเซียวเยว่ ฮ่าฮา”
คฤหาสน์ตระกูลโอวหยาง
เสียงนอนกรนดังเหมือนเสียงฟ้าร้องดังออกมาสะเทือนหูดังออกมาจากห้องสามคนโฉดโอวหยาง สามพี่น้องนอนอยู่ในห้องทุกคืน เสียงดังออกมาเป็นเสียงฟ้าร้องเหมือนเดียวกัน ดูเหมือนจะไม่ต้องมีคนใช้เฝ้าเพราะเสียงจะป้องกันโจรเอง
ทันใดนั้นเสียงกรนที่ดังออกมาทั้งคืนก็หายไปทันที สามพี่น้องอ้าปากเหมือนจะดูดอะไรบางอย่าง ตาของสามพี่น้องคนโฉดถลนออกมาเหมือนลูกปัดเมื่อจ้องอะไรบางอย่าง จมูกของพวกเขาก็สูดกลิ่นในอากาศดูคล้ายกันกับสุนัขที่สูดกลิ่นเนื้อ
เปาะ เปาะ เปาะ (เสียงน้ำหยด สามพี่น้องคนโฉดน้ำลายไหล)
สามพี่น้องคนโฉดลุกขึ้นมาจากเตียงแต่งตัว มุมปากของพวกเขายังมีน้ำลายไหล พวกเขาลนลานออกไปจากห้องด้วยท่าทางของสัตว์ป่าเถื่อนที่แข็งแกร่งและทรงพลัง พวกเขาพุ่งไปตรงที่เหล้าอยู่
ครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นเหล้า กลิ่นเหล้าทำให้คนที่รักเหล้าตามกลิ่นเหล้าไปอย่างขาดสติไม่รู้ตัว
……
เหงื่อของบู่ฟงออกมาเหมือนลูกปัด มุมปากของเขาก็ยกขึ้น มองดูเหล้าที่อยู่ในไหหยกหัวใจของเขาก็สบายใจ
เหล้าที่มีวัตถุดิบสี่ชนิด (รวมผลไม้วิญญาณที่เอาหมักตอนแรกไปด้วย) เหล้านี้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ไม่ใช่แค่เขย่าให้มันเข้ากันเท่ากัน แต่บู่ฟงยังต้องปลดปล่อยพลังงานที่แท้ออกมาผสมเหล้าให้มันเข้ากันรวมเป็นเนื้อเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบด้วย
มันไม่ใช่ผสมให้เข้ากัน แต่เป็นการผสมให้มันมีคุณภาพดีมากขึ้นเท่านั้น การปรับปรุงมันให้มีคุณภาพดีคือสิ่งสำคัญที่สุด
กลิ่นหอมที่ออกมาจากไหหยกดูหอมน่ากินมาก เพียงแค่ได้กลิ่นมันอย่างเดียวบู่ฟงแทบที่จะเมาเมื่อดมกลิ่นหมอกของมันที่ออกมา เหล้านี้มีพลังอยากให้คนดื่มมันลงไปอย่างมาก
เหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะเมื่อเอามันมาเปรียบเทียบกับเหล้ามันแทบที่กลายเป็นเหล้าจืดๆ เหมือนน้ำ ราวกับเหมือนหิ่งห้อยกับดวงจันทร์
แน่นอนนี่เป็นความแตกต่างกันระหว่างเหล้า ไม่ต้องคิดเลยรสชาติเมื่อเทียบกันจะมีช่องว่างไม่มากนัก แต่พลังวิญญาณที่ได้จากสมุนไพรที่ใช้หมักเหล้าวิญญาณนี้กับเหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะมีช่องว่างระหว่างกันมาก
บู่ฟงเอาจอกเหล้าที่ทำจากไพลินวางไว้ตรงหน้า แล้วเทเหล้าจอกหนึ่งให้ตัวเอง เหล้าที่ผสมผสายกันเกิดเป็นสีฟ้าอ่อน แสงและหมอกควันแพร่กระจายอยู่เหนือจอกเหล้า มันหาที่เปรียบเทียบใดๆได้ในความทรงจำ ราวกับเหล้าอมตะที่อยู่ในพระราชวังบนสวรรค์
เขาถือจอก บู่ฟงมองไปที่จอกเหล้าถ้วยเล็กๆ เขาทนไม่ไหวเลียริมฝีปาก หัวใจของเขารอช้าไม่ได้
เหล้าที่ดีต้องกินอย่างช้าๆ อย่าเพิ่งกินเต้าหู้ตอนที่ยังร้อน บู่ฟงเข้าใจเรื่องนี้ดี
เขาค่อยๆจิบเหล้าทีละนิด
เหล้าเย็นหวานสดชื่นเข้าไปในปากของเขาทันที หลังจากที่ผ่านเข้าไปในลำคอเขาก็รู้สึกร้อนแรงเหมือนภูเขาไฟระเบิด มันร้อนแรงราวกับว่าจะแผดเผาไปทั้งตัว
บู่ฟงรู้สึกว่ารูขุมขนทั้งหมดของเขาเปิดออกมาตาของเขาเบิกตากว้าง
เมื่อเหล้าเข้าท้องบู่ฟงรู้สึกราวกับว่าเขาจมอยู่ใต้ทะเลทราย ทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่ระเบิดออกมาในท้อง มันระเบิดออกมาสามครั้งบู่ฟงต่องอดทนที่ถูกเหล้าปะถะเข้ามา เขาเร่อออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ความรู้สึกเย็นสบายพัดเข้าในทั่วร่างกายของบู่ฟง บู่ฟงหรี่ตาออกมาปากของเขามีรอยยิ้มนิดๆ
“ใช่แล้ว เหล้าดีจริงๆ”
แม้จะไม่พูดออกมาก็รู้ว่าเหล้านี้เป็นเหล้าดี เหล้าหม้อหยกหัวใจหิมะไม่อาจจะเทียบได้กับรสชาติของเหล้านี้ ไม่ว่ารสชาติหรือเรื่องอื่นโดยรวมหม้อหยกหัวใจหิมะพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
เมื่อเขาดื่มอีกครั้ง เขารู้สึกถึงความเย็นที่สดชื่นกับเปลวไฟที่ระเบิดออกมาอีกครั้ง ทำให้บู่ฟงพ่นคลื่นอากาศออกจากรูจมูก
“น้ำแข็งเปลวเพลิงหอมฟุ้งขึ้นสองเท่า” บู่ฟงยกเหล้าดื่มขึ้นมาอีกครั้ง เขาดื่มเหล้าสามครั้งในจอกไพลินจนหมดจอก
หัวของเขาสั่นนิดๆ บู่ฟงรู้สึกว่ากำลังเมาเหล้าแล้วรู้สึกมึนๆ หากเขาดื่มไปอีกจอก เขารู้สึกว่าเข่าของเขาต้องทรุดเพราะว่าเมาเหล้า คิดไม่ถึง…….เหล้าใหม่นี่แรงจริงๆ จนน่ากลัว
โชคดีที่เขาใช้พลังงานที่แท้จริง ทำให้หัวของเขามีสติมากขึ้น บู่ฟงเดาะลิ้นมองเหล้าชั้นดีที่อยู่ในไหหยก รูม่านตาของเขาก็ร้อนแรงอย่างบ้าระห่ำเทียบกันไม่ได้
บู่ฟงคิดว่าเขาหมักเหล้าเพียงแค่สามไหเท่านั้น ถ้าเขาจะขายเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเพียงแค่ไม่กี่ไหเหล่านี้
เหล้านี่ก็แรงจนเกินไป บู่ฟงจวนจะยืนไม่ได้เมื่อกินไปจอกหนึ่ง
แม้จะผสมเหล้าที่เหลือให้เข้ากัน แต่พลังงานที่แท้จริงมันก็ยังมีมากเกินไป แล้วยังมีเหล้าอีกสองไหที่เหลือจากการหมักเอาไว้อีก
เมื่อมองเหล้าที่เหลือบู่ฟงก็เทลงในปากของเจ้าขาว เมื่อหัวก้อนเหล็กของเจ้าขาวสัมผัส หัวของมันก็ว่างเปล่า ดวงตาหุ่นยนต์ที่ส่องแสงก็ไม่ได้ตอบสนองอะไร
……
“นี่……….เถ้าแก่บู่จริงๆ ข้าบอกแล้วจะมีใครในเมืองหลวงที่จะสามารถทำเหล้าที่มีกลิ่นหอมได้นอกจากเถ้าแก่บู่”
หนี่เหยี่ยนตามกลิ่นเหล้าองุ่นมาที่ซอยเล็กๆ เมื่อเห็นซอยนี้ที่นางคุ้นเคยนางก็รู้ทันที ใบหน้าที่งดงามของนางตอนแรกเผยรอยยิ้มหวานๆ ไม่นานรอยยิ้มหวานๆของนางก็หายไป ใบหน้าที่งดงามของนางก็บูดเบี้ยว
“……….ตอนนี้เย็นแล้วเถ้าแก่บู่คงไม่เปิดประตูขายเหล้าให้ดื่มใช่ไหม?!”
หนี่เหยี่ยนไม่แน่ใจ กลางคืนบนถนนกว้างก็มีเสียงฝีเท้าคนก้าวเข้ามา
หนี่เหยี่ยนหันหัวมองคนกลุ่มหนึ่ง นางเห็นคนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นคนพวกนี้เข้าซอยมุมปากของหนี่เหยี่ยนก็ยกขึ้น……คนที่เรียงรายเข้ามานี้ น่ากลัวนิดๆ
สิบสามโจรวิ่งเข้ามาที่ซอยอย่างรวดเร็วและรุนแรง พวกเขาสูดกลิ่นเหล้าเข้าไปอย่างรุนแรง
ด้านหลังสิบสามคน มีกลิ่นอายของชายแก่ที่พุ่งเข้ามาที่มีระดับพลังงานขั้นที่เจ็ดพุ่งพล่านอยู่
มีชาวสวมเสื้อแดงย่นจมูก เขาเอามือไขว้หลัง
ชายชราผมขาวเคราขาวถือดาบยาวก้าวเข้าไปในร้าน
สามคนเถี่ยนโอวหยางขี้เหล้าก็เดินมาอย่างรุนแรง มุมของเขาเต็มไปด้วยน้ำลาย มีแม่ทัพใหญ่โอวหยางซ่งเหิงตามมาด้วยโอวหยางฉี……..
สามคนโฉดโอวหยางที่ชอบกินเหล้าเกือบจะไปถึงที่นั้นแล้ว
ประกายแสงของดาบเข้ามา เซียวเยว่ที่ขี่ดาบก็เข้ามาถึง ยังมีเซียวเม้งที่ตามกลิ่นเหล้ามา
กลุ่มคนที่น่ากลัวมารวมตัวกัน พวกเขาที่มารวมตัวกันก็จ้องหน้ากันด้วยความแปลกใจ
เซียวเม้งไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ผีเถ้าแก่บู่ทำเหล้าแบบไหนในร้านฟงฟงน้อย ผู้คนมากมายถึงได้ปรากฏอยู่ที่นี่
ใบหน้าผู้เชี่ยวชาญขั้นที่เจ็ดสีน้ำเงินแล้วเปลี่ยนเป็นสีแดงบ้าเอ๊ย…….พวกเขาอยู่ที่นี่ได้ไง? เขาจำไม่ได้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
คนอื่นก็มองกันและกันและทักทายกัน แต่ไม่พูดอะไรอีก สถานะของพวกเขาตอนนี้ค่อนข้างน่าอึดอัด พวกเขาต่างมีสถานะ แต่พวกเขาวิ่งมาทั้งคืนตามกลิ่นเหล้า แต่คิดไม่ถึงพวกเขาจะพบกัน พวกเขาทำเป็นพูดกันแก้ความเขินอาย
พวกเขาเดินเข้าไปในซอยต่อไป พวกเขาเห็นร้านที่อยู่ในซอยปิดประตู แต่กลิ่นเหล้ากลับหอมฟุ้งออกมาต่อเนื่อง
หลายคนพูดออกมาอย่างแปลกใจว่ากลิ่นเหล้าหอมลอยไปกับลมไกลถึงสิบลี้ แต่เหล้าอยู่ข้างในร้าน……..แต่กลิ่นหอมปกคลุมไปหลายร้อยลี้ อ้า
“เหล้านี้ทำให้ชายชราคันหัวใจอย่างมาก ชายแก่อยากจะลิ้มรสเหล้าเป็นคนแรก เพื่อนทุกๆ คนกรุณารอก่อน”
ชายชราผมขาวคิ้วขาวแบกดาบยาวอยู่บนหลัง เขาพูดออกมาแล้วยิ้มให้กับผู้คน เขาหยิบดาบก้าวเข้าไปในทางเข้าร้าน
“บรรพบุรุษของนิกายกระบี่สาบสูญ เทียนฉีสื่อ” ดวงตาของเซียวเยว่หดตัว นี่เป็นปรมาจารย์ดาบขั้นที่เจ็ดนักรบศักดิ์สิทธิ์
ไม่นานใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นท่าทางแปลกๆ เมื่อมองด้านหลังเทียนฉีสื่อเขาทำท่าทางคิดก่อนที่มุมปากจะคลี่ยิ้มออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด