Grasping Evil จักรพรรดิปีศาจหนิง 204

Now you are reading Grasping Evil จักรพรรดิปีศาจหนิง Chapter 204 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซี่ยงเหลียวจ้องมองผู้เยาว์เบื้องหน้าอย่างเงียบสงัด แววตาแปรเปลี่ยนเย็นชา แต่แฝงด้วยความหวาดกลัว

 

ซัวหมิง คนผู้นี้สังหารน้องชายของมัน ทั้งยังสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดได้

 

เหตุใดมันจึงอยู่ที่นี่!

 

กลิ่นอายที่อันตรายถึงชีวิตแผ่ออกมาจากร่างของมัน… หรือคนผู้นี้จะสังหารผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงได้จริงๆ?

 

แรงกดดันและกลิ่นอายที่อันตราย ทำให้ผู้เชี่ยวชาญตระกูลเซี่ยงทุกคนสั่นสะท้าน

 

เซี่ยงเหลียวตกตะลึง มันเข่นฆ่าสังหารมาทั้งชีวิต แต่กลับยังไม่อาจเทียบเคียงซัวหมิง!

 

กังวล… หวาดกลัว… เคียดแค้น… ความรู้สึกหลากหลายแล่นอยู่ในใจของมัน

 

ต่อให้ซัวหมิงสังหารหลัวเฟยได้… แต่มันก็สังหารได้เช่นกัน!

 

ไม่มีผู้ใดรู้ว่า เซี่ยงเหลียวบรรลุถึงจุดตีบตันของขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มเริ่ม หากผ่านจุดนั้นไปได้ ก็บรรลุตัดวิญญาณ!

 

ไม่มีผู้ใดรู้ว่า ที่มันยกพวกมาบุกนิกายกระถางปรุงโอสถ คิดชิงกระถางขัดเกลาและผลแห่งเต๋าดวงจิตแรกเริ่ม ก็เพื่อเตรียมจะทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณ

 

หากมันทะลวงขอบเขตตัดวิญญาณได้ นอกจากผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณแห่งขุมกำลังใหญ่ทั้ง 10 และผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณไร้สังกัดอีก 3 คน ก็ไม่มีใครต่อกรมันได้! ตระกูลเซี่ยวจะกลายเป็นขุมกำลังอันดับต้นๆของทะเลส่วนนอก

 

ที่สำคัญ ซัวหมิงผู้นั้นจะไม่ใช่ศัตรูที่มันกังวลอีก

 

“ซัวหมิง… บัญชีแค้นที่เจ้าสังหารน้องชายข้ายังไม่สะสาง แต่เจ้ายังมีหน้าออกรับแทนนิกายกระถางปรุงโอสถ! ช่างน่าขันจริงๆ! เป็นแค่เด็กไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เจ้าคิดเหรอว่าตระกูลเซี่ยงของข้าจะยอมอยู่เฉย ข้าจะสั่งสอนให้เจ้ารู้ว่าโลกนี้ยังมีผู้ที่เหนือกว่าเจ้าอยู่!”

 

เซี่ยงเหลียวไม่เห็นหนิงฝานอยู่ในสายตา

 

“เจ้าคิดว่าทำได้เหรอ?” หนิงฝานเย้ยหยัน

 

“รนหาที่ตาย!”

 

โทสะเซี่ยงเหลียวปะทุ มันก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างองอาจ หนวดและผมขาวพลิ้วไสว แรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ปรากฏ

 

บรรยากาศภายในงานประมูลเปลี่ยนไป ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่อยู่ภายในหายใจลำบาก พวกมันรู้สึกราวกับภูเขาหนักอึ้งกดทับ เมื่อผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นสังเกตุชายชรา สีหน้าก็แปรเปลี่ยนใหญ่หลวง!

 

เซี่ยงเหลียวผู้นี้บรรลุถึงขั้นที่จิตใจและพลังผสานเป็นหนึ่ง พูดอีกนัยคือมันบรรลุถึงจุดตีบตันของขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มแล้ว!

 

เท้าที่ก้าวออกไปของมันราวกับเหยียบไปที่หัวใจของทุกคน

 

เมื่อผู้นำเคลื่อนไหว ผู้เชี่ยวชาญอีก 16 คนของตระกูลเซี่ยงก็ชักอาวุธ ทะยานเข้าจู่โจมหนิงฝาน!

 

เซี่ยงเหลียวอ้าปาก คายกระถางขนาดเล็กออกมา 9 ใบ กระถางเหล่านั้นขยายขนาดจนกลายเป็นกระถางยักษ์ แต่ละใบทรงอานุภาพเทียบเท่าสมบัติวิญญาณขั้นสูงสุด พวกมันลอยสูง กระหน่ำถล่มเข้าใส่บริเวณงานจนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้

 

ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการจู่โจมของกระถางทั้ง 9 ใบ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดลมปั่นป่วน กระอักโลหิต แต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ รอบข้างงานประมูลถูกทำลายจนราบ… แม้ซัวหมิงจะทรงพลัง แต่เซี่ยงเหลียวก็แสดงพลังที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันออกมา

 

ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มยังคงรั้งอยู่โดยรอบเพื่อเฝ้าดูผลการต่อสู้ พวกมันแต่ละคนนำสมบัติป้องกันตัวออกมาต้านรับการจู่โจม

 

พวกมันคิดว่าซัวหมิงต้องได้รับความพ่ายแพ้ เพราะเซี่ยงเหลียวที่ครึ่งก้าวบรรลุตัดวิญญาณ ปราณที่ทรงพลังกว่า 5 พันเกราะ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดก็ไม่อาจรับมือ… แม้ซัวหมิงไม่อาจเทียบชั้นเซี่ยงเหลียวเรื่องระดับพลัง แต่การจู่โจมของมันผสานกับคนของตระกูลเซี่ยงที่เหลือ ย่อมต้องทำให้บาดเจ็บอยู่บ้าง

 

แต่สิ่งที่ปรากฏกลับแตกต่างไปจากที่ทุกคนคาดคิด

 

เพราะในขณะที่คนตระกูลเซี่ยงลงมือ ซัวหมิงก็เคลื่อนไหว!

 

ซัวหมิงก้าวเท้าไปเบื้องหน้า 9 ก้าว แต่ละเก้าแฝงด้วยพลังที่รุนแรง จนทำให้พื้นดินโดยรอบรัศมีพันลี้สั่นสะเทือน เมื่อก้าวเท้าครบ 9 ก้าว ปราณกระบี่ที่ทรงพลังปรากฏ หักล้างแรงกดดันที่ทรงพลังของเซี่ยงเหลียวจนหมดสิ้น!

 

ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น 11 คน ถูกปราณกระบี่ที่ทรงพลังจู่โจมจนกระอักโลหิตอย่างหนักและหมดสติไป เหลือเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง 3 คน และขั้นสูงอีก 1 ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้พวกมันทั้ง 4 จะร่วมมือต้านรับปราณกระบี่ แต่ไม่อาจต้านไหว! จนพวกมันทุกคนต้องล่าถอยด้วยสีหน้าแตกตื่น

 

เซี่ยงเหลียวก็แตกตื่นเช่นกัน มันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญกึ่งตัดวิญญาณ ครอบพลังที่รุนแรงน่าเกรงขาม แต่กลับไม่อาจต้านอานุภาพของปราณกระบี่เบื้องหน้าได้อย่างสิ้นเชิง! มันคาดไม่ถึงว่าการเท้าเพียง 9 ครั้ง จะทำให้สำแดงปราณกระบี่ที่ทรงพลังในระดับนี้ได้ ทั้งชีวิตที่ผ่านมา มันเคยเห็นเพียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่เปล่งพลังระดับนี้ได้

 

ความโกรธ เคียดแค้น และอิจฉาฉายขึ้นในแววตาของมัน เพราะซัวหมิงที่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น แต่กลับสามารถเปล่งพลังเทียบเคียงผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณได้

 

เมื่อมันจ้องเข้าไปในดวงตาหนิงฝาน มันเห็นแสงสีแดงโลหิตราวกับแสงดาราวาบผ่านผ่าน แสงนั่นราวกับแฝงด้วยอำนาจของสวรรค์ จนทำให้มันรู้สึกเจ็บปวดดวงตา

 

ดาราอัสนีปรากฏกลางหน้าผาก แส้อัสนีโลหิตกวัดแกว่งเฆี่ยนฟาด

 

ทุกที่ที่แส้ฟาดลง เทียบเคียงอัสนีฟาดผ่า ทำให้ซัวหมิงในยามนี้ดูราวกับเทพแห่งอัสนี!

 

แส้เฆี่ยนฟาดลงที่กระถางทั้ง 9 ใบของเซี่ยงเหลียว

 

แม้กระถางจะหนักอึ้งราวกับขุนเขา แต่แส้ที่แฝงด้วยอำนาจสวรรค์ เหตุใดกระถางเหล่านั้นจะเทียบเคียง!

 

แม้กระถางทั้ง 9 ใบนั้นจะสร้างขึ้นเลียนแบบสมบัติเซียน แต่ในสายตาหนิงฝาน มันยังไม่ถึงขั้นนั้น

 

ในสายตาของจักรพรรดิสวรรค์เช่นหนิงฝาน แม้ระดับของกระถางทั้ง 9 ใบจะสูง แต่ยังมีข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆอยู่มากมาย หากจะทำให้มันแตกเป็นเสี่ยงๆสมควรไม่ใช่เรื่องยาก

 

ยังอ่อนด้อยนัก… แม้จะพยายามเลียนแบบมากขนาดไหน แต่ก็ยังไม่อาจเทียบเคียงอยู่ดี

 

“ทะลายไปซะ!”

 

หนึ่งแส้ที่เฆี่ยนใส่กระถาง หมายถึงกระถางถูกทำลาย

 

ผ่านไปเพียงพริบตา กระถางทั้ง 9 ใบที่เซี่ยงเหลียวภูมิตใจ กลับเหลือเพียงเศษซากไร้ค่า

 

หนิงฝานเฆี่ยนแส้ใส่จุดที่บกพร่องของกระถางเหล่านั้นอย่างแม่นยำ เมื่อจุดบกพร่องถูกจู่โจมจนเกิดรอยร้าว รูปแบบวิญญาณที่สลักอยู่บนกระถางก็เสียหาย นำมาซึ่งการพังทะลายของกระถางที่ไม่อาจต้านทางการจู่โจมที่ทรงพลังได้

 

สีหน้าเซี่ยงเหลียวแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง กระถางทั้ง 9 ใบคือชุดสมบัติขั้นสูงสุด แต่กลับถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย!

 

เป็นไปไม่ได้! แส้ของซัวหมิงเป็นเพียงสมบัติขั้นสูงสุดระดับกลาง ไม่สมควรทำลายสมบัติของมันได้ง่ายๆเช่นนี้

 

และในชั่วพริบตานั้นเอง สิ่งที่มันคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น!

 

เมื่อกระถางถูกทำลาย อัสนี 9 สายก็ตรงเข้าหามันอย่างรวดเร็ว! อัสนีทั้งหมดนั้นพุ่งตรงเข้าตำแหน่งตันเถียนของมัน เมื่ออันตรายมาเยือนอย่างใกล้ชิด ขนทั่วร่างของมันก็ลุกชัน!

 

มันมีสมบัติคุ้มกันดวงจิตแรกเริ่มเป็นอย่างดี แต่น่าเสียดายที่สมบัติชิ้นนั้นป้องกันอัสนีได้เพียง 1 สาย เมื่อเกราะถูกทำลาย อัสนีทั้ง 8 สายที่เหลือก็กระหน่ำเข้าดวงจิตแรกเริ่มของมัน กระทั่งสีหน้าแปรเปลี่ยนหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

อัสนีอะไรกัน! แม้เป็นเกราะหยกที่เป็นสมบัติวิญญาณขั้นสูงสุดระดับสูงสุดยังไม่อาจต้านได้

 

“นี่มันวิชาลับของตระกูลซัว! วิชาอัสนีที่ตระกูลวัวถนัด คนผู้นี้เป็นคนของตระกูลซัวจริงๆ! ข้าเป็นถึงกึ่งตัดวิญญาณ เหตุใดอัสนีแค่นี้ถึงต้านรับไม่ได้!”

 

อัสนีฟาดผ่าดวงจิตแรกเริ่มของมันอย่างรุนแรงจนเกือบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ สมควรทราบว่าดวงจิตแรกเริ่มของมันไม่เหมือนดวงจิตแรกเริ่มของผู้เชี่ยวชาญทั่วไป สมควรแข็งแกร่งกว่านับ 100 เท่า แม้ถูกอัสนีของตระกูลซัวจู่โจม มันก็ไม่กลัว

 

แต่อัสนีสีโลหิตที่กำลังจู่โจมมันยามนี้กลับทรงพลังจนคาดไม่ถึง!

 

เซี่ยงเหลียวได้รับบาดเจ็บสาหัส กระอักโลหิตสีทองออกมาเป็นจำนวนมาก กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างลดลงอย่างรวดเร็ว

 

มันอาศัยจังหวะนี้ล่าถอยและขับอัสนีภายในร่างออก แต่ในชั่วพริบตาต่อมา อัสนีอีกระรอกกลับจู่โจมซ้ำจนมันไม่อาจตั้งตัวได้ทัน!

 

มันต้านรับเต็มกำลัง อัสนีแต่ละสายที่ฟาดร่าง ผลักมันร่นถอยไปหลายก้าว

 

เมื่ออัสนีฟาดผ่าไป 8 สาย ใบหน้าของมันแปรเปลี่ยนหมองค้ำอย่างที่สุด ราวกับมันกำลังจะต้านไม่ไหว!

 

มันตกตะลึง แส้อัสนีเบื้องหน้าทรงพลังกว่าวิชาอัสนีของตระกูลวัวจนเทียบไม่ติด!

 

นั่นมันอัสนีอะไร? สมควรไม่ใช่อัสนีที่เกิดจากวิชา แต่สมควรเป็นอัสนีที่ช่วงชิงมาจากสวรรค์!

 

หรือจะเป็นอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์!

 

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซี่ยงเหลียวดูราวกับเข้าใจบางสิ่ง

 

มันรู้แล้วว่าเหตุที่แส้ของซัวหมิงทรงพลัง เพราะสร้างขึ้นมาจากอัสนีสวรรค์ ทัณฑ์แห่งสวรรค์ที่ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำต้องประสบ มันรุนแรงจนยากจะต้านทาน แต่ซัวหมิงผู้นี้กลับฉวยโอกาสนั้น เปลี่ยนให้มันกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลัง

 

ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปไม่อาจทำเช่นนี้ได้ มีเพียงผู้สืบทอดของเทพที่แท้จริงเท่านั้นที่จะทำได้!

 

ไม่ว่ามันจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่อาจต้านการจู่โจมของซัวหมิงผู้นี้ได้

 

ผู้ที่ควบคุมทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้ได้ไม่ใช่ผู้ที่มันสมควรยั่วยุ!

 

“พวกเจ้ามาข้าต้านเร็วเข้า!” เซี่ยงเหลียวออกคำสั่ง แต่เมื่อชำเลืองมองคนในตระกูล คนเหล่านั้นกลายเป็นเหมือนตุ๊กตายืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว

 

“ปิดบัญชี!” หนิงฝานชี้นิ้วไปยังเซี่ยงเหลียว ใช้วิชาตรึงร่าง!

 

ปลายนิ้วเปล่งแสงเจิดจ้า ร่างของผู้เชี่ยวชาญตระกูลเซี่ยงไม่อาจขยับเคลื่อนไหว!

 

เซี่ยงเหลียวหวาดกลัวอย่างที่สุด ไม่ว่าจะขัดขืนเช่นใดก็ไม่อาจขยับเคลื่อนไหว! หากมันทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อให้ราดจากการตรึงร่าง อย่างน้อยๆต้องใช้เวลา 1 ลมหายใจ!

 

หากมันอยากรอด มีเพียงวิธีนั้นวิธีเดียว…

 

เมื่อคนของตระกูลเซี่ยงถูกตรึงร่าง หนิงฝานเปลี่ยนจากแส้เป็นกระบี่ เมื่อกระบี่แยกสวรรค์ปรากฏ วงแหวนสายหนึ่งได้ปรากฏล้อมรอบตัวหนิงฝาน

 

วงแหวนนั้นดูราวกับเจตจำนงค์ที่ก่อขึ้นด้วยอานุภาพของกระบี่!

 

วงแหวนเปล่งแสงเจิดจ้า ผสานเข้ากับกระบี่จนกลายเป็นอานุภาพที่ไม่อาจคาดเดา พร้อมกันนั้น ผู้เชี่ยวชาญตระกูลเซี่ยงแต่ละคนรู้สึกเจ็บที่หัวใจอย่างรุนแรง

 

เพลงกระบี่ที่ 4… กระบี่อยู่ที่ใจ!

 

กระบี่ดูทะลวงหัวใจของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้นและขั้นกลางทั้ง 15 คนพร้อมกัน กระบี่สำแดงเดช ร่างกายของมันขยายใหญ่กระทั่งระเบิดเป็นหมอกโลหิต ดวงจิตแรกเริ่มถูกทำลายไม่เหลือ!

 

ในจังหวะนั้น ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงอาศัยการทำลายร่างเนื้อ นำดวงจิตแรกเริ่มของตนหนีไปอย่างสุดชีวิต แต่กระบี่แยกสวรรค์ของหนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงติดตามไป ไม่นานกระบี่ก็ไล่ทันและทะลวงดวงจิตแรกเริ่ม จากนั้นนำกลับมาให้หนิงฝาน

 

ผู้เชี่ยวชาญตระกูลเซี่ยงตาย 15 คน ถูกจับอีก 1!

 

เซี่ยงเหลียงกัดปลายลิ้น พ่นแก่นโลหิตผสานกับปราณ ทะลายวิชาตรึงร่างหนิงฝาน… มันเอาชีวิตรอดจากกระบี่อยู่ที่ใจของหนิงฝานได้อย่างคาดไม่ถึง

 

ผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้ามองคาดไม่ถึงว่าเซี่ยงเหลียวจะเอาชีวิตรอดมาได้ แต่ถึงแม้หัวใจของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดจะบาดเจ็บสาหัส แต่มันยังทรงพลังไม่เปลี่ยน

 

เซี่ยงเหลียวในยามนี้ตกตะลึงและหวาดกลัว ผมขาวชโลมด้วยโลหิต

 

มันไม่รอดแน่!

 

คราวนี้เท่ากับมันนำคนของตระกูลเซี่ยงมาตาย

 

ซัวหมิงผู้นี้ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง ทั้งแส้ ทั้งกระบี่ ทั้งวิธีการที่ไร้หัวใจ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณยังต้องหวาดหวั่น

 

มันต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้!

 

“ย่างก้าวพริบตา!”

 

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว มันโคจรพลังทั้งหมด เพื่อเตรียมหนีอย่างสุดชีวิต

 

มันรู้ดีว่าไม่ใช่คู่มือของซัวหมิง แต่เรื่องหลบหนี แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณยังตามมันได้ยาก ดังนั้น มันจึงมั่นใจว่าซัวหมิงไม่อาจตามทัน

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มที่รั้งดูการต่อสู้หวาดกลัว

 

ซัวหมิงสามารถทำให้เซี่ยงเหลียวผู้แข็งแกร่งตกอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ ทั้งยังสังหารคนของตระกูลเซี่ยงไปอีกร่วม 15 คน และจับอีก 1 คนที่อยู่ในสภาพดวงจิตแรกเริ่มไปเป็นๆ

 

ซัวหมิง! ปีศาจกระหายโลหิตซัวหมิง! ผู้ที่เป็นจ้าวแห่งนักแห่งสุสานนิกายกระถางปรุงโอสถ

 

แม้เป็นเซี่ยงเหลียวยังต้องคิดหลบหนี!

 

แต่ชั่วพริบตานั้น เซี่ยงเหลียวขว้างบางสิ่งจนกลายเป็นแสงสีขาวพุ่งตรงเข้าหาหนิงฝาน เมื่อเขาคว้าจับ แสงนั่นทะลวงผ่านฝ่ามือเข้าไปในร่าง แล้วแปรเปลี่ยนเป็นเข็มขนาดเล็กพุ่งตรงเข้าหาดวงจิตแรกเริ่ม

 

สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยน! เขารู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากเข็ม ราวกับเคยพบที่ไหนมาก่อน ที่สำคัญ กลิ่นอายที่แผ่ออกมายังเป็นกลิ่นอายของสตรี

 

แม้หนิงฝานจะพยายามโคจรปราณยังยากหยุดยั้ง เข็มเล่มนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ดวงจิตแรกเริ่มทีละนิด หนิงฝานเร่งกระตุ้นสร้อยหยินหยาง… มันแผ่พลังป้องกันที่ทรงพลังออกมาคลุมดวงจิตแรกเริ่มเอาไว้ สร้อยหยินหยางคือสมบัติเซียน ใช่ว่าสิ่งใดจะทะลวงการป้องกันได้!

 

เมื่อหนิงฝานเพ่งสัมผัส เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าเข็มเล่มนั้นเป็นเข็มขนาดเล็กเพียงไม่กี่ชุน

 

ช่างเป็นสมบัติที่ทรงพลัง! แม้จะเป็นเพียงเข็มขนาดเล็ก แต่เป็นถึงสมบัติวิญญาณขั้นสูงสุดระดับสูงสุด! หากถูกมันทะลวงดวงจิตแรกเริ่ม แม้ไม่ตายแต่ก็ต้องบาดเจ็บไม่น้อย

 

กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากเข็มเป็นกลิ่นของสตรีที่หนิงฝานคุ้นเคย แต่เขานึกไม่ออก!

 

เซี่ยงเหลียวอาศัยช่วงจังหวะที่หนิงฝานต้านเข็ม หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้หนิงฝานจะเร่งความเร็วสูงสุดก็ใช่ว่าจะตามมันทันได้ง่ายๆ ความเร็วที่เทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณเช่นนั้น ใครเล่าจะตามทัน?

 

แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เขาก้มมองรูปสลักศิลาที่อยู่บนฝ่ามือพลางกล่าว

 

“ทหารศิลา ไปจับมันกลับมา!”

 

“รับทราบ!” มีเพียงหนิงฝานที่ได้ยินเสียงของทหารศิลา

 

ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่โดยรอบยังคงตกตะลึงไม่หาย

 

เซี่ยงเหลียว… หนีไปได้…

 

แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าอีกไม่นาน ทหารศิลาจะไปจับตัวมันกลับมา

 

การต่อสู่ที่รุนแรงเกิดขึ้นในพริบตา ยามนี้ งานประมูลพังทะลาย ความเงียบสงัดที่ได้ยินเพียงสายลมพัดผ่าน

 

ซัวหมิงผู้นี้แข็งแกร่ง! แม้ไม่ได้สังหารเซี่ยงเหลียว แต่ก็ทำให้มันบาดเจ็บสาหัสจนแทบเอาชีวิตไม่รอด คนผู้นี้แข็งแกร่งพอที่จะเหยียบย่างไปที่ใดก็ได้ในทะเลส่วนนอก!

 

ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดสามคนนั้นยังไม่จากไป แม้พวกมันไม่ได้ดูแคลนพลังของซัวหมิง แต่พลังที่ซัวหมิงแสดงออกมาเหนือล้ำกว่าที่พวกมันคาดเดาไว้มาก ในหมู่พวกมัน ไม่มีผู้ใดทรงพลังเท่าเซี่ยงเหลียว หากเปลี่ยนเป็นพวกมันที่รับการจู่โจมของซัวหมิง พวกมันคงตาย 2 และหนีไปได้ 1

 

หากพวกมันรู้ว่าหนิงฝานส่งทหารศิลาออกไปตามล่าเซี่ยงเหลียว พวกมันคงหวาดกลัวมากกว่านี้ ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะมีผู้ใดมีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มเป็นทาส แม้เป็นนิกายใหญ่ทั้ง 10 ก็ไม่กล้ายั่วยุคนเช่นนี้

 

ชายชราที่คิดจะจู่โจมหนิงฝานเพราะเอาผลไม้แห่งเต๋าดวงจิตแรกเริ่มออกมาแลกสตรี ยามนี้เหงื่อไหลโทรมกาย มือไม้สั่นเทาไม่อาจถือกระบี่ในมือได้อีก

 

อันตราย! คนผู้นี้อันตรายเกินไป! แม้ตระกูลเซี่ยงจะยกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังมา แต่ยังไม่อาจทำอันตรายซัวหมิงได้ ซ้ำยังถูกซัวหมิงสังหารตายอย่างน่าอนาถ

 

หลิงกุ่ยคูก็ตกตะลึง ในยามที่หนิงฝานกล่าวว่ามันคือผู้อาวุโสที่จากนิกายกุ่ยเชว่มานาน มันก็เดาออกทันทีว่าซัวหมิงก็มาจากแคว้นเยว่เช่นกัน และที่อีกฝ่ายยอมยื่นมือช่วย เพราะเห็นแก่ความเป็นคนของนิกายกุ่ยเชว่เหมือนกัน ด้วยความที่มันเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง หากกลับไปแคว้นเยว่ คงกลายเป็นผู้มากพรสวรรค์ที่ยากจะหาคนเทียบเคียง แต่เมื่อมันได้เห็นซัวหมิง ตัวมันไม่นับเป็นอันใด หากหนิงฝานกลับแคว้นเยว่ แคว้นเยว่คงยกระดับกลายเป็นแคว้นระดับกลาง

 

แต่ที่มันสงสัยคือ ซัวหมิงมีอายุกระดูกเพียง 340 ปี มันมั่นใจว่าเมื่อ 300 ปีที่แล้ว ในแคว้นเยว่มีคนเช่นนี้อยู่ และไม่มีผู้ใดที่ชื่อซัวหมิง

 

แม้คนของตระกูลเซี่ยงจะไม่มา งานประมูลก็ตกอยู่ในกำมือของซัวหมิงอยู่ดี กระถางขัดเกลาคงตกอยู่ในมือซัวหมิงทั้งหมด

 

“งานประมูลจบแล้ว พวกท่านทุกคนเร่งออกไปจากเมืองแห่งนี้โดยเร็ว! ข้าซัวหมิงจะรั้งอยู่ที่นี่ หากผู้ใดยังดื้อรั้นจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อ ข้าจะถือว่าคนผู้นั้นเป็นคนของตระกูลเซี่ยง และจะถูกสังหารทั้งหมด! เกราะดำ… จัดการ!”

 

ปราณกระบี่สีดำกวาดกผ่าน ทหารในชุดเกราะสีดำปรากฏตัว!

 

รอบนอกของเมืองแห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำและประสานวิญญาณของตระกูลเซี่ยงล้อมอยู่ แต่ยามนี้ พวกมันถูกปราณกระบี่ของหนิงฝานสังหารตายในพริบตา

 

ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มในงานประมูลแตกตื่น ซัวหมิงผู้นี้มีทั้งสัมผัสกระบี่ ทั้งยังมีทาสรับใช้ทรงพลัง!

 

ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นเร่งหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิต ไม่มีผู้ใดกล้ารั้งอยู่ต่อ

 

เหตุใดพวกมันต้องอยู่ แม้มีข้อสงสัย เหตุใดพวกมันจะกล้าถาม ในเมื่องานประมูลจบลง พวกมันก็ไม่มีธุระอะไรต้องทำ การที่พวกมันได้เห็นการต่อสู้ที่รุนแรง นับเป็นการเปิดหูเปิดตาอย่างที่สุด ดังนั้น พวกมันจึงป้องมือให้ก่อนเร่งจากไป

 

สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญที่น่าเคารพ

 

แต่ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดจะจากไป พวกมันก็หันมากล่าว

 

“สหายเต๋าซัวหมิงช่างเก่งกาจ! ข้าคือผู้เชี่ยวชาญไร้สังกัด หลิวเหว่ย หากสหายเต๋ามีเวลา อยากเชิญมาร่วมดื่มชาสักถ้วย”

 

“นับถือ นับถือ! หากเป็นไปได้ข้าขอให้สหายเต๋าซัวหมิงมาเป็นแขกพิเศษของข้า ข้าคือประมุขของเกาะเซียน หนึ่งในสิบขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของทะเลส่วนนอก หากสหายเต๋ามาเยี่ยมเยือน ข้าจะต้อนรับเป็นอย่างดี!”

 

“ฮ่าฮ่า สหายเต๋าซัวหมิงช่างเก่งกาจ! ข้าหลินซู คนของตระกูลหลิน ณ ทะเลส่วนใน หากสหายเต๋ากลับทะเลส่วนในเมื่อใด เชิญสหายเต๋ามาเยี่ยมเยือนข้าบ้าง”

 

เมื่อพวกมันกล่าวจบ หนิงฝานพยักหน้าให้เล็กน้อย

 

ผ่านไป 10 ลมหายใจ เมืองกลางทะเลทรายแห่งนี้ว่างเปล่า ผู้เชี่ยวชาญที่มาเยือนจากไป เหลือแต่คนของนิกายกระถางปรุงโอสถ… ส่วนคนของตระกูลเซี่ยง เหลือเพียงซากศพเท่านั้น

 

คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวหลิงกุ่ยคู แต่หนิงฝานไม่ได้เปิดโอกาสให้มันไถ่ถาม

 

“สหายเต๋าหลิงเร่งเตรียมสถานที่สงบให้ข้าเถอะ ข้าต้องพักแล้ว”

 

“เอ่อ… ย่อมได้!” หลิงกุ่ยคูไม่กล้ากล่าวให้มากความ

 

เรื่องพักผ่อนเป็นเพียงข้ออ้าง ที่จริงแล้วหนิงฝานจะขับเข็มที่อยู่ในร่างออกมา แม้จะมีสร้อยหยินหยางต้านเข็มเอาไว้ แต่หากไม่ขับมันออกมาก็ถือเป็นอันตรายอยู่ดี

 

ผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุดช่างอันตราย หากหนิงฝานไม่มีทหารศิลาอยู่ เขาอาจตามจับเซี่ยงเหลียวกลับมาไม่ได้

 

หากไม่มีสร้อยหยินหยาง หนิงฝานคงบาดเจ็บสาหัสจากเข็มเล่มนั้น

 

การที่มีทหารศิลาอยู่ เซี่ยงเหลียวคงหนีไปไหนไม่พ้น

 

เหตุที่หนิงฝานไม่ใช้ทหารศิลาอย่างโจ่งแจ้ง เพราะเขาเลี่ยงที่จะไม่ให้วิหาญสาบสูญล่วงรู้ หากพวกมันรู้ว่าเขาชิงทหารศิลาไป ปัญหามากมายจะตามมา แม้เขาจะไม่กลัวก็ตาม

 

หนิงฝานไม่ชอบปัญหา

 

แม้การมาเยือนดินแดนทะเลทรายแห่งนี้จะต่างไปจากที่คาดคิด แต่ผลที่ได้นับว่าดีไม่น้อย

 

เขาได้กระถางขัดเกลาอย่างที่หวัง ได้ผลไม้แห่งเต๋า… ในระหว่างที่รอให้ทหารศิลากลับมา หนิงฝานจะฟื้นฟูพลังให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม และจะดูดซับกระถางขัดเกลาที่ซื้อมา เพื่อทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง!

 

“ดวงจิตแรกเริ่มขั้นกลาง… เหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าข้าจะได้บรรลุเร็วขนาดนี้!”

 

แววตาหนิงฝานเป็นประกาย แต่ในใจนั้นยังกังวล

 

แม้ระดับพลังจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ระดับจิตใจของหนิงฝานยังตามไม่ทัน… การยกระดับจิตใจยังนับเป็นปัญหาอยู่

 

หากมีผลแห่งความฝันก็คงดี… ไม่รู้ว่าตอนนี้หมิงเชว่จะเป็นยังไงบ้าง…

 

ในแคว้นสมุทร… สาวน้อยนางหนึ่งยืนบนเมฆเซียนระดับสี่ ในอ้อมกอดมีสัตว์พิรุณขนเงิน ข้างกายมีสัตว์พิรุณในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มอยู่หลายตัว

 

ในขณะที่หนิงฝานกำลังนึกถึงนางอยู่นั้น จู่ๆนางก็จามขึ้น

 

“ฮั๊ดชิ่ว! ท่านปู่ต้องดุข้าแน่… แต่ช่างเถอะ ยังไงท่านปู่ก็ออกมาจากสุสานไม่ได้ ข้าจะไปเกาะที่ข้าเห็นในฝัน ข้าอยากรู้ว่าซือชางคือใคร ทำไมข้าถึงฝันถึงเกาะนั้นทุกวัน”…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด