One Man Army 27 การ์ดธาตุ (2)

Now you are reading One Man Army Chapter 27 การ์ดธาตุ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

รังไวเวิร์นเป็นพื้นที่ฟาร์มระดับสูงสุดในแดนดินแห่งความมืด แต่มันยังไม่ถูกผู้เล่นคนอื่นค้นพบ โดยปกติแล้วผู้เล่นจะทำเควสเพื่อที่จะเข้ามาที่นี่

แน่นอนว่าพวกเขาค้นพบที่นี่ผ่านเควสลูกโซ่ อย่างไรก็ตามเควสสุดท้ายของเควสลูกโซ่นั้นซับซ้อนอย่างมาก ดังนั้นเลยไม่มีผู้เล่นคนไหนทำได้เควสในตอนนี้

โดยปกติแล้วซางฮยอคไม่ได้ทำเควสนี้ เควสนี้มันไม่มีความหมายกับเขาเลย

ซางฮยอคมีประสบการณ์ในการทำเควสนี้ในชีวิตก่อนของเขา ดังนั้นเขาจึงรู้วิธีในการไปรังไวเวิร์นโดยไม่ต้องทำเควส

หากผู้เล่นทำเควสมันจะมีข้อได้เปรียบคือจะได้ใช้ระบบนำทางเพื่อนำทางผู้เล่นไปรังไวเวิร์นและผู้เล่นที่ไม่ได้ทำเควสมันเป็นเรื่องยากมากที่จะหาวิธีไปรังไวเวิร์น แต่มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับซางฮยอคผู้ที่มีประสบการณ์โชกโชนในโลกของ EL

‘ฉันว่ามันน่าจะอยู่แถวนี้นะ….’

เมื่อมาถึงหน้าผาตะวันออกที่อยู่ที่ทิศตะวันออกของดินแดนแห่งความมืด ซางฮยอคใช้เทคนิตการปีนเขาของเขาเพื่อมองหาทางปีนขึ้นไปยังรังไวเวิร์น

หากเขาทำเควสลูกโซ่ เขาจะไม่ต้องมาหาวิธีไปยังรังไวเวิร์น แต่มันเป็นเพราะความขี้เกียจที่ไม่อยากทุกข์ทรมาณกับเควสลูกโซ่ของเขา ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีโกงของเขา

ซางฮยอคค้นพบเส้นทางไปยังรังไวเวิร์นหลังจากค้นหามา 3 ชั่วโมง เถาวัลย์ที่ดูเหมือนเถาวัลย์ยักษ์จากนิทานเรื่องแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ ถูกซ่อนไว้ที่ซอกหน้าผาอย่างแนบเนียนซึ่งมันเป็นเถาวัลย์ที่นำทางไปยังรังไวเวิร์น

รังไวเวิร์นเปรียบเสมือนดันเจี้ยนสาธารณะ วิธีเดินทางไปยังรังไวเวิร์นคือการปีนหน้าผาตามเถาวัลย์และจำเป็นต้องปีนหน้าผาอย่างระวังเพื่อไม่ให้ตกหน้าผาตาย

ซางฮยอคคว้าเถาวัลย์และปีนขึ้นไป เมื่อเขาปีนได้ 15 นาที รังไวเวิร์นหรืออีกชื่่อหนึ่งคือดันเจี้ยนท้องฟ้าก็ปรากฏออกมาในสายตาของเขา

“มันผ่านมานานมากเลยนะเนี่ย”

ในชีวิตก่อนของเขาซางฮยอคได้มาตั้งแคมป์ที่นี้ 4 เดือน ในตอนนั้นผู้เล่นคนอื่นของ ‘เวิร์คชอป’ กำลังตามหาไอเทมสำคัญ ดังนั้นเขาจึงออกจากที่นี่ไม่ได้

ในช่วงสี่เดือนนั้นซางฮยอคสังหารไวเวิร์นไปนับไม่ถ้วน ไวเวิร์นนั้นเป็นมอนเตอร์ที่มีเลเวลสูงมากซึ่งต้องให้ผู้เล่นรวมปาร์ตี้กันสามคนและทั้งสามต้องมีเลเวลประมาณ 43~45 เพื่อสังหารพวกมัน

และต้องไม่ใช่การรวมปาร์ตี้มั่วๆ แต่ต้องเป็รปาร์ตี้ที่สมดุลซึ่งประกอบด้วยแทงเกอร์ ดีลเลอร์และฮีลเลอร์

ซางฮยอคเอามาร์กกิ้งบุ๊กของเขาออกมาและมาร์กที่นี่ เมื่อเขาเข้าไปในรังไวเวิร์น มาร์กกิ้งบุ๊กจะไม่สามารถมาร์กได้ ดังนั้นเขาจึงมาร์กก่อนที่จะเข้าไปในรังไวเวิร์น

‘รังไวเวิร์นนั้นค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นผู้เล่นที่มาถึงที่นี่ครั้งแรกเลยหลงทาง ฉันก็จำทางในในดันเจี้ยนนี้ไม่ค่อยได้’

ในขณะที่กำลังมาร์กซางฮยอคก็นึกถึงความทรงจำเก่าของเขา โดยปกติแล้วอดีตของเขานั้นน่าเศร้าเกินทำให้เขาไม่ต้องการจดจำมันซึ่งอาจทำให้เขาลืมในบางเรื่อง

“ว้าววว ฉันคิดว่าฉันลืมเส้นทางแล้วนะเนี่ย แต่ฉันสามารถจำเส้นทางได้อยู่…. ดูเหมือนว่าฉันจะเคยคั้งแคมป์ที่นี่นะ’

ในตอนแรกเขากังวลว่าเขาจะจำทางไม่ได้ แต่เมื่อเขามาถึงที่นี่ทำให้เขากังวลอย่างสูญเปล่า

‘ดีละถ้าอย่างนั้นเริ่มล่ากันเถอะ’

เนื่องจากเขาไม่ใช่แค่จำทางได้ แต่ยังจำรายละเอียดอื่นได้อีกด้วย เขาจึงไม่จำเป็นต้องรออะไรอีก

‘ฉันควรบัฟให้ตัวเองก่อน!’

ซางฮยอคหยิบการ์ดฟิวชั่นออกมาก่อนที่จะต่อสู้ ชื่อของการ์ดฟิวชั่นใบนี้คือ ‘พรแห่งลมและไฟ’

ผลของการ์ดใบนี้คือการเพิ่มพลังโจมตีพื้นฐานและความเร็วพื้นฐาน

มันเป็นหนึ่งในการ์ดฟิวชั่นประเภทบัฟที่มีอยู่ไม่กี่ชนิดซึ่งถูกสร้างขึ้นจากธาตุระดับต่ำสุด ดังนั้นเขาจึงสร้างมันสร้างพวกมันขึ้นมา 100 ใบ

การ์ดฟิวชั่นซึมเข้าไปในร่างกายของเขาและบัฟก็ถูกใช้งาน เลข ‘30’ ซึ่งเห็นได้ที่มุมขวาบนในมุมมองของเขา นี่คือระยะเวลาของบัฟ

เลข 30 หมายถึงระยะเวลาบัฟ 30 นาที

‘ฉันเคยรวมปาร์ตี้กับคนอีกสองคนที่มีค่าความเชี่ยวชาญเต็มเพื่อล่าไวเวิร์นและใช้เวลาฆ่ามันประมาณ 5 นาทีใช่มั้ย? อืมม ดูเหมือนว่าฉันควรตั้งเป้าหมายแรกไว้ที่ 10 นาที’

ไวเวิร์นนั้นเป็นมอนเตอร์ที่ดร็อปคาร์มามหาศาลและไอเทมที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เขาไม่มีคนแย่งฟาร์ม เขาจึงสามารถเคลื่อนไหวไปรอบรังต่างๆ แล้วสังหารไวเวิร์นนับไม่ถ้วนและได้กำไรมากมายมหาศาล

ซ้าบบบ!

ซางฮยอคดึงแส้กระดูกทองคำหมื่นปีของเขาออกมาและมองไปข้างหน้า เขาเห็นไวเวิร์นสีเขียวซึ่งเป็นไวเวิร์นที่อ่อนแอที่สุด แต่พวกมันนั้นยังคงแข็งแกร่งกว่ามอนเตอร์ตัวอื่นในดินแดนแห่งความมืด

“ลุย!”

หลังจากเตรียมตัวเสร็จ ซางฮยอคก็วิ่งไปบนเถาวัลย์ที่ยืนออกมาอยู่ข้างหน้าเขา

***

เทคนิคที่สำคัญในตอนที่ต่อสู้กับไวเวิร์นคือการไม่ปล่อยให้มันบิน และการทำแบบนั้นได้ต้องโจมตีไข่ในรังไวเวิร์นซึ่งมันจะมีอย่างน้อยหนึ่งใบที่จะถูกโจมตีในระหว่างต่อสู้

ในชีวิตก่อนของซางฮยอค มันถูกเรียกว่า ‘ไข่ดึงดูด’ และมีเพียงการโจมตีไข่เท่านั้นที่ผู้เล่นจึงสามารถขัดขวางไม่ให้ไวเวิร์นใช้ลมหายใจไวเวิร์นของพวกมันได้

มีฉากที่น่าสนใจเกิดขึ้นทีนี่ และมันนั้นเป็นฉากที่มีผู้ชายหนึ่งคนในดันเจี้ยนที่กว้างใหญ่นี้ ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิงทั้งหมด

โดยปกติแล้วดีลเลอร์จะคอยโจมตีไข่ดึงดูดแทนแทงเกอร์ เนื่องจากแทงเกอร์นั้นต้องดึงดูดความสนใจของไวเวิร์น มันเป็นเรื่องยากสำหรับแทงเกอร์ที่จะดึงดูดความสนใจของไวเวิร์นและโจมตีไข้ในเวลาเดียวกัน

ดังนั้นดีลเลอร์จะโจมตีไขหนึ่งครั้งเพื่อขัดขวางไวเวิร์นไม่ให้บิน

หากทำให้ไวเวิร์นบินไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็เหมือนกับต่อสู้กับมอนเตอร์ตัวอื่น มองหารูปแบบการโจมตีและต่อสู้กับมัน

ไวเวิร์นมันไม่มีรูปแบบการโจมตีพิเศษ ตราบใดที่ผู้เล่นระวังการโจมตีระยะประชิดของมันอย่าง ‘การกัด’ และ ‘การฟาดหาง’ นอกจากนั้นก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก

ในตอนแรกซางฮยอคกังวลเพราะมันอาจต้องใช้เวลาต่อสู้นาน แต่เมื่อได้ต่อสู้จริง เขาก็ปรับตัวเข้ากับรูปแบบการโจมตีของไวเวิร์นได้อย่างง่ายดาย การล่าไวเวิร์นซ้ำนับครั้งไม่ถ้วนในชีวิตก่อนของเขาถูกสลักเข้าไปในความทรวจำของเขา และเขาก็ได้ใช้มันแล้วตอนนี้

นอกจากนี้อาวุธของซางฮยอคก็คือแส้กระดูกทองคำหมื่นปีซึ่งเหมาะกับสถานการณ์นี้ รังไวเวิร์นส่วนใหญ่เป็นวงกลมมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 เมตร ดังนั้นเขาขึงสามารถโจมตีไข่ได้ตลอดเวลาหากเขาอยู่ใจกลางรังไวเวิร์น

ซ้าบบบ!

ซางฮยอคเหวี่ยงแส้กระดูกทองคำหมื่นปีเพื่อโจมตีไข่ การโจมตีไข่ที่ถูกต้องคือโจมตีโดยไม่ให้ไข่แตก

เมื่อไข่แตกกฺจะทำให้ไวเวิร์นบ้าคลั่ง แม้แต่ซางฮยอคก็ไม่สามารถต่อสู้กับไวเวิร์นที่บ้าคลั่งได้

โฮกกก!

ไวเวิร์นเพศเมียเริ่มดุร้ายมากขึ้นเมื่อซางฮยอคโจมตีไข่ มันพยายามต่อสู้เพื่อป้องกันไข่แม้ว่าร่างกายของมันจะบาดเจ็บแค่ไหนก็ตาม

‘แม้กระทั่งมอนเตอร์ในเกมก็เป็นแบบนี้…..’

ซางฮยอคเกือบถูกกระตุ้นหลังจากที่เห็นภาพนี้เพราะมันคล้ายกับเขาในชีวิตก่อน อย่างไรก็ตามเขาไม่หยุดการโจมตีของเขา

‘ยังไงก็ต้องโดดเดี่ยวอยู่แล้ว’

หลังจากได้ย้อนอดีตกลับมา ซางฮยอคคิดเสมอว่า ‘ไม่มีใครที่ไม่โดดเดี่ยว’ และตอนนี้ความคิดแบบนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเขาจึงเหวี่ยงแส้กระดูกทองคำหมื่นปีต่อไป

หวูดดด ครัชชชช

เขาขัดขวางไม่ให้ไวเวิร์นบินด้วยไข่ดึงดูดและขยับแส้ของเขาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มันพันรอบคอของไวเวิร์น จากนั้นเขาก็ดึงแส้กระดูกทองคำหมื่นปีเพื่อขึ้นไปอยู่บนหลังของไวเวิร์น

เมื่อซางฮยอคอยู่บนหลังของไวเวิร์นหมายถึงเวลาที่จะต้องสังหารไวเวิร์น

โฮกกกกก!

ไวเวิร์นพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถเพื่อทำให้ซางฮยอคตกจากหลังของมัน อย่างไรก็ตามซางฮยอคก็รักษาสมดุลของตนเองราวกับคาวบอยที่กำลังขี่ม้าและดึงแส้กระดูกทองคำหมื่นปีที่พันรอบคอของไวเวิร์น

ครัชชชช

แส้กระดูกทองคำหมื่นปีบาดลึกเข้าไปในคอของไวเวิร์น ซางฮยอคถือแส้กระดูกทองคำหมื่นปีด้วยมือทั้งสองข้างและดึงมันอีกครั้ง

เนื่องจากซางฮยอคลงแต้มคุณสมบัติของเขาที่ได้มาจากการอัพเลเวลไปที่ค่าความแข็งแกร่งและค่าความเร็ว

ดัวนั้นเมื่อเขาตัดสินใจดึงแส้กระดูกทองคำหมื่นปีด้วยแรงทั้งหมดของเขา ไวเวิร์นที่บาดเจ็บสาหัสก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดได้

ในตอนท้ายคอของไวเวิร์นสีเขียวก็งอเป็นรูปตัว L การที่คอหักหมายความว่า HP ของมันเป็น 0 ดังนั้นไวเวิร์นจึงล้มตัวลงบนรังของมัน

หลังจากที่ไวเวิร์นล้มลงไป ซางฮยอคก็มองดูระยะเวลาบัฟที่เหลืออยู่

’22 นาที…… ดังนั้นฉันใช้เวลาประมาณ 8 นาทีใช่มั้ย? มันดีกว่าที่ฉันคิดเล็กน้อย’

เนื่องจากซางฮยอคทำได้ไวกว่าเวลาที่เขาคาดไว้ 2 นาที ดังนั้นนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่แย่ เขากังวลอย่างมากในตอนแรกและด้วยประสอบการณ์ในชีวิตก่อนของเขาช่วยเขาเอาไว้ทำให้ความกังวลของซางฮยอคหายไป

‘ฉันอาจจะสามารถลดมันเหลือ 5 นาทีได้หากฉันลดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น’

“ฉันควรตั้งแคมป์ที่นี่ซักพัก!”

เช่นเดียวกับที่เขาฟาร์มในถ้ำงูเป็นเวลา 1 เดือน เขากำลังวางแผนที่จะฟาร์มที่รังไวเวิร์น 1 เดือนเช่นกัน

เขาทำการปรับตัวเข้ากับรูปแบบการโจมตีของไวเวิร์นและเริ่มสังหารไวเวิร์นอย่างต่อเนื่อง

ในสายตาของเขา ไวเวิร์นทั้งหมดดูราวกับกองไอเทม

***

“นายต้องการให้ฉันเชื่ออย่างนั้นเหรอ?”

ชายที่กำลังฟังคิลลิ่งแมชชีนพูด มองเขาด้วยท่าทางไร้สาระ

“ฉันขอสาบานกับพระเจ้าว่ามันเป็นเรื่องจริง ฉันจะโกหกพี่ได้ยังไง?”

“อืมม…….”

แน่นอนว่าคิลลิ่งแมชชีนไม่สามารถโกหกเขาได้ คนทั้งสองได้พบกันเมื่อ 5 ปีก่อนตอนที่กำลัง PK กันในเกมอื่น

แน่นอนว่าชายที่ฟังอยู่มีพรสวรรค์ในการ PK มากกว่าคิลลิ่งแมชชีนซึ่งคิลลิ่งแมชชีนเป็นลูกน้องของเขา แต่พวกเขาพบกันในชีวิตจริงและดื่มด้วยกันหลายครั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

คิลลิ่งแมชชีนในโลกจริงเลวยิ่งกว่าในโลกเสมือนจริง ดังนั้นเขาจึงถูกตำหนิโดยชายคนนี้เมื่อพวกเขาพบกัน หากคิลลิ่งแมชชีนกล้าโกหกจริงๆ เขาอาจถูกทึบตีในโลกจริง

“นายถูกบดขยี้ใน 10 วินาทีเหรอ?”

“ใช่ เขาแข็งแกร่งเกินไป”

ไม่ว่าคิลลิ่งแมชชีนจะอ่อนแอแค่ไหน การสังหารเขาใน 10 วินาที มันก็แข็งแกร่งเกินไป แม้แต่ชายคนนี้ก็รู้สึกว่าเขาต้องใช้เวลาประมาณ 1 นามีในการสังหารคิลลิ่งแมชชีน

“ผมจะพยายามค้นหาเขาอย่างลับๆ ละกัน แต่มันยากที่จะพบที่อยู่ของเขา ผมจะโทรหาพี่ทันทีที่ผมพบเขา”

สิ่งที่คิลลิ่งแมชชีนต้องการคือการล้างแค้น ชายที่พูดกับเขาคือคนที่มีความสามารถในการ PvP มากที่สุดที่เขารู้จัก ไม่ใช่แค่นั้น ชายคนนี้ยังชอบต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่ง

ชื่อของเขาคือดาร์คดราก้อน หรือเรียกสั้นๆ ว่า DD เขาถูกขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ PvP เก่งที่สุดในเกมที่เปิดตัวก่อนหน้า EL

“บัดซ* ฉันพยายามที่จะไม่กลายเป็นคนร้ายในช่วงนี้เพราะมีหลายสิ่งที่เขาต้องทำ…. แบล็คคาร์มาฉันใกล้จะเต็มแล้วในตอนนี้ ฉันจะกลายเป็นคนร้ายถ้าฉันฆ่าเขา”

“พี่ก็ปราบเขาก็พอ ผมจะฆ่าเขาเอง”

“นายคิดว่าระบบอาชญากรรมของ EL นั้นเรียบง่ายอย่างนั้นเหรอ? แม้ว่านายจะฆ่าเขา แต่ฉันมีส่วนช่วยทำให้เขาตาย ดังนั้นมันจึงไม่ต่างกันไม่ว่าฉันจะเป็นคนฆ่าหรือนายจะเป็นคนฆ่า”

“อืมม….. งั้นพี่ทำให้แบล็คคาร์มาของพี่ลดลงเท่าที่เป็นไปได้ในช่วงที่ผมหาตัวเขาโอเคมั้ยพี่?”

“งั้นก็โอเค ฉันเข้าใจแล้ว และนายมันโง่ฉันบอกนายแล้วว่าให้ฟาร์มอย่างเงียบๆ เนื่องจากคนร้ายไม่สามารถทำอะไรได้ช่วงหนึ่ง นายตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเพราะนายไม่ฟังฉันและนาย PK ตามใจชอบ ถ้านายไม่สามารถตัดสินใจเองได้อย่างน้อยนายก็ควรฟังคำพูดของคนอื่นบ้าง”

“ไม่ผมเพียงแค่…….”

คิลลิ่งแมชชีนรู้สึกว่าเขาตัวเล็กมากเมื่ออยู่หน้า DD

คิลลิ่งแมชชีนกลายเป็นคนร้ายเพราะต้องการอยู่ให้ห่างจาก DD แต่เขาต้องการจะล้างแค้นจึงหันไปพึ่ง DD

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด