Long Live The Hokage 42 : หุบเขาแห่งสายลม

Now you are reading Long Live The Hokage Chapter 42 : หุบเขาแห่งสายลม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Long Live The Hokage Chapter 42 : หุบเขาแห่งสายลม

 

เวลาหัวค่ําอันสงบ

 

ที่หุบเขาแห่งสายลม

 

เสียงลมพัดอย่างพริ้วไหวก่อให้เกิดเป็นเสียงคล้ายเสียงผิวปาก สายลมพัดใบหญ้าพลิวไปมาราวกับว่ากําลังเต้นรําอยู่ภายใต้ท้องฟ้าสีแดงเข้ม เสื้อคลุมของ มาซาฮิโกะกระพือไปมาด้วยสายลมที่พัดผ่านไป

 

กองทัพขนาดใหญ่ของเซนจู รวมตัวกันอยู่บนที่ราบกว้างใหญ่ก่อนถึงหุบเขา พวกเขามองไปข้างหน้าในขณะที่เสี้อผ้าของพวกเขาปลิวไสวทามกลางสายลม ทุกคนสวมใส่ชุดเกระเฉพาะของ ตระกูลเซนจู แต่ชุดของ มาซาฮิโกะนั้นแตกต่างออกไปอย่างชัดเจน เขาสวมแค่เสื้อผ้าเบา ๆ ธรรมดา ๆ พร้อมกับสวมเสื้อคลุมของเขาเท่านั้น

 

คนบางคนก็ชอบความเย็นสบายมากว่าการป้องกันและมาซาฮิโกะ ก็เป็นเช่นนั้น

 

โทบิรามะ ก็อยู่ที่นั่นด้วย และทันทีที่เขาเห็น มาซาฮิโกะเขาก็หน้าซีดแล้วพูดว่า “ท่านปู ท่านไม่เข้าใจที่ผมบอกรึไงผมบอกให้ท่านไปหลบอยู่หลังกองทัพของเราไง แล้วนี้ท่านแต่งชุดอะไรของท่านกันเนี่ย?!”

 

มาซาฮิโกะ มองไปที่เขาแล้วก็ตะโกนว่า “ท่านนั้นแหละไม่เข้าใจ พี่ชายของท่านพยายามซ่อนฉันในกองทัพขนาดมหึมานี้แต่ท่านลืมไปหรือเปล่าว่ามีบางอย่างที่สําคัญกว่าความปลอดภัยของฉันคนเดียว…” มาซาฮิโกะ พูดขณะหันกลับไปด้านหลัง และ โทบิราะ ก็หันตามเข้าไป

 

และด้านหลังของ มาซาฮิโกะ นั้นก็คือลูกศิษย์ของเขาทั้ง 3 คนที่แต่งตัวและสวมเสื้อคลุมเหมือนกับชุดของ มาซาฮิโกะทําให้พวกเขาโดดเด่นออกมาจากฝูงชนและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในสนามรบ

 

ฮาชิรามะ ยืนอยู่ด้านหน้าของกองทัพ พื้นดินบริเวณนั้นเป็นสีน้ําตาลเข็มคล้ายกับสีเสื้อเกราะของเขาและกลมกลืนไปกับผมสีเข้มของเขาได้เป็นอย่างดี

 

10 ปีที่ผ่านมา หุบเขาแห่งสายลม เป็นที่ที่เคยเกิดสงครามอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น พื้นที่ทั้งหมดเป็นหลุมเป็นบ่อพื้นดินถูกชโลมไปด้วยเลือดจนเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ตอนนี้ก็มีต้นหญ้าเจริญเติบโตขึ้นมาและบดบังร่องรอยของโศกนาฏกรรมในอดีตเอาไว้ได้บางส่วน บางที่ธรรมชาติอาจเจริญงอกงามขึ้นมาจากความสูญเสียในการต่อสู้ ครั้งใหญ่นั้นก็เป็นได้

ฮาชิรามะ เล่าถึงการต่อสู้ครั้งเก่าว่า “ที่นี่เป็นสถานที่ที่ท่านพ่อและ อุจิฮะ ทาจิมะ เสียชีวิตลงในการต่อสู้

 

มาซาฮิโกะ มองเห็นใบหน้าที่ระลึกถึงของ ฮาชิรามะและเขาก็จําได้อย่างรวดเร็วถึงสงครามที่เขาเคยได้ยินเมื่อ 10 ปีก่อนก่อน มันเป็นสงครามที่รุนแรงและโด่งดังมากที่สุดของ แคว้นมันเป็นสงครามที่บ่งบอกถึงจุดจบของคนรุ่นเก่าเพราะผู้นําตระกูลที่ยิ่งใหญ่ 4 คนได้จบชีวิตลงในสงครามครั้งนั้นและเปลี่ยนถ่ายให้คนรุ่นใหม่ของ เซนจู และ อุจิฮะได้ขึ้นปกครองตระกูล

 

มาซาฮิโกะ รู้สึกกังวล เขากําลังคิดว่า “แล้วตัวเราเองนี้ถือว่าเป็นคนรุ่นเก่าหรือเปล่านะ? แต่ตอนนี้เราก็อายุน้อยลงแล้ว จริง ๆ แล้วอายุเราน้อยกว่าหลานชายของเราไปตั้ง 10 ปีด้วยซ้ํา

 

อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสลําดับที่ 2 คนใหม่ของตระกูลเซนจูก็สังเกตเห็นว่า ฮาชิรามะ กําลังจ้องมองไปที่ขอบฟ้าอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขัดจังหวะขึ้นมาว่า “ท่านผู้นํา อุจิฮะ ประกาศว่าสงครามจะเริ่มขึ้นในเช้าของวันที่ 3 และเราก็มาถึงที่นี่ล่วงหน้าถึง 2 วัน มันจะดีกว่าไหมถ้าตอนนี้เราจะให้คนของเราได้พักก่อน?”

 

ฮาชิรามะ ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไปว่า “ทุกคน ตั้งค่ายพักแรมได้เ”

 

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน นินจาก็คงจะนอนพักกันในที่โล่งและพวกเขาอาจจะนําเต็นท์มาสัก 1 – 2 หลัง เพื่อไว้ใช้สําหรับการประชุมเท่านั้น

 

แต่นอนนี้ ต้องขอบคุณสิ่งประดิษฐ์ของ มาซาฮิโกะนั้นก็คือม้วนคัมภีร์ผนึก…

 

เพียงครึ่งชั่วโมง ทั้งหุบเขาก็เต็มไปด้วยเต็นท์จํานวนมากแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มาพักร้อนก็ตาม…

 

นอกจากนั้น พวกเขายังเอาอาหารและเนื้อสดออกมาจากคัมภีร์ผนึกอีกเป็นจํานวนมาก

 

มาซาฮิโกะ รู้สึกตกใจในตอนแรก จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างภูมิใจและพึมพํากับตัวเองว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า…สิ่งประดิษฐ์ของฉันทําให้ฉันได้กินของสดใหม่ได้ทุกที่ทุกเวลา เยี่ยมยอดจริง ๆ”

 

ด้านข้าง โทบิรามะ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น เขามองไปที่ฮาชิรามะ และพูดว่า “ท่านพี่ ฉันไม่ได้บอกให้พวกเขาทําแบบ

ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของ ฮาชิรามะ เขาพูดว่า “อ้า ฉันคิดว่าพวกเขาคงจะคิดเองแหละ…” จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไปว่า “ในเมื่อทุกคนนําอาหารและเนื้อสดมาแล้ว เรามาจัดงานเลี้ยงในขณะที่ อุจิฮะ ยังไม่มากันเถอะ!”

“โอ้! ผู้นําจงเจริญ!” ฝูงชนตะโกนอย่างมีความสุข

 

ดังนั้นก่อนที่เหตุการณ์ที่หุบเขาสิ้นสุดจะเริ่มขึ้น งานเลี้ยงฉลองก็ได้เริ่มต้นขึ้น โชคดีที่ อุจิฮะ ยังคงรักษาคําพูดของพวกเขาไว้และไม่ปรากฏตัวก่อนวันที่ 3

 

ในวันต่อมา โทบิรามะ และ มาซาฮิโกะ ก็ช่วยกันใช้ คาถาน้ํา และ คาถาดิน เพื่อทําความสะอาดสถานที่ เพราะ โทบิรามะกลัวว่า อุจิฮะ จะรู้ว่าพวกเขามีงานเลี้ยงก่อนการสู้รบ

 

หลังจากการทําความสะอาด นินจาหลายคนก็รวมตัวกันและเตรียมพร้อมที่จะสร้างป้อมปราการ

 

แน่นอนว่าข้อได้เปรียบที่สําคัญของการมาที่สนามรบก่อนไม่ใช่แค่ได้จัดงานเลี้ยงเท่านั้น แต่ยังเพื่อคว้าโอกาสในการได้เลือกตําแหน่งยุธศาสตร์ที่ดีในสนามรบอีกด้วย

 

เมื่อ มาซาฮิโกะ เดินมาถึงหุบเขา เขาก็ไม่สามารถอยู่เฉยกับสิ่งที่เห็นได้ “หุบเขาแห่งสายลม… ไหนละหุบเขา!”

 

มาซาฮิโกะ รู้สึกไม่พอใจมาก เพราะเขาวางแผนเอาไว้ว่าเขาจะวางกับดับไว้บนหน้าผาและทําให้หน้าผ่าถล่มลงมาทับกองทัพอุจิฮะ ในตอนที่ต่อสู่กัน แต่ปรากฏว่าที่ที่ถูกเรียกว่า หุบเขาแห่งสายลม กลับกลายเป็นที่ราบกว้างใหญ่เท่านั้น

 

ฮาชิรามะ ตอบกลับไปว่า “ท่านปู ก่อนหน้านี้มันก็ยังเป็นหุบเขาอยู่ แต่ภูมิทัศน์ของมันเปลี่ยนไปเพราะสงครามครั้งก่อน”

 

จากนั้น มาซาฮิโกะ ก็พยักหน้า “อืม…เข้าใจแล้วถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็ควรจะเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็นที่ราบหัวซากุระ ดีไหม?”

 

(T/N: มาซาฮิโกะ คิดว่า ซากุระ หัวเถิก — )

 

โทบิรามะ เดินตามพี่ชายของเขาอย่างเงียบ ๆ เพื่อควบคุมการสร้างป้อมปราการ

 

ที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่ป้อมปราการที่เอาไว้ป้องกัน แต่พวกเขากําลังขุดหลุมซ่อนตัวและติดยันต์ระเบิดบางส่วนเอาไว้ที่ตัวของตัวเอง ดังนั้นนินจาที่มีความสามารถต่ําก็ยังมีบทบาทสําคัญในการต่อสู้นี้ สงครามมักเป็นเช่นนี้เสมอ

 

มาซาฮิโกะ รู้ว่าเขาไม่จําเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ดังนั้นเขาจึงเรียกลูกศิษย์ทั้ง 3 คนของเขามาให้คําแนะนําก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น

 

จากความคิดของ มาซาฮิโกะ ลูกศิษย์คนที่มีความสามารถมากที่สุดในทั้ง 3 คนนี้ก็คือ ยูริโกะ แต่ความไม่มั่นใจในตัวเองของเธอทําให้เธอไม่สามารถเอาชนะ เคนิชิโร่ ในการฝึกได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว มาซาฮิโกะ เป็นห่วงเธอที่สุด ดังนั้นหลังจากที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจึงให้เธอไปประจําอยู่ใน ที่กําบังและหวังว่าเธอจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูโดยตรง

 

“สําหรับพวกเธอ 2 คน ให้ตามฉันไปในสนามรบ ฉันจะเลือกคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมให้แต่ละคนเพื่อต่อสู้และทดสอบทักษะของพวกเธอ”

 

เคนิชิโร่ รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากและตะโกนตอบรับอย่างฮึกเหิม แต่ดูเหมือนว่า นานาโกะ จะรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย “อาจารย์คะ ให้หนูอยู่คุ้มครองยูริโกะ”

 

เพื่อให้เธอได้นํามันไปใช้ในการต่อสู้ที่แท้จริง การต่อสู้ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่จะใช้เป็นเครื่องทดสอบทักษะของเธอ!”

 

หลังจากที่เขามอบคําสั่งเหล่านี้ให้กับลูกศิษย์ของเขาแล้วมาซาฮิโกะ ก็ยืนนิ่งอย่างไม่สนใจอะไรและมองดูที่ พี่น้องเซนจูด้วยความน่าเบื่อในขณะที่พวกเขาดูแลการเตรียมการของป้อมปราการ

 

เวลาเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงเที่ยงวัน และตอนนี้ เซนจู ก็เตรียมการทั้งหมดเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับไปพักที่เต็นท์ของตัวเองเพื่อรอการมาถึงของอุจิฮะ

 

ในเวลานี้ มาซาฮิโกะ ก็รู้สึกถึงจักระที่คุ้นเคยเล็กน้อยจากระยะไกล

 

“จักระนี้ไม่ใช่ อุจิวฮะ นินี้มันเซนจู โซระ!”

 

แน่นอนในระยะไกล พวกเขาสามารถเห็นร่างร่างหนึ่งกําลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาก็คือ โซระ ผู้อาวุโสที่ตอนนี้ควรจะอยู่ที่หมู่บ้าน!

 

ทันใดนั้นใบหน้าของ โทบิรามะ ก็เปลี่ยนไป “ท่านพี่!”

 

ฮาชิรามะ รีบวิ่งเข้าไปหา โซระ อย่างรวดเร็ว และเมื่อโซระเห็นดังนั้นเขาก็ตะโกนออกไปทันทีว่า “ท่านผู้นําตระกูล! ผมเห็นมาดาระ ปรากฏตัวอยู่ใกล้กับหมู่บ้านของเรา!”

 

ฮาชิรามะ ถามอย่างตื่นตระหนก “มาดาระ คนเดียว

 

เหรอ?”

 

โซระ ตอบกลับ “ใช่ครับ ผมเห็นและสัมผัสได้แค่เขา”

 

ฮาชิรามะ พยักหน้าอย่างจริงจัง “มาดาระ นายอยากสู้กับฉันตัวต่อตัวงั้นเหรอ?..โทบิรามะ นายอยู่ที่นี่ เตรียมคนของเราให้พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับ อุจิฮะ ฉันจะกลับไปหา มาดา

ระ)”

 

“โซระ ไปกันเถอะ!”

 

แล้วทั้งคู่ก็รีบมุ่งหน้ากลับไปที่ หมู่บ้านเซนจู อย่างรวดเร็วในทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Long Live The Hokage 42 : หุบเขาแห่งสายลม

Now you are reading Long Live The Hokage Chapter 42 : หุบเขาแห่งสายลม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Long Live The Hokage Chapter 42 : หุบเขาแห่งสายลม

 

เวลาหัวค่ําอันสงบ

 

ที่หุบเขาแห่งสายลม

 

เสียงลมพัดอย่างพริ้วไหวก่อให้เกิดเป็นเสียงคล้ายเสียงผิวปาก สายลมพัดใบหญ้าพลิวไปมาราวกับว่ากําลังเต้นรําอยู่ภายใต้ท้องฟ้าสีแดงเข้ม เสื้อคลุมของ มาซาฮิโกะกระพือไปมาด้วยสายลมที่พัดผ่านไป

 

กองทัพขนาดใหญ่ของเซนจู รวมตัวกันอยู่บนที่ราบกว้างใหญ่ก่อนถึงหุบเขา พวกเขามองไปข้างหน้าในขณะที่เสี้อผ้าของพวกเขาปลิวไสวทามกลางสายลม ทุกคนสวมใส่ชุดเกระเฉพาะของ ตระกูลเซนจู แต่ชุดของ มาซาฮิโกะนั้นแตกต่างออกไปอย่างชัดเจน เขาสวมแค่เสื้อผ้าเบา ๆ ธรรมดา ๆ พร้อมกับสวมเสื้อคลุมของเขาเท่านั้น

 

คนบางคนก็ชอบความเย็นสบายมากว่าการป้องกันและมาซาฮิโกะ ก็เป็นเช่นนั้น

 

โทบิรามะ ก็อยู่ที่นั่นด้วย และทันทีที่เขาเห็น มาซาฮิโกะเขาก็หน้าซีดแล้วพูดว่า “ท่านปู ท่านไม่เข้าใจที่ผมบอกรึไงผมบอกให้ท่านไปหลบอยู่หลังกองทัพของเราไง แล้วนี้ท่านแต่งชุดอะไรของท่านกันเนี่ย?!”

 

มาซาฮิโกะ มองไปที่เขาแล้วก็ตะโกนว่า “ท่านนั้นแหละไม่เข้าใจ พี่ชายของท่านพยายามซ่อนฉันในกองทัพขนาดมหึมานี้แต่ท่านลืมไปหรือเปล่าว่ามีบางอย่างที่สําคัญกว่าความปลอดภัยของฉันคนเดียว…” มาซาฮิโกะ พูดขณะหันกลับไปด้านหลัง และ โทบิราะ ก็หันตามเข้าไป

 

และด้านหลังของ มาซาฮิโกะ นั้นก็คือลูกศิษย์ของเขาทั้ง 3 คนที่แต่งตัวและสวมเสื้อคลุมเหมือนกับชุดของ มาซาฮิโกะทําให้พวกเขาโดดเด่นออกมาจากฝูงชนและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในสนามรบ

 

ฮาชิรามะ ยืนอยู่ด้านหน้าของกองทัพ พื้นดินบริเวณนั้นเป็นสีน้ําตาลเข็มคล้ายกับสีเสื้อเกราะของเขาและกลมกลืนไปกับผมสีเข้มของเขาได้เป็นอย่างดี

 

10 ปีที่ผ่านมา หุบเขาแห่งสายลม เป็นที่ที่เคยเกิดสงครามอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้น พื้นที่ทั้งหมดเป็นหลุมเป็นบ่อพื้นดินถูกชโลมไปด้วยเลือดจนเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ตอนนี้ก็มีต้นหญ้าเจริญเติบโตขึ้นมาและบดบังร่องรอยของโศกนาฏกรรมในอดีตเอาไว้ได้บางส่วน บางที่ธรรมชาติอาจเจริญงอกงามขึ้นมาจากความสูญเสียในการต่อสู้ ครั้งใหญ่นั้นก็เป็นได้

ฮาชิรามะ เล่าถึงการต่อสู้ครั้งเก่าว่า “ที่นี่เป็นสถานที่ที่ท่านพ่อและ อุจิฮะ ทาจิมะ เสียชีวิตลงในการต่อสู้

 

มาซาฮิโกะ มองเห็นใบหน้าที่ระลึกถึงของ ฮาชิรามะและเขาก็จําได้อย่างรวดเร็วถึงสงครามที่เขาเคยได้ยินเมื่อ 10 ปีก่อนก่อน มันเป็นสงครามที่รุนแรงและโด่งดังมากที่สุดของ แคว้นมันเป็นสงครามที่บ่งบอกถึงจุดจบของคนรุ่นเก่าเพราะผู้นําตระกูลที่ยิ่งใหญ่ 4 คนได้จบชีวิตลงในสงครามครั้งนั้นและเปลี่ยนถ่ายให้คนรุ่นใหม่ของ เซนจู และ อุจิฮะได้ขึ้นปกครองตระกูล

 

มาซาฮิโกะ รู้สึกกังวล เขากําลังคิดว่า “แล้วตัวเราเองนี้ถือว่าเป็นคนรุ่นเก่าหรือเปล่านะ? แต่ตอนนี้เราก็อายุน้อยลงแล้ว จริง ๆ แล้วอายุเราน้อยกว่าหลานชายของเราไปตั้ง 10 ปีด้วยซ้ํา

 

อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสลําดับที่ 2 คนใหม่ของตระกูลเซนจูก็สังเกตเห็นว่า ฮาชิรามะ กําลังจ้องมองไปที่ขอบฟ้าอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขัดจังหวะขึ้นมาว่า “ท่านผู้นํา อุจิฮะ ประกาศว่าสงครามจะเริ่มขึ้นในเช้าของวันที่ 3 และเราก็มาถึงที่นี่ล่วงหน้าถึง 2 วัน มันจะดีกว่าไหมถ้าตอนนี้เราจะให้คนของเราได้พักก่อน?”

 

ฮาชิรามะ ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไปว่า “ทุกคน ตั้งค่ายพักแรมได้เ”

 

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน นินจาก็คงจะนอนพักกันในที่โล่งและพวกเขาอาจจะนําเต็นท์มาสัก 1 – 2 หลัง เพื่อไว้ใช้สําหรับการประชุมเท่านั้น

 

แต่นอนนี้ ต้องขอบคุณสิ่งประดิษฐ์ของ มาซาฮิโกะนั้นก็คือม้วนคัมภีร์ผนึก…

 

เพียงครึ่งชั่วโมง ทั้งหุบเขาก็เต็มไปด้วยเต็นท์จํานวนมากแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มาพักร้อนก็ตาม…

 

นอกจากนั้น พวกเขายังเอาอาหารและเนื้อสดออกมาจากคัมภีร์ผนึกอีกเป็นจํานวนมาก

 

มาซาฮิโกะ รู้สึกตกใจในตอนแรก จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างภูมิใจและพึมพํากับตัวเองว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า…สิ่งประดิษฐ์ของฉันทําให้ฉันได้กินของสดใหม่ได้ทุกที่ทุกเวลา เยี่ยมยอดจริง ๆ”

 

ด้านข้าง โทบิรามะ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น เขามองไปที่ฮาชิรามะ และพูดว่า “ท่านพี่ ฉันไม่ได้บอกให้พวกเขาทําแบบ

ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของ ฮาชิรามะ เขาพูดว่า “อ้า ฉันคิดว่าพวกเขาคงจะคิดเองแหละ…” จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไปว่า “ในเมื่อทุกคนนําอาหารและเนื้อสดมาแล้ว เรามาจัดงานเลี้ยงในขณะที่ อุจิฮะ ยังไม่มากันเถอะ!”

“โอ้! ผู้นําจงเจริญ!” ฝูงชนตะโกนอย่างมีความสุข

 

ดังนั้นก่อนที่เหตุการณ์ที่หุบเขาสิ้นสุดจะเริ่มขึ้น งานเลี้ยงฉลองก็ได้เริ่มต้นขึ้น โชคดีที่ อุจิฮะ ยังคงรักษาคําพูดของพวกเขาไว้และไม่ปรากฏตัวก่อนวันที่ 3

 

ในวันต่อมา โทบิรามะ และ มาซาฮิโกะ ก็ช่วยกันใช้ คาถาน้ํา และ คาถาดิน เพื่อทําความสะอาดสถานที่ เพราะ โทบิรามะกลัวว่า อุจิฮะ จะรู้ว่าพวกเขามีงานเลี้ยงก่อนการสู้รบ

 

หลังจากการทําความสะอาด นินจาหลายคนก็รวมตัวกันและเตรียมพร้อมที่จะสร้างป้อมปราการ

 

แน่นอนว่าข้อได้เปรียบที่สําคัญของการมาที่สนามรบก่อนไม่ใช่แค่ได้จัดงานเลี้ยงเท่านั้น แต่ยังเพื่อคว้าโอกาสในการได้เลือกตําแหน่งยุธศาสตร์ที่ดีในสนามรบอีกด้วย

 

เมื่อ มาซาฮิโกะ เดินมาถึงหุบเขา เขาก็ไม่สามารถอยู่เฉยกับสิ่งที่เห็นได้ “หุบเขาแห่งสายลม… ไหนละหุบเขา!”

 

มาซาฮิโกะ รู้สึกไม่พอใจมาก เพราะเขาวางแผนเอาไว้ว่าเขาจะวางกับดับไว้บนหน้าผาและทําให้หน้าผ่าถล่มลงมาทับกองทัพอุจิฮะ ในตอนที่ต่อสู่กัน แต่ปรากฏว่าที่ที่ถูกเรียกว่า หุบเขาแห่งสายลม กลับกลายเป็นที่ราบกว้างใหญ่เท่านั้น

 

ฮาชิรามะ ตอบกลับไปว่า “ท่านปู ก่อนหน้านี้มันก็ยังเป็นหุบเขาอยู่ แต่ภูมิทัศน์ของมันเปลี่ยนไปเพราะสงครามครั้งก่อน”

 

จากนั้น มาซาฮิโกะ ก็พยักหน้า “อืม…เข้าใจแล้วถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็ควรจะเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็นที่ราบหัวซากุระ ดีไหม?”

 

(T/N: มาซาฮิโกะ คิดว่า ซากุระ หัวเถิก — )

 

โทบิรามะ เดินตามพี่ชายของเขาอย่างเงียบ ๆ เพื่อควบคุมการสร้างป้อมปราการ

 

ที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่ป้อมปราการที่เอาไว้ป้องกัน แต่พวกเขากําลังขุดหลุมซ่อนตัวและติดยันต์ระเบิดบางส่วนเอาไว้ที่ตัวของตัวเอง ดังนั้นนินจาที่มีความสามารถต่ําก็ยังมีบทบาทสําคัญในการต่อสู้นี้ สงครามมักเป็นเช่นนี้เสมอ

 

มาซาฮิโกะ รู้ว่าเขาไม่จําเป็นต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ดังนั้นเขาจึงเรียกลูกศิษย์ทั้ง 3 คนของเขามาให้คําแนะนําก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น

 

จากความคิดของ มาซาฮิโกะ ลูกศิษย์คนที่มีความสามารถมากที่สุดในทั้ง 3 คนนี้ก็คือ ยูริโกะ แต่ความไม่มั่นใจในตัวเองของเธอทําให้เธอไม่สามารถเอาชนะ เคนิชิโร่ ในการฝึกได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว มาซาฮิโกะ เป็นห่วงเธอที่สุด ดังนั้นหลังจากที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาจึงให้เธอไปประจําอยู่ใน ที่กําบังและหวังว่าเธอจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูโดยตรง

 

“สําหรับพวกเธอ 2 คน ให้ตามฉันไปในสนามรบ ฉันจะเลือกคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมให้แต่ละคนเพื่อต่อสู้และทดสอบทักษะของพวกเธอ”

 

เคนิชิโร่ รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากและตะโกนตอบรับอย่างฮึกเหิม แต่ดูเหมือนว่า นานาโกะ จะรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย “อาจารย์คะ ให้หนูอยู่คุ้มครองยูริโกะ”

 

เพื่อให้เธอได้นํามันไปใช้ในการต่อสู้ที่แท้จริง การต่อสู้ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่จะใช้เป็นเครื่องทดสอบทักษะของเธอ!”

 

หลังจากที่เขามอบคําสั่งเหล่านี้ให้กับลูกศิษย์ของเขาแล้วมาซาฮิโกะ ก็ยืนนิ่งอย่างไม่สนใจอะไรและมองดูที่ พี่น้องเซนจูด้วยความน่าเบื่อในขณะที่พวกเขาดูแลการเตรียมการของป้อมปราการ

 

เวลาเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงเที่ยงวัน และตอนนี้ เซนจู ก็เตรียมการทั้งหมดเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับไปพักที่เต็นท์ของตัวเองเพื่อรอการมาถึงของอุจิฮะ

 

ในเวลานี้ มาซาฮิโกะ ก็รู้สึกถึงจักระที่คุ้นเคยเล็กน้อยจากระยะไกล

 

“จักระนี้ไม่ใช่ อุจิวฮะ นินี้มันเซนจู โซระ!”

 

แน่นอนในระยะไกล พวกเขาสามารถเห็นร่างร่างหนึ่งกําลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาก็คือ โซระ ผู้อาวุโสที่ตอนนี้ควรจะอยู่ที่หมู่บ้าน!

 

ทันใดนั้นใบหน้าของ โทบิรามะ ก็เปลี่ยนไป “ท่านพี่!”

 

ฮาชิรามะ รีบวิ่งเข้าไปหา โซระ อย่างรวดเร็ว และเมื่อโซระเห็นดังนั้นเขาก็ตะโกนออกไปทันทีว่า “ท่านผู้นําตระกูล! ผมเห็นมาดาระ ปรากฏตัวอยู่ใกล้กับหมู่บ้านของเรา!”

 

ฮาชิรามะ ถามอย่างตื่นตระหนก “มาดาระ คนเดียว

 

เหรอ?”

 

โซระ ตอบกลับ “ใช่ครับ ผมเห็นและสัมผัสได้แค่เขา”

 

ฮาชิรามะ พยักหน้าอย่างจริงจัง “มาดาระ นายอยากสู้กับฉันตัวต่อตัวงั้นเหรอ?..โทบิรามะ นายอยู่ที่นี่ เตรียมคนของเราให้พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับ อุจิฮะ ฉันจะกลับไปหา มาดา

ระ)”

 

“โซระ ไปกันเถอะ!”

 

แล้วทั้งคู่ก็รีบมุ่งหน้ากลับไปที่ หมู่บ้านเซนจู อย่างรวดเร็วในทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+