I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 43 – ในที่สุดก็ได้อยู่กันตามลำพัง

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 43 - ในที่สุดก็ได้อยู่กันตามลำพัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 43 – ในที่สุดก็ได้อยู่กันตามลำพัง

 

[ มาเอะฮาระ ] : ถึง อาซานางิ

[ มาเอะฮาระ ] : หนังสือเรียนเคมีของเธออยู่ในความดูแลของผมแล้ว

[ มาเอะฮาระ ] : ผมจะรออยู่ที่สนามหญ้าของโรงเรียน ถ้าเธอไม่อยากอับอายเพราะไม่มีหนังสือเรียนแล้วละก็…เธอต้องรีบมาที่นี่แล้วล่ะ ยัยบ้า

 

ผมส่งข้อความไปแบบนี้ แน่นอนว่าไม่มีการตอบกลับมาจากอาซานางิ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังอ่านตามที่คาดไว้

 

ผมรออาซานางิอยู่ที่บริเวณสนามหญ้าของโรงเรียนตามที่ส่งข้อความไป

 

“…ทำไมยังไม่มาอีกล่ะ ยัยบ้าอาซานางิ”

 

ช่วงเวลาพัก 10 นาที่ค่อยๆผ่านไป

 

เหลือ 5 นาที…3 นาที…เหลือ 1 นาที

 

ถ้าผมไม่รีบไปตอนนี้ผมต้องเข้าห้องเรียนสายแน่นอน และมันจะกลายเป็นผมเองที่ต้องอับอาย…สถานการณ์เริ่มจะไม่ดีแล้วสิ

 

แต่ไม่ว่ายังไง…ถ้าอาซานางิไม่มีหนังสือเรียน เธอก็น่าจะเป็นคนที่ต้องอับอายมากกว่าแน่นอน

 

“จากอาซานางิ!”

 

ในตอนที่ผมกำลังลังเลว่าจะทำยังไงต่อไปดี ข้อความตอบกลับครั้งแรกของอาซานางิในวันนี้ก็มาถึง

 

ผมเปิดแอพแชททันทีก่อนจะอ่านเนื้อหาของข้อความ…มันเป็นข้อความที่มีรูปแนบมาด้วย

 

[ อาซานางิ ] : นายโง่หรือเปล่า?

[ อาซานางิ ] : ถึงฉันจะลืม แต่ฉันก็ยืมคนอื่นได้นะ

 

รูปที่แนบมาด้วยเป็นรูปหนังสือเรียนวิชาเคมีที่เธอน่าจะยืมมาจากเพื่อนห้องอื่น

 

โดนเธอเล่นแล้ว!

 

“หรือว่า…เธอ…”

 

‘ถ้าเราลืมอะไรบางอย่าง…เราก็สามารถที่จะยืมเพื่อนคนอื่นได้’ แต่เพราะผมเป็นคนไม่มีเพื่อน…ผมก็เลยไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

 

ยิ่งเป็นอาซานางิที่อยู่เคียงข้างกับอามามิซังเสมอ แน่นอนว่าเธอจะต้องมีเพื่อนมากมาย การจะยืมหนังสือจากเพื่อนห้องอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย

 

ผมมักจะอยู่กับอาซานางิเสมอ และคิดว่าพวกเรานั้นคล้ายกันมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว…ผมกับอาซานางินั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

[ อาซานางิ ] : เอาล่ะ เอาล่ะ รีบมาเรียนได้แล้ว ไม่งั้นนายจะสายเอาน้า~

[ มาเอะฮาระ ] : ไอบ้าเอ้ย จำไว้เลยนะยัยบ้านี่

[ อาซานางิ ] : ฉันไม่จำหรอก งี่เง่า

 

ผมส่งข้อความแบบพวกตัวร้ายที่พ่ยแพ้ให้กับอาซานางิ ก่อนจะรีบไปที่ห้องแล็บอย่างไวที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

โชคดีที่ห้องแล็บอยู่ใกล้ๆกับบริเวณสนามหญ้า ทำให้ผมสามารถไปเข้าห้องเรียนได้ทันเวลา แต่เนื่องจากผมมาถึงห้องเรียนเป็นคนสุดท้าย ทำให้กลายเป็นจุดสนใจของทั้งชั้นเรียน รวมถึงอาจารย์ด้วย

 

…ให้ตายเถอะ ผมทำเรื่องโง่ๆอะไรไปเนี่ย น่าอายชะมัด

 

“เอ่อ…คุณคือ…อ๊ะ มาเอะฮาระใช่ไหม? คุณมาสายนะ”

 

“…ขอโทษครับ”

 

ผมรีบนั่งลงบนที่นั่งที่ว่างอยู่ ก่อนจะมองไปที่อาซานางิที่นั่งอยู่คนละฟากของห้องเรียนที่ในตอนนี้กำลังฟุบลงบนโต๊ะ และตัวสั่นเพราะพยายามกลั้นหัวเราะ

 

รู้สึกจี๊ดชะมัดเลยแฮะ

 

และเพราะเหตุการณ์นี้ ผมสัญญากับตัวเองเลยว่าต้องจับยัยบ้านั่นมานั่งคุยกันสองคนให้ได้

 

“มาเอฮาระคุง ทำไมนายถึงมีหนังสือเรียนสองเล่มล่ะ?”

 

“ผะ-เผลอหยิบหนังสือสำรองมาด้วยน่ะ”

 

ผมยังจ้องมองไปที่อาซานางิในขณะพูดแก้ตัวกับโอยามะคุงที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่หนังสือเรียนที่ใช้เป็นตัวประกันจะถูกส่งคืนไปที่โต๊ะของอาซานางิโดยสวัสดิภาพ

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ช่วงเวลาเลิกเรียน หลังจากคาบเรียนสุดท้ายสิ้นสุดลง

 

เนื่องจากภาพต้นแบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว พวกเราจึงเริ่มลงมือสร้างชิ้นงานกันตั้งแต่วันนี้

 

วิธีการทำชิ้นงานศิลปแบบโมเสกไม่ใช่เรื่องยาก เราเพียงแค่ต้องเจาะรูบนกระป๋อง แล้วก็จัดเรียงสีของกระป๋องให้เป็นไปตามลำดับ โดยการร้อยเอาไว้บนเชือกก่อนจะนำไปแขวนไว้บนราว

 

ปัญหาคอขวดในการทำงานนั้นจะเกิดขึ้นถ้าพวกเราเริ่มทำงานกันช้าเกินไป และถ้าเป็นแบบนั้นเราจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องค้างคืนที่โรงเรียน

 

แต่เนื่องจากทางโรงเรียนจะอนุญาตให้นักเรียนค้างคืนได้เฉพาะวันก่อนถึงวันงานเทศกาลวัฒนธรรมโรงเรียนเท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องรีบทำให้เสร็จก่อนหน้านั้น

 

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการจัดการและการวางแผนของคณะกรรมการกิจกรรม ดังนั้นทั้งผมและอาซานางิจำเป็นที่จะต้องทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า…บรรยากาศที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนในตอนนี้ของผมกับอาซานางิ…พวกเราจะสามารถทำได้ดีหรือไม่?

 

“นี่ มาเอะฮาระคุง”

 

“! อาซานางิ…ซัง”

 

“โธ่…ไม่เห็นต้องทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นเลย…เรากำลังทำงานกันอยู่ไม่ใช่หรอ? ฉันกำลังคิดว่าจะเริ่มจากตรงไหนดีน่ะ”

 

“อะ อ่า นั่นสินะ”

 

ผมประหลาดใจที่อยู่ๆก็ได้ยินเสียงของอาซานางิ แต่เนื่องจากเธอใช้เสียงที่เธอใช้เป็นประจำตอนอยู่ในห้องเรียน ดังนั้นดูเหมือนว่าผมเองก็ไม่ควรนำเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับเรื่องงานในตอนนี้เหมือนกัน

 

ถ้าทำแบบนี้น่าอาจจะดีกว่าก็ได้

 

“ถ้างั้นมาเริ่มจากจำนวนกระป๋องเปล่าที่เรามีอยู่ก่อนก็แล้วกัน เธอรู้ไหมตอนนี้กระป๋องพวกนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง?”

 

“มีบางส่วนอยู่ตรงมุมห้องตรงนั้น ส่วนที่เหลืออยู่ที่ห้องเก็บของน่ะ…”

 

“! อ๊ะ ถ้างั้นเราไป…”

 

ดูเหมือนนี่จะเป็นเหตุผลที่ดีที่จะใช้เป็นข้ออ้างเพื่อที่จะได้อยู่ตามลำพังกับอาซานางิแค่สองคน ผมคิดว่าเธอไม่น่าจะหนีไปได้ในคราวนี้ และจะได้ถามเหตุผลว่าทำไมเธอถึงพยายามหลบหน้าผมสักที…

 

“นี่ ยู ขอกวนเวลาเธอนิดนึงได้ไหม?”

 

“หืม? ว่าไงอุมิ มีอะไรหรือเปล่า?”

 

“เธอช่วยไปตรวจจำนวนกระป๋องเปล่าที่พวกเรารวบรวมมากับมาเอะฮาระคุงที่ห้องเก็บของหน่อยได้ไหม? พอดีฉันต้องอยู่ค่อยจัดการงานของทุกคนที่นี่น่ะ”

 

…ผมคิดว่าจะสามารถจับเธอได้แล้ว แต่อาซานางิก็น่าจะรู้ทัน…เธอจึงทำการเรียกอามามิซังมารับหน้าที่แทนตัวเองทันที

 

ดูเหมือนอาซานางิกำลังจะพยายามหนีอีกแล้ว…แต่คราวนี้ผมจะไม่ยอมปล่อยเธอไปหรอกนะ

 

“ไม่ได้หรอก ให้อามามิซังอยู่ที่นี่แล้วพวกเราไปกันแค่สองคนน่าจะดีกว่า มันคงไม่ดีที่จะไปรบกวนคนอื่นในขณะที่พวกเขากำลังพยายามทำงานหนังกันอยู่น่ะ”

 

“เอ๋…มะ-ไม่ได้นะ พวกเราเป็นคนร่างภาพต้นแบบนะ มันต้องมีพวกเราคนใดคนหนึ่งที่ต้องคอยอยู่ช่วยทุกคนสิ…”

 

“พวกเราไปกันแปบเดียวมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก…จริงไหมอามามิซัง?”

 

“อือ ไม่เป็นอะไรหรอก ถึงจะบอกว่างานหนัก…แต่จริงๆพวกเราก็แค่เจาะกระป๋องเองนี่นา มันไม่ยากขนาดนั้นสักหน่อยนะ”

 

อามามิซังตอบพร้อมกับขยิบตาให้ผม

 

แน่นอนว่าอามามิซังอยู่ฝั่งเดียวกับผม…แต่เป็นเพราะตอนช่วงพักเที่ยง อาซานางิใช้นิตตะซังกับเซกิคุงเป็นเหตุผลทำให้เธอสามารถหลบหนีจากผมไปได้ ดังนั้นผมจึงต้องทำการแอบส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปที่อามามิซังก่อนที่จะเลิกเรียน

 

“…ถ้าอย่างนั้นผมขอไปเอากุญแจห้องเก็บของกับอาจารย์ยากิซาวะก่อนนะ…อาซานางิซังไปรอที่ห้องเก็บของก่อนได้เลยนะ”

 

“เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้ตอบ…”

 

“อ่า…ถ้าอย่างนั้นผมทำคนเดียวก็ได้…แต่ว่า…ถ้าเธอมา..ผมคง…รู้สึกมีความสุขมากกว่าน่ะ…”

 

“เอ๊ะ….”

 

“…ถะ-ถ้างั้นผมไปก่อนนะ”

 

ในช่วงที่พูดว่า「มีความสุข」ผมพูดเสียงเบาๆทำให้มีแค่อาซานางิคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยิน ก่อนที่ผมเดินออกมาเพื่อไปหาอาจารย์ยากิซาวะที่ห้องพักครูเพื่อที่จะขอยืมกุญแจห้องเก็บของ

 

ดูเหมือนว่าอาซานางิจะไม่ได้เดินตามหลังมา…แต่เนื่องจากผมขอให้เธอช่วยงานต่อหน้าทุกคน ดังนั้นผมจึงคิดว่าเธอน่าจะยอมไป

 

บางทีอาซานางิอาจจะมีเหตุผลที่พยายามหลบหน้าผม…แต่ถ้าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอทำแบบนั้น…ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องการรู้ว่าผมทำอะไรไป

 

ผมได้รับกุญแจมาจากอาจารย์ยากิซาวะ ก่อนที่ผมจะเดินทางไปที่ห้องเก็บของที่ตั้งอยู่บริเวณที่สูบบุหรี่สำหรับอาจารย์…ใช่แล้ว เป็นสถานที่ที่ผมกับอาซานางิและอามามิซังมากินข้าวกลางวันด้วยกันเมื่อไม่นานมานี้

 

อยู่ดีๆเหตุการณ์ในตอนนั้นก็เข้ามาในหัว

 

แม้ว่าผมจะประหม่านิดหน่อย แต่พวกเราก็ได้มีการแลกเปลี่ยนกับข้าวกัน ได้พยายามเอาตัวรอดด้วยการสนทนาเรื่องการทำอาหาร และก็ได้สนิทกับอามามิซังขึ้นมานิดหน่อยด้วย…ทั้งๆที่ในตอนนั้นผมกับอาซานางิยังเข้ากันได้ดีแท้ๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ

 

“…ขอโทษนะ อาซานางิ มาช้าไปหน่อย”

 

“เอาแบบนี้จริงดิ ไอบ้ามาเอะฮาระ” (TL: 前原のバカ มาเอะฮาระโนะบากะ)

 

อาซานางิน่าจะมารอผมอยู่สักพักแล้ว และพออาซานางิได้ยินเสียงของผม เธอก็หันมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับว่าเธอกำลังงอนอยู่

 

ดูเหมือนว่าคราวนี้…ผมคงไม่ต้องคอยไล่ตามเธออีกต่อไปแล้วล่ะ…

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ปล. เช็คคำผิดไปบ้างแล้ว แต่ถ้าเจอก็แจ้งได้นะครับ

ปล2. ตอนแรกไม่สบาย คิดว่าจะเป็นโควิดซะแล้ว…แต่ยังรอดอยู่ครับ

ปล3. อีกตอนไม่น่าทันวันนี้ครับ พึ่งเรียนเสร็จ

 

ขอบคุณที่ติดตามครับ

Durimtok Channel

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 43 – ในที่สุดก็ได้อยู่กันตามลำพัง

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 43 - ในที่สุดก็ได้อยู่กันตามลำพัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 43 – ในที่สุดก็ได้อยู่กันตามลำพัง

 

[ มาเอะฮาระ ] : ถึง อาซานางิ

[ มาเอะฮาระ ] : หนังสือเรียนเคมีของเธออยู่ในความดูแลของผมแล้ว

[ มาเอะฮาระ ] : ผมจะรออยู่ที่สนามหญ้าของโรงเรียน ถ้าเธอไม่อยากอับอายเพราะไม่มีหนังสือเรียนแล้วละก็…เธอต้องรีบมาที่นี่แล้วล่ะ ยัยบ้า

 

ผมส่งข้อความไปแบบนี้ แน่นอนว่าไม่มีการตอบกลับมาจากอาซานางิ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังอ่านตามที่คาดไว้

 

ผมรออาซานางิอยู่ที่บริเวณสนามหญ้าของโรงเรียนตามที่ส่งข้อความไป

 

“…ทำไมยังไม่มาอีกล่ะ ยัยบ้าอาซานางิ”

 

ช่วงเวลาพัก 10 นาที่ค่อยๆผ่านไป

 

เหลือ 5 นาที…3 นาที…เหลือ 1 นาที

 

ถ้าผมไม่รีบไปตอนนี้ผมต้องเข้าห้องเรียนสายแน่นอน และมันจะกลายเป็นผมเองที่ต้องอับอาย…สถานการณ์เริ่มจะไม่ดีแล้วสิ

 

แต่ไม่ว่ายังไง…ถ้าอาซานางิไม่มีหนังสือเรียน เธอก็น่าจะเป็นคนที่ต้องอับอายมากกว่าแน่นอน

 

“จากอาซานางิ!”

 

ในตอนที่ผมกำลังลังเลว่าจะทำยังไงต่อไปดี ข้อความตอบกลับครั้งแรกของอาซานางิในวันนี้ก็มาถึง

 

ผมเปิดแอพแชททันทีก่อนจะอ่านเนื้อหาของข้อความ…มันเป็นข้อความที่มีรูปแนบมาด้วย

 

[ อาซานางิ ] : นายโง่หรือเปล่า?

[ อาซานางิ ] : ถึงฉันจะลืม แต่ฉันก็ยืมคนอื่นได้นะ

 

รูปที่แนบมาด้วยเป็นรูปหนังสือเรียนวิชาเคมีที่เธอน่าจะยืมมาจากเพื่อนห้องอื่น

 

โดนเธอเล่นแล้ว!

 

“หรือว่า…เธอ…”

 

‘ถ้าเราลืมอะไรบางอย่าง…เราก็สามารถที่จะยืมเพื่อนคนอื่นได้’ แต่เพราะผมเป็นคนไม่มีเพื่อน…ผมก็เลยไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน

 

ยิ่งเป็นอาซานางิที่อยู่เคียงข้างกับอามามิซังเสมอ แน่นอนว่าเธอจะต้องมีเพื่อนมากมาย การจะยืมหนังสือจากเพื่อนห้องอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย

 

ผมมักจะอยู่กับอาซานางิเสมอ และคิดว่าพวกเรานั้นคล้ายกันมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว…ผมกับอาซานางินั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง

 

[ อาซานางิ ] : เอาล่ะ เอาล่ะ รีบมาเรียนได้แล้ว ไม่งั้นนายจะสายเอาน้า~

[ มาเอะฮาระ ] : ไอบ้าเอ้ย จำไว้เลยนะยัยบ้านี่

[ อาซานางิ ] : ฉันไม่จำหรอก งี่เง่า

 

ผมส่งข้อความแบบพวกตัวร้ายที่พ่ยแพ้ให้กับอาซานางิ ก่อนจะรีบไปที่ห้องแล็บอย่างไวที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

โชคดีที่ห้องแล็บอยู่ใกล้ๆกับบริเวณสนามหญ้า ทำให้ผมสามารถไปเข้าห้องเรียนได้ทันเวลา แต่เนื่องจากผมมาถึงห้องเรียนเป็นคนสุดท้าย ทำให้กลายเป็นจุดสนใจของทั้งชั้นเรียน รวมถึงอาจารย์ด้วย

 

…ให้ตายเถอะ ผมทำเรื่องโง่ๆอะไรไปเนี่ย น่าอายชะมัด

 

“เอ่อ…คุณคือ…อ๊ะ มาเอะฮาระใช่ไหม? คุณมาสายนะ”

 

“…ขอโทษครับ”

 

ผมรีบนั่งลงบนที่นั่งที่ว่างอยู่ ก่อนจะมองไปที่อาซานางิที่นั่งอยู่คนละฟากของห้องเรียนที่ในตอนนี้กำลังฟุบลงบนโต๊ะ และตัวสั่นเพราะพยายามกลั้นหัวเราะ

 

รู้สึกจี๊ดชะมัดเลยแฮะ

 

และเพราะเหตุการณ์นี้ ผมสัญญากับตัวเองเลยว่าต้องจับยัยบ้านั่นมานั่งคุยกันสองคนให้ได้

 

“มาเอฮาระคุง ทำไมนายถึงมีหนังสือเรียนสองเล่มล่ะ?”

 

“ผะ-เผลอหยิบหนังสือสำรองมาด้วยน่ะ”

 

ผมยังจ้องมองไปที่อาซานางิในขณะพูดแก้ตัวกับโอยามะคุงที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่หนังสือเรียนที่ใช้เป็นตัวประกันจะถูกส่งคืนไปที่โต๊ะของอาซานางิโดยสวัสดิภาพ

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ช่วงเวลาเลิกเรียน หลังจากคาบเรียนสุดท้ายสิ้นสุดลง

 

เนื่องจากภาพต้นแบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว พวกเราจึงเริ่มลงมือสร้างชิ้นงานกันตั้งแต่วันนี้

 

วิธีการทำชิ้นงานศิลปแบบโมเสกไม่ใช่เรื่องยาก เราเพียงแค่ต้องเจาะรูบนกระป๋อง แล้วก็จัดเรียงสีของกระป๋องให้เป็นไปตามลำดับ โดยการร้อยเอาไว้บนเชือกก่อนจะนำไปแขวนไว้บนราว

 

ปัญหาคอขวดในการทำงานนั้นจะเกิดขึ้นถ้าพวกเราเริ่มทำงานกันช้าเกินไป และถ้าเป็นแบบนั้นเราจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องค้างคืนที่โรงเรียน

 

แต่เนื่องจากทางโรงเรียนจะอนุญาตให้นักเรียนค้างคืนได้เฉพาะวันก่อนถึงวันงานเทศกาลวัฒนธรรมโรงเรียนเท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องรีบทำให้เสร็จก่อนหน้านั้น

 

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการจัดการและการวางแผนของคณะกรรมการกิจกรรม ดังนั้นทั้งผมและอาซานางิจำเป็นที่จะต้องทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า…บรรยากาศที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนในตอนนี้ของผมกับอาซานางิ…พวกเราจะสามารถทำได้ดีหรือไม่?

 

“นี่ มาเอะฮาระคุง”

 

“! อาซานางิ…ซัง”

 

“โธ่…ไม่เห็นต้องทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นเลย…เรากำลังทำงานกันอยู่ไม่ใช่หรอ? ฉันกำลังคิดว่าจะเริ่มจากตรงไหนดีน่ะ”

 

“อะ อ่า นั่นสินะ”

 

ผมประหลาดใจที่อยู่ๆก็ได้ยินเสียงของอาซานางิ แต่เนื่องจากเธอใช้เสียงที่เธอใช้เป็นประจำตอนอยู่ในห้องเรียน ดังนั้นดูเหมือนว่าผมเองก็ไม่ควรนำเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับเรื่องงานในตอนนี้เหมือนกัน

 

ถ้าทำแบบนี้น่าอาจจะดีกว่าก็ได้

 

“ถ้างั้นมาเริ่มจากจำนวนกระป๋องเปล่าที่เรามีอยู่ก่อนก็แล้วกัน เธอรู้ไหมตอนนี้กระป๋องพวกนั้นอยู่ที่ไหนบ้าง?”

 

“มีบางส่วนอยู่ตรงมุมห้องตรงนั้น ส่วนที่เหลืออยู่ที่ห้องเก็บของน่ะ…”

 

“! อ๊ะ ถ้างั้นเราไป…”

 

ดูเหมือนนี่จะเป็นเหตุผลที่ดีที่จะใช้เป็นข้ออ้างเพื่อที่จะได้อยู่ตามลำพังกับอาซานางิแค่สองคน ผมคิดว่าเธอไม่น่าจะหนีไปได้ในคราวนี้ และจะได้ถามเหตุผลว่าทำไมเธอถึงพยายามหลบหน้าผมสักที…

 

“นี่ ยู ขอกวนเวลาเธอนิดนึงได้ไหม?”

 

“หืม? ว่าไงอุมิ มีอะไรหรือเปล่า?”

 

“เธอช่วยไปตรวจจำนวนกระป๋องเปล่าที่พวกเรารวบรวมมากับมาเอะฮาระคุงที่ห้องเก็บของหน่อยได้ไหม? พอดีฉันต้องอยู่ค่อยจัดการงานของทุกคนที่นี่น่ะ”

 

…ผมคิดว่าจะสามารถจับเธอได้แล้ว แต่อาซานางิก็น่าจะรู้ทัน…เธอจึงทำการเรียกอามามิซังมารับหน้าที่แทนตัวเองทันที

 

ดูเหมือนอาซานางิกำลังจะพยายามหนีอีกแล้ว…แต่คราวนี้ผมจะไม่ยอมปล่อยเธอไปหรอกนะ

 

“ไม่ได้หรอก ให้อามามิซังอยู่ที่นี่แล้วพวกเราไปกันแค่สองคนน่าจะดีกว่า มันคงไม่ดีที่จะไปรบกวนคนอื่นในขณะที่พวกเขากำลังพยายามทำงานหนังกันอยู่น่ะ”

 

“เอ๋…มะ-ไม่ได้นะ พวกเราเป็นคนร่างภาพต้นแบบนะ มันต้องมีพวกเราคนใดคนหนึ่งที่ต้องคอยอยู่ช่วยทุกคนสิ…”

 

“พวกเราไปกันแปบเดียวมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก…จริงไหมอามามิซัง?”

 

“อือ ไม่เป็นอะไรหรอก ถึงจะบอกว่างานหนัก…แต่จริงๆพวกเราก็แค่เจาะกระป๋องเองนี่นา มันไม่ยากขนาดนั้นสักหน่อยนะ”

 

อามามิซังตอบพร้อมกับขยิบตาให้ผม

 

แน่นอนว่าอามามิซังอยู่ฝั่งเดียวกับผม…แต่เป็นเพราะตอนช่วงพักเที่ยง อาซานางิใช้นิตตะซังกับเซกิคุงเป็นเหตุผลทำให้เธอสามารถหลบหนีจากผมไปได้ ดังนั้นผมจึงต้องทำการแอบส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปที่อามามิซังก่อนที่จะเลิกเรียน

 

“…ถ้าอย่างนั้นผมขอไปเอากุญแจห้องเก็บของกับอาจารย์ยากิซาวะก่อนนะ…อาซานางิซังไปรอที่ห้องเก็บของก่อนได้เลยนะ”

 

“เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้ตอบ…”

 

“อ่า…ถ้าอย่างนั้นผมทำคนเดียวก็ได้…แต่ว่า…ถ้าเธอมา..ผมคง…รู้สึกมีความสุขมากกว่าน่ะ…”

 

“เอ๊ะ….”

 

“…ถะ-ถ้างั้นผมไปก่อนนะ”

 

ในช่วงที่พูดว่า「มีความสุข」ผมพูดเสียงเบาๆทำให้มีแค่อาซานางิคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยิน ก่อนที่ผมเดินออกมาเพื่อไปหาอาจารย์ยากิซาวะที่ห้องพักครูเพื่อที่จะขอยืมกุญแจห้องเก็บของ

 

ดูเหมือนว่าอาซานางิจะไม่ได้เดินตามหลังมา…แต่เนื่องจากผมขอให้เธอช่วยงานต่อหน้าทุกคน ดังนั้นผมจึงคิดว่าเธอน่าจะยอมไป

 

บางทีอาซานางิอาจจะมีเหตุผลที่พยายามหลบหน้าผม…แต่ถ้าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอทำแบบนั้น…ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องการรู้ว่าผมทำอะไรไป

 

ผมได้รับกุญแจมาจากอาจารย์ยากิซาวะ ก่อนที่ผมจะเดินทางไปที่ห้องเก็บของที่ตั้งอยู่บริเวณที่สูบบุหรี่สำหรับอาจารย์…ใช่แล้ว เป็นสถานที่ที่ผมกับอาซานางิและอามามิซังมากินข้าวกลางวันด้วยกันเมื่อไม่นานมานี้

 

อยู่ดีๆเหตุการณ์ในตอนนั้นก็เข้ามาในหัว

 

แม้ว่าผมจะประหม่านิดหน่อย แต่พวกเราก็ได้มีการแลกเปลี่ยนกับข้าวกัน ได้พยายามเอาตัวรอดด้วยการสนทนาเรื่องการทำอาหาร และก็ได้สนิทกับอามามิซังขึ้นมานิดหน่อยด้วย…ทั้งๆที่ในตอนนั้นผมกับอาซานางิยังเข้ากันได้ดีแท้ๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ

 

“…ขอโทษนะ อาซานางิ มาช้าไปหน่อย”

 

“เอาแบบนี้จริงดิ ไอบ้ามาเอะฮาระ” (TL: 前原のバカ มาเอะฮาระโนะบากะ)

 

อาซานางิน่าจะมารอผมอยู่สักพักแล้ว และพออาซานางิได้ยินเสียงของผม เธอก็หันมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับว่าเธอกำลังงอนอยู่

 

ดูเหมือนว่าคราวนี้…ผมคงไม่ต้องคอยไล่ตามเธออีกต่อไปแล้วล่ะ…

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ปล. เช็คคำผิดไปบ้างแล้ว แต่ถ้าเจอก็แจ้งได้นะครับ

ปล2. ตอนแรกไม่สบาย คิดว่าจะเป็นโควิดซะแล้ว…แต่ยังรอดอยู่ครับ

ปล3. อีกตอนไม่น่าทันวันนี้ครับ พึ่งเรียนเสร็จ

 

ขอบคุณที่ติดตามครับ

Durimtok Channel

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+