Monarch of Time 30 – กายาราชันย์นิรันดร์

Now you are reading Monarch of Time Chapter 30 - กายาราชันย์นิรันดร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

MoT.30 – กายาราชันย์นิรันดร์

 

“กายาราชันย์นิรันดร์

 

ชุนหลงเข้าใจทุกอย่างหลังจากที่ภาพได้แล่นมาในจิตใจ กายาราชันย์นิรันดร์” คือวิชาท้าทายสวรรค์เหมือนกับนาฬิกาทรายราชันย์

 

ถึงจะเป็นเช่นนั้น กายาราชันย์นิรันดร์” ก็แตกต่างจาก “นาฬิกาทรายราชันย์” อย่างสิ้นเชิง

 

นี่คือวิชาที่ใช้ปรับร่างกาย

 

ชุนหลงได้เรียนรู้จากตําราของลู่เหวินเมื่อครู่ว่ามีผู้บ่มเพาะพลังอยู่ 2 ประเภท

 

นั่นคือผู้บ่มเพาะปราณและผู้บ่มเพาะกายา

 

ผู้บ่มเพาะปราณจะรวบรวมลมปราณในร่างกายและใช้มันกับวิชาบ่มเพาะ ขณะที่ผู้บ่มเพาะกายาจะทําให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นแทน

 

ตอนที่ชุนหลงอยู่ในอาณาจักรชะตาฟ้า เขาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้บ่มเพาะกายามาก่อน การบ่มเพาะร่างกายนั้นยากกว่าการบ่มเพาะปราณเป็น 100 เท่า ดังนั้นมันจึงหายไปจากโลกมนุษย์

 

ถึงแม้ว่าจะมีความยากที่มากกว่า ผู้บ่มเพาะในโลกบ่มเพาะพลังจํานวนมากก็จดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะร่างกาย

 

ชุนหลงได้รู้จากภาพในหัวของเขาว่าวิชากายา กายาราชันย์นิรันดร์” เป็นเช่นใด มันคือวิชาที่จะพัฒนาร่างกายและทําให้ผู้ บ่มเพาะฉีกมิติได้ด้วยมือเปล่า

 

ชุนหลงรู้ว่าเขามีวิชาบ่มเพาะที่จะส่งผลต่อเวลารอบตัว แต่มันอ่อนแอเกินไปที่จะใช้ได้ดีในช่วงนี้ เขาน่าจะต้องการร่างกายที่กระชากมิติได้มากกว่า

 

“เราจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันนะ?”

 

เขานั่งลงและเริ่มศึกษาวิชากายา

 

ในโลกบ่มเพาะพลัง มันมีความยากอย่างไม่น่าเชื่อสําหรับคนที่จะบ่มเพาะทั้งวิถีของปราณและกายาเพราะทั้งสองวิถีนั้นคือเส้นทางที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเพื่อที่จะเป็นผู้บ่มเพาะปราณ ปราณที่ดูดซับได้จะต้องผ่านเส้นลมปราณและไหลเวียนสู่ร่างกายก่อนจะใช้งาน

 

แต่ในวิถีการบ่มเพาะร่างกายนั้นไม่เหมือนกับแม้แต่น้อย วิธีการที่ง่ายที่สุดคือการฝึกฝนร่างกายนานหลายปี ทําให้ตัวเองบาดเจ็บทุกครั้งก่อนจะรับประทานโอสถรักษาหรืออาบโอสถที่ช่วยฟื้นฟู พื่อทําให้ร่างกายแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

 

ชุนหลงคิด เขารู้ว่าเขาจะเลือกวิถีการบ่มเพาะร่างกายไม่ได้ นั่นเพราะเขาไม่มีเวลาพอจะทําเช่นนั้น และมันใช้เวลาหลายปีกว่าจะสําเร็จ ข้อสองกายาราชันย์นิรันดร์” นั้นแตกต่างกันมาก มันมิอาจฝึกฝนได้ด้วยวิธีนั้น

 

มันต้องการให้ชุนหลงหลอมโอสถรักษาในระดับหนึ่งขึ้นมาและใช้พลังจํานวนมากที่มีในการทําลายและสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่จากภายใน

 

ถึงอย่างนั้น ทุกวิถีทางนั้นมีข้อเสียของตัวเอง

 

แม้ว่าจะเร็วกว่าสําหรับชุนหลงในการบ่มเพาะร่างกายเทียบกับผู้บ่มเพาะคนอื่นที่ต้องฝึกร่างกายนานหลายปี แต่ชุนหลงก็ต้องจ่ายในราคาที่เท่ากัน

 

แทนที่จะทําให้กระดูก เส้นเอ็น และอวัยวะภายในค่อย ๆ แข็งแรงขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นในระหว่างการฝึกร่างกายกายารา ชันย์นิรันดร์” นั้นจะบดขยี้ร่างกายทุกส่วนก่อนจะสร้างขึ้นใหม่ให้ดีขึ้นมันคือความเจ็บปวดที่มิอาจบรรยายได้ด้วยคําพูด

 

ชุนหลงแอบกลัวอยู่ในใจ หากพลาดแม้เพียงเล็กน้อย นั่นจะหมายถึงความตายของเขา

 

หลังจากสูดหายใจเข้าลึก เขานึกบางอย่างขึ้นมาได้

 

“ลองคิดดูแล้ว ทั้งหมดเหมือนกับส่วนหนึ่งของสิ่งที่ใหญ่กว่า”

 

“อย่างแรกข้าต้องบ่มเพาะ “นาฬิกาทรายราชันย์” เพื่อที่จะมีปราณมากพอและเป็นผู้บ่มเพาะปราณ”

 

“ พอข้ามีพลังปราณในระดับหนึ่งตําราสีทองจะดูดข้าเข้าไปและเกือบจะฆ่าข้าด้วยข้อมูลมหาศาลพวกนั้น”

 

“และพอข้าได้รู้เรื่องพืชโอสถ สัตว์อสูร ร่างกายมนุษย์ข้าจึงบ่มเพาะกายาราชันย์นิรันดร์” ได้ด้วยการหลอมโอสถที่ข้าต้องใช้”

 

“หรือว่ามันจะเป็นวิถีที่ต้องบ่มเพาะทั้งปราณและกายา? ..ต่อให้ไม่ให้ข้าจะปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านพ้นไปไม่ได้”

 

“ข้าจะต้องลองบ่มเพาะกายาราชันย์นิรันดร์ให้ได้ในทันทีที่ข้ารวบรวมพืชโอสถครบ”

 

“จากนี้ไป ข้าจะต้องเริ่มเชี่ยวชาญในการปรุงยากว่านี้”

 

ชุนหลงหยิบ ผลน้ําผึ้ง หญ้าสีฟ้า บุพผายักษ์ 5 กลีบ และรากเลื้อยสยองทั้ง 3 ชุดที่เขาซื้อมาจากความช่วยเหลือของเจ้าอ้วนฟูเขานั่งลง

 

หลังจากนั้น ชุนหลงหยิบหม้อหลอมโอสถทองแดงขั้น 3 ชั้นสูงที่พ่อเขาให้มาก่อนจะออกจากเมืองปาคราม

 

ชุนหลงหายใจเข้าลึก ดวงตาของเขาเพ่งไปที่ของตรงหน้า

 

“ได้เวลาเริ่มแล้ว”

 

สิ่งแรกที่เขาต้องทําคือใช้เปลี่ยนส่วนหนึ่งของพลังปราณเป็นธาตุไฟและอุ่นหม้อของเขา

 

หากไม่ใช่ผู้บ่มเพาะวิชาน้ําแข็งโดยเฉพาะ ผู้บ่มเพาะปราณสามารถเปลี่ยนปราณเป็นเปลวไฟได้ไม่ยาก

 

หลังจากใช้เวลาไปหนึ่งก้านธูป หม้อหลอมอุ่นพอแล้ว ชุนหลงหยิบบุพผายักษ์ 5 กลีบขึ้นมา

 

“ตามตําราของลู่เหวิน ข้าต้องเด็ดกลีบก่อนจะโยนดอกไม้ ลงหม้อพอมันกลายเป็นเนื้อโอสถเมื่อใดก็ต้องใส่รากเลื้อยสยองไปครึ่งส่วนก่อนจะใส่ผลน้ําผึ้งกับหญ้าสีฟ้า”

 

อืมม.. แต่มันไม่ค่อยมีเหตุผลเลย

 

“ถ้าข้าเด็ดกลีบบุพผายักษ์ 5 กลีบไป แม้ว่าจะหลอมโอสถได้ง่ายกว่าโอสถจะมีพลังที่น้อยกว่าเดิม 2 ใน 10 ส่วน ฤทธิ์ทางยาจะต่ํายิ่งกว่าถ้าใช้รากเลื้อยสยองแค่ครึ่งเดียว รากเติบโตใต้หินและดูดซับพลังงานปฐพในการเติบโตใช้แค่ครึ่งเดียวมันไม่มีเหตุผลเพราะแค่ ต้องรักษาสมดุลพลังไม้จากบุพผายักษ์ 5 กลีบด้วยธาตุดินของรากเลื้อยสยอง”

 

ชุนหลงครุ่นคิดไม่นานก่อนตัดสินใจ

 

“ข้าจะใส่หญ้าสีฟ้าลงไปก่อนจะเด็ดบุพผายักษ์ 5 กลีบ 1 กลีบเพื่อรักษาสมดุลพลังและหลอมเร็วขึ้นจากนั้นจะใช้บุพผาที่เหลื อกับรากเลื้อยสยอง และข้าจะใส่ผลน้ําผึ้งเป็นอย่างสุดท้าย ถ้าทําแบบนี้ โอสถ ทลายม่านปราณ” จะมีฤทธิ์มากกว่าปกติ 6 ถึง 7 ใน สิบส่วนเทียบกับสูตรในตํารา”

 

ถ้าหากมีนักปรุงยาใจร้อนคนใดได้ยินขั้นตอนการคิดของชุนหลงในครั้งนี้ พวกเขาคงจะถ่มน้ําลายใส่หน้าชุนหลงเป็นแน่

 

“ถ้าปรับสูตรหลอมโอสถได้ง่ายดายนัก ใยทุกคนจะทํามันบ้างไม่ได้เล่า?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Monarch of Time 30 – กายาราชันย์นิรันดร์

Now you are reading Monarch of Time Chapter 30 - กายาราชันย์นิรันดร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

MoT.30 – กายาราชันย์นิรันดร์

 

“กายาราชันย์นิรันดร์

 

ชุนหลงเข้าใจทุกอย่างหลังจากที่ภาพได้แล่นมาในจิตใจ กายาราชันย์นิรันดร์” คือวิชาท้าทายสวรรค์เหมือนกับนาฬิกาทรายราชันย์

 

ถึงจะเป็นเช่นนั้น กายาราชันย์นิรันดร์” ก็แตกต่างจาก “นาฬิกาทรายราชันย์” อย่างสิ้นเชิง

 

นี่คือวิชาที่ใช้ปรับร่างกาย

 

ชุนหลงได้เรียนรู้จากตําราของลู่เหวินเมื่อครู่ว่ามีผู้บ่มเพาะพลังอยู่ 2 ประเภท

 

นั่นคือผู้บ่มเพาะปราณและผู้บ่มเพาะกายา

 

ผู้บ่มเพาะปราณจะรวบรวมลมปราณในร่างกายและใช้มันกับวิชาบ่มเพาะ ขณะที่ผู้บ่มเพาะกายาจะทําให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นแทน

 

ตอนที่ชุนหลงอยู่ในอาณาจักรชะตาฟ้า เขาไม่เคยได้ยินเรื่องผู้บ่มเพาะกายามาก่อน การบ่มเพาะร่างกายนั้นยากกว่าการบ่มเพาะปราณเป็น 100 เท่า ดังนั้นมันจึงหายไปจากโลกมนุษย์

 

ถึงแม้ว่าจะมีความยากที่มากกว่า ผู้บ่มเพาะในโลกบ่มเพาะพลังจํานวนมากก็จดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะร่างกาย

 

ชุนหลงได้รู้จากภาพในหัวของเขาว่าวิชากายา กายาราชันย์นิรันดร์” เป็นเช่นใด มันคือวิชาที่จะพัฒนาร่างกายและทําให้ผู้ บ่มเพาะฉีกมิติได้ด้วยมือเปล่า

 

ชุนหลงรู้ว่าเขามีวิชาบ่มเพาะที่จะส่งผลต่อเวลารอบตัว แต่มันอ่อนแอเกินไปที่จะใช้ได้ดีในช่วงนี้ เขาน่าจะต้องการร่างกายที่กระชากมิติได้มากกว่า

 

“เราจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันนะ?”

 

เขานั่งลงและเริ่มศึกษาวิชากายา

 

ในโลกบ่มเพาะพลัง มันมีความยากอย่างไม่น่าเชื่อสําหรับคนที่จะบ่มเพาะทั้งวิถีของปราณและกายาเพราะทั้งสองวิถีนั้นคือเส้นทางที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเพื่อที่จะเป็นผู้บ่มเพาะปราณ ปราณที่ดูดซับได้จะต้องผ่านเส้นลมปราณและไหลเวียนสู่ร่างกายก่อนจะใช้งาน

 

แต่ในวิถีการบ่มเพาะร่างกายนั้นไม่เหมือนกับแม้แต่น้อย วิธีการที่ง่ายที่สุดคือการฝึกฝนร่างกายนานหลายปี ทําให้ตัวเองบาดเจ็บทุกครั้งก่อนจะรับประทานโอสถรักษาหรืออาบโอสถที่ช่วยฟื้นฟู พื่อทําให้ร่างกายแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

 

ชุนหลงคิด เขารู้ว่าเขาจะเลือกวิถีการบ่มเพาะร่างกายไม่ได้ นั่นเพราะเขาไม่มีเวลาพอจะทําเช่นนั้น และมันใช้เวลาหลายปีกว่าจะสําเร็จ ข้อสองกายาราชันย์นิรันดร์” นั้นแตกต่างกันมาก มันมิอาจฝึกฝนได้ด้วยวิธีนั้น

 

มันต้องการให้ชุนหลงหลอมโอสถรักษาในระดับหนึ่งขึ้นมาและใช้พลังจํานวนมากที่มีในการทําลายและสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่จากภายใน

 

ถึงอย่างนั้น ทุกวิถีทางนั้นมีข้อเสียของตัวเอง

 

แม้ว่าจะเร็วกว่าสําหรับชุนหลงในการบ่มเพาะร่างกายเทียบกับผู้บ่มเพาะคนอื่นที่ต้องฝึกร่างกายนานหลายปี แต่ชุนหลงก็ต้องจ่ายในราคาที่เท่ากัน

 

แทนที่จะทําให้กระดูก เส้นเอ็น และอวัยวะภายในค่อย ๆ แข็งแรงขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นในระหว่างการฝึกร่างกายกายารา ชันย์นิรันดร์” นั้นจะบดขยี้ร่างกายทุกส่วนก่อนจะสร้างขึ้นใหม่ให้ดีขึ้นมันคือความเจ็บปวดที่มิอาจบรรยายได้ด้วยคําพูด

 

ชุนหลงแอบกลัวอยู่ในใจ หากพลาดแม้เพียงเล็กน้อย นั่นจะหมายถึงความตายของเขา

 

หลังจากสูดหายใจเข้าลึก เขานึกบางอย่างขึ้นมาได้

 

“ลองคิดดูแล้ว ทั้งหมดเหมือนกับส่วนหนึ่งของสิ่งที่ใหญ่กว่า”

 

“อย่างแรกข้าต้องบ่มเพาะ “นาฬิกาทรายราชันย์” เพื่อที่จะมีปราณมากพอและเป็นผู้บ่มเพาะปราณ”

 

“ พอข้ามีพลังปราณในระดับหนึ่งตําราสีทองจะดูดข้าเข้าไปและเกือบจะฆ่าข้าด้วยข้อมูลมหาศาลพวกนั้น”

 

“และพอข้าได้รู้เรื่องพืชโอสถ สัตว์อสูร ร่างกายมนุษย์ข้าจึงบ่มเพาะกายาราชันย์นิรันดร์” ได้ด้วยการหลอมโอสถที่ข้าต้องใช้”

 

“หรือว่ามันจะเป็นวิถีที่ต้องบ่มเพาะทั้งปราณและกายา? ..ต่อให้ไม่ให้ข้าจะปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านพ้นไปไม่ได้”

 

“ข้าจะต้องลองบ่มเพาะกายาราชันย์นิรันดร์ให้ได้ในทันทีที่ข้ารวบรวมพืชโอสถครบ”

 

“จากนี้ไป ข้าจะต้องเริ่มเชี่ยวชาญในการปรุงยากว่านี้”

 

ชุนหลงหยิบ ผลน้ําผึ้ง หญ้าสีฟ้า บุพผายักษ์ 5 กลีบ และรากเลื้อยสยองทั้ง 3 ชุดที่เขาซื้อมาจากความช่วยเหลือของเจ้าอ้วนฟูเขานั่งลง

 

หลังจากนั้น ชุนหลงหยิบหม้อหลอมโอสถทองแดงขั้น 3 ชั้นสูงที่พ่อเขาให้มาก่อนจะออกจากเมืองปาคราม

 

ชุนหลงหายใจเข้าลึก ดวงตาของเขาเพ่งไปที่ของตรงหน้า

 

“ได้เวลาเริ่มแล้ว”

 

สิ่งแรกที่เขาต้องทําคือใช้เปลี่ยนส่วนหนึ่งของพลังปราณเป็นธาตุไฟและอุ่นหม้อของเขา

 

หากไม่ใช่ผู้บ่มเพาะวิชาน้ําแข็งโดยเฉพาะ ผู้บ่มเพาะปราณสามารถเปลี่ยนปราณเป็นเปลวไฟได้ไม่ยาก

 

หลังจากใช้เวลาไปหนึ่งก้านธูป หม้อหลอมอุ่นพอแล้ว ชุนหลงหยิบบุพผายักษ์ 5 กลีบขึ้นมา

 

“ตามตําราของลู่เหวิน ข้าต้องเด็ดกลีบก่อนจะโยนดอกไม้ ลงหม้อพอมันกลายเป็นเนื้อโอสถเมื่อใดก็ต้องใส่รากเลื้อยสยองไปครึ่งส่วนก่อนจะใส่ผลน้ําผึ้งกับหญ้าสีฟ้า”

 

อืมม.. แต่มันไม่ค่อยมีเหตุผลเลย

 

“ถ้าข้าเด็ดกลีบบุพผายักษ์ 5 กลีบไป แม้ว่าจะหลอมโอสถได้ง่ายกว่าโอสถจะมีพลังที่น้อยกว่าเดิม 2 ใน 10 ส่วน ฤทธิ์ทางยาจะต่ํายิ่งกว่าถ้าใช้รากเลื้อยสยองแค่ครึ่งเดียว รากเติบโตใต้หินและดูดซับพลังงานปฐพในการเติบโตใช้แค่ครึ่งเดียวมันไม่มีเหตุผลเพราะแค่ ต้องรักษาสมดุลพลังไม้จากบุพผายักษ์ 5 กลีบด้วยธาตุดินของรากเลื้อยสยอง”

 

ชุนหลงครุ่นคิดไม่นานก่อนตัดสินใจ

 

“ข้าจะใส่หญ้าสีฟ้าลงไปก่อนจะเด็ดบุพผายักษ์ 5 กลีบ 1 กลีบเพื่อรักษาสมดุลพลังและหลอมเร็วขึ้นจากนั้นจะใช้บุพผาที่เหลื อกับรากเลื้อยสยอง และข้าจะใส่ผลน้ําผึ้งเป็นอย่างสุดท้าย ถ้าทําแบบนี้ โอสถ ทลายม่านปราณ” จะมีฤทธิ์มากกว่าปกติ 6 ถึง 7 ใน สิบส่วนเทียบกับสูตรในตํารา”

 

ถ้าหากมีนักปรุงยาใจร้อนคนใดได้ยินขั้นตอนการคิดของชุนหลงในครั้งนี้ พวกเขาคงจะถ่มน้ําลายใส่หน้าชุนหลงเป็นแน่

 

“ถ้าปรับสูตรหลอมโอสถได้ง่ายดายนัก ใยทุกคนจะทํามันบ้างไม่ได้เล่า?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+