Jun Jiu Ling หวนชะตารักภาค 3 บทที่ 120 นายท่านไม่พอใจแล้ว

Now you are reading Jun Jiu Ling หวนชะตารัก Chapter ภาค 3 บทที่ 120 นายท่านไม่พอใจแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในฐานะบุตรชายคนโต ที่จริงนายท่านใหญ่หนิงอยู่ในบ้านไม่มีอำนาจมากนัก เขาจัดการงานทั่วๆ ไป ดูแลผู้คน เรื่องคบหาคนข้างนอก เรื่องในเรือนงานศพตบแต่ง สาวใช้หญิงรับใช้อะไร แรกเริ่มนายหญิงผู้เฒ่าหนิงเป็นคนตัดสินใจ  ต่อมาก็เป็นนายหญิงใหญ่หนิงตัดสินใจ การตัดสินใจของนายหญิงผู้เฒ่าหนิงกับนายหญิงใหญ่หนิง เขาเห็นด้วยมาตลอดไม่เคยคัดค้าน

หนิงอวิ๋นเยี่ยนรู้ว่าบิดาไม่คัดค้านการแต่งงานระหว่างพี่ชายกับจวินเจินเจิน แต่นางก็ไม่คิดว่าท่านพ่อสนับสนุน อย่างไรสำหรับบิดาแล้วนี่ก็เป็นเพียงเรื่องหลอก เขาไม่อาจเข้าใจว่าทำไมท่านแม่โวยวายเช่นนี้กับเรื่องหลอกๆ เรื่องหนึ่ง

แม้ไม่อาจเข้าใจ ท่านพ่อก็เป็นเช่นนั้นเหมือนก่อน ไม่พูดอะไรกับการกระทำ การตัดสินใจของท่านแม่

ไม่ว่ากรณีไหน โลกในเรือนแห่งนี้ เขายินดีให้นางทำตัวตามสบายมีความสุข

แต่เวลานี้นาทีนี้ เห็นชัดว่าเขาไม่คิดจะเป็นเช่นนี้แล้ว

นี่เกิดอะไรขึ้น? ประโยคไหนทำให้ท่านพ่อโกรธแล้ว? ทำไมอยู่ดีๆ โมโหเล่า?

หนิงอวิ๋นเยี่ยนกำมือแน่นมองนายท่านใหญ่หนิง

นายหญิงใหญ่หนิงเห็นชัดว่าคิดไม่ถึงอย่างยิ่ง จากนั้นสีหน้าก็คล้ำเขียว ในดวงตาน้ำตาคลอ

“ท่านกำลังว่าข้าหรือ?” นางเอ่ยเสียงสั่น “ท่านว่าข้าพอเสียทีหรือ?”

นายท่านใหญ่หนิงสีหน้าบึ้งตึง

“แน่นอนว่าเจ้าสิ” เขาเอ่ยเด็ดขาดฉับไว

แม้ในห้องมีเพียงพวกเขาครอบครัวเดียวสี่คน แต่นายหญิงใหญ่หนิงยังคงรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าทีหนึ่งต่อหน้าผู้คน ในสมองเสียงดังเปรี้ยง ทั้งร่างเหมือนลุกติดไฟ

“ท่าน ท่าน…” นางมองนายท่านใหญ่หนิง น้ำตากลิ้งร่วงลงมา อยากพูดอะไรก็เหมือนไม่รู้จะพูดอะไร “ท่านทำอย่างนี้กับข้าได้ยังไง?”

พูดพลางฟุบร่างไปบนเตียง ร้องไห้โฮ

หนิงอวิ๋นเยี่ยนครั้งนี้ไม่ได้ปิดหน้าร่ำไห้กับท่านแม่แล้ว แต่สีหน้าหวาดกลัววิตกนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้าง เหมือนยังไม่ได้สติกลับมา

นายท่านใหญ่หนิงไม่ได้เดินออกไปอย่างรำคาญเช่นนั้นเหมือนแต่ก่อน แล้วก็ไม่ได้ไปปลอบ แต่หน้าบึ้งตึงมองไปทางหนิงอวิ๋นเจา

“เมื่อครู่เจ้าว่าเมืองหลวงมีเรื่องอะไรไม่ดี?” เขาเอ่ยถาม “พวกเจ้าตอนแรกอยู่ที่เมืองหลวงตกลงกันว่าอย่างไร?”

หนิงอวิ๋นเจามานั่งปลอบข้างกายนายหญิงใหญ่หนิงแล้ว ได้ยินท่านพ่อถามก็ลุกขึ้นยืน

“ตอนนั้นที่ข้ากับท่านอาจะออกจากเมืองหลวงเคยถามคุณหนูจวินว่าจะกลับมาด้วยกันไหม” เขาเอ่ย

ตอนนั้นที่รีบออกจากเมืองหลวงเป็นการตัดสินใจของท่านอา จุดนี้เขาไม่ได้โกหก ส่วนใครถามคุณหนูจวินว่ากลับมาด้วยกันหรือไม่ เขาก็ไม่เอ่ยชัดเจนแล้ว อย่างไรสัญญาหมั้นกำลังจะสำเร็จ ใครไปถามก็เป็นเรื่องสมควร

นายท่านใหญ่หนิงพยักหน้า

“ความกังวลของท่านอาเจ้าถูกต้องแล้ว เช่นนี้ถึงหลบข่าวได้ชั่วคราว” เขาเอ่ย

“แต่คุณหนูจวินรู้สึกว่าเรื่องนี้เพียงพอกดข่มผ่านไปได้แล้ว ไม่ต้องกลับมา” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย “อย่างไรฮ่องเต้ตอนนั้นก็ออกคำสั่งตำหนิลู่อวิ๋นฉีแล้ว”

หลังหนิงอวิ๋นเจาบอกว่ามีสัญญาหมั้นกับคุณหนูจวิน ฮ่องเต้ก็ออกคำสั่งตำหนิลู่อวิ๋นฉีทันที นี่เป็นการไว้หน้าและให้เกียรติตระกูลหนิง

นายท่านใหญ่หนิงสีหน้ายิ่งเคร่งขรึม

“ถ้าอย่างนั้นทำไมนางกลับมาเล่า? หรือว่าทุกอย่างไม่ได้สงบลงเท่านี้” เขาเอ่ยถาม

ถ้าอย่างนั้นก็สาหัสแล้ว

นั่นย่อมไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่คุณหนูจวินแล้ว ยังมีตระกูลหนิงของพวกเขาด้วย ตอนนี้ตระกูลหนิงของพวกเขากับคุณหนูจวินผูกอยู่ด้วยกัน ดังนั้นเมื่อได้ยินหนิงอวิ๋นเจาเมื่อครู่เอ่ย “กลับมากะทันหัน…เรื่องที่เมืองหลวงไม่ดี…กังวลตระกูลของพวกเรา” ประโยคนี้ออกมา เขาก็ตื่นตัวระวังทันที

ตอนนี้เรื่องนี้ไม่ใช่แค่สัญญาหมั้นแผ่นหนึ่งแล้ว ส่วนความรักใคร่ชอบพอของหนุ่มสาวยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในฐานะนายท่านของบ้าน ผู้ใหญ่ของตระกูล สิ่งที่เขาใส่ใจคืออนาคตของวงศ์ตระกูล

เดิมต้องการฟังหนิงอวิ๋นเจากล่าวต่อ ดันถูกนายหญิงใหญ่หนิงขัด แล้วยังโวยวายเรื่องเล็กน้อยจุกจิกไม่สำคัญอีก

ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ชอบแล้วก็ชอบ ก็แต่งเข้ามา มีอะไรหนักหนา โวยวายไม่จบไม่สิ้น โลกในบ้านแห่งนี้เจ้าตัดสินใจ สร้างปัญหาได้ตามใจ ด้านนอกมีเขาคอยเฝ้าคอยคุม ไม่รบกวน ลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่งไม่เป็นไร

แต่เกี่ยวข้องกับเรื่องอนาคตของวงศ์ตระกูล เจ้าผู้หญิงคนหนึ่งไม่แบ่งแยกหนักเบาทำอะไรเลอะเลือน เขาก็ไม่อาจไม่ยุ่งแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงตัวอย่างอื่น พูดถึงตระกูลหลิน

ก่อนหน้านี้ตระกูลหลินนั่นบุตรสาวถูกคุณหนูจวินทำร้ายจนชื่อเสียงย่อยยับ ต่อมาก็ถูกนายน้อยตระกูลฟางเที่ยงคืนพังประตูค้นบ้านเป็นเรื่องเป็นราวจนหน้าดำคล้ำเครียด แต่ผลสุดท้ายเล่า ตระกูลหลินเป็นศัตรูกับตระกูลฟางไหม?

ไม่ใช่สักนิด ตรงกันข้ามกลับคบหาใกล้ชิดตระกูลฟางแน่นแฟ้นกว่าเดิม ผลสุดท้ายเรื่องการปลูกฝีที่มาจากเมืองหลวงก็ถูกอาลักษณ์หลินเอาไปไว้ในมือ โกยผลงานกับหัวใจประชาชนไปกอบใหญ่ นี่หากไม่มีตระกูลฟางสนับสนุนอยู่ข้างหลัง ไม่เชื่อหรอกว่าจะผลัดถึงตระกูลหลินของเขา

อย่างไรการปลูกฝีก็เป็นเรื่องที่คุณหนูจวินควบคุม

บนโลกนี้มีแค้นไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าจริง แต่ก็มีวันนี้เป็นศัตรูพรุ่งนี้กลายเป็นมิตร ความสัมพันธ์ที่พิจารณาผลได้ผลเสียด้วย

เทียบกับตระกูลหลิน พวกเขาตระกูลหนิงกับตระกูลฟางและคุณหนูจวินยิ่งนับไม่ได้ว่ามีความแค้น เรื่องรักๆ ใคร่ๆ เล็กน้อยนับเป็นเรื่องอะไรใหญ่ได้

สายตาของผู้หญิงนี่สั้นตื้นเขินโกรธง่ายบุ่มบ่าม เขาในฐานะผู้ที่ดูแลตระกูลย่อมไม่อาจเลอะเลือน

ได้ยินคำถามของบิดา หนิงอวิ๋นเจาก็พยักหน้าอีกครั้ง

“ตั้งแต่หลังข้ากับท่านอาจากมา เมืองหลวงก็เกิดเรื่องขึ้นมากมายนัก” เขาเอ่ยแล้วถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง “ความตายของใต้เท้าน้อยหวง ที่จริงมากน้อยก็เกี่ยวข้องกับคุณหนูจวิน”

ความตายของใต้เท้าน้อยหวงเรื่องใหญ่ปานนี้ เพียงพอชักนำให้ราชสำนักสะเทือนหนัก นายท่านใหญ่หนิงย่อมรู้แล้ว นายท่านรองหนิงก็รีบลนลานกลับเมืองหลวงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน

เรื่องนี้ไม่ใช่เกี่ยวข้องกับบุตรชายเฉิงกั๋วกงหรือ? ทำไมยังเกี่ยวกับคุณหนูจวินอีก?

เรื่องใหญ่ขนาดนี้!

“เรื่องใหญ่ขนาดนี้  เจ้าทำไมยังไม่รีบพูด พิรี้พิไรสนใจเรื่องเล็กน้อยจุกจิกเหล่านี้ทำอะไร” นายท่านใหญ่หนิงโมโหเอ่ยพลางสะบัดแขนเสื้อไปข้างนอก “ตามข้ามา”

หนิงอวิ๋นเจามองไปทางนายหญิงใหญ่หนิง

“ท่านแม่ ท่านอย่าเป็นเช่นนี้เลย ข้าไปครู่เดียวแล้วจะกลับมาคุยกับท่าน” เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยน

ไม่รอนายหญิงใหญ่หนิงเอ่ยวาจา นายท่านใหญ่หนิงที่เดินไปถึงประตูด้านนั้นก็หันกลับมาอีกครั้งแล้ว

“ให้เจ้ารีบหน่อยไม่ได้ยินหรือ? ยิ่งร่ำไรขึ้นทุกที ไม่สมเป็นบัณฑิตจริงๆ” เขาตวาดไม่สบอารมณ์

หนิงอวิ๋นเจาขานรับ ตอนนี้ถึงก้าวเร็วไวตามไป

บิดาบุตรสองคนจากไปแล้ว ในห้องกลายเป็นเงียบลง เสียงร้องไห้ของนายหญิงใหญ่หนิงไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรหยุดลงแล้ว น่าจะเป็นตอนนายท่านใหญ่หนิงกับหนิงอวิ๋นเจาหนึ่งถามหนึ่งตอบ

ไม่มีใครสนใจนาง พวกเขาพูดเรื่องของตนเอง ราวกับนางไม่มีตัวตนอยู่

นายหญิงใหญ่หนิงนั่งบนเตียง บนหน้ายังมีน้ำตา สีหน้าซีดเซียวดังเช่นก่อนหน้า แต่แววตากลับกลายเป็นไร้แววยิ่งกว่าก่อนหน้า

เรื่องเล็กน้อยจุกจิก?

ร่ำไร?

การแต่งงานของบุตรชายนางถูกนายท่านใหญ่หนิงนิยามเช่นนี้แล้ว? นางสนใจการแต่งงานของบุตรชายเช่นนี้ ในสายตาเขาก็คือเรื่องเล็กน้อยจุกจิก?

ไม่ ไม่ใช่เรื่องแต่งงานของบุตรชาย แต่เป็นความเห็นกับความคิดของนาง ในสายตานายท่านใหญ่หนิงคือเรื่องเล็กน้อยจุกจิก

ในสายตาพวกเขานางก็คือเรื่องเล็กน้อยจุกจิกหรือ?

นางมีชีวิตอยู่ที่ตระกูลหนิงนี่มายี่สิบกว่าปีแล้ว ที่แท้ถึงกับสิ่งใดก็ไม่ใช่หรือ?

ไม่ เดิมทีไม่ใช่ เดิมทีไม่มีใครทำเช่นนี้กับนาง ทุกสิ่งนี้เป็นเพราะตอนนี้พบ…

จวินเจินเจิน

ต่อหน้าจวินเจินเจินคนนั้น กระทั่งสามีที่เคียงข้างมานานปีปานนี้ยังเลื่อมใส ทอดทิ้งนางแล้ว

อาศัยอะไรกัน อาศัยอะไรกัน

นายหญิงใหญ่หนิงส่งเสียงร้องไห้แหลมแสบหูอีกครั้ง นอนคว่ำบนเตียง

หนิงอวิ๋นเยี่ยนถูกเสียงร้องไห้นี่ปลุกได้สติกลับมา แต่นางไม่ได้โถมเข้าไปร่ำไห้เป็นเพื่อนหรือปลอบประโลมเช่นนั้นอย่างก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยังคงคุกเข่านั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม

ทำไมเป็นเช่นนี้เล่า?

ทำไมท่านพ่อตำหนิท่านแม่แล้ว?

ก่อนหน้านี้ท่านพ่อไม่เอ่ยวาจาก็นับว่ายอมรับความเห็นของท่านแม่เงียบๆ ถ้าอย่างนั้นเขาเอ่ยปากตำหนิท่านแม่ คือแสดงท่าทีของเขาต่อเรื่องนี้แล้ว

ท่านพ่อตามสบายปล่อยผ่านเรื่องเหล่านี้ แต่เมื่อเข้ามายุ่งก็ไม่อาจขัดได้แล้ว

อย่างไรเขาถึงเป็นเจ้าบ้าน

ทำไมเป็นเช่นนี้เล่า? เพื่อจวินเจินเจิน?

จวินเจินเจินอาศัยอะไรเล่า?

ก่อนหน้านี้ทำร้ายตนเองจนถูกไล่ออกจากบ้านแต่งงานก่อนเวลา ตอนนี้ยังไล่ท่านแม่ลงจากตำแหน่งในบ้านอีก

นางยังไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นนะ นางยังไม่ทันแต่งเข้าบ้านมาเลยนะ นางยังไม่ทันเรียกว่าหนิงจวินซื่อเลย

นางทำได้ยังไงกัน? แค่เพราะท่านพี่ชอบนางรึ?

หนิงอวิ๋นเยี่ยนนั่งอยู่บนพื้นหัวสมองโล่งขาวไปหมด

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด