Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ 1215

Now you are reading Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ Chapter 1215 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แดนสวรรค์ การรุกราน?

อาณาจักรหลิงหวิน ภูมิภาคซีเหอ แดนสวรรค์ตะวันตก

 

เมืองลี่จ้าวอยู่ใกล้ประตูสวรรค์มากที่สุดไม่มีที่ใดใกล้กว่านี้อีกแล้ว

เมืองลี่จ้าวเป็นฐานทัพใช้ตีหอทงเทียน เนื่องจากเกาะสุริยาเป็นฐานที่มั่นด้านหลัง มีผู้เฒ่าหมากรุกเป็นผู้พิทักษ์คอยดูแลป้องกันไม่ให้เชลยชาวหอทงเทียนหนีออกมา เส้นทางลับข้างหน้าได้เปิดใช้อุปกรณ์ระเบิดดวงดาวทำลายเมืองลี่จ้าวและดินแดนในรัศมีหลายสิบกิโลเมตรโดยรอบจนราบคาบ

วันนี้มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังบินไปยังซากปรักหักพังที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใช้งานเป็นเวลานาน

คนที่อยู่แถวหน้าคือเจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวที่เย่ว์หยางปล่อยให้หาประสบการณ์ในอยู่ในเมืองลู่หลิว ภูมิภาคสวนสวรรค์

ก่อนที่จะเดินทางถึงซากปรักหักพัง เย่คงหยุดและแยกออกห่างเจ้าอ้วนไห่อย่างระมัดระวังราวกับว่าจะมีศัตรูที่น่ากลัวโดดลงมาในพื้นที่ปรักหักพัง  ไม่เพียงแต่เย่คงและเจ้าอ้วนไห่เท่านั้น แต่เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวก็พร้อมเผชิญหน้ากับศัตรูด้วย

“เด็กๆ ไม่ต้องกังวล!”

เสียงอ่อนโยนดังขึ้นเหมือนกับอยู่ในท้องฟ้าห่างไกล แต่ชัดเจนเหมือนดังในหู

ในท่ามกลางพื้นที่ไหม้ปรักหักพัง มีชิ้นส่วนซากหักพังส่วนหนึ่งลอยอยู่ ตรงกลางมีช่องกลมขนาดสิบเมตรไม่ทราบลึกเท่าใด ชายชราผมขาวแต่งตัวหวีผมเรียบร้อยออกมาจากช่องกลม เขาใช้นามว่าเจียวซือผู้ปลอมตัวพรางตัวเป็นหัวหน้าพ่อบ้านในเมืองลี่จ้าว ซึ่งแท้ที่จริงคือราชาเกาเผิงหนึ่งในสี่ราชันย์ผู้ค้ำบัลลังก์ของจักรพรรดิอวี้และเป็นผู้อาวุโสที่น่าเคารพ

เย่ว์หยางมายังเมืองลี่จ้าวเพื่อช่วยเหลือผู้อาวุโสหอทงเทียนผู้ถูกจองจำในสงครามจักรพรรดิอวี้ครั้งก่อน แต่สหายเก่าทั้งหมดนี้เหลือแต่เพียงวิญญาณ เนื่องจากผ่านไปถึงหกพันปีแล้ว พวกเขาไม่ต้องการกลับหอทงเทียนไปเผชิญพบหน้าผู้เยาว์รุ่นหลังที่พวกเขาไม่รู้จัก

พวกเขาทำได้แต่เพียงลอบคุ้มครองดินแดนมาตุภูมิจากแดนสวรรค์ที่ห่างไกล

“ผู้อาวุโสราชันย์เกาเผิง”  เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ถอนหายใจโล่งอกเมื่อพวกเขาเห็นราชาเกาเผิง

เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวบินลงมาสมทบเช่นกัน

สำหรับราชันย์เกาเผิง เขาคือผู้อาวุโสรุ่นก่อน

เกาเผิงโบกมืออย่างสุภาพ  “ไม่มีราชาเกาเผิงอีกแล้ว  นี่เป็นยุคของจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่  นี่คือยุคสมัยของพวกเจ้า  พวกเจ้าไม่ต้องมากมารยาทกับเราก็ได้ ว่าแต่พวกเจ้ามีอะไรจะพูดก่อนยืนยันอีกไหม?”

เมื่อเขาถามโดยตรง เย่คงและคนอื่นเปลี่ยนสีหน้าทันที ปกติเจ้าอ้วนไห่จะยิ้มร่าเริงอยู่เสมอ แต่ตอนนี้สีหน้าเขาเครียด

เย่คงพยักหน้าหนักแน่นยืนยัน  “ข่าวสารถูกต้อง ได้รับการยืนยันแล้ว”

เมื่อได้ยินคำตอบจากเย่คง หนึ่งในสี่ราชันย์ค้ำบัลลังก์ของจักรพรรดิอวี้มองดูสีหน้าจริงจังและถอนหายใจเล็กน้อย  “หกพันปี เป็นเวลาหกพันปีแล้ว แม้จะไม่มีจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่เกิดขึ้น  ตำหนักกลางแดนสวรรค์ไม่ลืมที่จะส่งพวกเขาไปที่หอทงเทียน พวกมันไม่เคยปล่อยให้เราได้มีเวลาได้พักและฟื้นตัว  หอทงเทียนเป็นหนามตำตาพวกเขาตลอดหกพันปีที่ผ่านมา  พวกเขาจะจับตามองดูเราอย่างสงบเงียบโดยไม่ลงมือทำอะไรได้อย่างไร?  นอกจากนี้การเติบโตของพวกเจ้าเด็กน้อยรุ่นหลังเริ่มจะคุกคามพวกเขา  พวกเขาจะไม่มีทางทำเป็นตาบอดต่อไป!  เมื่อจ้าวสุริยาตาย ข้าก็มีลางสังหรณ์นี้บ้างแล้ว  พวกเขามาเร็วกว่าที่ข้าคาดเดาเล็กน้อย!”

เจ้าอ้วนไห่เกาศีรษะพูดขึ้นอย่างกังวล  “เจ้าเด็กนั่นไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย  พวกเราเพียงไม่กี่คนเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะกองทัพของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้?”

องค์ชายเทียนหลัวดูถูกที่เขาตาขาว  “อย่าพูดอะไรให้ใหญ่โตเกินไป!  กองทัพตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์น่ะหรือ?  แค่เพียงทหารรับจ้างแดนสวรรค์ก็เพียงพอบดขยี้หอทงเทียนได้ทั้งหมด!  แค่นักสู้ที่ระดับสูงกว่าปราณฟ้าระดับห้า ตำหนักกลางแดนสวรรค์สามารถหานักรบระดับนั้นได้เป็นแสนคน  ไม่ต้องพูดถึงทหารที่มีระดับพลังต่ำกว่าปราณฟ้าระดับห้าและระดับปราณดิน  ศัตรูมีจำนวนไม่น้อยกว่าล้าน อาศัยแค่เพียงเราเจ้าคิดว่าต่อให้อีกฝ่ายไม่สู้ตอบโต้เลย เจ้าจะสามารถฆ่าพวกเขาได้กี่คน?”

“แสนคน?”  ราชันย์คุกฟ้าเกาเผิงเมื่อได้ยินว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เกณฑ์ไพร่พลนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าได้ถึงแสนคนถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน

“นั่นเป็นเรื่องที่คาดกาณ์ไว้ก่อนแล้ว” เสวี่ยทันหลางตัดสินใจ

“แม้ว่าจะเป็นตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นเรื่องที่ยากมากกับการเกณฑ์กำลังนักสู้เหนือปราณฟ้าระดับห้าให้ได้สักแสนคน  ที่สำคัญไม่ใช่ว่านักสู้ปราณฟ้าที่สูงกว่าระดับห้าทุกคนจะยินดีจะไปหอทงเทียนเพื่อขายชีวิตให้กับพวกเขา  ตอนนี้พวกเขารับสมัครทหารหลายคนพิสูจน์ว่าพวกเขาได้เตรียมการแล้ว”  เย่คงเห็นด้วย

“ยังมีข่าวอะไรอีก?” เกาเผิงสงสัยว่าทำไมเย่คงและเจ้าอ้วนไห่สามารถเข้าใจความเคลื่อนไหวของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้

“เรื่องเป็นเช่นนี้ บางทีท่านผู้อาวุโสอาจจำได้  คุณชายสามตอนที่อยู่ในเมืองลี่จ้าว ครั้งหนึ่งเขาช่วยราชาและพระสนมของเผ่ากาทอง ราชากาทององค์ชายแปดเผ่าบูรพาอูไห่ได้ทราบข่าว เขารีบส่งข่าวไปที่ภูมิภาคสวนสวรรค์เพื่อเตือนคุณชายสามทันที  แต่เขาไม่รู้ว่าคุณชายเข้าดินแดนมิติฝึกฝน หลังจากพวกเขาเทียวไปเทียวมาอยู่ในเมืองลู่หลิวหลายรอบจึงได้พบเจอพวกเรา”  เย่คงอธิบายให้เกาเผิงฟัง

“ดังนั้นเจ้าถึงได้ส่งหมาป่าปีศาจล้างโลกมาส่งข่าวให้เรา!”  เกาเผิงพยักหน้า

“ฮุยไท่หลาง?”  เจ้าอ้วนไห่ตอนนี้พบว่าฮุยไท่หลางไม่อยู่ที่นั่น

“ข้าให้มันกลับไปหอทงเทียน”  เกาเผิงถอนหายใจ  “แม้ว่าข้อมูลที่เจ้าส่งมายังไม่ชัดเจน  แต่ข้าพอจะเดาได้ว่ากองทัพตกอยู่ภายใต้แรงกดดันดังนั้นข้าจึงปล่อยให้เจ้าหมาป่าปีศาจล้างโลกไป หวังว่าหอทงเทียนจะได้รับทราบข่าวล่วงหน้าและเตรียมการได้ทัน”

“ประตูแดนสวรรค์เป็นรอยแตกของมิติเวลา ไม่อาจใช้ได้ไม่ใช่หรือ?  ฮุยไท่หลางจะตกอยู่ในอันตรายหรือไม่?”  เย่คงและคนอื่นๆ ตกใจ

ถ้าฮุยไท่หลางหายไปในรอยแยกมิติเวลาของประตูแดนสวรรค์ที่ถูกผนึก

อย่างนั้นเขาไม่รู้จะอธิบายกับเย่ว์หยางอย่างไรดี

ฮุยไท่หลางคือหมาป่าปีศาจล้างโลก  แต่ไม่ได้ทำสัญญากับเย่ว์หยาง มันไม่ใช่อสูรพิทักษ์ ถ้ามีข้อผิดพลาดไป หรือถูกมิติกาลเวลาดูดเข้าไปในรอยแยก มันจะไม่มีทางฟื้นคืนชีพ เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ได้แต่คิดว่ามันคงรวดเร็วพอและปลอดภัย

พวกเขาไม่คิดจะปล่อยให้มันผ่านรอยแยกมิติเวลากลับไปยังหอทงเทียน

แต่พอเกาเผิงราชันย์คุกฟ้าพูดขึ้น

ทุกคนหวาดกลัว

ขออย่าให้เกิดอุบัติเหตุเลย มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่มีหน้าพบเย่ว์หยาง

เกาเผิงหัวเราะ  “หมาป่าปีศาจล้างโลก มันฉลาดกว่าพวกเจ้า และมีร่างที่เกือบจะเป็นอมตะอยู่แล้ว ดังนั้นรอยแยกมิติเวลาเล็กน้อยทำอะไรมันไม่ได้  นอกจากนี้ ข้าไม่ได้ปล่อยให้มันไปทางรอยแยกมิติเวลาด้านประตูสวรรค์  เพื่อหลีกเลี่ยงความน่ากลัว ข้านึกถึงอีกทางหนึ่ง   ความจริงมันอยู่ภายใต้ซากหักพังที่นี่ ความจริงอาวุธวิเศษระเบิดดวงดาว ได้สร้างรอยแยกจากที่พวกเราเหล่าเฒ่ากระดูกผุกร่อนได้สร้างไว้ พอระเบิดออกช่องมิติเวลาก็ขยายยาวไปถึงผนึก  ถ้าจะใช้ร่างมนุษย์ผ่านไปจะค่อนข้างอันตราย  แต่ไม่มีปัญหากับหมาป่าปีศาจล้างโลก  พวกเจ้ามั่นใจได้เลยว่าข้าไม่เลอะเลือนจนถึงฝังเจ้าหมาป่าปีศาจล้างโลกอย่างไม่มีเหตุผล!”

โชคดีจริงๆ!

ทั้งเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ลูบอกโล่งอกด้วยคำพูดของราชันย์คุกฟ้าราวกับยกภูเขาออกจากอก

“ด้วยวิธีนั้นหอทงเทียนจะได้รับแจ้งถึงการมาถึงของกองทัพตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนสวรรค์”  องค์ชายเทียนหลัวถอนหายใจโล่งอก  แม้ว่าแรงกดดันจากกองทัพยากจะต่อต้านแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เตรียมตัว

“ข่าวสารคาดว่าจะถูกส่งกลับมา แต่ไม่มีจำนวนที่แน่นอน” เกาเผิงส่ายหัว  “จดหมายพวกเจ้าตอนแรกเป็นข้อมูลที่ยังไม่รู้กัน!”

“อันที่จริงจำนวนที่แน่นอนต่อไปนี้เป็นพันธมิตรอีกกลุ่มหนึ่งที่บอกกับเรา”  เย่คงพูดอย่างจนใจ “องค์ชายแปดอูไห่ไม่ทราบจำนวนที่เฉพาะเจาะจงของทัพหน้า เขาต้องเร่งเวลามาแจ้งเราอย่างรวดเร็วที่สุด  นอกจากนี้เขาบอกว่าจะยังไม่เร่งเข้าพิชิตหอทงเทียน แต่จะบุกเข้าภูมิภาคซีเหอ และพวกกลุ่มกบฏและพวกอาณาจักรมืดเพื่อประกาศโทษคุณชายและเป็นการแก้แค้นให้เผ่าเก้าแสง  แต่ทันทีที่ได้ยินพวกเขาเข้าใจได้ทันทีว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือเอาชนะหอทงเทียน… ไม่นานหลังจากนั้นเราจึงส่งฮุยไท่หลางมารายงาน  นอกจากนี้ยังมีสหายอีกคนหนึ่งนามว่าตู๋กูฉางฟงช่วยยืนยันข่าวนี้  กล่าวกันว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์สามารถระดมนักสู้ปราณฟ้าจากภูมิภาคร้อยเขตโดยรอบ มีนักสู้ระดับราชานับไม่ถ้วนได้รับเลือกให้มีส่วนร่วมกับการเคลื่อนไหว  เพื่อค้นหาข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดและพยายามรอคุณชายสามดูว่าเขาจะกลับมาได้ทันเวลาหรือไม่ เรารอในเมืองลู่หลิวเกือบหนึ่งเดือน คุณชายสามยังไม่กลับจากการฝึกฝน  อย่างไรก็ตามเราได้รับข้อมูลจากหมิงลี่ฮ่าว พี่ชายของหมิงเยี่ยกวงหนึ่งในสามจอมภพแดนสวรรค์ที่เคยทำสงครามกับจักรพรรดิอวี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่แน่นอน คราวนี้กองทหารเกณฑ์ของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มีนักสู้ฝีมือดีสูงกว่าปราณฟ้าระดับห้าเกินแสนคน  กองทัพธรรมดาหนึ่งล้านคน ไม่รวมพลขนส่งอีกล้านคน”

“กองทัพหนึ่งล้าน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะระดมพล  เราคงจะมีเวลาอยู่บ้าง”  เกาเผิงคาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนจากการรุกรานอย่างเป็นทางการ

“กล่าวกันว่าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มีพลังเทเลพอร์ตที่เรียกว่าแสงนำทางศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสามารถโอนส่งข้ามดินแดนได้รวดเร็วมาก”  เย่คงพูดอย่างไม่กังวล

“ถูกแล้ว แต่ถ้ามีอยู่จริง การส่งกองทัพระยะไกลคงเป็นงานที่ง่าย”  เกาเผิงพยักหน้า

“เราต้องเตรียมการภายในหนึ่งเดือน”  องค์ชายเทียนหลัวตัดสินใจ  ขณะที่เสวี่ยทันหลางคร้านจะใช้สมอง ส่วนที่เขารับผิดชอบก็คือลงมือและฆ่าศัตรูให้มากเข้าไว้

“พันธมิตรในส่วนต่างๆ ของแดนสวรรค์จะให้เวลาเราบ้างอีกเล็กน้อย”  เจ้าอ้วนไห่มองโลกในแง่ดี

“หมิงลี่ฮ่าวกลายเป็นพันธมิตรจริงๆ หรือ?  น่าเชื่อถือหรือไม่?”  เกาเผิงยังคลางแคลงใจเช่นกัน ในเวลานั้นสามจอมภพแดนสวรรค์ทำลายอาณาจักรของจักรพรรดิอวี้ล่มสลาย พวกเขาจะเป็นพันธมิตรกันได้อย่างไร?

“นี่เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างคุณชายสาม”  เย่คงหัวเราะ

ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายสามเขียนจดหมายรักอักษรรูนส่งให้หมิงเยี่ยกวงคงเป็นเรื่องยากที่คิดจะเป็นพันธมิตร

แน่นอนว่าหมิงลี่ฮ่าวผู้นี้สามารถกลายเป็นพันธมิตรหรือมีมิตรภาพขณะที่ต่อสู้กับจ้าวสุริยา  หลังจากศึกนี้ลุงผู้มีรสนิยมความแข็งกร้าวลงเอยกับสาวจูกวงสูงแปดเมตรอย่างมีความสุข เย่ว์หยางยังคงส่งของขวัญแต่งงานไปให้  แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกปัดอธิษฐานสมบัติระดับกึ่งเทพก็ตาม

อาหงพูดถูกตั้งแต่แรก ถ้ามีสมบัติใดๆ ตกไปอยู่ในเงื้อมมือเย่ว์หยางแล้ว คิดจะเอาคืนกลับมาเป็นเรื่องยาก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

หมิงลี่ฮ่าวไม่ยอมคบหาใครง่ายๆ เรื่องนี้เป็นจริงแน่นอน

“แล้วตอนนี้พวกเจ้ามีแผนอะไร?”  เกาเผิงรู้สึกละอายเล็กน้อย  แม้ว่าฮุยไท่หลางจะกลับไปรายงานแต่ข้อมูลยังไม่ถูกต้องแม่นยำ  หอทงเทียนยังไม่ทราบวิธีการเตรียมตัว ต้องมีใครบางคนกลับไป แต่รอยแยกมิติเวลานั้นเป็นสถานที่อันตรายอย่างยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงเย่คงและเจ้าอ้วนไห่เหล่านี้เลย  เขาเองก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะกลับไปยังหอทงเทียนได้สำเร็จ นี่ไม่ใช่ความสามารถใหญ่หรือปานกลาง  แต่ข้างในเป็นวังวนรอยแยกกาลมิติ เป็นเรื่องง่ายที่จะหลงอยู่ในช่องว่างนั้น  กาลมิติอาจจะปลอดภัย แต่ใช้เวลาปีหรือครึ่งปีกว่าจะออกไปได้ นั่นจะช้าเกินการหรือเปล่า?

“เราจะไป” เจ้าอ้วนไห่ก้าวออกมาข้างหน้าและตบอกมั่นใจ

“เจ้า? พวกเจ้าน่ะหรือ?”  เกาเผิงส่ายหน้าทันที  “คิดดูให้ดี!  รอยแยกมิติเวลามีขนาดเล็กมากและไม่เสถียรยิ่งกว่ารอยแยกอีกด้านหนึ่งของประตู  ร่างกายที่ไม่ใช่มนุษย์ถึงจะต้านทานได้ แม้ว่าจะมีเจตจำนงราชันย์ก็อาจจะต้านทานได้ชั่วขณะ ยากที่จะคงอยู่ได้ นี่ไม่ใช่ชั่วขณะหนึ่ง อาจต้องใช้เวลาหลายวัน หรือสิบวันหรือครึ่งปี พวกเจ้าจะผ่านไปได้อย่างไร?  ยิ่งมีคนมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งมีอันตรายมากขึ้นเท่านั้น ในกรณีที่เจ้าคนหนึ่งถูกกระแสกาลมิติดูดเข้าไป จะยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้กับการหายไปของพวกเจ้า  หากพวกเจ้าต้องการกลับไปที่หอทงเทียนอย่างปลอดภัย นั่นยากยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้นสวรรค์เสียอีก   ไม่อย่างนั้นเปลี่ยนเป็นให้พวกเจ้าเฝ้ารักษาพื้นที่รอยแยกมิติเวลานี้ไว้   ยังไงพวกเราก็เป็นปีศาจชราแล้ว เราทุกคนมีชีวิตอยู่มามากพอแล้ว ต่างจากพวกเจ้าที่มีอนาคตที่ไม่จำกัด!”

“เรามีวิธีที่ดีกว่าท่าน!”  เจ้าอ้วนไห่ยืนเชิดหน้ายืดอกด้วยสีหน้าภูมิใจ  “อย่าบอกนะว่าเราไม่รู้วิธีควบคุมพลังงานของรอยแยกมิติเวลา แม้ว่าเราจะเข้าใจ แต่เราไม่ยอมให้ท่านเสี่ยง ผู้อาวุโสหลายคนมีแต่จะทำให้วิญญาณแตกสลายเมื่อเข้าสู่รอยแยกมิติเวลา พวกท่านมีโอกาสจะถูกทำลายทันที  ครั้งนี้เรื่องการผ่านเข้าไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเถอะ!  ในฐานะผู้เยาว์รุ่นหลัง เรามีความกล้าที่จะสำรวจและเดินหน้าต่อไป นั่นเป็นธรรมเนียมของเราชาวหอทงเทียน….และเหนืออื่นใด เราได้พบวิธีที่ดีที่สุด!”

“เจ้ามีวิธีหรือ?  พวกเจ้ามีวิธีอะไรดีๆ?”  ราชันย์คุกฟ้าเกาเผิงรู้สึกทึ่งประหลาดใจทันที  เจ้าอ้วนผู้นี้มีวิธีคลี่คลายปัญหาหรือ?

“ขอเก็บเป็นความลับชั่วคราว!”  เจ้าอ้วนไห่ยิ้มจนเห็นฟันหน้าทั้งแปดซี่

“….”  เกาเผิงพูดไม่ออก พวกเจ้าไม่ควรทำอย่างนี้กับผู้อาวุโสไม่ใช่หรือ?  เด็กพวกนี้เป็นผู้เยาว์รุ่นหลังแบบไหนกัน!  จะเอาไปเปรียบเทียบกับคนมีสาระได้อย่างไร? คุณชายสามผู้นั้นก็ค่อนข้างเจ้าเล่ห์  เจ้าอ้วนผู้นี้ก็ร้ายไม่เบา หรือว่าเขาไร้เดียงสาเกินไป?  เขาไม่เข้าใจเด็กยุคนี้จริงๆ!

นอกจากนี้ยังมีเย่ว์หยางที่อยู่ในขุนเขาเหนือขุนเขา  แน่นอนว่าเป็นไม่ได้ที่จะรู้เรื่องราวการรุกรานหอเทียนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้เร็วพลัน

หลังจากที่เขาเอาชนะบุรุษลึกลับเขาบรรลุระดับใหม่อีกครั้ง

ครั้งแรกที่เขาต้อนรับการกลับมาขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน

ก่อนที่อาหงและอาหมันจะค้นหาร่องรอยของจีอู๋ลี่ และไม่รอให้เสวี่ยอู๋เสียกลับมาโดยไม่ทราบว่านางอยู่ที่ใด เขาตัดสินใจควบคุมสิ่งต่างๆ ในขอบเขตระดับใหม่ของเขาและพัฒนาตนเองต่อไป  ก่อนที่เขาจะพยายามทดลองกับเย่ว์หวี่และอู๋เหิน  เขาจำได้ว่ายังมีเทวีเสรีภาพอยู่ในครอบครัว เขาทำงานหนักเกินไปจนลืมนาง

ร่างกายครึ่งหนึ่งของนางหายไป และนางไม่ยอมให้รักษา จนบัดนี้..

บัดนี้

ดูเหมือนเป็นเวลาที่สมควรแล้ว

เขาต้องคุยกับนางอย่างระมัดระวัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด