Jun Jiu Ling หวนชะตารักภาค 3 บทที่ 38 ไม่เชื่อครึ่ง

Now you are reading Jun Jiu Ling หวนชะตารัก Chapter ภาค 3 บทที่ 38 ไม่เชื่อครึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จูจั้นเหมือนไม่ได้ยินว่ามีคนเดินเข้าใกล้ เพียงแค่มองด้านล่างวัด ในมือกำหญ้าหนึ่งฝ่ามือต้นแล้วต้นเล่าโยนไป

“ครั้งนี้ทำไมเจ้าใจกว้างเช่นนี้เล่า ไม่ใช่มาที่นี่สร้างคุณงามความชอบชดใช้โทษหรือ?” คุณหนูจวินเดินมายืนอยู่ข้างหลังจูจั้นเอ่ยถาม “ทำไมเจ้าไม่พาเด็กตระกูลโจวไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเองเล่า?”

ศีรษะของจูจั้นยังไม่หันกลับมา “นั่นเป็นให้เขาทำงานแทนข้า” เขาเอ่ย “พูดถึงโทษคน เป็นงานของพวกเขา”

ใช่แล้ว เทียบกับจูจั้น ฮ่องเต้ยอมเชื่อเขามากกว่าแน่

คุณหนูจวินนั่งลงบนก้อนหินด้านข้างจูจั้น ยังไม่ทันนั่งมั่นคงก็ถูกจูจั้นยื่นมือผลัก

“ไปไป ไปไกลหน่อย” เขาขมวดคิ้วเอ่ย

คุณหนูจวินยิ้มขยับออกห่างตามคำบอก

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าไม่กลัวเขาปิดบังข่าวที่นี่หรือ? กลับดำเป็นขาว?” นางเอ่ย “เรื่องเช่นนี้ก็เป็นงานของพวกเขาเหมือนกันไม่ใช่รึ”

จูจั้นหันหน้ามองนางเลิกคิ้วหัวเราะ

“แม้เขาเป็นเดรัจฉานตัวหนึ่ง แต่ฮ่องเต้ย่อมมีโอรสธิดา” เขาเอ่ย “ไม่มีฮ่องเต้ กระทั่งเดรัจฉานเขาก็เป็นไม่ได้แล้ว”

ใช่สินะ ฮ่องเต้ย่อมใส่พระทัยโอรสธิดาของตนเอง ไม่มีโอรสธิดา แผ่นดินที่แย่งชิงมานี้จะมีความหมายอะไรอีก ยังคงต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น

คุณหนูจวินยิ้มมองไปทางเมืองหลวง

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเราที่นี่คงมีชาวบ้านมาเต็มประตูแล้ว” นางเอ่ย

แต่ที่ทำให้คุณหนูจวินกับบรรดาหมอผิดคาดก็คือสถานการณ์เช่นนั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้น

สถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่มีอะไรผิดคาด

ฝีดาษคืออะไร? ด่านประตูผี ไม่พูดถึงใต้หล้านี้ แค่พูดถึงเมืองหลวงแห่งนี้ ทุกปีคนที่ตายไปเพราะฝีดาษก็ไม่น้อย

คุณหนูจวินก่อนหน้านี้พูดว่ารักษาฝีดาษของไหวอ๋องได้ ทุกคนเชื่อในตัวนางอย่างที่สุด ทั้งยังมีผู้ป่วยฝีดาษมากมายมาขอให้ช่วยรักษาทันที แต่คิดไม่ถึงผลลัพธ์กลับไม่เหมือนดั่งเช่นที่ทุกคนคิดไว้ คุณหนูจวินกลับไม่ใช่ได้ยาโรคหายฝีมือเยี่ยมโรคร้ายหายดี

นี่ทำให้ชื่อเสียงที่คุณหนูจวินสั่งสมมาจากการเป็นหมอเร่ตระเวณเมืองหลวง วิชาสูงส่งสอนร้อยแพทย์หดหายในฉับพลัน

ฝีดาษรักษาไม่หาย ตอนนี้พูดอีกว่ามียาป้องกันฝีดาษ คำพูดที่ยิ่งน่าเหลือเชื่อนี้ทุกคนไหนเลยจะเชื่อง่ายดายเช่นนี้ได้

“ข้าไม่กล้าให้ลูกของข้าไปวัดกวงหวาหรอก”

“ปลูกฝีเข็มหนึ่งคิดเงินร้อยอีแปะ”

“ยาที่ร้ายกาจปานนี้ถึงกับคิดเงินเค่นี้หรือ?”

“โรงหมอจิ่วหลิงของคุณหนูจวินไม่ใช่พันตำลึงตรวจ พันตำลึงขายยารึ?”

“ดูท่าไม่มีประโยชน์อะไร”

“ใครจะรู้ว่าเด็กไม่กี่คนนั้นใช้ยาจริงหรือเปล่า”

“ราชสำนักกับสำนักแพทย์หลวงไปดูแล้วมีประโยชน์อะไร ก็ไม่เห็นลูกหลานของพวกเขาไป”

บรรดาชาวบ้านที่ล้อมมุงดูประกาศที่ทางการติดไว้บนถนนชี้มือชี้ไม้วิพากษ์วิจารณ์ ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วมองดูครู่หนึ่งก็หมุนตัวจากไป

“ราคาทำไมตั้งน้อยเช่นนี้เล่า?” เขาเอ่ยกับฟางจิ่นซิ่ว

เพราะวัดกวงหวาถูกปิด ข่าวทั้งหมดล้วนถูกองครักษ์เสื้อแพรควบคุม ประกาศข่าวปลูกฝีป้องกันฝีดาษก็เป็นพวกคุณหนูจวินเขียนเสร็จมอบให้ทางการไปจัดการ ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วฝั่งนี้ไม่ได้สอดมือเข้ายุ่งสักนิด

“นี่เป็นการป้องกัน ต้องให้คนทั้งหมดในใต้หล้าล้วนมาปลูกฝี ไม่ใช่ให้เพียงกับคนมีเงิน ดังนั้นต้องให้ชาวบ้านธรรมดาล้วนได้ใช้” ฟางจินซิ่วเอ่ย

ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วส่ายศีรษะ

“ข้าเข้าใจเจตนาของนาง แต่หากทุกคนล้วนเชื่อนาง ทำเช่นนี้ย่อมเป็นเมตตาบุญกุศลใหญ่หลวง ตอนนี้ที่สำคัญคือทุกคนล้วนไม่เชื่อ ราคาตั้งต่ำเช่นนี้ กลับผิดปกติ ย่อมยิ่งไม่เชื่อแล้ว” เขาเอ่ย

ฟางจิ่นซิ่วเห็นได้ชัดว่ารู้คำวิพาษ์วิจารณ์ของผู้คนในเมืองหลวง ครุ่นคิดครู่หนึ่ง

“อย่างไรก็ต้องมีคนเชื่อ” นางเอ่ย

ใช่อย่างไรก็ต้องมีคนเชื่อ แต่ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วไม่อยากรอแล้ว ฝีดาษนี้ลากนานเกินไปแล้ว พวกคุณหนูจวินเหนื่อยยากเกินไปแล้ว

ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วออกจากที่ของฟางจิ่นซิ่ว ตรงกลับมาถึงในบ้านก็ให้คนเตรียมรถ ให้คนอุ้มหลานตัวน้อยมา

“ท่านจะพาเขาไปทำอะไร?” นายหญิงผู้เฒ่าหลิ่วร้องถาม

“แน่นอนไปปลูกฝี” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ย เร่งคนรถขับรถ

นายหญิงผู้เฒ่าหลิ่วโถมมาดึงเขาไว้

“เจ้าบ้าไปแล้ว ตระกูลหลิ่วของพวกเราสามรุ่นทายาทเพียงคนเดียว” นางร้องบอก

ลูกสะใภ้ที่ตามมาก็ไม่กล้าเอ่ยวาจา เพียงแค่น้ำตาคลอเบ้ามองบุตรชายที่ถูกกอดไว้ในอ้อมแขนของผู้ดูแลใหญ่หลิ่ว

“เจ้าวางใจ คุณหนูจวินบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไร” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ย “วิชาแพทย์ของนางพวกเรายังไม่รู้อีกหรือ”

นายหญิงผู้เฒ่าหลิ่วนั่งลงกับพื้นร้องไห้โฮ

“วิชาแพทย์ของนางข้าไม่รู้ ข้ารู้แต่นั่นเป็นฝีดาษ” นางตบขาร้องไห้ตะโกน “เจ้าลืมแล้วรึลูกชายสองคนของพวกเราตายยังไง”

“ก็เพราะข้ารู้ ดังนั้นถึงไม่อยากให้เสี่ยวเป่าได้รับอันตรายจากฝีดาษเหมือนกัน ปลูกฝีให้เขาก็วางใจได้แล้ว” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ย ไม่สนใจภรรยาอีกตนเองยกแส้เร่งม้า

รถม้าวิ่งเร็วไวไป เด็กน้อยในอ้อมแขนไม่รู้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาชอบม้าวิ่งเร็วที่สุด อยู่ในอ้อมแขนท่านปู่หัวเราะเอิ้กอ้าก ประสานกับเสียงร้องไห้ของผู้หญิงในบ้านที่ลอยมา

แม้บรรดาชาวบ้านไม่เชื่อเรื่องที่ทางการประกาศให้มาวัดกวงหวาปลูกฝีป้องกันฝีดาษ แต่ทุกคนยังคงสนใจว่ามีใครไป ดังนั้นการกระทำของผู้ดูแลใหญ่หลิ่วทุกคนล้วนรู้แล้ว แต่นี่ไม่ได้ชักนำให้เกิดเรื่องครึกโครมมากมาย

“เต๋อเซิ่งชางกับคุณหนูจวินเป็นพวกเดียวกัน เขาไม่ไปใครจะไป” ทุกคนพากันเอ่ย

มองเห็นผู้ดูแลใหญ่หลิ่วมา พวกคุณหนูจวินไม่ได้ผิดคาด

“คิดไม่ถึงว่าทุกคนจะระวังเช่นนี้” ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วเอ่ย นั่งอยู่บนเก้าอี้ แม้พยายามสงบอารมณ์สุดกำลัง แต่ในดวงตาก็ยังคงมีความเคร่งเครียดอยู่บ้าง

ท่านหมอเฒ่าเฝิงปลูกฝีให้กับหลานชายตัวน้อยของเขา แขนของเด็กน้อยถูกจิ้มทะลุนิดหนึ่ง เพิ่งเบะปากจะร้องไห้ คุณหนูจวินก็ส่งน้ำตาลปั้นตัวหนึ่งให้เขา

เด็กน้อยรีบรับไป น้ำตายังเปรอะอยู่บนหน้าลืมร้องไห้ ท่านหมอเฒ่าเฝิงก็ใช้ผ้าพันแขนของเด็กน้อยอย่างฉับไวแล้ว

“ก็ไม่แปลกที่ทุกคนจะระวัง” เขาลุกขึ้นยืนยิ้มเอ่ย “ตอนแรกพวกเราหมอเหล่านี้ระวังยิ่งกว่าทุกคนเสียอีก”

ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วรับเด็กไปกอดเขาไว้ในอ้อมแขน

เด็กน้อยลืมความเจ็บปวดและหวาดกลัวไปนานแล้ว เลียน้ำตาลปั้นดีอกดีใจ

“หลังข้ากลับไปค่อยอธิบายให้ทุกคนฟังมากหน่อย” เขาเอ่ย

ท่านหมอเฒ่าเฝิงกลับไม่รีบร้อน

“เผยแพร่ยาใหม่เดิมก็ต้องให้ทุกคนค่อยๆ ยอมรับ” เขาเอ่ย

แม้ในใจผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็กังวลอยู่เหมอืนกัน แต่เพื่อแสดงความเชื่อมั่นของตนเองยังคงอุ้มเด็กน้อยที่ปลูกฝีแล้วจากไป

วัดกวงหวาแม้ยังคงปิดอยู่ แต่จัดสถานที่สำหรับคนที่มาปลูกฝีไว้ด้านนอกวัด ไม่ได้ห้ามคนเหล่านี้ไปมา

ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วพาเด็กกลับมาถึงในเมือง ที่ประตูเมืองก็ถูกคนรุมล้อมแล้ว ผู้ดูแลใหญ่หลิ่วก็ไม่หลบเลี่ยง เป็นฝ่ายให้ทุกคนมองดูผ้าขาวที่พันบนแขนของเสี่ยวเป่า

“บอกว่าพรุ่งนี้จะตัวร้อน มีฝีขึ้นไม่กี่เม็ดก็เสร็จแล้ว” เขาเอ่ย “พรุ่งนี้ทุกคนมาดูที่บ้านข้าได้”

ผู้คนตามผู้ดูแลใหญ่หลิ่วตลอดจนกระทั่งมองเขาเข้าประตูบ้านไป ยังคงล้อมอยู่หน้าประตูถกเถียง

บรรดาหมอหลวงในสำนักแพทย์หลวงก็รวมตัวกันถกเถียงเสียงเบาด้วย เทียบกับความเริงร่าช่วงก่อนหน้านี้ วันนี้พวกเขาล้วนวิตกอยู่บ้าง

หลายวันนี้พวกเขาตามบรรดาข้าราชสำนักรับคำสั่งไปวัดกวงหวา มองเห็นคนที่ได้หมอทั้งหลายปลูกฝี

นอกจากเด็กตระกูลโจวที่ถูกเชิญมาในวัง ยังมีเด็กที่มาด้วยกันกับครอบครัวผู้ป่วยที่มาขอรักษา รวมถึงครอบครัวของผู้ป่วยก็มีบางส่วนได้ปลูกฝีแล้ว ท่านหมอทั้งหลายแสดงการปลูกฝีให้ดูตรงนั้นสดๆ รวมถึงนำน้ำฝีจากตัวของผู้ป่วยฝีดาษมาถูบนตัวของเด็กที่ปลูกฝีแล้วก็ยังคงปลอดภัยไม่เป็นไร

หากบอกว่าไม่เชื่อ พวกเขาก็ไม่อาจอธิบายได้เช่นกัน

หากบอกว่าเชื่อ….

นี่ย่อมเป็นบุญกุศลใหญ่หลวง ต้องถูกคนทั้งใต้หล้าบูชาเป็นเทพยาดาพระพุทธองค์แน่นอน

“เรื่องปลูกฝีเป็นเรื่องสำคัญใหญ่หลวง พวกเราจะขอพระราชโองการให้สำนักแพทย์หลวงรับช่วงต่อ” เจียงโหย่วซู่พลันเอ่ยขึ้น

บรรดาหมอหลวงในที่นั้นดวงตาทอประกายนั่งตัวตรง

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด