Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ 1213

Now you are reading Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ Chapter 1213 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คุ้นเคยเป็นธรรมชาติ

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ต้องการสร้างอาณาจักรในขุนเขาเหนือขุนเขา

 

นางไม่สนใจสิ่งเหล่านี้

เหตุผลที่ทำให้ทหารทุกคนตกใจยอมเป็นข้ารับใช้ภายใต้ดาบของนาง เพราะเพื่อหยุดสงครามที่ไร้สาระนี้  หลังจากการแสดงฝีมือของนางสิ้นสุด นางไม่สนใจว่าใครจะคิดอะไรรีบกลับเข้าโลกคัมภีร์ทันที ปล่อยให้ทหารทั้งค่ายตะวันออกและตะวันตกพากันตะลึงมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป

สาวงามโล่วฮัวไม่ยอมเผชิญหน้ากับเรื่องยุ่งยากเช่นนี้ นางหาวและกลับเข้าไปพักผ่อน

โชคดีที่ยังมีเย่ว์หยาง

มิฉะนั้นทหารในป้อมพายุคงร่ำไห้จนตาย กลายเป็นเหมือนหญิงที่ถูกทอดทิ้งจำนวนเป็นล้านร่ำไห้กับพื้น… เมื่อเห็นเย่ว์หยางเตรียมแยกตัวจากไป  ไม่ว่าจะเป็นจอมพลและนักรบค่ายตะวันออกหรือค่ายตะวันตกและขุนพลรวมตัวด้วยกันมองดูเขาด้วยสายตาเปี่ยมความหวังรอให้เย่ว์หยางพูด

เย่ว์หยางถอนหายใจ เขาต้องทำงานช้าลงไปอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ซื่อเสิน ความรักความแค้นความยุ่งเหยิงเหล่านี้ เขาจะไม่ยอมเข้าไปยุ่งแน่นอน

“มองข้าทำไม? พวกเจ้ายังเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่จริงหรือ?”  เย่ว์หยางพูดไม่เกรงใจและดึงกระบี่วิถีกำศรวล, มุกประทีปราตรี, ดาบดื่มหิมะ ฯลฯ ความเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติทำให้เหล่าขุนพลหวาดหวั่นพรั่นพรึง

“ฝ่าบาทซื่อเสินเจ้านายข้า และเทพที่เหลือทั้งหมด?”

จอมพลฟงเอ๋อมองดูอย่างว่างเปล่าและนั่งลงบนซากหักพังของป้อมพายุ

เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แรงกดดันจู่โจมใส่ร่างกายไม่รู้จบ ไม่สามารถปลุกปลอบขวัญขึ้นได้อีกแม้แต่ครึ่งนาที เขาพึมพำอย่างช่วยไม่ได้  “เราต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อเทพของเราไปเพื่ออะไร แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป? ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ?  แปดเทพพากันตายทั้งหมดในสงครามเทพ นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ!”

เขาไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง

แต่

ความจริงข้างหน้าเขา ทำให้เขามิอาจสงสัยได้

สมบัติชั้นเทพถูกถอนสัญญา และทั้งหมดตกอยู่ในมือเย่ว์ไตตัน  พิสูจน์ว่าแปดเทพขุนเขาเหนือขุนเขาตายหมดแล้ว  มิฉะนั้นคงไม่เป็นเช่นนี้…  ส่วนจอมพลแห่งค่ายตะวันตกกู้ไห่และหมื่นปีศาจตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น  เพราะพวกเขาพบว่ามุกประทีปราตรีซึ่งเป็นของเฮยโจวยอมรับเย่ว์ไตตันเป็นเจ้านายแล้ว  ถ้าเฮยโจวไม่ตาย มุกประทีปราตรีจะไม่มีทางเปลี่ยนเจ้านายเด็ดขาด

แปดเทพถูกเย่ว์ไตตันผู้นี้ฆ่าตาย ทั้งสตรีผู้ใช้ดาบเทพเมื่อครู่นี้อีกเล่า?

ชั่วเวลาหนึ่งแม่ทัพนายกองเริ่มดีดลูกคิดคำนวณ

ยอมรับดีกว่า  ไร้ประโยชน์ที่จะลังเล

ข้ารับใช้ดาบก็ไม่เป็นไร!

ยอมเป็นบริวารรับใช้เจ้านายใหม่ผู้ดีกว่าแปดเทพผู้ล่วงลับไปแล้ว ยิ่งพวกเขายอมรับใช้เร็วเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น  การสนับสนุนแรกต้องไม่ถูกปล้นชิงไป

“คารวะท่านไตตันนายของข้า”  กู้ไห่และท่านหมื่นปีศาจแทบจะคุกเข่าพร้อมกัน

พวกเขาต้องได้รับประโยชน์สูงสุดเสมอ

การสนองตอบแบบนี้เป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด พวกเขาสามารถปล่อยวางทุกอย่างได้ในทันทีและทิ้งอดีตยอมคุกเข่าแสดงความภักดีต่อเย่ว์หยาง เพื่อแข่งขันให้ได้รับการสนับสนุนก่อนใคร

จะเป็นสถานะอะไรก็ไม่สำคัญ  ตราบเท่าที่ได้รับความดีความชอบจากเทพคนใหม่ก่อน อนาคตพวกเขาจะไม่มีขีดจำกัด

เปลี่ยนเจ้านายคนใหม่จะดีหรือไม่?

เจ้านายคนใหม่สามารถฆ่าแปดเทพได้ทุกคน

ยิ่งกว่านั้นเทพคนใหม่ยังทรงพลังและมีสตรีดาบเทพที่มีพลังเหลือเชื่อ

“พวกเจ้า….”  จอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทอง พวกเขาละอายใจแทนกู้ไห่และท่านหมื่นปีศาจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้  คนไร้ยางอายพวกเขาสนับสนุนเทพคนใหม่ แต่พวกเขาไม่ผิด การต่อต้านผู้มีอำนาจไร้เทียมทานเป็นเรื่องไร้สาระไม่ใช่หรือ?  นอกจากนี้ เย่ว์ไตตันยังคงคุ้นเคยกับเขา  การยอมรับเขายังดีกว่ายอมเป็นบริวารของเทพแปลกประหลาด

“เราไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ที่ขุนเขาเหนือขุนเขา และเราไม่มีความตั้งใจจะรับใครเป็นบริวาร เรื่องเหล่านี้เราไม่สนใจแม้แต่น้อย”  เย่ว์หยางไม่รับกู้ไห่และท่านหมื่นปีศาจเหล่านี้ไว้เป็นบริวาร เขาพยักหน้าให้จอมพลกริฟฟินและพวกที่เขาคุ้นเคย “ซื่อเสิน, จ้าวซี, ซวงหานและชิงหวิน ยอมเสียสละชีวิตผนึกนาฬิกาวิเศษชั้นเทพให้ข้า  พวกเขามอบทุกอย่างให้ข้าในที่สุด  แต่ข้ารับไว้แต่เพียงของวิเศษและคัมภีร์อัญเชิญ ส่วนเรื่องอาณาจักรดินแดนปกครองและสมบัติอื่นทั้งหมดของเทพพวกเจ้า พวกเจ้าจงดูแลกันเอง ไม่ต้องถามข้า  เฮยโจว, เทียนโฉวและฟงซาถูกข้าและคนอื่นฆ่า มีแต่ชี่เฉียวที่สูญเสียพลังเทพยังมีชีวิตรอดอยู่ เขามอบหอกกลืนมังกรให้ข้า และภรรยาข้ารับทำสัญญากับมันแล้ว นางอยู่ในโลกคัมภีร์  ดังนั้นจึงถือได้ว่าแปดเทพผู้ยิ่งใหญ่ตายอย่างเป็นทางการในสงครามเทพ กระบวนการสงครามเทพค่อนข้างมีความซับซ้อนอยู่บ้าง  ข้าไม่สามารถบอกเล่าให้ชัดเจนในรวดเดียวได้ ครั้งนี้ต้องยกย่องกลุ่มโจรดวงดาวสักเล็กน้อย  ฮัวยา, กัวกัว พวกเจ้าออกมา เล่าให้ทุกคนฟัง  ข้าจะกลับไปพักก่อน”

หลังจากหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแล้ว นางคิดถึงเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสีย เมื่อเขาสั่งการเสร็จก็รีบกลับโลกคัมภีร์ทันที

ฮัวยาและกัวกัวที่ร่วมกลุ่มโจรดวงดาว ก่อนมาถึงป้อมพายุ เย่ว์หยางให้พวกเขามีส่วนร่วมทำงานในยานหงส์เหิน  พวกเขาสามารถพูดบอกบางเรื่องได้ที่ไม่เป็นการเผชิญหน้ากับจอมพลกริฟฟินมากเกินไปนัก   พวกเขาไม่ต้องการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก

แน่นอนเย่ว์หยางมอบงานสำคัญนี้กับพวกโจรดวงดาว

ฮัวยาและกัวกัวได้รับการแต่งตั้งจากเย่ว์หยาง

นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งที่สุด

พวกเขายืดอกเชิดหน้าบอกเล่าเรื่องราวด้วยความภูมิใจ

ความจริงนอกจากชี่เฉียวและเฮยโจวในแปดเทพขุนเขาเหนือขุนเขาแล้ว  เย่ว์หยางยังได้รับรู้จากการส่งเสียงทางจิตจากเสี่ยวเหวินหลีตอนอยู่ในโลกคัมภีร์  อิคคาและเว่ยหลายพบร่องรอยของเฮยโจว  เฮยโจวไม่เพียงแต่ไม่ซ่อนตัวเท่านั้น แต่ดูเหมือนเร่งรีบไปยังดินแดนลับเทพสังหาร ดูเหมือนว่าต้องการจะช่วยเทพปีศาจเว่ยกวง ทั้งอิคคาและตั๊กแตนมัจจุราชเว่ยหลายเชื่อว่าคนผู้นี้ต้องการปลดปล่อยเทพปีศาจออกมาทำร้ายคนอื่น เมื่อรู้ว่าเฮยโจวต้องการสร้างความพินาศย่อยยับให้กับทุกคน พวกนางจึงเริ่มโจมตีเฮยโจวเทพประจิมอย่างดุร้าย

อิคคานางฟ้าศึกใช้ทักษะแฝงเร้นเกลียดชัง ยิงธนูแห่งความชังไปที่เฮยโจว

เฮยโจวที่อยู่ข้างหน้าตาย

เชื่อว่าเขาจะไม่สามารถลุกกลับขึ้นมาได้

ทั้งอิคคาและภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชผนึกพลังกัน ตอนนี้พลังเทพของเฮยโจวเหลือน้อย และขาดสมบัติเทพ  แม้เขาจะไม่ตาย แต่เย่ว์หยางตัดสินให้เขาตายล่วงหน้าแล้ว แม้ในช่วงเวลาที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนควบพลังสร้างดาบ เขาก็รู้สึกว่าเฮยโจวคงจะตาย ดังนั้นเขาใช้คำว่า ‘เฮยโจวพ่ายแพ้’

โชคร้ายนี้จะทำให้เฮยโจวตายหรือไม่? เย่ว์หยางไม่สนใจอยากรู้!

เขารู้เพียงอย่างเดียว

เจ้าผู้นี้ไม่ตายง่ายๆ อย่างแน่นอน

ถูกธนูแห่งความชังของอิคคาปักตรึง คิดจะตายอย่างสบาย?  นั่นเป็นเรื่องน่าขัน!

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดว่าเฮยโจวเคยปกครองอาณาจักรตะวันตกไร้เมตตา โหดเหี้ยมอำมหิต ในที่สุดก็ตายด้วยน้ำมือของอิคคาและสาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราช  ถ้าเฮยโจวพบอาหงหรืออาหมันและถูกพลังเนตรประหาร ก็อาจไม่ต้องเจ็บปวด  ถ้าพบกับตั่วตั่วกับเจี้ยงอิง อาจจะผ่อนคลายมากขึ้นตราบเท่าที่เขาเป็นปุ๋ยอย่างดี  ถ้าพบกับสาวเทียนฟากับราชันย์ปีศาจใต้อาจเป็นโศกนาฏกรรมเล็กน้อย  แต่ก่อนที่จะถูกสายฟ้าสังหารอาจต้องฟังคำสวดส่งวิญญาณเสียก่อน  เสียชีวิตในเงื้อมมือของอิคคาและเว่ยหลายนับว่าโชคร้ายที่สุด ยังดีที่ไม่โดนปืนใหญ่ผลาญวิญญาณของนางฟ้าสงคราม

เฮยโจวเหลือพลังเทพไม่มากนัก มิฉะนั้นคงจะตายไปนานแล้ว

เย่ว์หยางคิดว่า นี่เป็นเรื่องที่น่าห่วงเล็กน้อย

อิคคาและเว่ยหลายต้องใช้เวลาถึงสามวันสามคืนจึงจะฆ่าเฮยโจวได้หรือไม่  ถ้าเป็นอย่างนั้นเฮยโจวนับว่าพบกับโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งชีวิตแล้ว

เกี่ยวกับวิธีการตายของเฮยโจว นอกจากเย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแล้ว ไม่มีใครรู้ไม่มีใครใส่ใจเรื่องนี้ ตอนนี้ผู้คนนับล้านนั่งรายล้อมป้อมพายุและล้อมดาบยักษ์และหันหน้าเผชิญกัน ศัตรูที่ยังมีชีวิตและที่ใกล้ตายเพียงแต่นั่งรอฟังเรื่องราวของฮัวยาและกัวกัวแห่งโจรดวงดาวเงียบๆ .. การต่อสู้ล้มตายของเหล่าแปดเทพ!

ฮัวยาและกัวกัวพวกโจรดวงดาวและทหารกบฏโดยสารยานหงส์เหินที่ลอยลำอยู่ในท้องฟ้าด้วยความภูมิใจ

พวกเขาไม่กล้าบินผ่านดาบยักษ์หรือยืนที่ด้ามดาบเหมือนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน

ถ้าเขาบังอาจกระทำเช่นนั้น อย่าว่าแต่จอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทอง  อินทรีป่า พยัคฆ์บินและฟลามิงโกเลย พวกเขาคงโดนลากออกไปร้อยกิโลเมตรและถูกฝังทั้งเป็นแน่นอน

สำหรับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้ควบพลังสร้างดาบยักษ์ แต่ละคนรู้สึกเกรงกลัวนาง

ความน่ายำเกรงนี้จอมพลฟงเอ๋ออาจเห็นว่าด้อยกว่าซื่อเสิน แต่จอมพลกริฟฟินมองว่าแข็งแกร่งกว่าชี่เฉียว และไม่ด้อยกว่ากันเลย

ที่สำคัญตลอดยุคสมัยในประวัติศาสตร์ของพวกเขา ดาบยักษ์ขนาดนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อนในโลก กลับปรากฏต่อสายตาทุกคนทำให้พวกเขารู้สึกนอบน้อมตน และไร้ความหมายไปโดยอัตโนมัติ

“กล่าวกันว่าจีอู๋ลี่หลังจากสมคบร่วมมือกับเทพประจิมเฮยโจว ก็ให้ร่างอวตารมุ่งหน้ามายังหุบเขาพื้นที่ตั้งค่ายด้านหลังป้อมพายุ ในนามปราชญ์ผู้รู้ เขาล่อลวงโจรดวงดาวและพวกกบฏ แต่เพราะความฉลาดแทบตายของเราผ่านมาพบเห็นแผนร้ายสมรู้ร่วมคิด…”  ฮัวยาพูดแต่ถูกผู้ฟังนับล้านคัดค้านปฏิเสธ และสงสัยว่าทำไมเขาจึงฉลาดแทบตาย  หากไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางพวกเขาคงลุกเดินหนีแน่  พอถึงเวลานี้กัวกัวเห็นว่าท่าทีไม่ดี เขารีบเปลี่ยนรูปแบบการเล่าเรื่องอย่างรวดเร็ว  “พวกเราถูกหลอกจริงๆ ข้าคิดว่าจีอู๋ลี่จอมวายร้าย เล่นกับคนเป็นล้านในฝ่ามือ  ไม่เพียงแต่เราเท่านั้น แม้กระทั่งเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งแปดยังถูกหลอก  พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่าจีอู๋ลี่ผู้นี้ โน้มน้าวเทพผู้ชั่วร้ายในแดนสวรรค์  เขาล้มเฮยโจวด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว  แม้ว่าจีอู๋ลี่จะได้รับผลสะท้อนจากพลังเทพก็ตาม จากนั้นจีอู๋ลี่ถูกเทพผู้ชั่วร้ายคนทำร้ายยิงจนอกทะลุ พวกเจ้าคิดไม่ออกแน่ว่าเทพชั่วร้ายนั้นมีพลังมากมายแค่ไหน! ไม่ใช่เพียงแค่นี้ ซื่อเสินทุ่มเทพลังทั้งหมดในกระบี่ยังทำได้แค่เพียงต้านพลังดรรชนีเดียวของเขาเท่านั้น…”

“หา!”  ผู้ฟังทุกคนส่งเสียงอื้ออึงสูดหายใจหนาวเหน็บ

กระบี่ของซื่อเสินทำได้แค่ต้านรับดรรชนีเดียวของเทพชั่วร้ายนั่นหรือ?

เทพผู้นี้ไม่ธรรมดานักหรือ?

ทหารธรรมดาคิดแบบนี้  แต่เมื่อจอมพลฟงเอ๋อ, กริฟฟิน, หมื่นปีศาจและกู้ไห่เมื่อได้ยิน แต่ละคนมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน  เทพผู้ชั่วร้ายนี้น่าสะพรึงกลัวมาก  แต่เย่ว์ไตตันและสตรีผู้ถือดาบเทพก็ฆ่าเทพผู้ชั่วร้ายได้ นี่ยังน่ากลัวมากกว่าไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เย่ว์ไตตัน และสตรีดาบเทพดูเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย

อินทรีป่า, พยัคฆ์บินและฟลามิงโกพยายามสงบอารมณ์ตนเองลง เย่ว์ไตตันที่พวกเขารู้จักอยู่ก่อนนั้นเป็นบุคคลผู้น่าทึ่ง

เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกในตำนานคิดค้นและสร้างยานแม่ได้เป็นพันๆ ปี  ทั้งซื่อเสินและเฮยโจวไม่มีใครเปลี่ยนแปลงลักษณะได้  แต่เด็กหนุ่มผู้นี้สามารถเปลี่ยนยานกระทุงเป็นยานหงส์เหินได้และยังสร้างกองทหารเกราะรบเต่าดำ ด้วยโลหะลับเทพสังหารได้ ดังนั้นจะเอาความคิดของคนธรรมดามาประเมินเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้เลย!

“กล่าวอีกนัยหนึ่ง เทพชั่วร้ายนั่นสร้างความรำคาญให้กับท่านไตตัน เขากลายร่างเป็นอสูรยักษ์ใหญ่มหึมาที่คงกระพันน้ำ ลม ไฟทำอะไรไม่ได้ ในเวลานี้ท่านไตตันทำให้เขาขนลุกขนชัน!  เป็นเขาจะทำยังไง?  สิ่งที่น่ากลัวก็คือเทพชั่วร้ายนั้นเพิ่งจะใช้ร่างแรก มีสองร่างสุดท้ายที่ทรงพลังมากยิ่งกว่าเป็นล้านเท่า ท่านไตตันต่อสู้ตอบสนองต่อการต่อสู้ที่ยกลำบากนี้ได้อย่างไร?   ลองคิดดู ข้าเดาว่า … อ่า….คอแห้ง  ข้าขอดื่มน้ำก่อนได้ไหม?”  ในที่สุดกัวกัวเล่ากล่าวจนน้ำลายแตกฟองและรู้สึกคอแห้งเล็กน้อย เขาขอโอกาสดื่มน้ำก่อน  แต่พฤติกรรมของเขากลับโดนคนอื่นต่อว่าโวยวายโดยไม่ต้องปรึกษากันมาก่อน  ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้เจ้ากลับไม่ยอมเล่าต่อ ทั้งยังจะให้พวกเขาคาดเดาอีกหรือ?

ก้อนหินนับไม่ถ้วนปลิวมาตามอากาศราวกับสายฝน

ถ้ากัวกัวต้องสร้างอาคารบ้านเรือน คาดว่าหินเหล่านี้สามารถนำไปสร้างตึกระฟ้าได้อย่างสบายๆ

เย่ว์หยางไม่ทราบว่าสงครามเหล่าทวยเทพนั้นได้รับความนิยมมากน้อยแค่ไหน หากเขารู้ว่าได้รับความนิยมมากเขาคงคิดค่าบริการหรืออาจเขียนนิยายขายเอาเงินค่าต้นฉบับก็คงได้เงินไม่น้อย  “เปลี่ยนไปมากจริงๆ!”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกลับมายังโลกคัมภีร์แทบจำไม่ได้ว่านี่คือสถานที่นางอยู่ทุกวัน นางไม่ได้ใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้มากนักและสิ่งท่ทำให้นางประหลาดใจและกังวลก็คือเสวี่ยอู๋เสียหายไป  ถ้าเสวี่ยอู๋เสียตื่นขึ้นมาแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่ดี นางรอคอยมาเป็นเวลานานแล้ว นางต้องการรู้ว่าสาวหิมะเป็นยังไง ได้รับตกทอดพลังเทพแล้วมีความก้าวหน้าเพียงไหน ได้รับทักษะพิเศษใหม่อะไรบ้างในช่วงที่หลับ  อย่างไรก็ตามเสวี่ยอู๋เสียตื่นขึ้น แต่ว่าหายไป ไม่มีใครรู้ว่านางไปที่ไหน  อย่างนี้แม้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอยากจะหึง แต่นางก็ยังรู้สึกอายเล็กน้อย

นางมองเย่ว์หยางที่กำลังนั่งเงียบๆ อยู่ข้างเตียงเสวี่ยอู๋เสีย ทันใดนั้นนางโอบกอดศีรษะเขาไว้แน่นแนบอก นางใช้คำพูดอ่อนโยนราวกับสายลมปลอบโยนเขา  “ไม่ต้องกังวล นางคงกลับไปพักผ่อนยังโลกคัมภีร์ของนาง  ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะย่อยประกายเทพ แม้แต่ตั่วตั่วและเจี้ยงอิงก็ยังต้องใช้เวลานานในการดำเนินการ!  ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงกลัวว่านางจะไปท้าทายเทพปีศาจ  อย่างไรก็ตามข้ารับประกันได้ว่าครั้งแรกที่นางลืมตา นางคงอยากจะพบเจ้า ถ้าไม่ถูกบังคับก็ต้องมีเหตุผลที่กลับเข้าไปในโลกคัมภีร์  แต่นางจะรอเจ้าแน่นอน ไม่รู้ว่านางบอกเจ้าไปมากแค่ไหนแล้ว!  นางไม่ได้ออกไปข้างนอก นางยังอยู่กับเรา  เจ้าเพียงแค่ต้องอดทนรอ เจ้าอุตส่าห์อดทนรอมานานแล้ว เจ้ายังใส่ใจเรื่องเวลาด้วยหรือ?”

เย่ว์หยางแนบหน้ากับอกนางได้กลิ่นหอมบริสุทธิ์ จิตใจที่ว้าวุ่นค่อยสงบลง

องค์หญิงเชี่ยนสั่นทันที

ด้วยความหยิ่งเล็กน้อยนางชูกำปั้นควงไปมา  “วิธีนี้ทำให้ตัวร้ายได้เปรียบอยู่เรื่อย  เจ้ายังทำหน้าซื่อแต๊ะอั๋งข้าอยู่อีกหรือ?  ปลอบโยนเจ้าไปก็ไร้ประโยชน์”

“อะแฮ่ม.. นี่ นี่ เจ้าก็คุ้นเคยกับนิสัยของข้าอยู่แล้ว…” หมาป่าพูดยั่ว

“ข้าก็มีนิสัยอย่างนี้เหมือนกัน!”  แม่เสือสาวทำท่าจะกัด

แต่วินาทีต่อมาริมฝีปากนาง ถูกปากเขาไว้

กัดและจูบ

บางครั้งก็แทบคล้ายกัน…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด