Jun Jiu Ling หวนชะตารักภาคที่ 4 36 ทหารดีย่อมต้องชม

Now you are reading Jun Jiu Ling หวนชะตารัก Chapter ภาคที่ 4 36 ทหารดีย่อมต้องชม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสียงแตรสัญญาณฮูมๆ สะท้อนก้องบนสนามรบ กระบวนทัพด้านหน้าก็เริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง  

 

 

แม่ทัพหลายคนเดินมาถึงนอกป้อมปราการด่านเพิ่งได้ตั้งใจมองทหารกองหนุนเบื้องหน้าชัดเป็นครั้งแรกเช่นกัน  

 

 

ทหารกองหนุนเหล่านี้ดำทะมึนไปหมด จำนวนคนจะบอกว่าน้อยก็ไม่น้อย จะบอกว่ามากก็ไม่อาจนับว่ามาก ต้องรู้ว่านี่เป็นถึงในเขตของชาวจิน สิ่งที่เผชิญคือทัพใหญ่หลายหมื่น  

 

 

ทว่าทหารกองหนุนเหล่านี้กระบวนทัพเข้มงวดกวดขัน แม้เวลานี้กำลังเปลี่ยนรูปกระบวนทัพอยู่ แต่ละคนๆ ก็เชิดศีรษะยืดอก นอกจากเสียงฝีเท้ากับเสียงชุดเกราะไม่มีเสียงอื่นปะปนสักนิด  

 

 

บรรยากาศน่าครั้นคร้ามนี่คล้ายท่วมท้นทั้งโลก น่ากลัวอย่างยิ่ง  

 

 

นี่คือกองทหารซุ่นอันหรือ?  

 

 

แม่ทัพทั้งหลายย่อมไม่แปลกหน้ากับกองทหารต่างๆ ของแดนเหนือ สีหน้าอดไม่ได้ตกตะลึง  

 

 

ยังไม่ต้องพูดถึงชุดเกราะของพวกเขา บรรยากาศนี่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน  

 

 

นี่เป็นกองทหารแข็งแกร่งที่หนึ่งของที่หนึ่งชัดๆ หนึ่งต้านสิบได้  

 

 

“ทหารดี”  

 

 

เสียงของเฉิงกั๋วกงดังมาด้านหลัง  

 

 

แม่ทัพทั้งหลายรีบหันหน้าไป มองเห็นเฉิงกั๋วกงที่นอนอยู่บนเกี้ยวนุ่มถูกยกเดินมาอยู่ แม้ไร้เรี่ยวแรง แต่แววตากระจ่างใสอยู่ตลอด เวลานี้ก็กำลังมองกระบวนทัพทหารด้านหน้า บนใบหน้าไม่ปิดบังความชื่นชม  

 

 

“นี่ล้วนเป็นทหารของเจ้าหรือ?” เขามองคุณหนูจวินแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง  

 

 

คำพูดนี้พูดได้ประหลาดนัก  

 

 

นี่เป็นกองทหารซุ่นอันชัดๆ ทำไมบอกว่าเป็นของคุณหนูจวินคนนี้?  

 

 

แม่ทัพทั้งหลายสีหน้าแปลกพิกล  

 

 

คุณหนูจวินที่ยืนอยู่ข้างเกี้ยวนุ่มของเฉิงกั๋วกงพลันแย้มยิ้ม  

 

 

“นี่คือทหารของต้าโจว” นางเอ่ย  

 

 

สายตาของเฉิงกั๋วกงจับอยู่บนธงสีแดงผืนใหญ่ในกระบวนทัพ  

 

 

“กองทหาร ชิง ซาน” เขาอ่านออกมาทีละคำๆ  

 

 

กองทหารชิงซาน?  

 

 

ที่แท้ที่พูดถึงคือกองทหารชิงซานหรือ?  

 

 

แม่ทัพทั้งหลายมองไปทางกระบวนทัพอีกครั้ง นอกจากธงกองทัพของกองทหารซุ่นอัน มีธงผืนใหญ่อีกผืนปลิวสะบัดอยู่อีกจริงๆ  

 

 

กองทหารชิงซาน  

 

 

เป็นกองทหารอะไร?  

 

 

ความคิดแล่นผ่านก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าระลอกหนึ่งย่ำมาไกลๆ มีกำลังคนจำนวนมากควบม้ามา  

 

 

ใคร? หรือว่าทหารจิน?  

 

 

แม่ทัพทั้งหลายเพ่งสายตามองไป เห็นกองทหารหลายพันนายใกล้เข้ามาทุกที เสื้อผ้าที่สวมใส่รวมถึงธงล้วนเป็นของชาวโจว  

 

 

แม่ทัพทั้งหลายโล่งอก คิดถึงคำพูดที่เด็กสาวคนนี้เอ่ยเมื่อครู่ ท่าทางนี่คงเป็นกำลังพลที่ไปลอบโจมตีค่ายใหญ่ของทัพจิน  

 

 

กองทหารควบม้าใกล้เข้ามา จากนั้นผสานเข้าไปในกระบวนทัพตามการสั่งการของเสียงกลองทันทีประหนึ่งสายธารรวมเข้ากับแม่น้ำใหญ่ สำเร็จราบรื่นลื่นไหลอย่างยิ่ง  

 

 

มีเพียงคนขี่ม้าคนหนึ่งยังคงควบม้าต่อมาทางด้านนี้  

 

 

เมื่อมองเห็นคนผู้นี้ แม่ทัพทั้งหลายก็สีหน้าตกตะลึงอีกครั้ง  

 

 

ถึงกับเป็นสตรีอีกคนหนึ่ง  

 

 

สตรีผู้นี้ขี่ม้าสีดำตัวหนึ่ง ผ้าคลุมสีแดงสดปลิวสะบัด บนไหล่สะพายคันศรไว้ ในมือกำดาบยาว บนหลังม้ามัดโล่กลมไว้ เป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ของแม่ทัพผู้กล้าคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง  

 

 

หน้าของนางถูกผ้าสีแดงปิดไว้ สองตาสุกสกาวเปล่งประกายมีชีวิตชีวา  

 

 

ม้าควบเข้ามาใกล้ก็ไม่ลดความเร็วสักนิดพาสายลมหอบหนึ่งพัดฝุ่นดินฟุ้งขึ้นมา ชายกระโปรงกับผ้าคลุมของคุณหนูจวินก็ปลิวตามขึ้นมาด้วย  

 

 

“พี่สาว ท่านให้พวกเรากลับมาเร็วเกินไปแล้ว” นางตะโกนเสียงดัง รั้งม้าหมุนไปมาหน้าร่างคุณหนูจวิน “ข้าเห็นที่ๆ องค์ชายอะไรนั่นอยู่แล้ว จัดให้เขาอีกไม่กี่ทีคงกำจัดได้”  

 

 

ถึงกับจู่โจมไปถึงที่ๆ องค์ชายเจ็ดอยู่เชียวรึ?  

 

 

เด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ  

 

 

แม่ทัพทั้งหลายสีหน้ายากปิดบังความตกตะลึง ที่ยิ่งไม่ธรรมดาก็คือโอกาสครั้งใหญ่เช่นนี้ ยามได้ยินคำสั่งถอนกำลังกลับก็ไม่ลังเลสักนิดเรียกทหารกลับมาแล้ว  

 

 

คุณหนูจวินมองนางพลางแย้มยิ้ม  

 

 

“ฮั่นชิงร้ายกาจจริงๆ” นางว่า “แต่หากจัดการเขาไปจริงๆ พวกเราก็จากไปไม่ได้แล้ว”  

 

 

จ้าวฮั่นชิงร้องอ้อ ทะยานม้าหมุนหลายรอบ สายตาจับอยู่บนร่างเฉิงกั๋วกง  

 

 

เฉิงกั๋วกงก็มองนางแล้วยิ้มอ่อนโยน  

 

 

จ้าวฮั่นชิงสีหน้านิ่งสนิทละสายตาออก คล้ายนอกจากคุณหนูจวิน คนอื่นล้วนไม่อยู่ในสายตาของนาง  

 

 

“พี่สาว ข้ากลับขบวนแล้วนะ” นางเอ่ย  

 

 

คุณหนูจวินพยักหน้า จ้าวฮั่นชิงทะยานม้าควบเร็วรี่ไปทันที  

 

 

“คนนี้น้องสาวของเจ้าหรือ?” เฉิงกั๋วกงเอ่ย  

 

 

คุณหนูจวินมองเขาแล้วอมยิ้มพลางพยักหน้า  

 

 

“เป็นแม่นางที่ดี” เฉิงกั๋วกงเอ่ย “เป็นทหารที่ดี”  

 

 

คุณหนูจวินแย้มยิ้ม ดวงตาเปล่งประกาย ภาคภูมิใจเล็กๆ แล้วก็ขัดเขินอยู่นิดๆ  

 

 

หายาก หายาก คุณหนูจวินถึงกับมีท่าทางเด็กน้อยเช่นนี้ด้วย  

 

 

เหลยจงเหลียนเหล่ตาอยู่ด้านข้าง พลันได้ยินมีคนหัวเราะหยันด้านข้างสองที  

 

 

“ไม่ตายก็เก็บแรงไว้รักษาบาดแผลเถอะ” เหลยจงเหลียนหันหน้ามาเอ่ยเสียงเบา “ไม่ต้องเช้าจรดค่ำหัวเราะหยัน เจ้าหัวเราะหยันมีประโยชน์อันใดอีก”  

 

 

จินสือปามองเขาอย่างเย็นชา แขนข้างหนึ่งมัดไว้หน้าร่าง เห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บแล้ว  

 

 

แผลนี่ถูกฟันบาดเจ็บระหว่างประมือกับชาวจินไม่กี่วันก่อน  

 

 

“เรื่องไร้ประโยชน์มากมายไป” จินสือปาหัวเราะหยันเอ่ย “คิดว่าช่วยเช่นนี้แล้ว คนผู้นี้ก็จะไม่ตายได้แล้วหรือ?”  

 

 

เขาเอ่ยคำพูดนี้สายตาก็มองเฉิงกั๋วกง  

 

 

เหลยจงเหลียนขมวดคิ้ว  

 

 

“คนล้วนตายครั้งเดียว หากพูดเช่นนี้พวกเราทำสิ่งใดล้วนไร้ประโยชน์” เขาเอ่ย “ทว่าการทำเรื่องหนึ่งเรื่องใดไม่ใช่ล้วนเพื่อความเป็นความตายเสียหมด”  

 

 

จินสือปามองเขาแล้วหัวเราะหยัน เหลยจงเหลียนไม่สนใจเขาอีกต่อไป เพราะคุณหนูจวินด้านนั้นกำลังสั่งการว่าจะเก็บกวาดสนามรบอย่างไร  

 

 

“ผู้ที่สู้รบจนตายพลีชีพเพื่อชาติที่นี่มีหลายพันคน บาดเจ็บหนักพันคน ผู้บาดเจ็บเล็กน้อยอื่นๆ ไม่อาจนับออกมาได้”  

 

 

แม่ทัพคนหนึ่งแจ้งจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตาย จำนวนนี้ทำให้คนที่นั่นเงียบงัน บรรยากาศหนักอึ้ง  

 

 

บาดเจ็บล้มตายมากเกินไปแล้ว กองทหารคนสนิทของเฉิงกั๋วกงเกือบค่อนครึ่งเสียไปที่นี่  

 

 

“ปิดหน้าศพ เก็บป้ายห้อยเอว ถอนทัพ” เฉิงกั๋วกงเอ่ยสั้นกระชับเด็ดขาด  

 

 

คงเป็นเหตุเพราะอ่อนแรง ในเสียงจึงมีความเศร้าเสียใจเพิ่มขึ้นหลายส่วน  

 

 

เพราะไม่มีเวลาแล้วจริงๆ จะกลบฝังก็ไม่อาจกลบฝังดีๆ ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเผาศพเก็บเถ้ากระดูก  

 

 

ตายในต่างแดน กระทั่งเสื่อม้วนหนึ่งยังหาไม่ได้ จากนั้นยังต้องถูกลมพัดแดดสาดสุนัขจรจัดกัดแทะ นี่ทำให้คนเศร้าเสียใจเกินไปแล้วจริงๆ  

 

 

ทว่านี่ก็เป็นความจริงที่ทุกคนล้วนต้องยอมรับ  

 

 

แม่ทัพทั้งหลายกำลังจะถ่ายอดคำสั่ง คุณหนูจวินก็ส่งเสียงห้าม  

 

 

“ให้พวกเราฝังเถอะ” นางเอ่ย  

 

 

ทหารกองหนุนจำนวนมากมาย แต่ถึงเป็นเช่นนี้การขุดหลุมฝังคนก็ยังสิ้นเปลืองเวลาอย่างมาก  

 

 

สตรีอย่างไรก็ใจอ่อน ใช้อารมณ์กับเรื่องต่างๆ ได้ง่าย  

 

 

แม่ทัพทั้งหลายมองไปทางบุรุษทั้งหลายด้านนั้น มีคนจะเกลี้ยกล่อมหรือไม่? หรือกองทหารซุ่นอันนี่สตรีคนนี้เป็นผู้ตัดสินใจจริงๆ ?  

 

 

บุรุษทั้งหลายเหล่านี้ล้วนมองคุณหนูจวินเช่นกัน แต่ไม่เหมือนกับบรรดาแม่ทัพด้านนี้ของเฉิงกั๋วกง สีหน้าของพวกเขาไม่ตั้งข้อสงสัยสักนิด  

 

 

“ขอรับ” พวกเขาไม่ลังเลสักนิดตอบรับพร้อมเพรียง  

 

 

บุรุษเหล่านี้คาดหวังไม่ได้แล้ว แม่ทัพคนหนึ่งในใจถอนหายใจ  

 

 

“คุณหนูจวิน นี่ช่างสิ้นเปลืองกำลังคนเกินไปแล้ว…” เขาก้าวออกมาเอ่ย  

 

 

คุณหนูจวินส่ายศีระขัดเขา  

 

 

“ไม่ ไม่สิ้นเปลืองกำลังคน” นางเอ่ยพลางมองไปทางเซี่ยหย่ง “ใช้กระสุนหินเถอะ”  

 

 

กระสุนหิน?  

 

 

กระสุนหินพวกเขารู้จัก หรือจะใช้กระสุนหินถล่มเป็นหลุมบนพื้น? นั่นยังเร็วสู้คนขุดไม่ได้เลยนะ  

 

 

แม่ทัพทั้งหลายขมวดคิ้ว มองดูบุรุษที่เรียกว่าเซี่ยหย่งด้านนี้ขานรับแล้วหมุนตัวก้าวไวๆ ไป ให้หลังครู่หนึ่งธงกับกลองบัญชาการกระบวนทัพด้านนั้นก็หยุดลงวูบหนึ่ง  

 

 

กำลังพลที่เคลื่อนที่ก็หยุดตามด้วย  

 

 

หลังจากนั้นกลองกับธงก็ยกขึ้นมาใหม่ กำลังพลไม่ขยับ ในกระบวนทัพ รถสัมภาระคันแล้วคันเล่าขับออกมา  

 

 

รถเหล่านี้ขุดหลุมได้หรือ?  

 

 

บรรดาแม่ทัพที่ยืนอยู่นอกป้อมปราการด่านล้วนสีหน้าปั้นยากมองอยู่ ยังมีคนทนไม่ไหวส่ายศีรษะ  

 

 

กองทหารซุ่นอันนี่เป็นอะไรไปแล้ว?  

 

 

“ท่านกั๋วกง”  

 

 

เสียงสตรีอ่อนโยนดังขึ้นอีกครั้ง  

 

 

“ปิดหูสักหน่อย เสียงดังอยู่บ้าง”  

 

 

เสียงอะไรดังอยู่บ้าง?  

 

 

แม่ทัพทั้งหลายงุนงงวูบหนึ่ง เอี้ยวศีรษะมองคุณหนูจวิน เพิ่งมองข้ามมาก็ได้ยินเสียงบึ้มบึ้มบึ้มดังขึ้น พร้อมกันนั้นแผ่นดินก็สั่นคลอนวูบหนึ่ง  

 

 

เสียงดังอยู่บ้างที่ไหน ดังมากชัดๆ  

 

 

คนมากมายไม่ทันตั้งตัวหวิดหกล้ม พวกเขาไม่ทันสนใจมองคุณหนูจวิน พากันมองไปด้านหน้า  

 

 

เห็นเพียงบนพื้นดินเปลวไฟหมอกควันลอยขึ้นมาเป็นแถบๆ และยังมีดินหินกระจายรอบด้าน  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด