Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี 73 เดิมทีมันก็เป็นที่ของข้าอยู่แล้ว

Now you are reading Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี Chapter 73 เดิมทีมันก็เป็นที่ของข้าอยู่แล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“…”

เปโตรนิยาสะดุ้งตกใจกับคำพูดของเจ้าของแผงลอย นางมองไปที่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าตกใจ นางเป็นหญิงชราที่สวมเสื้อคลุมสีดำ เรือนผมสีดอกเลาของนางยาวถึงหน้าอก นางดูแปลกประหลาดอาจเป็นเพราะเสื้อคลุมสีดำตัวนั้น

“ทะ…ท่านพูดเรื่องอันใด…”

“…”

“ไม่ว่าใครต่างก็กลัวอนาคตที่ยังมาไม่ถึงกันทั้งนั้นมิใช่หรือคะ แต่คำพูดของท่านยายดูราวกับว่าท่านไม่กลัวอย่างไรอย่างนั้น”

“แม่หนูกล่าวได้ถูกต้อง ทว่า…” หญิงชรายิ้มจนเห็นฟันที่เหลืออยู่ไม่กี่ซี่ “ต่อให้กลัว แต่หากมีโอกาสดีๆ เข้ามาเช่นแม่หนู ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่คว้าเอาไว้”

“….”

สีหน้าของเปโตรนิยาซีดเผือดราวกับถูกมองทะลุความคิด รอธซีมองสำรวจใบหน้าของหญิงสาวราวกับจะถามว่านางเป็นอะไรหรือไม่ แต่เปโตรนิยาก็ทำเพียงพยักหน้าให้เขาครั้งหนึ่งเพื่อบอกว่าไม่เป็นไรเท่านั้น และคำพูดของหญิงชราก็ยังไม่จบแต่เพียงเท่านั้น

“แม่หนูกลัวล่ะสิ กลัวว่าเรื่องจะซ้ำรอย”

“ท่านรู้เรื่องได้อย่างไรคะ”

“แค่กลตื้นๆ น่ะ”

คำพูดอันไร้ที่มาที่ไปของหญิงชราทำให้เปโตรนิยาสับสน จากนั้นนางก็กล่าวต่อไปด้วยรอยยิ้ม

“ดูเหมือนเจ้าจะชอบลูกแก้วนั่น รับไปสิ”

“แล้วราคา…”

“ไม่จำเป็น”

ได้ยินคำพูดของรอธซี หญิงชราก็ตอบอย่างเฉียบขาด จากนั้นนางก็หัวเราะน้อยๆ และกล่าวเสริม

“จ่ายด้วยพ่อหนุ่มก็แล้วกัน”

“…ครับ?”

ต่อให้เป็นรอธซี แต่เจอคำพูดแบบนี้ก็ตกใจอยู่เหมือนกัน

“เอาล่ะ แม่หนู คาเพ เดียม[1] จงมีความสุขกับปัจจุบัน” หญิงชราพูดต่อ

“…”

“ถึงอย่างไรเรื่องมันก็ผิดเพี้ยนมาตั้งแต่แรกแล้วมิใช่หรือ”

“ท่านรู้ได้อย่าง…”

เปโตรนิยาพูดพึมพำราวกับถูกปิศาจสูบวิญญาณไป รอธซีรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ จึงเร่งเปโตรนิยาให้รีบออกจากตรงนี้

“เลดี้ ข้าว่าเราไปกันดีกว่าครับ”

“เอ่อ…เดี๋ยวก่อนค่ะ”

เปโตรนิยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านยายเป็นใครคะ? พระเจ้าหรือคะ? หรือว่า…”

“พระเจ้าหรือ… เป็นคำที่ข้ารับใช้ผู้ต่ำต้อยคนนี้มิอาจเอื้อมกระมัง”

หญิงชรายิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะยื่นลูกแก้วที่มีสีคล้ายกับท้องฟ้ายามค่ำคืนให้เปโตรนิยา เปโตรนิยารับสิ่งนั้นมาอย่างงุนงง

“เอาล่ะ แม่หนู หากมีเรื่องกลุ้มใจก็ลองมองเข้าไปในลูกแก้วดูนะ” หญิงชราชี้แนะอย่างอารี

“…”

“ใครจะรู้ ไม่แน่อาจจะได้คำตอบก็เป็นได้”

เปโตรนิยายืนนิ่งงันอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าสับสนวุ่นวาย ก่อนจะถูกรอธซีดึงออกจากร้านมาด้วยรู้สึกถึงอันตราย คล้อยหลังคนทั้งคู่ หญิงชราก็เดาะลิ้นและหัวเราะออกมา จากนั้นนางก็เริ่มเช็ดฝุ่นที่เกาะอยู่บนลูกแก้วใบอื่นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

***

ในอีกด้านหนึ่ง โรสมอนด์กำลังมองดูดอกกุหลาบหนึ่งร้อยดอกที่ถูกส่งมาจากตำหนักจักรพรรดินีด้วยสีหน้าตกตะลึง นางมองมีร์ยาคล้ายจะถามว่าเอาความว่าคิดจะทำอะไร แต่ดูไปดูมาสีหน้าของมีร์ยาก็ดูไม่ค่อยพอใจเช่นกัน เช่นนั้นก็หมายความว่านี่เป็นการกระทำของจักรพรรดินีแต่เพียงผู้เดียว… เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็ยิ่งรู้สึกงงงัน

พอรู้ว่าตัวเองเป็นหมันก็เลยเสียสติไปแล้วกระมัง

“จักรพรรดินีพระราชทานมาให้?”

“เป็นเช่นนั้นค่ะ มาร์เชอเนส”

“เฮอะ” นางส่ายหน้าพลางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ฝากขอบพระทัยฝ่าบาทด้วยแล้วกัน แล้วก็ทูลถามด้วยว่าพระองค์ประชวรตรงไหนหรือเปล่า”

“…”

มีร์ยาอยากจะสวนกลับไปว่าถามแล้ว แต่สุดท้ายนางก็เลือกที่จะเงียบไว้และออกจากตำหนักเวนไปทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจ สีหน้าของคลาราเองก็ดูไม่มีชีวิตชีวาเช่นกัน คล้ายว่านางไม่เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย

“อะไรล่ะเนี่ย แผนหลอกให้ตายใจหรืออย่างไร” โรสมอนด์เอ่ยถาม

“…คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างพระจักรพรรดินีน่ะหรือคะ”

“ก็ไม่เห็นว่าจะวางแผนอะไรไว้นี่” โรสมอนด์เอียงคอพลางบ่นพึมพำ “นี่ คลารา จักรพรรดินีเป็นหมัน นางมีลูกไม่ได้ และนางก็ไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่เหมือนอดีตจักรพรรดินีอลิซา หากข้ามีพระโอรส นางก็ยากที่จะรักษาตำแหน่งไว้ได้…”

อืม… โรสมอนด์ครุ่นคิดหาคำตอบที่พอจะเป็นไปได้

“คิดจะประจบสอพลอกระมัง?”

“เห็นเป็นอื่นไปมิได้แล้วค่ะ มาร์เชอเนส”

“เฮอะ” โรสมอนด์พ่นลม “ทำเป็นสูงส่งหนักหนา ที่แท้ก็ไม่เท่าไร”

“ถึงอย่างไรก็เป็นหมัน นางจะไปทำอะไรได้ล่ะคะ”

“แต่ก็อย่าเพิ่งวางใจไป เจ้าจับตาดูสถานการณ์ของตำหนักจักรพรรดินีอยู่ใช่ไหม”

“ค่ะ มาร์เชอเนส ท่านอย่าได้กังวล”

ได้ฟังดังนั้นโรสมอนด์ก็มีสีหน้าผ่อนคลายและยิ้มออกมา

“ใช่สิ นี่แหละถูกต้องแล้ว”

“…”

“เพราะเดิมทีมันก็เป็นที่ของข้าอยู่แล้ว”

โรสมอนด์คิดว่าตอนนี้ทุกอย่างเริ่มจะเข้าที่เข้าทาง ตำแหน่งจักรพรรดินีก็เป็นของนาง ยิ่งตำแหน่งพระพันปียิ่งแล้วใหญ่ นางจะต้องเป็นสตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในจักรวรรดินี้ให้จงได้ ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็ตาม

***

“หญิงชราคนนั้นดูแปลกๆ นะครับ เลดี้ไม่คิดเช่นนั้นหรือ”

รอธซีพูดด้วยสีหน้าคาใจ แต่เปโตรนิยากลับตอบราวกับไม่รู้สึกอะไร

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ลอร์ด”

“อืม…”

รอธซีครุ่นคิดด้วยสีหน้ายากจะคาดเดา ทันใดนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย

“ว่าแล้วเชียว…”

“…?”

“มีอีกหลายเรื่องที่ข้ายังไม่รู้สินะครับ”

“…”

“เลดี้”

รอธซีสบตากับหญิงสาวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น นี่เป็นครั้งแรกที่เปโตรนิยาไม่หลบตา

“ขอให้ข้าได้อยู่ข้างๆ เพื่อทำความรู้จักเลดี้ต่อไปจะได้ไหมครับ” เขาถาม

“…”

แปะ แปะ

ในตอนนั้นเองท้องฟ้าที่เคยปลอดโปร่งก็มีเม็ดฝนร่วงลงมา ก่อนจะได้ฟังคำตอบ รอธซีก็รีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกมาคลุมศีรษะให้เปโตรนิยาและกล่าวอย่างเร่งร้อน

“หาที่หลบฝนกันดีกว่าครับ”

“…”

“ไปร้านตรงนั้นกันเถอะครับ เลดี้”

“เปโตรนิยา”

เปโตรนิยาพูดชื่อของตนออกมาลอยๆ รอธซีทำสีหน้าสงสัยขณะที่มือก็ยังคงถือเสื้อคลุมศีรษะให้หญิงสาว

“เลดี้ครับ ไว้เราค่อยคุยกันทีหลัง…”

“เรียกว่าเปโตรนิยาเถอะค่ะ รอธซี”

“…เปโตรนิยา”

ทั้งคู่ยืนมองหน้ากันราวกับลืมไปแล้วว่าฝนกำลังตก ผู้คนรอบตัวกำลังวุ่นวายกับการหาที่หลบฝนที่จู่ๆ ก็เทลงมา ครั้นเห็นทั้งสองคนยืนเด่นอยู่กลางถนนก็นึกขำ แน่นอนว่าสำหรับคนทั้งคู่แล้วนี่เป็นสถานการณ์ที่จริงจังอย่างมาก

“ข้า…” เปโตรนิยาเอ่ยปากอย่างเนิบช้า “กลัวมากเหลือเกินค่ะ”

“หมายความว่าอย่างไรครับ”

“ข้ากลัวการตกหลุมรัก” เปโตรนิยาพูดต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้าไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิต ข้าเคยเชื่อและต้องพบกับความเจ็บปวดแสนสาหัส ข้าเคยคิดว่าเขาคือคู่แท้ของข้า แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย”

เปโตรนิยายิ้มอย่างขมขื่น ในขณะที่รอธซีก็ยังคงตั้งใจฟัง แม้สายฝนจะเทกระหน่ำลงมา

“ข้าสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะไม่รักใครอีก ข้าคิดว่าความรักไม่เหมาะกับข้า ข้าไม่สามารถรักใครได้ตั้งแต่แรกแล้วและนั่นคือโชคชะตาที่แท้จริงของข้า เพราะเชื่อเรื่องไร้สาระอย่างเรื่องพรหมลิขิต คนรอบตัวข้าถึงต้องเดือดร้อน”

“…”

“เพราะฉะนั้นข้าจึงไม่คิดที่จะรักใครจนวันตายค่ะ ข้าตั้งใจว่าจะไม่แต่งงาน ต่อให้ข้าต้องหยุดความรักเอาไว้ก็ตาม”

“…เปโตรนิยา”

“ข้าอาจจะยังไม่คุ้นชินและยังอ่อนประสบการณ์ บางทีข้าอาจมิใช่คนที่น่าสนใจและไม่มีเสน่ห์ด้วยก็ได้ค่ะ”

เปโตรนิยาเงยหน้ามองรอธซีที่เปียกปอนด้วยสายฝนอย่างเศร้าสร้อย

“แต่ถึงกระนั้นหากท่านไม่ว่าอะไร… หากท่านพึงใจที่ข้าเป็นเช่นนี้…”

“…”

“ข้าก็อยากจะคบหากับท่านค่ะ”

“…”

เปโตรนิยารอคอยคำตอบด้วยร่างกายสั่นเทา รอธซีเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเรียกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่สั่นยิ่งกว่า

“เปโตรนิยา”

“…คะ”

“ในงานรำลึกฯ ข้าได้พูดไปแล้ว และเมื่อครู่ข้าก็เพิ่งจะพูดไปเช่นกัน”

“…”

เขาขยับเข้าไปใกล้เปโตรนิยา หญิงสาวขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว รอธซีเห็นดังนั้นก็ช่วยคลายหัวคิ้วให้อย่างแผ่วเบาและพูดอย่างอ่อนโยน

“เปโตรนิยา”

“…คะ”

“ข้ารักท่าน”

“…”

“มากเหลือเกิน”

“…”

“ท่านเป็นสตรีที่วิเศษมากพอที่จะมีความรัก และมากพอที่จะได้รับความรัก ต่อให้ไม่ใช่ข้า ผู้ชายที่ไหนก็ทนไม่ได้หรอกครับที่จะไม่ตกหลุมรักท่าน”

“…แต่ว่า”

“ชู่ว เพราะฉะนั้นเลิกดูถูกตัวเองเถอะนะครับ เปโตรนิยา ท่านกำลังประเมินตัวเองต่ำเกินไป”

“…ขอบคุณนะคะ”

เปโตรนิยายอมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของรอธซีที่สูงกว่านางหนึ่งคืบด้วยสีหน้าตื้นตัน ตอนแรกรอธซีดูตกใจทำอะไรไม่ถูก แต่ทันใดนั้นเขาก็กอดเปโตรนิยาอย่างแผ่วเบา เปโตรนิยาหลั่งน้ำตาเงียบๆ มือของนางขยุ้มเสื้อของอีกฝ่ายแน่น

และสายฝนก็ยังคงกระหน่ำลงมาไม่หยุด

***

“เป็นอย่างไรบ้าง”

มีร์ยามีสีหน้าลำบากใจกับคำถามของแพทริเซีย เป็นอย่างไรน่ะหรือ? ไม่รู้สิ ข้ายังต้องกราบทูลอะไรอีกหรือ แต่ถึงกระนั้นมีร์ยาก็ตอบออกไปตามจริง

“…ท่าทีดูไม่ดีเท่าไรเพคะ ดูตกตะลึง”

“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น”

แพทริเซียพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ

“หากนางไม่ตกใจก็คงเป็นข้าที่จะตกใจ”

“ฝ่าบาท ขอประทานอภัยที่หม่อมฉันต้องกราบทูลเช่นนี้” มีร์ยากล่าวด้วยสีหน้าอัดอั้นตันใจ “หม่อมฉันเบาปัญญานักจึงมิอาจเข้าใจความคิดของพระองค์ได้เพคะ”

“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก”

แพทริเซียหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยคำพูดที่ไม่รู้ว่าพูดคนเดียวหรือกำลังอธิบายให้ฟัง

“ก็แค่…ข้าคิดว่าการแสดงให้นางเห็นว่าข้ากำลังทำอย่างที่นางต้องการเป็นเรื่องสำคัญ”

“…เพคะ?”

“ที่เหลือเป็นความลับ อาจไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยตลอดกาลหรือสักวันข้าอาจจะพูดออกมาก็เป็นได้”

“ฝ่าบาทกำลังตรัสถึงเรื่อง…”

“สิ่งที่สำคัญคือข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไร แต่หากมีผู้อื่นล่วงรู้ เรื่องอาจจะรั่วไหลออกไปได้น่ะสิ”

แพทริเซียยังคงทำเป็นไขสืออย่างเสมอต้นเสมอปลาย และมีร์ยาก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีก ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ต้องเข้าใจความคิดของผู้เป็นนายและปฏิบัติตัวตามนั้น สุดท้ายนางก็เลือกที่จะเงียบปาก

“ฝนตกนี่”

แพทริเซียมองสายฝนนอกหน้าต่างที่เริ่มหนาเม็ดขึ้นพลางพูดพึมพำ

“เดตของนีย่าคงจะไม่ล่มใช่ไหมนะ ช่างน่าเป็นห่วง”

“เดิมทีความสัมพันธ์ของคนเราจะพัฒนาก็ต่อเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายที่เหมาะสมเพคะ”

มีร์ยายิ้มกว้างพลางกล่าวกับหญิงสาว “ทรงอย่าเป็นกังวลไปเลยเพคะ เลดี้ทั้งสวยทั้งฉลาด”

“…ใช่แล้ว เป็นเช่นนั้นจริง”

ข้าก็เป็นห่วงไม่เข้าเรื่อง ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว แพทริเซียพึมพำอย่างขมขื่น จากนั้นก็ออกคำสั่งกับมีร์ยาเบาๆ ให้ชงชาลาเวนเดอร์เข้มๆ มาให้

***

“ฮัดเช่ย!”

เปโตรนิยาจามเสียงดังหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออกแล้ว เพราะตากฝนจนเปียกโชก รอธซีจึงเป็นห่วงสุขภาพของนางอย่างมาก แม้นางจะยืนยันว่าไม่เป็นไร เขาก็ยังพานางมาส่งที่คฤหาสน์มาร์ควิส แต่สุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ค่อยดีนัก

“คุณหนูก็เหลือเกิน ไปเดตก็ดีอยู่หรอกแต่ต้องคิดถึงสุขภาพด้วยสิคะ” สาวใช้เอ็ด

“ก็มัน…เกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยน่ะ”

“ถ้าเป็นหวัดจะทำอย่างไร”

สาวใช่บ่นพึมพาอย่างเป็นทุกข์ ในขณะที่เปโตรนิยาได้แต่ยิ้มแหย การสารภาพรักกลางสายฝนอาจทำให้นางเป็นหวัดแต่มันก็ทำให้นางมีความรักครั้งใหม่ด้วย เมื่อลองคำนวณส่วนได้ส่วนเสียแล้วก็ไม่นับว่าขาดทุน เปโตรนิยาถามสาวใช้ที่กำลังเช็ดลูกแก้วที่นางได้รับมาจากร้านแผงลอยเมื่อครู่อย่างแผ่วเบา

“ถ้าเป็นหวัดจะทำอย่างไรดี”

“ไม่รู้สิคะ คุณหนู ทำอะไรไว้ก็ได้รับผลเช่นนั้นแหละค่ะ”

ท่าทางอีกฝ่ายจะยังรู้สึกไม่ดีที่นางไม่สบาย

“จะว่าไปแล้วลูกแก้วนี่คืออะไรคะ คุณหนูแอบไปเรียนวิธีตรวจดวงชะตามาหรือ”

“เอ่อ…เปล่า มันไม่ได้มีไว้ใช้แบบนั้น”

“ถ้าอย่างนั้น?”

“ก็แค่…” เปโตรนิยาคิดหาคำตอบดีๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “อุปกรณ์ช่วยแก้ปัญหาคิดไม่ตกน่ะ เห็นว่าเวลามีเรื่องให้คิดก็ให้เอามือวางลงบนลูกแก้วแล้วจะช่วยได้”

“…ฟังดูเหมือนลัทธินอกรีตเลยนะคะ”

“ข้าไม่ได้ถูกหลอกหรอกน่า วางใจได้”

เปโตรนิยาพูดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มก่อนจะไหว้วานสาวใช้

“ถามไปทางคฤหาสน์เคานต์เบรดิงตันให้ทีได้ไหม ข้าเป็นหวัดเสียแล้ว ไม่รู้ลอร์ดจะเป็นหวัดด้วยหรือไม่”

“ไว้ข้าจะไปถามมาให้นะคะ คุณหนู เลิกกังวัลแล้วรีบพักผ่อนเถอะค่ะ”

“อืม เข้าใจแล้ว”

พูดจบ สาวใช้ก็ห่มผ้าให้เปโตรนิยาที่เอนตัวนอนอยู่บนเตียงจนปิดถึงคอก่อนจะออกจากห้องไป เปโตรนิยาหลับตาลงพลางหวนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นท่ามกลางสายฝนเมื่อครู่แล้วหลับไป

[1] Carpe Diem อ่านว่า คา-เพ-เดียม มาจากบทกวีละติน แปลว่า “Seize the day” หรือ “จงฉกฉวยเวลา” เป็นการเตือนคนให้อยู่กับปัจจุบัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด