Long Live The Hokage 22 : การกลับมาของ ตระกูลฮิวงะ

Now you are reading Long Live The Hokage Chapter 22 : การกลับมาของ ตระกูลฮิวงะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มาซาฮิโกะ นึกถึงการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงระหว่าง เซนจู ฮาชิรามะ และ อุจิฮะ มาดาระ เขาสงสัยว่าเขาจะได้รับแต้มการเข้าร่วมมากขนาดไหนในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในยุคก่อนก่อตั้ง หมู่บ้านโคโนฮะ

อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน เพราะในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ตระกูลเซนจู และ ตระกูลอุจิฮะ ได้พักรบกันชั่วคราว

อาจเป็นเพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 ตระกูลได้ขยายอาณาเขตของตนออกไปอย่างกว้างขวาง และพวกเขาก็ต้องรักษาอาณาเขตของตน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพักรบกันชั่วคราว เพื่อนำกำลังคนไปดูแลตามจุดต่าง ๆ ในอาณาเขตของพวกเขา

หลังจากกลับมาพักที่ ตระกูลเซนจู ได้ 3 วัน มาซาฮิโกะ ก็รู้สึกอยากไปเยี่ยมหลานสาวอันเป็นที่รักของเขา

ไม่ว่า มาซาฮิโกะ จะอารมณ์เสียมากจากไหนก็ตาม แต่เมื่อเขาไปพบกับ มิโตะ เขาก็จะร่าเริงแจ่มใสขึ้นมาทันที แน่นอนว่ารูปลักษณ์ของ มิโตะ ในตอนนี้แตกต่างจากครั้งล่าสุดที่ทั้งคู่ได้เจอกันอยู่เล็กน้อย นั้นก็เพราะตอนนี้ท้องของเธอใหญ่มากแล้ว

สำหรับ ฮาชิรามะ ตอนนี้งานที่กองอยู่ก่อนหน้านี้ได้ เขาได้ทำเสร็จหมดแล้ว และหลังจากนั้นเขาก็ใช้เวลาอยู่กับ มิโตะ ตลอดเวลา

หลังจากนั้น 2 วัน มาซาฮิโกะ ก็อยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาจะกลับไปยัง หมู่บ้านตระกูลอุซึมากิ และรอคอยให้เรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

มาซาฮิโกะ รู้สึกเบื่อหน่ายกับการรอคอย แต่ก่อนที่เขาจะได้เดินทางกลับ หมู่บ้านตระกูลอุซึมากิ การรอคอยของเขาก็ได้รับผลตอบแทนในที่สุด

ทันใดนั้น ฮาชิรามะ ก็ได้รับข้อความจาก ตระกูลอุจิฮะ

ตระกูลฮิวงะ กำลังจะกลับมา

และความสนใจทั้งหมดในตอนนี้ของ ตระกูลอุจิฮะ ก็มุ่งตรงไปที่พวกเขา

เมื่อพูดถึง ตระกูลฮิวงะ มันก็เป็นเวลากว่า 12 หรือ 13 ปีมาแล้ว นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่พวกเขาทำให้ ตระกูลอุจิฮะ ต้องย้ายถิ่นถานไปอยู่ในที่ที่ห่างไกล

และตอนนี้ ตระกูลฮิวงะ กำลังวางแผนที่จะกลับเข้าสู่โลกของนินจาอีกครั้ง

เมื่อพูดถึงเหล่าผู้นำตระกูล ผู้นำตระกูลรุ่นก่อน ของตระกูลใหญ่แต่ละตระกูลใน แคว้นแห่งไฟ อย่างตระกูล เซนจู , อุจิฮะ และ คางูยะ ก็ได้ผลัดเปลี่ยนไปหมดแล้ว

เพราะ เซนจู บูซึมะ และ อุจิฮะ ทาจิมะ ได้จบชีวิตลงในสงครามที่ แคว้นแห่งลม และ คางูยะ ฮิราคิมาซึ ได้จบชีวิตลงเมื่อ 5 ปีก่อน เพื่อถ่วงเวลาให้ตระกูลของเขาหนีไปได้

หลังจาก ตระกูลคางูยะ หนีไปยัง แคว้นแห่งน้ำ ทำให้ตอนนี้ใน แคว้นแห่งไฟ เหลือตระกูลใหญ่อยู่แค่ 3 ตระกูลเท่านั้น นั่นก็คือ ตระกูลเซนจู , ตระกูลอุจิฮะ และ ตระกูลฮิวงะ

ดังนั้นจึงเหลือเพียงแค่ ตระกูลฮิวงะ ตระกูลเดียวเท่านั้นที่ยังคงปกคลองโดยคนรุ่นเก่าอยู่

“ตระกูลฮิวงะ จะกลับลงสู่สงครามอีกครั้ง พวกเขาคิดว่าพวกเขาแข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ แต่พวกเขาก็คิดถูกแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะไม่ว่ายังไง ตระกูลฮิวงะ ก็จะถูกความแข็งแกร่งและประสบการณ์ของ มาดาระ และ ฮาชิรามะ จัดการอยู่ดี แต่อย่างไรก็ตาม เราก็หวังว่าเราจะได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น…” มาซาฮิโกะ คิด

อย่างไรก็ตาม จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมดก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อม้าเร็วของ ตระกูลฮิวงะ เดินทางมาถึง หมู่บ้านตระกูลเซนจู แล้วแจ้งข่าวให้ทราบว่า ผู้นำตระกูลฮิวงะ ต้องการพบกับ ผู้นำตระกูลเซนจู และไม่กี่นาที่ต่อมา ผู้นำตระกูลฮิวงะ ก็เดินทางมาถึงประตูหน้าบ้านของ ฮาชิรามะ เรียบร้อยแล้ว

“ว้าว ช่างกล้าจริง ๆ…” มาซาฮิโกะ คิด “ดูเหมือนว่าคนรุ่นเก่ากำลังดูถูกคนรุ่นใหม่อยู่นะเนี่ย นั้นแหละคือเหตุผลที่พวกเขาจะต้องถูกลบออกจากประวัติศาสตร์โดยไม่รู้ตัว!”

มันเป็นสิ่งที่ มาซาฮิโกะ คาดอยู่แล้วว่าพวกเขาต้องมา เพราะหากพวกเขาต้องการจะกลับมายิ่งใหญ่ พวกเขาก็จำเป็นต้องรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของสงคราม

แน่นอนว่าตระกูลอื่นไม่ควรประเมินความแข็งแกร่งของ ตระกูลฮิวงะ ต่ำเกินไป และ ฮาชิรามะ ก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจในเรื่องนี้ได้ เพราะถึงอย่างไร ตระกูลฮิวงะ ก็ยังคงเป็น 1 ใน 3 ตระกูลใหญ่ของ แคว้นแห่งไฟ อยู่ดี

ฮาชิรามะ ออกไปรับพวกเขาด้วยตัวเอง ผู้นำตระกูลฮิวงะ คนปัจจุบันมีชื่อว่า ฮิวงะ เทนจิน เขามาพร้อมกับหน่วยคุ้มกันอีกจำนวนมาก

จากนั้น ฮาชิรามะ , มาซาฮิโกะ, เทนจิน และคนของเขา ก็เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ จากนั้นผู้นำตระกูลทั้ง 2 ก็นั่งลงที่หัวโต๊ะคนละฝั่ง

หลังจากเงียบไปนาน ฮาชิรามะ ก็เริ่มบทสนทนาด้วยคำถามคำถามหนึ่งที่ทำให้หลายคนต้องตกใจ “ท่านเทนจิน เมื่อ 13 ปีที่แล้ว…ทำไมท่านถึงโจมตี ตระกูลอุจิฮะ? ฉันเข้าใจว่าตระกูลของท่าน และ ตระกูลอุจฮะ มีความขัดแย้งกันมาก่อน แต่การทำแบบนี้มันจะไม่ยิ่งทำให้เกิดความเกลียดชังมากขึ้นไปอีกเหรอ?”

เทนจิน ตอบกลับพร้อมกับความขมขื่นบนใบหน้า “ก็จริงของท่าน”

“แต่เมื่อ 13 ปีที่แล้ว ที่เราทำแบบนั้นก็เพราะเราได้รับจดหมายลับจาก ตระกูลเซนจู จดหมายนั้นบอก เซนจู จะร่วมมือกับเราเพื่อล้ม อุจิฮะ โดยการให้เราลอบเข้าไปในเขตของ ตระกูลอุจิฮะ ในขณะที่ตระกูลพวกท่านกำลังต่อสู้กับพวกเขาอยู่”

“ในตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงทำตามที่จดหมายนั้นบอก และหลังจากที่พวกท่านได้เริ่มต่อสู้กับ ตระกูลอุจิฮะ เราก็ได้ส่งคนของเรากลุ่มหนึ่งเข้าไปในเขตของ ตระกูลอุจิฮะ…เพื่อแทรกซึม”

“และเราก็ทำได้สำเร็จ เพราะเมื่อ เซนจู ต่อสู้กับ อุจิฮะ การรักษาความปลอดภัยของพวกเขาก็จะอ่อนลง ทีมของเราจึงสามารถเข้าไปได้อย่างง่ายดาย และเมื่อเราไปถึงเขตที่ 4 ของพวกเขา เราก็เริ่มโจมตีในทันที”

“หลังจากการโจมตีครั้งนั้น ตระกูลอุจิฮะ ก็มุ้งเป้ามาที่เราและตอบโต้เรากลับอย่างรุนแรง แต่ ตระกูลเซนจู กลับไม่รักษาสัญญาและทิ้งเราให้ต้องพบกับความสูญเสียที่เกินกว่าจะรีบได้…”

“เราพยายามทวงถามความถูกต้องจาก บูซึมะ มาโดยตลอด แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ ฉันคิดว่ามันคงไม่จำเป็นแล้ว เพราะถ้าท่านกล้าถามคำถามเมื่อกี้ออกมา ฉันก็คิดว่าท่านคงจะไม่รู้เรื่องจดหมายลับนั้นสินะ…”

ฮาชิรามะ และ มาซาฮิโกะ มองหน้ากันและกัน จากนั้น มาซาฮิโกะ ก็เดินออกไปจากห้องเพื่อไปหา ผู้อาวุโสตระกูลเซนจู ที่เกษียณไปแล้วเพื่อถามหาความจริง

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็กลับมาแล้วมองไปที่ ฮาชิรามะ และส่ายหัวเล็กน้อย

เมื่อเห็นดังนั้น เทนจิน ก็หลับตาแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่เบื้องหลังแผนการนี้…”

เทนจิน กัดฟันแน่นแล้วพูดว่า “ถ้าฉันรู้ว่ามันเป็นใครละก็…”

มาซาฮิโกะ ส่ายหัวเล็กน้อย เขาคิดว่า “เราไม่รู้ว่าเรื่องนี้จริงหรือเปล่า…แต่ถ้าเราหาตัวการไม่เจอ ก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นฝีมือของ…”

เทนจิน พยายามตั้งสติกลับมาและเริ่มพูดคุยต่อเกี่ยวกับจุดประสงค์ของการมาของเขาในครั้งนี้

ที่จริงแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไร เซนจู ก็รู้อยู่แล้วว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร

ถ้าวันหนึ่งคุณมีเรื่องกับ อุจิฮะ คุณก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันไปหา เซนจู

การมาหา เซนจู เพื่อแสดงความเป็นพันธมิตรนั้นไม่ใช่เรื่องยาก และยิ่ง อุจิฮะ ได้ตัดขาดความเป็นพันธมิตรกับ ตระกูลคางูยะ ไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้ตอนนี้พวกเขาไม่มีตระกูลพันธมิตรอยู่เลย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเผชิญหน้ากับทั้ง ตระกูลฮิวงะ และ ตระกูลเซนจู ได้

อีกด้านหนึ่ง ตระกูลอุจิฮะ ก็แข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมากจากการทำลาย ตระกูลคางูยะ และพวกเขาก็จะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ อย่างแน่นอน

ดังนั้นการเป็นพันธมิตรของ เซนจู และ ฮิวงะ ก็อาจจะไม่ทำให้ อุจิฮะ กลัวจนไม่กล้าทำอะไร

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า ตระกูลฮิวงะ และ ตระกูลเซนจู จะเป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน แต่ ตระกูลฮิวงะ ก็รู้ดีว่า ตระกูลเซนจู จะไม่ยอมช่วยอย่างฟรี ๆ แน่นอน

และแน่นอนว่า ตระกูลฮิวงะ ได้เตรียมการเรื่องนี้มาแล้ว ดังนั้น เทนจิน จึงพูดออกมาว่า “เพื่อเป็นคำขอบคุณจากเรา เราได้เตรียมของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ให้พวกท่าน และข้อมูลสำคัญอีก 1 อย่าง”

“หืม…ข้อมูล?” ฮาชิรามะ พูดออกมา ในขณะที่ มาซาฮิโกะ เริ่มสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลนี้

“ท่านผู้นำเซนจู…ท่านสังเกตไหมว่า ที่พื้นที่ตอนกลางทางตะวันตก มีการต่อสู้แย้งชิงพื้นที่กันอย่างดุเดือดของตระกูลเล็ก ๆ?”

“ฉันรู้ แต่การทะเลาะกันของพวกเขาเกี่ยวอะไรกับเรื่อนี้ละ?” ฮาชิรามะ ถาม

“ที่นั่นมีเหมืองเหล็กเล็ก ๆ อยู่…ซึ่งที่นั่นเป็นแหล่งที่สามารถพบ เหล็กนำจักระ ได้”

“เหล็กนำจักระ เหรอ?” ฮาชิรามะ ประหลาดใจ “มันคือ…”

เหล็กนำจักระ…ไม่ว่าจะเป็นสงครามที่ผ่านมาแล้ว หรือสงครามที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็เป็นเรื่องที่ยากที่จะได้เห็นคนใช้อาวุธที่ตีจากเหล็กนั้นขึ้นมา เพราะ เหล็กนำจักระ เป็นเหล็กที่หาได้ยากมาก น่าตลกที่ตลอด 53 ปีที่ผ่านมา มาซาฮิโกะ ไม่เคยได้ใช้มันเลย เพราะแม้ว่าที่ ตระกูลอุซึมากิ จะมี เหล็กนำจักระ อยู่บ้าง แต่มันก็มีจำนวนน้อยมากจนไม่สามารถตีเป็นอาวุธขึ้นมาได้

“เหล็กนำจักระ…จะเป็นยังไงนะ ถ้าเราจะทำดาวกระจายโดยใชเหล็กนี้…?” มาซาฮิโกะ คิด

“ขอบคุณสำหรับข้อมูล ท่านเทนจิน!” ฮาชิรามะ จบการสนทนาของพวกเขา “ฉันจะลองหารือเรื่องนี้กับ ตระกูลอุจิฮะ ดู”

“ขอบคุณมาก ท่านฮาชิรามะ ถ้าอย่างนั้นเราขอตัวลาไปก่อน”

ขณะที่พวกเขากำลังจะเดินออกไปส่ง เทนจิน ทันใดนั้น ฮาชิรามะ ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “ท่านผู้นำฮิวงะ ท่านรู้หรือไม่ว่าเหมืองเหล็กนั้น ในตอนนี้เป็นของตระกูลอะไร?”

“ตอนนี้มันเป็นของตระกูลเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า ตระกูลซารุโทบิ นะ”

เดี๋ยวก่อน!

ซารุโทบิ งั้นเหรอ?!

มาซาฮิโกะ รู้สึกว่าหน้าของเขากำลังถูกแช่แข็ง เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ตระกูลเซนจู จะบุกยึดเหมือนเหล็กของ ตระกูลซารุโทบิ ในยุคสงครามก่อนก่อตั้ง โคโนฮะ…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด