Grasping Evil จักรพรรดิปีศาจหนิง 193

Now you are reading Grasping Evil จักรพรรดิปีศาจหนิง Chapter 193 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ข้าจะบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม

ผ่านไป 10 ปี ภูเขาและสายน้ำที่ถูกทำลายก็ฟื้นฟู ทิวทัศน์ที่งดงามคืนเก่า

 

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หนิงฝานใช้เวลาไปกับการปรับขอบเขตพลังให้เสถียร

 

เมื่อยามนี้ขอบเขตพลังเสถียร หนิงฝานจะก้าวต่อไป เวลาในวิหารสาบสูญยังเหลืออยู่ เขาจะบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มให้ได้

 

ด้วยระดับของหนิงฝานในยามนี้ เขามีโอกาสทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มสำเร็จเพียง 3 ใน 10 ส่วน

 

การที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปจะบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มนั้น ทั้งปราณและระดับพลังต้องบรรลุถึงขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุด ทั้งยังต้องฝึกฝนธาตุทั้ง 5 ให้บรรลุแจ่มแจ้ง

 

จึงกล่าวได้ว่าแค่ปราณอย่างเดียวไม่พอ ยังใช้เวลาอย่างน้อย 100 ปีในการทำความเข้าใจธาตุทั้ง 5

 

การทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มและขอบเขตแก่นทองคำต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

เมื่อบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ หนิงฝานทะยานสูงขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย

 

ผลแห่งความฝันทั้ง 9 ผลช่วยให้จิตใจของหนิงฝานก้าวหน้าไป 450 ปี เทียบเท่ากับครึ่งก้าวดวงจิตแรกเริ่ม

 

สัมผัสเทพบรรลุถึงดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง หากทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มสำเร็จ สัมผัสอาจบรรลุไปถึงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง

 

ยามนี้หนิงฝานมีปราณที่เพียงพอ มีระดับจิตใจที่เพียงพอ มีสัมผัสเทพที่เพียงพอ เหลือเพียงความเข้าใจในธาตุทั้ง 5

 

ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มต้องก่อดวงจิตขึ้นภายในร่าง ดวงจิตนั้นเกิดจากการผสานธาตุทั้ง 5 เข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นต้นดำเนิดของพลังทั้งหมด

 

แม้จะกล่าวว่าผสานธาตุทั้ง 5 ให้เป็นหนึ่ง ก่อดวงจิตแรกเริ่ม จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มใช้ธาตุทั้ง 5 ได้ แต่แท้จริงแล้ว ธาตุหลักของแต่ละคนก็ขึ้นอยู่กับเส้นลมปราณ ธาตุอื่นๆนอกจากนั้นเป็นเพียงส่วนเสริมให้สมบูรณ์เท่านั้น

 

ยามนี้หนิงฝานมีธาตุวารี เพลิง อัสนี และไม้ จะขาดก็เพียงธาตุพิภพ ก็จะทำให้หนิงฝานเริ่มก่อดวงจิตแรกเริ่มได้

 

หนิงฝานนำคัมภีร์วิชาศพปีศาจออกมา

 

วิชาศพปีศาจมีพื้นฐานมาจากธาตุพิภพ ซึ่งเป็นสิ่งที่หนิงฝานขาด

 

นอกจากนี้ หนิงฝานยังต้องยกระดับแต่ละวิชาของตน ให้บรรลุขอบเขตที่ 4 เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม

 

นอกจากนี้ หนิงฝานยังต้องฝึกวิชามุกหยิน วิชาของนิกายจี๋หลิง ที่จะสร้างมุกหยินที่เกิดจากการบีบอัดปราณตามวิชา จนกลายเป็นมุกเม็ดหนึ่ง หากผสานมุกนั้นเข้ากับแก่นทองคำ จะทำให้ความเข้มข้นของปราณเพิ่มพูน ทั้งยังทำให้อัตราความสำเร็จในการบรรลุแก่นทองคำเพิ่มขึ้นอีก 1 ใน 10 ส่วน

 

“หากทำได้ทั้งหมดอย่างที่คิด ข้าจะมีอัตราความสำเร็จเพิ่มเป็น 6 ใน 10 ส่วน… หากเพิ่มโอสถก่อดวงจิตเข้าไป อาจเป็น 7 ใน 10 ส่วน เพราะในโอสถก่อดวงจิตอัดแน่นไปด้วยธาตุทั้ง 5… น่าเสียดายที่ผลไม้แห่งเต๋าหมด ทั้งยังนำกระถางขัดเกลาออกมาบ่มเพาะไม่ได้… จะมีวิธีใดที่ยกระดับความเข้มข้นของปราณได้อีก? อ้อ… ยังมีวิธีนั้น!”

 

ดวงตาหนิงฝานเป็นกระกาย เขาพับแขนเสื้อขึ้น ปราณในร่างผันผวน

 

เพลิงกระดูกขาว…

 

แก่นปราณเยือกแข็ง…

 

และ ปราณเยือกแข็งกระดูกขาว…

 

เพลิงปีศาจ และปราณเยือกแข็งสวรรค์ทั้ง 3 ชนิดนี้ หากหนิงฝานดูดซับพวกมันได้ โอกาสในการทะลวงดวงจิตแรกเริ่มอาจเพิ่มอีก 2 ใน 10 ส่วน

 

แม้จะไม่มีผลไม้แห่งเต๋าหรือกระถางขัดเกลา แต่หนิงฝานก็สามารถเพิ่มอัตราความสำเร็จเป็น 9 ใน 10 ส่วนได้

 

“ต้องฝึกฝนยกระดับวิชาก่อน จากนั้นดูดซับเพลิงปีศาจและปราณเยือกแข็งสวรรค์ สุดท้ายก็กินโอสถก่อดวงจิต และเริ่มทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม!”

 

การทะลวงดวงจิตแรกเริ่มต้องก่อดวงจิตแรกเริ่มให้สำเร็จ! เมื่อแรกเข้าวิหารสาบสูญ หนิงฝานเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่เมื่อออกจากวิหาร เขาต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม!

 

30 ปีผันผ่าน วิชาย่างก้าวหิมะ วิชาปีศาจทมิฬ และวิชาอื่นๆบรรลุขอบเขตที่ 4

 

และยามนี้ หนิงฝานกำลังจะเริ่มฝึกฝนวิชาศพปีศาจ

 

ตามคัมภีร์บอกเล่า ผู้ที่จะฝึกฝนวิชาศพปีศาจได้นั้น ต้องมีเส้นลมปราณพิเศษเฉพาะ ซึ่งก็คือเส้นลมปราณปีศาจโบราณ แต่เมื่อเทียบกับวิชากระดูกยักษ์แล้ว มันยากกว่านับหมื่นเท่า

 

การฝึกฝนจำเป็นต้องปรุงโอสถเฉพาะทางขึ้นมากิน สะกดกลิ่นอาย และต้องมีศพเป็นจำนวนมากเพื่อจะได้ดูดซับปราณจากซากศพ… แต่หากไม่มีซากศพ สามารถดูดกลืนพลังจากพิภพ เพื่อเปลี่ยนให้เป็นปราณศพได้

 

เป้าหมายของวิชานี้คือ สร้างปราณศพแก่นชีวิตทั้ง 3 หากทำได้ก็ถือว่าบรรลุวิชา

 

เรื่องโอสถไม่ใช่ปัญหา จะขาดก็เพียงไม่อาจหาซากศพในโลกใบนี้ได้

 

ดังนั้นหนิงฝานจึงทำได้เพียง เปลี่ยนมาดูดซับพลังจากผืนพิภพ และสร้างให้พวกมันเป็นปราณศพขึ้นม

 

หนิงฝานขุดถ้ำลงไปลึกมาก ใต้นั้นมีแรงกดดันที่รุนแรง

 

เมื่อผ่านไป 40 ปี หนิงฝานสร้างปราณศพแก่นชีวิตที่ 1 ได้สำเร็จ

 

ผ่านไปอีก 30 ปี ปราณศพแก่นชีวิตที่ 2 ก็สำเร็จ

 

และผ่านไปอีก 20 ปี หนิงฝานก็สร้างปราณศพแก่นชีวิตที่ 3 ขึ้นมาได้

 

หนิงฝานใช้เวลาทั้งหมด 90 ปีในการสร้างปราณศพแก่นชีวิตทั้ง 3 เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายคือ ผสานพวกมันทั้ง 3 เป็นหนึ่ง

 

การจะผสานพวกมันเข้าด้วยกัน ต้องทุ่มพลังไม่น้อยจึงจะสำเร็จ

 

หนิงฝานขบคิดและรั้งรอ  แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจทำ

 

ผ่านไปอีก 10 ปี ในที่สุดหนิงฝานก็ผสานปราณศพแก่นชีวิตทั้ง 3 ได้สำเร็จ แต่ก่อนจะสำเร็จ ก็ผิดพลาดมาหลายครั้ง

 

ยามนี้ ปราณศพจำนวนมหาศาลกำลังผสานเข้ากับเส้นลมปราณของหนิงฝาน เพื่อให้กลายเป็นส่วนของปราณในร่าง

 

และจะช่วยให้เส้นลมปราณหยินหยางของหนิงฝาน สามารถเปลี่ยนให้ปราณพิภพกลายเป็นปราณศพได้

 

นั่นหมายความว่า หนิงฝานบรรลุธาตุทั้ง 5 เป็นที่เรียบร้อย

 

วิชาแปลงหยินหยางเองก็ทรงพลังขึ้นมาก

 

วิชาแปลงหยินหยาง คล้ายคลึงกับเส้นลมปราณโบราณ… เส้นลมปราณโบราณได้แก่ เส้นลมปราณเทพ เส้นลมปราณอสูร และ เส้นลมปราณปีศาจ ทั้งสามเส้นลมปราณนี้ เรียกรวมได้ 3 ชนิด

 

ชนิดแรกคือ ‘เส้นลมปราณวิญญาณ’ เป็นเส้นลมปราณของผู้ที่ฝึกวิชาธาตุต่างๆ เช่นเส้นลมปราณอัสนี เส้นลมปราณเพลิง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเส้นลมปราณวิญญาณ เป็นผู้ที่รับมือได้ยาก เพราะผู้เชี่ยวชาญในสายนี้ สามารถเปลี่ยนร่างกายของตนให้กลายเป็นปราณธาตุ เรียกว่า ‘กายาปราณ’ สามารถป้องกันการจู่โจมได้เป็นอย่างดี เหมือนเทพอัสนีแห่งวิหารพิรุณในอดีต ที่ครอบครองกายาอัสนี และเอาชนะเทพกษัตริย์ของโลกใบอื่นได้

 

ชนิดที่ 2 ของคือ เส้นลมปราณกายา… ยกตัวอย่างเช่น เส้นลมปราณศพ เส้นลมปราณกระดูก เส้นลมปราณกระบี่ เส้นลมปราณมังกร หรืออื่นๆอีกมากมาย ผู้ที่ครอบครองเส้นลมปราณเหล่านี้จะเน้นการฝึกไปที่ร่างกาย ยกระดับให้ร่างกายทรงพลัง กระทั่งกลายร่างเป็นยักษ์สูงนับหมื่นจ้าง ต้านรับการจู่โจมของเซียน หรือกระทั่งแปลงร่างเป็นสิ่งต่างๆ

 

และชนิดสุดท้ายคือ ‘เส้นลมปราณอัตลักษณ์’

 

เส้นลมปราณนี้แตกต่างจากเส้นลมปราณทั้งสองชนิด ไม่ได้สืบทอดร่างกายที่ทรงพลัง ไม่สืบทอดปราณที่ทรงพลัง แต่ผู้ที่ครอบครองเส้นลมปราณชนิดนี้จะมีพลังพิเศษบางอย่างเฉพาะตน

 

ยกตัวอย่างเช่น หากหนิงฝานมีพลังที่สตรีไม่อาจต่อต้าน นั่นหมายความว่า ไม่ว่าสตรีคนใดก็ไม่อาจต่อต้านเขาได้

 

หรือเป็นเส้นลมปราณอมตะ มีความสามารถพิเศษคืออมตะ ไม่ว่าจะฆ่าฟัน เผา หรือกระทำสิ่งใดก็ไม่ตาย แต่ต่อให้ตายจริงๆ อีกไม่นานก็จะกลับมาเกิดใหม่… ผู้เชี่ยวชาญที่ครอบครองเส้นลมปราณชนิดนี้ ไม่ว่ายังไงเหล่าเซียนหรือผู้ที่แข็งแกร่ง ก็ยังไม่อยากมีปัญหากับผู้เชี่ยวชาญที่ครอบครองเส้นลมปราณอัตลักษณ์

 

อีกตัวอย่างคือเทพกษัตริย์เนี่ย มันครอบครองเส้นลมปราณอัตลักษณ์ที่ทำให้มีความสามารถพิเศษคือ ยิ่งได้รับบาดเจ็บมากขนาดไหน หากอาการบาดเจ็บหายดีจะทำให้แข็งแกร่งขึ้น

 

ในอดีตหนิงฝานเคยทำให้เทพกษัตริย์เนี่ยบาดเจ็บสาหัส หากมันหายดี มันก็จะทรงพลังยิ่งขึ้น

 

ความสามารถนี้ของมันไม่ได้รับสืบทอดจากหานหยวนจี๋ และนี่อาจเป็นเหตุให้มันหักหลังชายชรา…

 

หากจะกล่าว วิชาแปลงหยินหยางเหมือนกับเส้นลมปราณอัตลักษณ์ ที่ทำให้มันครอบครองความสามารถพิเศษ เพียงแต่มากกว่า 1 อย่าง

 

ความสามารถพิเศษอย่างแรกคือการดูดซับพลังจากการขัดเกลาผสาน

 

อีกหนึ่งคือช่วงชิงความสามารถจากเส้นลมปราณอื่นๆ แล้วนำมาเป็นของตัวเอง! เรื่องนี้มีน้อยคนที่รู้

 

เมื่อสังหารปีศาจศพเฒ่า หนิงฝานก็ช่วงชิงวิชาของมัน และสามารถฝึกฝนวิชาของมันได้

 

และหากหนิงฝานสังหารเทพกษัตริย์เนี่ยได้ วิชาและความสามารถของมัน หนิงฝานฝึกวิชาได้เหมือนกัน…

 

ในอดีตผู้ที่ได้รับสืบทอดวิชาแปลงหยินหยางมา สามารถใช้ความสามารถพิเศษได้เพียง 1 อย่าง นั่นเพราะคนเหล่านั้นไม่มีสร้อยหยินหยาง

 

การที่ได้ครอบครองสร้อยหยินหยาง ทำให้หนิงฝานกลายเป็นผู้สืบทอดอย่างสมบูรณ์…

 

การที่เป่ยเซี่ยวเหมินแห่งหอคอยโอสถไม่ชอบใจหนิงฝานนัก ไม่ใช่เพราะวิชาที่หนิงฝานฝึกฝน แต่เป็นเพราะนางสัมผัสถึงระดับพลังที่แท้จริงของหนิงฝานไม่ได้

 

หนิงฝานละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดและเริ่มฝึกฝน…

 

เมื่อยกระดับวิชาต่างๆได้เสร็จ ขั้นต่อไปคือผสานกับเพลิงปีศาจ และปราณเยือกแข็งสวรรค์ เพียงแต่การจะผสานได้นั้น ผู้เชี่ยวชาญต้องบรรลุขอบเขตตัดวิญญาณเป็นอย่างน้อย เพียงแต่หนิงฝานมีสร้อยหยินหยางช่วย ซึ่งก่อนหน้านี้ เขายังผสานกับเพลิงปีศาจทมิฬ

 

ยามนี้หนิงฝานบรรลุแก่นทองคำขั้นสูงสุดแล้ว สมควรดูดซับเพลิงปีศาจ หรือปราณเยือกแข็งได้ง่ายขึ้น

 

แม้จะกล่าวเช่นนั้น ตัวช่วยสำคัญของหนิงฝานคือสร้อยหยินหยาง…

 

ในภูเขาลูกที่หนิงฝานอยู่นั้น มีปราณเพลิงที่รุนแรง เหมาะกับการดูดซับปราณเยือกแข็งสวรรค์

 

หากหนิงฝานดูดซับปราณเยือกแข็งสวรรค์ได้ อาจจะทำให้ปราณของเขาบรรลุถึง 93 เกราะเลยก็ได้

 

“ข้าจะบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม”

 

แววตาของหนิงฝานหนักแน่น…

 

ยามนี้ในโลกของความเป็นจริง เวลาได้ล่วงเลยไป 10 ปีแล้ว แต่ 10 ปีนั้นสั้นนัก

 

ภายในเมืองเต๋าทมิฬ… ชายชราผมแดงนั่งปรับลมหายใจอยู่ภายในห้อง จิงสั่วได้รับบาดเจ็บ แววตาเกรี้ยวกราด

 

เมื่อสองเดือนก่อน จิงสั่วเพิ่งกลับออกจากวิหารสาบสูญ ยามนี้จิงสั่วเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มเต็มขั้น

 

ในอดีต หนิงฝานทะยานออกจากเรือล่องสวรรค์เพียงลำพังเพื่อช่วยเหลือชู่ซวนเชียนสื่อ เมื่อจิงสั่วมาถึงเกาะเผิงไหล ชายชราได้ว่าจ้างผู้เยาว์ประสานวิญญาณวิของหารสาบสูญ ว่าหากได้ข่าวของผู้ที่ชื่อซัวหมิงให้เร่งแจ้งข่าว จากนั้นจึงเข้าวิหารสาบสูญไป

 

จิงสั่วเชื่อว่าหนิงฝานมากความสามารถ ต่อให้ช่วยชู่ซวนเชียนสื่อไม่ได้ อย่างน้อยๆก็เอาชีวิตกลับมาได้ แต่หากนางตาย จิงสั่วก็ไม่รู้จะปลอบหนิงฝานยังไง

 

จิงสั่วเชื่อว่าผู้เยาว์คนนั้นไม่กล้าทรยศหักหลังมัน

 

ยามนี้ จิงสั่วยังไม่รู้ว่าหนิงฝานช่วยชู่ซวนเชียนสื่อได้สำเร็จ

 

จิงสั่วไม่รู้ว่า ผู้เยาว์ที่ว่าจ้างนั้น ได้ทรยศหักหลังตน นำแผ่นหยกที่สลักรูปลักษณ์ของซัวหมิง ขายให้กับคนอื่น

 

ซึ่งผู้ที่ว่าคือคนของวังผนึกอสูร ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งวัง นามหยิงเก้อ

 

มันเองก็ได้ออกประกาศไปว่าผู้ใดให้เบาะแสของซัวหมิงได้ จะได้รับ 1 แสนหยกสวรรค์

 

เมื่อผู้เยาว์คนนั้นรู้ว่าจิงสั่วและหยิงเก้อกำลังตามหาซัวหมิง มันจึงนำเบาะแสไปขายให้กับหยิงเก้อ

 

ผ่านไป 10 ปีหลังจากจิงสั่วออกมาจากวิหารสาบสูญ ผู้เยาว์คนนั้นแจ้งว่าไม่พบซิวหมิง

 

จิงสั่วทำได้เพียงถอนหายใจ มนุษย์มีชีวิตไม่แน่นอน ต่อให้เป็นผู้ที่สวรรค์เลือกก็ยังต้องตาย

 

ช่างน่าเศร้า

 

จิงสั่วถอนหายใจ และตั้งใจว่าจะกลับไปแคว้นเยว่ของตน เพื่อยกระดับให้แคว้นเยว่กลายเป็นแคว้นระดับกลาง

 

แต่คาดไม่ถึงว่าหลังออกจากเกาะเผิงไหล จิงสั่วจะถูกซุ่มโจมตี! คนผู้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสุดท้าย มันเข้าจู่โจมอย่างหนักหน่วงโดยไม่บอกเหตุผล!

 

แม้จิงสั่วจะบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม แต่ยังไม่อาจรับมืออีกฝ่ายได้ จนสุดท้าย ต้องใช้เพลิงครามจู่โจมแล้วหาโอกาสหนี

 

ภายนอกเกาะเผิงไหล หยิงเก้อซัดฝ่ามือสังหารผู้เยาว์ประสานวิญญาณที่ทรยศจิงสั่ว

 

“จิงสั่วผู้นั้นไม่ธรรมดา ถึงจะเพิ่งบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม แต่เพลิงครามนั่นไม่ธรรมดา… หรือมันจะเป็นคนสำคัญของวิหารสาบสูญ? ข่าวลือบอกว่าวิหารสาบสูญให้ความสำคัญกับเพลิงครามมาก แต่ถึงมันจะเป็นคนสำคัญแล้วยังไง? ข้าได้ใช้ ‘ผนึกอสูรสีเทา’ กับมัน มันหนีไปไหนไม่รอดแล้ว!”

 

“อ้านต้าของถามผู้อาวุโส! หากจับตัวมันผู้นั้นได้ และสาวไปถึงตัวซัวหมิงได้ ข้าขอเป็นผู้สังหารซัวหมิงด้วยตนเอง!” อ้านต้าแววตาเป็นประกาย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มันทะลวงระดับเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง แต่มันรู้ว่าแค่ลำพังมันคนเดียวย่อมไม่อาจเอาชนะซัวหมิงได้ จึงต้องให้ผู้อาวุโสลงมือด้วย

 

อ้านต้าผู้นี้คือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากประกาศิตสังหาร

 

“ได้! หากเจอตัวมัน ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ลงมือสังหาร… แต่ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือจิงสั่ว หากมันออกจากเกาะเมื่อไหร่ ปล่อยให้มันออกห่างเกาะได้สักหมื่นลี้ ข้าจะตามไปจับตัวมันแล้วอ่านความทรงจำ เมื่อนั้นเราก็รู้ที่อยู่ของซัวมิง”

 

แววตาหยิงเก้อแปรเปลี่ยนชั่วร้าย มันไม่เห็นจิงสั่วในสายตา

 

ภายในเมืองเต๋าทมิฬ… จิงสั่วที่กำลังรักษาตัวอยู่นั้น แตกตื่นอย่างบอกไม่ถูก

 

มันลืมตาขึ้นฉับพลัน แววตาเผยความประหลาดใจไม่อยากเชื่อ มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่ด้านหลัง

 

แต่ในห้องแห่งนี้มีข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่มคุ้มกัน เหตุใดคนผู้นี้ถึงเข้ามาได้ หรือคนผู้นี้จะมาลอบจู่โจม!

 

แม้กลิ่นอายจะเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น แต่ก็เกือบเทียบเคียงขั้นกลาง ที่สำคัญ คนผู้นี้ให้ความรู้สึกที่อันตรายยิ่งกว่าหยิงเก้อ

 

แม้ผู้ที่ปรากฏด้านหลังจะแผ่กลิ่นอาย แต่หากสังเกตุดีๆ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาดูคล้ายศพที่ไร้ลมหายใจ

 

สีหน้าจิงสั่วแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง เป็นครั้งแรกที่มันเคยเห็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังขนาดนี้

 

“เจ้าเป็นใคร!” จิงสั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา โคจรปราณพร้อมหลบหนี

 

แต่ในชั่วพริบตานั้น ทุกสิ่งรอบกายจิงสั่วราวกับถูกหยุดนิ่ง

 

“อยู่นิ่งๆ!”

 

ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นชี้นิ้วมายังจิงสั่ว แสงสีเทาพันธนาการ ปราณที่โคจรไว้แตกซ่าน ทั่วร่างนิ่งแข็งไม่อาจขยับ

 

แสงสีเทานั้นแฝงด้วยสัมผัสของเพลิงและน้ำแข็ง

 

จิงสั่วไม่อาจขัดขืนการตรึงร่างไม่แม้แต่น้อย

 

และการตรึงร่างในลักษณะนี้ มันเพิ่งเคยเห็น

 

คนผู้นี้ลึกล้ำเกินหยั่งถึง!

 

จิงสั่วตัดสินใจเตรียมจะระเบิดร่างของตน เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่ชั่วพริบตานั้น คนผู้นั้นได้ถอนการตรึงร่างไป

 

“สหายเต๋าจิงไม่ต้องกังวล นี่ข้าเอง…”

 

“เจ้าเป็นใคร?”

 

จิงสั่วประหลาดใจ หรือคนผู้นี้เป็นสหายของตน แต่ตนเองมีสหายที่แข็งแกร่งระดับนี้ด้วยหรือ?

 

แต่เมื่อหันหน้ามาดู จิงสั่วต้องดวงตาเบิกกว้าง ร่างกายนิ่งแข็งไม่อาจจยับ

 

“ส…สหายเต๋าหนิง! นั่นเจ้าเหรอ?”

 

“ข้าเอง…” หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย แม้จะยืนนิ่ง แต่ปราณรอบข้างกลับผันผวนจนจิงสั่วยากจะโคจร มีเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงเท่านั้นที่ทำได้แบบนี้  แต่หนิงฝานทำได้

 

“เจ้าสมควรบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ… เหตุใดถึงบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม? แต่ปราณของเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มไม่ผิด อีกไม่นานคงบรรลุขั้นกลาง… สหายเต๋าหนิง 10 ปีมานี้เจ้าไปทำอะไรมา ทำไมถึงก้าวจากกึ่งแก่นทองคำไปยังดวงจิตแรกเริ่มได้!”

 

จิงสั่วสังเกตุหนิงฝานอย่างละเอียด พบว่ายามนี้กระดูกของหนิงฝานมีอายุได้ 320 ปีแล้ว

 

จาก 20 เป็น 320 ปี! ความเร็วเป็น 32 เท่า หมายความว่าเขาใช้วิหารชั้น 5!

 

วิหารชั้น 5 มีเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณและนักปรุงโอสถที่ 5 เท่านั้นที่ใช้ได้

 

นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5… ก่อนหน้านี้หนิงฝานเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ไม่ใช่เหรอ? เหตุใดถึงก้าวไปถึงระดับนั้นได้

 

“เจ้า…” จิงสั่วมีคำถามมากมาย แต่ในขณะที่กำลังจะถาม กลับกระอักโลหิตออกมาก่อน

 

“เจ้าบาดเจ็บ!”

 

หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพตรวจสอบร่างจิงสั่ว เขาพบปราณสีเทาที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในร่าง

 

หนิงฝานชี้นิ้วไปที่ร่างจิงสั่ว ก่อนที่ปราณสีเทาจะสลายไป

 

ปราณสีเทานั้นเป็นปราณอสูร และผู้ที่ครอบครองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง

 

“วังผนึกอสูร!”

 

แววตาหนิงฝานเผยเจตนาสังหาร

 

วังผนึกอสูรต้องถูกกำจัด

 

ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงย่อมครณามือ

 

ยามนี้หนิงฝานบรรลุดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นเต็มตัว สัมผัสเทพบรรลุดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูง แปรเปลี่ยนเป็นยักษ์สูง 100 จ้างได้ มีเพลงกระบี่ตัดวิญญาณ 3 กระบวนท่า มีดรรชนีตรึงร่าง มีอัสนีโลหิต มีสมบัติชั้นยอด มีย่างก้าวสีเทา มีอาวุธเทพโบราณใหม่ ‘แส้อัสนี’…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด