Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ 1214

Now you are reading Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ Chapter 1214 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ครอบครัว? ยิ้มพิมพ์ใจ

เสวี่ยอู๋เสียตื่นขึ้น

 

ลืมตาขึ้นครั้งแรก นางอยากพบเด็กหนุ่มวายร้ายที่นางฝันถึงขณะหลับสนิท  นางรู้ว่าเขาคิดถึงนางเรียกนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าหวังว่านางจะตื่นขึ้นและหวังว่าเมื่อนางลืมตาจะมองเห็นหน้าเขาทันทีและเตือนเขาไม่ให้ทำตัวน่ารังเกียจเกินไป  อย่างไรก็ตามมีหลายครั้งที่นางต้องการจะตอบสนองเล็กๆ น้อยๆ แม้ว่าจะเป็นการบอกใบ้เล็กน้อยก็ไม่สามารถทำได้

นางไม่รู้ว่านางอยู่ท่ามกลางความปั่นป่วนโกลาหลนานแค่ไหน บางทีอาจเป็นเวลาพันปี หรือนานแสนนาน

ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆ เสมอหัวใจนางคงร้อนรน

ในการหลับอย่างสงบแทบใกล้เคียงกับความนิรันดร์ เสวี่ยอู๋เสียรู้สึกว่านางได้ผลรับมากมายจริงๆ  แม้ว่านางจะไม่สามารถพูดคุยหยอกล้อกับเขาได้  แต่นางก็มีความอดทนมากขึ้นตระหนักรู้ความคิดในความเงียบของนางมากขึ้น…  การหลอมรวมพลังเทพน้ำแข็ง สำนึกเทพค่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลงควบแน่นแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่ต้องมีความคิดนำใดๆ อยู่ตรงกลาง พลังงานรูปแบบใหม่ก่อตัวโดยอัตโนมัติ  เกิดเป็นกระบวนการทางสำนึกเทพและพลังเทพที่สมบูรณ์ นางได้เรียนรู้เข้าใจขอบเขตความรู้ของระดับเทพ เป็นความรู้ใหม่ที่ไม่คาดคิดจินตนาการมาก่อน  บางอย่างก็เป็นเรื่องลึกลับซับซ้อน ถ้าต้องใช้ปัญญาทำความเข้าใจทั้งหมดไม่ก็รู้ว่าเมื่อไหร่จะเข้าใจได้หมด   ได้แต่รอสำรวจในใจตนเองเงียบๆ และดูดซับความรู้นั้นเข้าด้วยกัน

ในบางขอบเขต เสวี่ยอู๋เสียรู้สึกว่านางมีความเข้าใจ

แต่การค้นพบสุดท้ายนั้นเป็นแค่การเริ่มต้น

เหมือนกับปลายยอดภูเขาน้ำแข็งซึ่งเป็นส่วนน้อยเท่านั้น

มีบางครั้งเสวี่ยอู๋เสียคิดว่า นางยังอยู่ไกลมาก แต่ในที่สุดนางพบว่าเชี่ยวชาญประสบความสำเร็จโดยไม่รู้ตัว  มีเพียงโอกาสเดียวที่จะแสดงยืนยัน!

นางต้องการแบ่งปันผลเก็บเกี่ยวและร่วมยินดีกับเด็กหนุ่มตัวร้าย  เขาคงจะมีความสุขกับนาง  บางทีเขาอาจจะบ่นเพราะนางเอาแต่นอนนานเกินไป  แต่คงจะมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอน… องค์หญิงผู้เชิดหยิ่งคงจะดื่มน้ำส้มสายชูสามชามใหญ่ (หมายความว่าหึง) นางคงจะโกรธมากที่ไม่เห็นตัวนางเองเป็นเวลานาน เสวี่ยอู๋เสียคิดจะตามหานาง

อย่างไรก็ตามเมื่อนางได้รับประโยชน์ขอบเขตพลังที่สูงส่ง นางกระตือรือร้นจนกระทั่งเป็นอิสระจากสภาวะปั่นป่วน

เมื่อนางลืมตาขึ้นนางต้องการพบเขาเป็นคนแรก

แต่เสวี่ยอู๋เสียพบว่า

ตัวนางอยู่ในมิติเวลาที่ลึกลับ

ทุกอย่างที่นี่ดูเหมือนจะคุ้นเคยมาก ราวกับว่านางเคยเห็นมาก่อน  แต่เสวี่ยอู๋เสียแน่ใจว่าทุกอย่างในนี้แปลกอย่างสิ้นเชิง  นางไม่เคยเห็นมาก่อน มีความคุ้นเคยแต่รู้สึกแปลก เหมือนไม่ใช่ความจริง

ไม่มีดอกไม้ ต้นไม้ ไม่มีภูเขา ไม่มีทะเลสาบไม่มีอะไรในโลก

บางทีเป็นกลุ่มเมฆหมอกในท่ามกลางความโกลาหล

ถ้าไม่ใช่เพราะเสวี่ยอู๋เสียพบว่าตนเองตื่นเต็มที่แล้ว นางคงสงสัยว่ายังคงหลับและอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน

 “บางทีอาจมีคำตอบในคัมภีร์แห่งสัจจะ”  เสวี่ยอู๋เสียคิดเรื่องนี้แล้วไม่สามารถหาเหตุผลรับรองได้  นางต้องมองดูจากคัมภีร์แห่งสัจจะซึ่งหลอมรวมกับนางวิวัฒนาการไปเป็นสมบัติชั้นเทพคุณภาพสูง

นิ้วดุจหยกของนางพลิกหน้าเบาๆ

คาดไม่ถึงเลยว่าคัมภีร์แห่งสัจจะซึ่งสามารถนำเสนอความจริงของโลกได้ทั้งหมดไม่มีการตอบสนอง

แม้นางจะเรียกขุนพลเทพธิดาวายุ อสูรพิทักษ์ของนาง

แต่กลับไร้ผลสิ้นเชิง

 “เกิดอะไรขึ้น?”  เสวี่ยอู๋เสียงงงวย ยังมีที่ใดในโลกที่ไม่สามารถเรียกอสูรพิทักษ์ออกมาด้วยหรือ?  นี่ที่ไหนกัน?  เห็นได้ชัดว่านางหลับอยู่ในโลกคัมภีร์ และจู่ๆ นางกลับมาอยู่ดินแดนลับของมหาเทพโบราณ ต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่!

นางงงงวยและไตร่ตรองกลับไปมาเป็นร้อยครั้ง และประหลาดใจกับสิ่งที่นางพบ

ที่ด้านหลังนางไม่รู้ว่ามีเด็กหญิงน่ารักสองคนปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งสองคนกระพริบดวงตากลมโตมองดูนาง

เสวี่ยอู๋เสียเห็นเด็กหญิงมาหลายคน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือนอกมีมากมายโดยเด็กหนุ่มตัวร้ายของนางเป็นพวกรักเด็ก เขารู้จักเด็กหญิงโตเด็กหญิงน้อยอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นซวงเอ๋อจอมซน หนิวหนิว ปิงเอ๋อผู้ว่าง่าย เป่าเอ๋อ รวมทั้งองค์หญิงจากตระกูลต่างๆ  แม้แต่ในสถาบันฉางชุนเฉิง ห้องเรียนระดับสูงที่แม่เฒ่าอู่เถิงดูแล มีเด็กหญิงมากมายที่นางพบเจอ

อย่างไรก็ตามเสวี่ยอู๋เสียมั่นใจ

เด็กหญิงผู้น่ารักสองคนที่อยู่ข้างหน้านาง นางไม่เคยพบเห็นมาก่อน  และไม่เคยเห็นเด็กหญิงที่ผิวสีชมพูน่ารักขนาดนี้

แม้ว่าเสวี่ยอู๋เสียไม่ใช่คนที่ชอบคลุกคลีกับเด็กแต่นางกลับรักเด็กผู้หญิงสองคนข้างหน้านี้

เพราะ

พวกเธอน่ารักมาก!

 “พวกเจ้า….”  เสวี่ยอู๋เสียเหมือนมีภาพเลือนลางว่าคุ้นเคยกับเด็กน้อยสองคนนี้มาก่อน  แต่ก็แน่ใจว่าไม่เคยเห็นพวกเธอมาก่อน เนื่องจากนางรู้สึกอย่างนี้ นางจึงสับสนไม่แน่ใจชัดนัก  ทำไม!

นางทำท่าอยากกอดเด็กหญิงผิวสีชมพูน่ารักทั้งสอง  แต่ทั้งสองเมื่อเห็นนางเหมือนกับจะเข้าใจนาง กลับถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ไม่ยอมให้กอด

พวกเธอมองกันและกันอีกครั้ง

เสียงหัวเราะชัดเจนไพเราะราวกับระฆังเงินได้ยินสะท้อนไปทั้งใจ

เด็กหญิงทั้งสองจับมือซอยเท้าน้อยๆ วิ่งห่างออกไป

เสวี่ยอู๋เสียยื่นมือไขว่คว้าและพบเห็นรอยเท้าตัวนางเอง ถ้านางต้องการเคลื่อนไหวที่นี่สักครึ่งเมตร นางจะต้องดิ้นรนใช้พลังทั้งกาย  เป็นไปไม่ได้ที่จะตามจับเด็กหญิงผู้น่ารักทั้งสองที่ถลันร่างห่างออกไป พร้อมกับยิ้มให้อย่างคาดไม่ถึง  เด็กหญิงทั้งสองคนเป็นลูกของใคร ทำไมพวกเธอถึงมาอยู่ที่นี่?

ทำไมพวกเธอจึงดูคุ้นเคยกับนางยิ่งนัก

ปัญหาหลายอย่าง

ผุดขึ้นในใจของเสวี่ยอู๋เสีย นางคิดไตร่ตรองก็คิดไม่ออก

เสวี่ยอู๋เสียเดินช้าๆ ไปในทิศทางที่เด็กหญิงทั้งสองหายไป ทุกย่างก้าวที่นี่เหมือนใช้เวลาสิบวันครึ่งเดือนถึงจะไปได้  การกระทำทุกอย่างช้าไปหมด  โชคดีที่ห้ามเรื่องการเดินเท่านั้น ถ้าห้ามไม่ให้พูด นางคงต้องกังวลเป็นแน่

เสวี่ยอู๋เสียผู้ได้ความอดทนในช่วงเวลาที่หลับสามารถทำได้อย่างสบาย ไม่กังวล อย่างไรก็ตาม นางใช้เวลาเดินทั้งวัน

ถ้าเปลี่ยนเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนซึ่งเป็นคนใจร้อนกว่า

คาดว่านางคงอึดอัดหายใจไม่ออกเป็นแน่

นางไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปอีกนานเท่าใด

ในไม่ช้าเสวี่ยอู๋เสียก็หยุด แทบไม่สามารถยืนอยู่ได้ ทันใดนั้นนางพบว่ามีบางคนกำลังฝึกฝนอยู่

คนผู้นี้ยังคงเป็นดรุณีน้อย  แต่เป็นดรุณีที่โตกว่าซวงเอ๋อและหนิวหนิว แต่เล็กกว่าปิงเอ๋อและเป่าเอ๋อ  ลักษณะของนางนั้นมีความคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก เหมือนกับว่าเด็กหญิงผู้นี้นางเคยพบเห็นมาก่อน  เป็นความคุ้นเคยเหมือนคนที่รักให้ความรู้สึกเป็นมิตรและสบายใจ

 “น้องสาว, เจ้าเป็นใครกัน?”  เสวี่ยอู๋เสียรู้ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่สมาชิกครอบครัวนางแน่  แต่นางสงสัยว่าดรุณีน้อยผู้นี้อาจเป็นสมาชิกครอบครัวของคนรักนาง บางทีอาจเป็นน้องสาวของเขาก็ได้ แต่เดิมน้องสาวของวายร้ายของนางก็คือปิงเอ๋อและซวงเอ๋อ ไม่มีใครอื่น  แต่เมื่อเด็กหญิงปรากฏต่อหน้าเสวี่ยอู๋เสีย นางคงไม่ปฏิเสธว่าไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่น บางทีอาจเป็นดอกผลแห่งความปรารถนาของมารดาเย่ว์หยางก็ได้

หรืออาจจะมีเหตุผลอื่น

อย่างไรก็ตาม น้องสาวผู้นี้ต้องเป็นสมาชิกครอบครัวเขาแน่นอน!

ดรุณีน้อยผู้นี้สวมใส่ชุดที่งดงามซึ่งเสวี่ยอู๋เสียไม่เคยเห็นมาก่อน  นางพอเห็นเสวี่ยอู๋เสียก็รั้งพลังกลับอย่างรวดเร็ว นางมองดูเสวี่ยอู๋เสียและกระพริบตากลมโตเหมือนกับที่เด็กหญิงผู้น่ารักทั้งสองมองเสวี่ยอู๋เสีย

 “หน้าของข้ามีอะไรรือ?”  เสวี่ยอู๋เสียรู้สึกหวาดหวั่นและลูบหน้าโดยไม่รู้ตัว

 “…..”  ดรุณีน้อยยิ้มแต่ไม่พูดอะไร

นางยื่นมือออกมาทันที

เสวี่ยอู๋เสียไม่ค่อยเข้าใจนัก คาดว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังแสดงออกถึงพฤติกรรมที่ดี  อาจพยายามจูงมือนางก็ได้  นางยังคงลองยื่นมือออกไปจับมืออ่อนนุ่มของอีกฝ่ายเบาๆ

เป็นสัมผัสที่ปลอดภัย สนิทสนมและทำให้หัวใจของเสวี่ยอู๋เสียสงบลง

นี่คือคนรักคนหนึ่ง

วินาทีต่อมานั้น

นางประหลาดใจมากที่พบว่าดรุณีน้อยที่อยู่ข้างหน้านางควบแน่นพลังใช้พลังปราณสร้างเป็นกระบี่มังกรทอง และลอยตัวขึ้นไปยืนบนศีรษะมังกร มังกรทองบินขึ้นไปในท้องฟ้า ในพริบตาเดียว ไม่รู้ว่านางบินไปไกลเพียงไหน ถ้าเปลี่ยนเป็นโลกธรรมดาก็ต้องบินผ่านมาหลายพันไมล์

 “จะไปไหนกัน?”  เสวี่ยอู๋เสียคิดว่านางจะพาตัวนางเองไปจากโลกแปลกประหลาดเพื่อกลับไปพบกับตัวร้ายของนาง?

 “…..” เด็กสาวยิ้มหวานให้นาง แต่ไม่อธิบายอะไร

มังกรทองยักษ์ถูกสร้างด้วยปราณกระบี่ดูเหมือนจะผ่านมิติเวลาได้

เสวี่ยอู๋เสียงงงวยตลอดทาง

ไม่ลดลงแม้แต่น้อย

ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าร่างกายเบา

มังกรทองยักษ์หายไป นางพบว่านางมาอยู่ในโลกที่มีพลังเทพสว่างไสวเต็มไปด้วยรัศมีแสง  เมื่อเทียบกับโลกแห่งความฝันที่มีสีสันเต็มไปหมด เสวี่ยอู๋เสียพบว่า  แม้โลกที่สวยงามที่สุดที่นางเคยพบเจอมาก่อน เมื่อมาเปรียบเทียบกับที่นี่ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยอ้าง

โลกคัมภีร์ของตัวร้าย ผ่านการใช้เจตจำนงและสร้างให้ทุกคนอย่างสวยงาม

แต่มิอาจเปรียบกับที่นี่ได้

ความรู้สึกห่างชั้นนั้นเหมือนกับลูกเป็ดขี้เหร่กับพญาหงส์ขาว

พลังเทพของเสวี่ยอู๋เสียสามารถใช้ที่นี่ได้ในที่สุด ยิ่งกว่านั้นยังได้รับพลังสนับสนุนเป็นพันเท่า..  นางลอยตัวอยู่ในท้องฟ้ามองดูทิวทัศน์ทั้งหมดเบื้องหน้านาง  นอกจากนี้ที่นี่ยังมีความงดงามอย่างที่มิเคยพบเห็นจากที่ใดมาก่อน มิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้ ที่ด้านบนสุดเหมือนมีลำแสงเทพสีรุ้ง

ครอบคลุมเต็มท้องฟ้าทั้งหมด

นางไม่รู้ว่าต้องใช้เวลามากมายเพียงไหนพลังเทพจึงสามารถกลั่นตัวได้มากมายขนาดนี้

ภายใต้แสงสีรุ้งศักดิ์สิทธิ์ ไกลออกไปมีเสาสีแดงอ่อนทอดยาวจากเชิงเขาตั้งชันขึ้นหายไปบนท้องฟ้า ใจของอู๋เสียตื่นเต้น พลังเทพพานางมาที่หน้าเสาแสงสีแดง และนางก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเสาแดงนี้ไม่ใช่อะไรอื่น  แต่เป็นสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนใครในโลกของเด็กหนุ่มวายร้ายนั่น  เสาเพลิงอมฤต  ตัวร้ายนั่นไม่สามารถกลั่นสร้างเสาเพลิงอมฤตที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้คั่นโลกและสวรรค์อย่างนิรันดร

เสาเพลิงอมฤตนี้คาดว่ากว้างสิบกิโลเมตรหรืออาจมากกว่านั้น

สูงจรดฟ้า

นางไม่รู้ว่าไปสุดที่ใด

 “พี่สาว! เจ้ามาได้อย่างไร?”  เสียงห้าวน่ารักดังออกมาจากลำเสาเพลิงอมฤต จากนั้นเสวี่ยอู๋เสียยังไม่ทันตั้งตัวนางรู้สึกว่ามีศีรษะน้อยๆ เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนนาง พลังแฝงจากการโถมตัวเข้าอ้อมกอดทำให้นางปลิวกระเด็น ถ้าไม่ใช่เพราะนางหลอมรวมกับพลังเทพหิมะน้ำแข็ง คงโดนเด็กน้อยผู้นี้ชนกระเด็นไปในอากาศ

 “ปิงหยินนั่นเป็นเจ้าเอง!”  เสวี่ยอู๋เสียดีใจ แม้ว่าเด็กสาวนี่จะแก่นห้าวไปบ้าง แต่พอนางปรากฎตัว เสวี่ยอู๋เสียรู้สึกผ่อนคลายจิตใจ

 “พี่อู๋เสีย!  เจ้ามาถึงที่นี่ได้ยังไง?”  ศีรษะน้อยๆ ในอ้อมแขนนางเงยหน้ามอง และนั่นคือสาวกิเลนปิงหยิน

 “อ่า.. ข้าไม่รู้!”  เสวี่ยอู๋เสียไม่สามารถตอบได้  เมื่อนางหลับนางอยู่ในสภาพปั่นป่วน จากนั้นตื่นขึ้นมาพบเด็กหญิงน่ารักสองคน และมีเด็กหญิงโตผู้น่ารักอีกคนใช้ปราณกระบี่มังกรทองพาข้ามาจนกระทั่งถึงที่นี่ แปลกประหลาดยิ่งกว่าความฝัน พูดให้คนอื่นฟังคงไม่มีใครเชื่อ

เสวี่ยอู๋เสียมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ในท้องฟ้านั้นมังกรทองหายไปแล้ว

เด็กสาวผู้น่ารักก็หายไปแล้ว

มองเห็นไกลๆ เหมือนดวงดาว

เป็นประกายสดใส

สุกใสเหมือนกับประกายตาของนาง

เสวี่ยอู๋เสียเหมือนกับมองเห็นภาพลวงตามองเห็นเด็กหญิงในท้องฟ้าที่ห่างไกลยิ้มและโบกมือให้นาง…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด