Monster Paradise 1493

Now you are reading Monster Paradise Chapter 1493 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนแปดโมงตรง ใต้สวรรค์ก็มาถึง

 

ต่อหน้าสมาชิกเคียวแห่งความตาย เขาเปิดเผยโดยใช้รูปลักษณ์ดั้งเดิม ชายหนุ่มผมขาว สูงไม่ถึง 1.6 เมตร

 

ทันทีที่เขาเข้าห้อง เขาก็เห็นหลินฮวงนั่งอยู่แถวแรก ดูเหมือนจะไม่เข้ากับคนอื่น

 

หลังเห็นหลินฮวง เขาก็ผงะไปสักพัก แม้เขาจะไม่ใช่ผู้บ่มเพาะดาบ เขาก็คือคนที่มีชื่อเสียงในหมู่เทพสวรรค์ และเขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าเต๋าดาบของหลินฮวงไปถึงระดับกฏสวรรค์แล้ว

 

เมื่อละสายตาจากหลินฮวง เขาก็เห็นคนอื่นนั่งอยู่ด้านหลัง เมื่อเขาเห็นสีหน้าของคนอื่น เขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

 

เขาพูดกับหลินฮวง’ผู้มาใหม่ ทำไมเจ้าไม่แนะนำตัวเองสั้น ๆ หน่อยละ”

 

หลินฮวงพยักหน้า เขายืนขึ้น หันไปมองคนด้านหลังและถอดฮูด”ข้าซิว มู่ ข้าเพิ่งเข้าร่วมเคียวแห่งความตาย ขอฝากตัวด้วย”

 

หวงมู่คือชื่อจริงของตัวตนนี้ ส่วนซิว มู่คือชื่อรหัสที่เขาใช้เพื่อเข้าร่วมเคียวแห่งความตาย

 

หลังแนะนำตัวเองสั้นๆ หลินฮวงก็กลับไปนั่งลง

 

ใต้สวรรค์เลิกคิ้ว เขาเดาว่าหลินฮวงคงกำลังแสดงอยู่

 

คนอื่นในห้องประชุมค่อยข้างไม่พอใจ

 

“เขาบอกว่าขอฝากตัว แต่เขาไม่แสดงออกเลยว่าเขาต้องการให้เราช่วยดูแล”

 

“เขาอวดดีมาก แม้กระทั่งต่อหน้าผู้อาวุโสใต้สวรรค์!”

 

แน่นอน หลินฮวงได้ยินเสียงบ่นเหล่านี้ แต่เขาไม่สนใจ

 

มุมปากใต้สวรรค์ขยับขึ้นเล็กน้อย ในทางกลับกัน เขาพบว่าการสวมบทบาทของหลินฮวงดูน่าขบขัน

 

“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนรู้จักกันแล้ว ก็ไม่ต้องแนะนำตัวกันอีก”

“ทุกคนอยู่กันครบแล้ว งั้นเราก็จะไปกันเลย”

 

ทันทีที่พูด ใต้สวรรค์ก็เขย่าแขนเสื้อ และงูสีเขียวขนาดเท่านิ้วก้อยก็พุ่งออกมาบนโต๊ะประชุม

 

งูตัวน้อยเปิดปากขึ้น และหลินฮวงกับอีกหกคนก็หดเล็กลง เปลี่ยนเป็นอนุภาคขนาดเล็กเข้าไปในปากงู

 

หลังกลืนกินทั้งเจ็ด งูตัวน้อยก็เปลี่ยนเป็นงูหลามตัวโต และใต้สวรรค์ก็ขึ้นไปบนหัวมัน

 

วินาทีต่อมา วังวนสีดำก็ปรากฏขึ้น งูตัวโตเลื้อยเข้าไป

 

ไม่นานนัก ภาพมืดมนของพวกหลินฮวงก็หายไปเมื่องูพ่นพวกเขาออกจากปาก

 

หลินฮวงกวาดมองรอบ ๆ ใต้สวรรค์ยืนอยู่อีกด้าน เขาได้เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นชายกล้ามโตสูงกว่าสองเมตรแล้ว

 

ทั้งหกที่อยู่ในห้องประชุมก่อนหน้านี้ล้วนอยู่ครบ

 

นอกจากผู้เข้าร่วมจากเคียวแห่งความตาย ยังมีองค์กรกว่าสิบแห่งที่มาถึง แต่ละองค์กรจับกลุ่มกัน

 

หลินฮวงเห็นองค์กรระดับเจ็ดสองแห่งที่ส่งคนมาแค่สิบคน เทพเสมือนห้าคนและเทพแท้จริงห้าคน

 

ขณะที่หลินฮวงกำลังสงสัยว่าแดนลับได้จำกัดจำนวนคนเข้าร่วม โชคชะตาก็อดพูดขึ้นไม่ได้

 

“ท่านใต้สวรรค์ แม้กระทั่งองค์กรระดับเจ็ดก็ยังส่งคนมาไม่มาก นี่เพราะแดนลับมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงั้นหรือ?”

 

“นั่นไม่ใช่เหตุผล”ก่อนใต้สวรรค์จะได้เปิดปาก เทพแท้จริงข้างพวกเขาก็ชิงพูดก่อน”มันเพราะการล่าในแดนลับนี้คือการต่อสู้เดี่ยว และแต้มการล่าจะโดนนับเป็นแบบส่วนตัว  นั่นทำให้องค์กรใหญ่คัดเลือกเฉพาะคนที่แข็งแกร่งสุดในองค์กรตน นี่ยังเพื่อป้องกันพวกกระจอกจากการเข้าร่วม ไม่งั้นชื่อเสียงของทั้งองค์กรจะตกต่ำถ้าได้รับแต้มการล่าน้อยไป”

 

เขาจงใจเหลือบมองหลินฮวงตอนพูดประโยคสุดท้าย

 

เทพแท้จริงคนนี้คืออสูรคลั่ง ผู้เป็นอันดับสามบนกระดานเคียวขาว เหตุผลหลักที่เขาไม่พอใจหลินฮวงคือก่อนหน้านี้ ใต้สวรรค์ได้ประกาศว่าจะมีเทพแท้จริงแค่สามคนจากเคียวแห่งความตายที่เข้าร่วมในปีนี้ เขาจึงต้องรักษาอันดับสามบนกระดานเคียวขาวสุดความสามารถ แต่ทว่า ที่ว่างนี้ที่เขาได้รับหลังพยายามอย่างหนักทั้งปีกลับโดนผู้มาใหม่เอาไปง่ายๆ

 

หลินฮวงไม่รู้ว่าที่ว่างนี้ล้ำค่าแค่ไหน เขาขอใต้สวรรค์เพราะมันจำเป็นและใต้สวรรค์ก็ตอบตกลงทันที

 

แน่นอน เขาสามารถสัมผัสได้ถึงการถากถางในคำพูดอสูรคลั่ง แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเกลียดเขา เขาคิดว่าท่าทีก่อนหน้านี้ของเขาคงทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ

 

ในความคิดของหลินฮวง การยั่วยุระดับต่ำแบบนี้ไร้ความหมาย ถ้าอีกฝ่ายมีความสามารถจริง เขาก็ควรคิดถึงวิธีบดขยี้หลินฮวงในแง่ของแต้มการล่า แทนที่จะมาพูดถากถางเขา

 

เมื่อเห็นว่าหลินฮวงไม่กินเบ็ด อสูรคลั่งก็ไม่พูดต่อ

 

ในอีกด้านหนึ่ง ใต้สวรรค์ยังยืนอยู่ตรงนั้น อสูรคลั่งจึงไม่สามารถแสดงความเป็นศัตรูกับหลินฮวงได้ ขณะที่อีกด้าน ยังมีองค์กรอื่นมากมาย และมันคงไม่ดีหากให้คนอื่นมาเห็นความขัดแย้งภายในเคียวแห่งความตาย

 

ความจริงก็คือ ถ้าไม่ใช่เพราะเขากลัวใต้สวรรค์ เขาอาจเริ่มสู้กับหลินฮวงตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องประชุมไปแล้ว

 

แต่ทว่า สิ่งที่อสูรคลั่งไม่รู้ก็คือเขาโชคดี

 

ถ้าเขาเลือกโจมตีหลินฮวงตอนนั้น ก็มีโอกาสสูงที่เขาจะหมดโอกาสเข้าสู่แดนลับทันที

 

โดยไม่สนใจเสียงบ่นของคนรอบข้าง หลินฮวงหันไปมององค์กรอื่น

 

ผู้เข้าร่วมจากองค์กรระดับเจ็ดทั้งสอง วิหารเทพนักรบและซีโน่มาถึงแล้ว เขายังเห็นคนหน้าคุ้น เช่นเทพนักรบไร้ผู้ต้านจากวิหารเทพนักรบและฟรอนเทียร์จากซีโน่…

 

เวลาผ่านไปกว่าปีแล้ว แต่คนรู้จักเก่าอย่างดาวหางกับคนอื่นก็ยังเป็นแค่เทพเสมือนขั้น 9 แต่ทว่า กลิ่นอายของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก

 

เพียงเมื่อหลินฮวงรู้สึกเสียใจที่ทิ้งคนกลุ่มนี้ไว้ไม่เห็นฝุ่น เงาร่างหนึ่งก็โน้มตัวมาจากด้านข้างเขา

 

“ข้าเคยเจอเจ้ามาก่อนหรือเปล่า?”

 

ด้วยความแปลกใจ ผู้พูดคือเวอชุโอโซ เสียงนี้เป็นกลางมาก ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชายหรือหญิง

 

หลินฮวงหันไปมองเวอชุโอโซและยิ้ม”เจ้าคงต้องถอดหน้ากากให้ข้าดูก่อน ข้าถึงบอกได้ว่าเราเคยเจอกันหรือไม่”

 

ขณะที่สมาชิกเคียวแห่งความตายกำลังสงสัยว่าทำไมเวอชุโอโซถึงสนใจผู้มาใหม่ พวกเขาก็ได้ยินคำพูดของหลินฮวงและสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

 

“เจ้าแน่ใจนะว่าอยากให้ข้าถอดหน้ากาก?”ภายใต้หน้ากากขาว ริมฝีปากสีแดงขยับขึ้นเล็กน้อย

 

แต่ทว่า หน้ากากได้ปกปิดริมฝีปากไว้ พูดตามตรง หลินฮวงไม่ควรเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายได้ แต่เขากลับเห็นว่ามุมปากของอีกฝ่ายยกขึ้นจริงๆ

 

ตอนนี้ ใต้สวรรค์ไม่สามารถเงียบได้อีก”แดนลับกำลังจะเปิดในไม่ช้า พวกเจ้าสองคนไม่ควรสร้างปัญหา!”

 

หลินฮวงสังเกตเห็นความผิดปกติในน้ำเสียงของใต้สวรรค์ และเดาว่าอาจมีเรื่องเกิดขึ้นถ้าอีกฝ่ายถอดหน้ากาก ตัดสินจากสีหน้าคนอื่น มันไม่น่าจะใช่เรื่องดีอะไร

 

นี่ทำให้หลินฮวงอยากรู้เล็กน้อยถึงความสามารถของเพื่อนคนนี้ที่เป็นอันดับหนึ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด