Long Live The Hokage 12 : ความสิ้นหวังของ คางูยะ

Now you are reading Long Live The Hokage Chapter 12 : ความสิ้นหวังของ คางูยะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วันรุ่งขึ้น

ทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็กำลังรอคอยการมาถึงของกองกำลังสนับสนุน แต่ข้อมูลที่ถูกส่งมาอย่างกะทันหันก็ทำให้ทั้งสนามรบตกอยู่ในความตกใจ

ตอนนี้ เหมืองเหล็กของตระกูลคางูยะ ได้เปลี่ยนเจ้าของแล้ว หรือจะบอกให้ชัดเจนขึ้นก็คือ มันกลับไปเป็นของเจ้าของเดิมแล้ว

ตระกูลอุจิฮะ ได้เข้าโจมตี เหมืองเหล็กของตระกูลคางูยะ โดยไม่ให้ทันตั้งตัว

เหมืองนี้มีการรักษาความปลอดภัยที่น้อยมา ที่นั้นมี นินจาโจนินระดับสูง คอยเฝ้าดูอยู่เพียงแค่คนเดียว และมีนินจาธรรมดาอยู่อีกไม่กี่คนเท่านั้น ที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงของ ตระกูลอุจิฮะ และใช้เวลาเพียงแค่ 30 นาที เหมืองแห่งนี้ก็ตกเป็นของ ตระกูลอุจิฮะ ในที่สุด

เมื่อ ฮิราคิมาซึ ทราบข่าว เขาก็แทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด

แม้ว่าเขาจะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่เขาก็พยายามมองโลกในแง่ดีว่าที่ ตระกูลอุจิฮะ ทำแบบนี้ บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาอาจจะโกรธที่ ตระกูลคางูยะ เคยชิงเหมืองของพวกเขาไป และพวกเขาก็ต้องการมันคืน

ในตอนเย็นของวันนั้น ฮิราคิมาซิ ก็เรียกประชุมทันที เขาจะไม่รอกำลังเสริมของ อุจิฮะ อีกต่อไป เพราะมันเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า กองทัพสนับสนุนนั้นไม่มีทางมาถึงอย่างแน่นอน

และเมื่อ ตระกูลอุจิฮะ ยึดเหมืองได้แล้ว พวกเขาก็ไม่หยุดอยู่แค่นั้น แต่พวกเขากลับมุ่งหน้าเข้าโจมตี หมู่บ้านตระกูลคางูยะ ต่อทันที!

ในห้องประชุมที่เต็มไปด้วยความเงียบ

บรรยากาศในที่ประชุมเต็มไปด้วยสารพัดอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น ความแค้น , ความเกลียดชัง ความกลัว , ความเศร้า และความสิ้นหวัง

ทันใดนั้น ผู้อาวุโส คนหนึ่ง ก็ได้ปรากฏตัวเข้ามาในห้องประชุมพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา จากนั้นเขาก็พูดว่า “ท่านผู้นำ…หมู่บ้านของเรา…ถูกโจมตี…”

ลางสังหรณ์ของ ฮิราคิมาซึ กลายเป็นจริง เขาแทบจะเป็นลมจนเกือบตกจากเก้าอี้!

ทาเคะโทริ ตกใจเป็นอย่างมาก และอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความโกรธว่า “ฝีมือใครกัน?!”

“ตระกูล…อุจิฮะ…” ผู้อาวุโส กล่าว

ฮิราคิมาซึ นั่งตัวแข็งอยู่บนเก้าอี้ของเขา เอาเบิกตากว่างด้วยความตกใจ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าลางสังหรณ์ของเขาจะกลายเป็นจริง

“เรื่องนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะไปถึงหูของ ตระกูลเซนจู ในไม่ช้าก็เร็ว เราควรเตรียมตัวให้พร้อม” ฮิราคิมาซึ พูดออกมาด้วยความสิ้นหวังในน้ำเสียงของเขา

ฮิราคิมาซึ หลับตาลงด้วยความเจ็บปวด เขาจินตนาภาพที่ อุจิฮะ กำลังปล้นและสังหารคนในหมู่บ้านของพวกเขา

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฮิราคิมาซึ ก็ลืมตาขึ้น และเขาก็ตัดสินใจทิ้งการต่อสู้กับ เซนจู และ อุซึมากิ จากนั้นเขาก็ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “นี่คือคำสั่งรวมพล เราจะโจมตี อุจิฮะ!”

อีกด้านหนึ่งของสนามรบ อุซึมากิ และ เซนจู ยังไม่รู้ว่า หมู่บ้านตระกูลคางูยะ ถูกโจมตีโดย ตระกูลอุจิฮะ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขารู้ก็คือกำลังเสริมของพวกเขานั้นอยู่ไม่ไกลจากค่ายแล้ว และจะมาถึงพวกเขาในอีกไม่กี่ชั่วโมง

แต่ก่อนที่กำลังเสริมจะมาถึง นินจาสอดแนมของกองทัพพันธมิตรก็ได้รายงายว่า ตระกูลคางูยะ กำลังจะถอนกำลัง มันจึงเป็นโอกาสดีที่กองทัพพันธมิตรจะบุกเข้าทำลายค่ายของ ตระกูลคางูยะ

….

กองทัพพันธมิตรมุ่งหน้าสู่ ค่ายของตระกูลคางูยะ และเริ่มต้นการต่อสู้ในทันที

หลังจากการต่อสู้ที่ยืดเยื้อมากว่า 1 เดือน การต่อสู้ครั้งสุดท้ายก็เริ่มต้นขึ้น กลยุทธ์และยุทธวิธีต่าง ๆ ทั้งหมดถูกนำมาใช้กับศึกครั้งนี้ ทุกคนทุ่มกำลังทั้งหมดใส่คู่ต่อสู้ของตัวเอง เพราะนี้คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเขา

ไม่เว้นแม้แต่ มาซาฮิโกะ

อย่างไรก็ตาม หลังจากเริ่มต่อสู้ไปได้ 5 นาที มาซาฮิโกะ ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

“นี่ วันนี้เจ้าเป็นอะไร ทำไมวันนี้เจ้าถึงดูประมาทแบบนี้ละ?” มาซาฮิโกะ ตะโกนถามออกไปขณะที่หลบการโจมตีด้วยกระดูกของ ทาเคะโทริ

ทาเคะโทริ ไม่ตอบเขากลับ แต่มันก็ชัดเจนสำหรับ มาซาฮิโกะ และเขาก็รู้ว่า ทาเคะโทริ ในวันนี้คือสูญเสียความหวังไปแล้ว

“น่าสงสัยจริง ๆ…” มาซาฮิโกะ รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่รู้สึก แต่พันธมิตรนินจาคนอื่น ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของ กองทัพคางูยะ เหมือนกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาทิ้งชีวิตของพวกเขาไปแล้ว!

ความประมาทของพวกเขาจะนำพวกเขาไปสู่ความตาย มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน เพียงแค่พวกเขามีความประมาทและโกรธจนตาบอด สิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเขาอ่อนแอลง และทำให้พวกเขาไม่สามารถเอาชนะกองทัพพันธมิตรได้

ในอีกทางหนึ่ง กองทัพพันธมิตร ก็ต้องการจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด เพราะพวกเขากลัวว่า กองทัพอุจิฮะ อาจจะโผล่มาช่วย กองทัพ คางูยะ เมื่อไรก็ได้

ขณะที่ ฮาชิรามะ และ โทบิรามะ กำลังต่อสู้อยู่กับ ฮิราคิมาซึ ทั้งคู่ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

ทันใดนั้น ทาเคะโทริ ก็พุ่งเข้ามาขวางหน้า ฮิราคิมาซึ เอาไว้และโจมตี ฮาชิรามะ และ โทบิรามะ ด้วยกระดูก จนทำให้ทั้งคู่ต้องกระโดดถอยหลับไป

“ท่านผู้นำ…ศึกครั้งนี้ เราแพ้แล้ว…ฉันต่อสู้มาตลอดชีวิต ฉันรู้ดี…ถ้าเรายังฝืนต่อสู้ต่อไป ท่านจะตายอยู่ที่นี่ และถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วใครจะคอยปกป้องตระกูลของเรา! เพื่อแก้แค้นพวก อุจิฮะ…ฉันจะต้านพวกมันไว้ที่นี่ ท่านรีบหนีไปส่ะ…แล้วรอวันแก้แค้น พวกอุจิฮะ แก้แค้นแทนฉันด้วย!” ทาเคะโทริ พูดกับ ฮิราคิมาซึ ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ทาเคะโทริ…” ฮิราคิมาซึ พูดออกมาเบา ๆ จากนั้นเขาก็จ้องเขาไปในดวงตาที่มุ่งมั่นของ ทาเคะโทริ และในวินาทีต่อมาเขาก็หันกลับไปออกคำสั่งกับนินจาของเขาที่เหลืออยู่ว่า

“ทุกคน ถอย!”

ทาเคะโทริ ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ “วิชากระดูก : กระดูดจองจำ!” เขามุ่งเป้าไปที่ พี่น้องเซนจู จากนั้นเขาก็ปล่อย วิชานินจา สุดท้ายของเขา “นี้คือขีดจำกัดสายเลือดของฉัน!”

เขาใช้พลังชีวิตทั้งหมดของเขาเพื่อใช้วิชานี้ ทันทีที่เขาใช้มันร่างกายของเขาเริ่มเหี่ยวและแตกสลายกลายเป็นฝุ่นปลิวไปตามสายลม และร่างที่ร่วงโรยของเขาก็จางหายไป

และในวินาทีต่อมา พื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นกระดูกจำนวนมากก็งอกขึ้นมาจากพื้นและล้อมกองทัพพันธมิตรเอาไว้ มันล้อมพวกเขาไว้เหมือนคุกและขังพวกเขาไว้ในนั้น

ห่างออกไป ฮิราคิมาซึ หยุดวิ่งและหันกลับไปมองคุกกระดูกด้วยความหวาดกลัว เช่นเดียวกับ นินจาตระกูลคางูยะ คนอื่น ๆ ที่รู้สึกหวาดกลัวเมื่อมองคุกนั้นเหมือนกัน

“วิชากระดูก : กระดูดจองจำ…เป็นวิชาต้องห้ามของตระกูลเรา ที่ต้องแล้กมาด้วยชีวิต…” ฮิราคิมาซึ พูดออกมาเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เศร้า

“ทุกคน! มุ่งหน้าต่อไป เราจะชิงดินแดนของเราคืนจาก อุจิฮะ! เราจะต้องไม่ทำให้การเสียสละของ ผู้อาวุโสทาเคะโทริ ไร้ค่า!”

ภายในคุกกระดูก

นินจาพันธมิตรพยายามทำลายคุกกระดูกนี้อย่างต่อเนื่อง พวกเขาพยายามใช้ทุกคาถานินจาที่พวกเขารู้จัก บางคนถึงกับขุดดินเพื่อหาทางออก แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะคุกนี้ถูกปิดล้อมด้วยกระดูกที่แข็งแรงทั้ง 6 ด้าน

ฮาชิรามะ พยายามใช้ คาถาไม้ แต่ไม้ของเขาก็ไม่สามารถเจาะทะลุกำแพงกระดูกได้

ผ่านไปแล้วว่า 10 นาที ที่ทุกคนพยายามทำลายคุกกระดูก มีเพียง โทบิรามะ คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ติดอยู่ในคุกกระดูก เพราะก่อนที่คุกกระดูกจะปิดทางหนีทั้งหมด เขาก็ได้ขว้าง มีดคุไน ที่เขียนผนึกไว้ ออกไปนอกรัศมีของคุกกระดูก แล้วเขาก็ใช้วิชา เทพอัสนีเวหา และเคลื่อนที่ชั่วพริบตาจนหนีออกไปได้

โทบิรามะ พยายามทำลายคุกกระดูกจากด้านนอก แต่มันก็ไม่สำเร็จ

มาซาฮิโกะ รู้สึกว่าเขาหายใจได้ลำบากมากยิ่งขึ้น “ดูเหมือนว่าอากาศกำลังจะหมด เราต้องรีบหาทางทำลายมันแล้ว”

“ไม่คิดเลยว่าต้องใช้มันในที่แบบนี้” มาซาฮิโกะ คิด

“ทุกคน ถอยไป!” มาซาฮิโกะ ตะโกนบอกทุกคน

“คาถาลม : ดาวกระจายวงจักร!”

ทันใดนั้นจักระจำนวนมหาศาลก็มารวมตัวกันในฝ่ามือของ มาซาฮิโกะ จักระเหล่านั้นหมุนวนจนคล้ายกับลูกบอล จากนั้นจักระก็ก่อตัวขึ้นเป็นรูปดาวกระจายรอบ ๆ ลูกบอลนั้น และในวินาทีต่อมา เขาก็ขว้างมันออกไป

คาถาที่คิดค้นโดย นารูโตะ ในอนาคต

ตอนนี้มันได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว

เกิดการระเบิดขึ้นครั้งใหญ่ และเมื่อควันหายไป คุกกระดูกที่กองทัพพันธมิตรไม่สามารถทำลายได้ แต่ตอนนี้ มาซาฮิโกะ ได้ทำลายมันลงแล้ว!

“ท่านปู่ ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าท่านจะมีวิชาที่ทรงพลังเช่นนี้ซ่อนเอาไว้!” ฮาชิรามะ รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“นั่นนะสิ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” มาซาฮิโกะ ตอบแบบตรง ๆ “แล้วฉันก็ไม่คิดว่าผลข้างเคียงของวิชานี้จะรุนแรงขนาดนี้ด้วย”

ในตอนนี้ มาซาฮิโกะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส หน้าอกของเขาฟอกช้ำเหมือนถูกกระแทกอย่างแรง และแขนขวาของเขาก็ห้อยและมีเลือดหยด

“ฉันว่าฉันคงจะสู้ต่อไม่ไหวแล้วละ…” มาซาฮิโกะ พูด

เมื่อ ฮาชิรามะ เห็นว่า มาซาฮิโกะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “ไม่ต้องกังวลไป ท่านปู่ ท่านพักก่อนเถอะ ที่เหลือให้เราจัดการต่อเอง!”

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง กองทัพคางูยะ ก็เดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านของพวกเขาในที่สุด และพวกเขาก็ต้องพบกับหมู่บ้านที่กำลังถูกไฟไหม้ และร่างอันไร้วิญญาณของเหล่าพี่น้องที่นอนกระจัดกระจายอยู่ทั่วหมู่บ้าน

“ฉันไม่มีวันยกโทษให้พวกแกแน่! พวกแกได้ยินไหม! ฉันจะฆ่า อุจิฮะ ทุกคน!” ฮิราชิมาซึ ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดและความแค้นที่อัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง กำลังเสริมกองทัพพันธมิตรตระกูลเซนจู ก็มาถึง…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด