Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ 1272

Now you are reading Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ Chapter 1272 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
จองหอง

ใครก็คิดไม่ถึงเลยว่า สือฮ่าวจะชนะ โจมตีเทพจื่อรื่อจนแพ้พ่าย!

“ยังไม่เข้ามาอีกหรือ?” สือฮ่าวปรายตามองแรดนอทอง เสียงยังคงไม่ดัง เป็นเช่นก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ยามทุกคนได้ยิน มันไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง

ฮวงชนะ!

ตอนนี้ แม้เขาจะพูดเสียงเรียบ แต่กลับให้ความรู้สึกกดดันอย่างยิ่ง ไม่มีใครมองข้ามเสียงของเขา ต่างก็จริงจัง

แรดนอทองเย็นวาบไปทั้งตัว แถมยังขนลุกขนชัน เสียงนิ่งเรียบเหมือนฟ้าผ่าข้างหูเขา สะเทือนจนเขาแทบจะล้มลงไป

ทำไมเป็นแบบนี้? ฮวงชนะ เทพจื่อแพ้ ผลลัพธ์นี้ทำให้เขาตัวชา ไม่คิดเลยว่าจะปิดฉากแบบนี้

“เจ้าอยากให้ข้าพูดรอบที่สามหรือ?” สือฮ่าวเหลียวมอง ดวงตาปล่อยลำแสงแหลมคมออกมา นัยน์ตาลุ่มลึก เสมือนดุดันขึ้นมาแล้ว

ที่เกิดเหตุเงียบลงทันที เสียงพึมพำ เสียงวิจารณ์หายไป ผู้คนใจเต้นระส่ำ คนไม่น้อยจดจ้องเทพจื่อรื่อที่อยู่ไม่ไกล เขาจะแทรกแซงหรือไม่?

ต้องรู้ว่า ตอนนี้ฮวงกำลังทำตามใจตัวเอง มองข้ามศัตรู ละเลยทุกคน อยากทำอะไรก็ทำเช่นนั้น นี่เป็นความแข็งกร้าวไม่เปิดเผย

“ฮวง ใต้เท้า โปรดอภัยที่ข้าไร้มารยาท ไม่กล้าอีกแล้ว!” แรดนอทองกลัวแล้ว ฝืนใจเดินไปข้างหน้า สองขาสั่นระริก อดสั่นเทิ้มไม่ได้ กำลังก้มหัวให้สือฮ่าว ขอร้องด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

ตอนนี้ เขาเสียใจอย่างยิ่ง อยากตบหน้าตัวเองหลายที ก่อนหน้านี้ไยไม่รอคอยผลลัพธ์เงียบๆ ต้องปากเสียในช่วงเวลาคับขัน เสียดสีและเยาะเย้ยฮวง

ตอนนี้กรรมตามสนองแล้ว ฮวงชนะ ผลลัพธ์แตกต่างจากที่เขาคิดอย่างสิ้นเชิง!

ตอนนี้ฮวงกำลังขานชื่อจะชิมรสชาติของเขา สำหรับเขาแล้วมันน่ากลัวจริงๆ อัจฉริยะแห่งยุค ยกระดับเป็นผู้กล้าขั้นเจ้าสำนักแล้ว แต่กลับต้องตกเป็นอาหาร

โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงข่าวลือต่างๆ ของฮวง ก็อดนึกถึงภาพที่ตัวเองถูกวางอยู่เหนือกองไฟ ย่างจนเป็นสีเหลืองอร่าม แรดนอทองแทบจะทรุดลงกับพื้นแล้ว

ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งกลัว เพราะฮวงทำเป็นนิสัย ไม่ใช่ครั้งแรกที่กินศัตรูร่างมนุษย์ สำหรับแรดนอทองแล้ว นี่มันราชันปีศาจที่น่ากลัวที่สุดชัดๆ

“เมื่อครู่เจ้ายังสะใจแท้ๆ อยากให้ข้าถูกสังหารทันที ตอนนี้ร้องขอชีวิต ไยกลับกลอกเช่นนี้?” สือฮ่าวกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง

“ใต้เท้าได้โปรดอภัย ข้าไม่กล้าอีกแล้ว!” น่องของแรดทองสั่นระริกไม่หยุด เพราะเขารู้ว่าสถานการณ์เลวร้าย ฮวงเย็นชาขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าจะลิ้มรส จะกินเขา

“ถอดเลย ถอดเลย ไม่สิ กินเลย กินเลย กินให้หมด!” ในตอนนี้เอง กระต่ายน้อยก็ตะโกนขึ้นมา

มันดูสดใสอย่างมาก ผมยาวสีเงินเป็นประกาย ท่าทางอายุราวสิบกว่าปี ดวงตากลมโตแดงดุจลูกแก้ว น่ารักจิ้มลิ้มปานตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ สวยงามและวิจิตร

แต่ตอนนี้มันกำลังโวยวาย ประหนึ่งปีศาจน้อย ทำเอาแรดนอทองตกลงจนก้นจ้ำเบ้า เนื้อตัวเย็นเฉียบ ตกใจเจียนตายแล้ว

“เจ้าคิดว่าเคยเสียดสีเย้ยหยันฮวง แค่ขอโทษแล้วจะหายหรือ อย่างไรก็ต้องให้พวกเราได้ชิมว่ารสชาติเจ้าเป็นอย่างไร” พวกเฉาอวี่เซิงก็ยิ้มกริ่ม พากันพูดแบบนี้

“ใต้เท้าช่วยข้าด้วย!” แรดนอทองมองเทพจื่อรื่อ ราวกับคว้าท่อนไม้ช่วยชีวิตไว้

“สหาย อะไรอภัยได้ก็ควรอภัย แค่ทำให้เจ้าไม่พอใจเล็กน้อยเท่านั้น ไยต้องยกตนข่มท่านเช่นนี้เล่า?” สุดท้ายเทพจื่อรื่อก็เอ่ยปาก

ผู้คนมองไม่ให้คลาดสายตา รอให้เขาออกโรง ดูว่าเขาจะแสดงท่าที เพราะฮวงโจมตีเด็กรับใช้ต่อหน้าเขา กำราบอู๋ไท่ แรดนองทองอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด

บรรยากาศของที่นี่หนักอึ้งขึ้นมาทันที ทุกคนกลั้นหายใจ จ้องมองความเป็นไปของเหตุการณ์เงียบๆ

“เจ้าพูดง่ายนัก หากเป็นเจ้า มีคนพูดพล่ามไม่หยุด ด่าทอเจ้า อยากให้เจ้าตาย ไม่ควรตบมันให้ตายหรือ?” สือฮ่าวย้อนถามเสียงสุภาพ จากนั้นก็พูดต่อว่า “ข้ามีเมตตา ไม่อยากฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ขอแค่เนื้อแรดมาชิมสักหน่อยเท่านั้น”

แรดนอทองทั้งกลัวและหมดคำพูด ฮวงเห็นเขาเป็นอาหารเดินได้จริงๆ หรือ? สมกับเป็นราชันปีศาจ!

ยามคนอื่นมองสือฮ่าว สายตาก็แปลกพิลึก คิดว่ายั่วยุเขาไม่ได้ หากมิเช่นนั้น จะกลายเป็นอาหารที่ยังมีชีวิตในสายตาเขา

“สหายไม่เห็นใจผู้อื่น ให้อภัยไม่ได้หรือ?” เทพจื่อรื่อพูดเสียงเฉยชา เนื้อตัวส่องแสงสีม่วงจนแวววาว และมีหมอกห้อมล้อมรอบตัว ขมุกขมัวและเจิดจ้า

“เจ้าพูดง่ายนัก ยามเขาไร้มารยาทกับข้าไยไม่เห็นเจ้าห้ามปราม ตอนนี้จะแสดงความมีคุณธรรมหรือ?” สือฮ่าวเหน็บแนมว่า “เจ้าแพ้แล้ว หากข้าเป็นเจ้าจะเลือกถอยไป ไม่พูดอะไรเลย อยู่เงียบๆ อย่างผู้แพ้”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สือฮ่าวก็สาวเท้าไปข้างหน้า นัยน์ตาเป็นประกาย รูปโฉมน่ารัก แลดูโดดเด่น เดินมาถึงตรงกลางของที่เกิดเหตุ กวาดสายตามองรอบทิศอย่างนิ่งสงบ

ท่าทางแบบนี้ บ่งบอกว่าไม่แยแสเทพจื่อรื่อเลยสักนิด!

คำพูดเถรตรงเหลือเกิน ไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด บวกกับท่าทางเฉยเมยของเขา มีความสง่างามที่ผสมผสานระหว่างความสงบและแข็งกร้าว

เทพจื่อรื่อหน้าดำหน้าแดง ไม่เคยมีเคยดูถูกเขาแบบนี้มาก่อน ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาสักนิด บอกว่าเขาเป็นผู้แพ้ต่อหน้าธารกำนัล

มันเป็นความอัปยศขนาดไหนกัน? เขารู้สึกหน้าเห่อร้อน ไม่รู้จะเอาหน้าไปไวที่ไหน

ที่ผ่านมา เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะแพ้ ยิ่งไม่เคยคิดว่า จะถูกคนเย้ยหยันว่าเขาเป็นผู้แพ้อย่างเปิดเผยแบบนี้

ฮวงเถรตรงเหลือเกิน!

“เจ้าจะบีบให้ข้าลงมือ เปิดศึกอีกครั้งหรือ?!” เสียงของเทพจื่อรื่อแหบพร่า ไฟโทสะสุมทรวง ในสายตาเขา นี่เป็นการท้าทายอำนาจของเขา กำลังเหยียบย่ำขีดจำกัดของเขา

“หึ!”

สือฮ่าวแสยะยิ้ม พูดอย่างผ่อนคลายว่า “เพิ่งรบจบไม่ใช่หรือ เจ้าใช้ไม่ได้ สู้ข้าไม่ได้ หรือไม่พอใจ อยากเปิดศึกอีกรอบ?”

ความผ่อนคลายแบบนี้กลับมีแรงกดดันมหาศาล ทำให้ผู้คนเงียบยิ่งกว่าเดิม ใครก็ไม่กล้าพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า เกรงว่าจะเกิดความเข้าใจผิด เพราะอาจมีสงครามปะทุได้ทุกเมื่อ

เทพจื่อรื่ออึดอัดใจ ไฟโทสะสุมทรวง ความหมายของเขาชัดเจนมาก หากอีกฝ่ายไม่เจียมตัว เขาจะใช้พลังของขั้นที่สูงกว่า!

มันเป็นการข่มขู่อย่างหนึ่ง ซ้ำร้ายเป็นการเตือน!

แต่เหมือนอีกฝ่ายไม่เข้าใจคำพูดของเขา ยังคงเย้ยหยันเขาด้วยท่าทีของผู้ชนะ แฝงเจตนาเยาะเย้ย

ใช่ ทั้งดูถูก จองหองและอวดดี อีกฝ่ายเชิดหน้า กำลังปรายตามองเขา ใช้ความเย่อหยิ่งกับเทพตะวันเช่นเขา

ใจของเทพจื่อรื่อระส่ำระสาย แสงสีม่วงรอบตัวเคลื่อนไหว เริ่มทนไม่ไหวแล้ว มีคนกล้าดูถูกเขาได้อย่างไร? อวดดีเหลือเกิน!

คนอื่นก็เริ่มพูดไม่ออก ฮวงไม่เข้าใจจริงๆ หรือ?

 แน่นอนว่า มีคนบางส่วนที่ตกใจเช่นกัน ฮวงไม่กลัวเลย เถรตรง แข็งกร้าวอย่างยิ่ง เผชิญหน้ากับเทพจื่อรื่อโดยตรง นี่เป็นการท้าทายหรือ?

หรือฮวงยังกล้าเปิดศึกอีก? เป็นกลปิดเมือง ตั้งใจทำเป็นวางท่าใหญ่โต หรือมีความสามารถแบบนั้นจริง?

“เจ้ากำลังบีบให้ข้าลงมือ!” เทพจื่อรื่อพูดเสียงเย็นเยือก มันไม่ดัง แต่กลับมีความรู้สึกกดัน

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร อยากลงมือก็เข้ามา คนที่แพ้ให้ข้า ข้าไม่ถือสาหากจะทำให้เจ้าแพ้อีกหลายครั้ง ข้าจะทำให้เจ้าค่อยๆ รู้ตัวช้าๆ” สือฮ่าวพูดอย่างไม่ยี่หระ

ยิ่งเขาใช้น้ำเสียงแบบนี้พูด ก็ยิ่งทำให้เทพจื่อรื่อหน้าแดง ยังดีที่เนื้อตัวถูกแสงสีม่วงบดบัง คนอื่นจึงมองไม่เห็น

เทพจื่อรื่อเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่า สือฮ่าวเข้าใจความหมายของเขาหรือไม่ หรือเจ้านี่กำลังสอดแทรกความขบขัน จงใจดูถูกเขา?

เทพจื่อรื่อหน้านิ่งเฉย ไม่ว่าอย่างไร เขาก็อยากสั่งสอนสือฮ่าว แต่ตอนนี้เมื่อเผลอเหลียวหลัง เขาก็เห็นหลานเซียนและพวกชีกู้

หลายคนสูสีกับเขา ต่างก็ถูกยกย่องเป็นผู้สูงส่ง ตอนนี้ทำหน้าแปลกๆ แลดูชอบกล

เทพจื่อรื่อสงบลงทันใด แต่ในใจกลับเคียดแค้นกว่าเดิม เพราะเขารู้ว่า คนพวกนั้นกำลังแอบหัวเราะเยาะเขา แพ้พ่ายแบบนี้ นับเป็นความอัปยศ

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาเหมือนคนที่แพ้ไม่ได้ อยากเปิดศึกอีกครั้ง หากแพร่งพรายออกไป มันไม่ดีแน่ จะทำลายชื่อเสียงของเขา!

เขาเป็นพวกรักศักดิ์ศรี สุดท้ายก็ระงับโทสะ พูดเสียงเรียบว่า “ได้ ครั้งนี้นับว่าข้าแพ้ น่าเสียดาย เจ้ากับข้าเจอกันได้ยาก หากมิเช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้รู้อานุภาพของพันธุ์หมอกปฐมกาลสักหน่อย!”

นี่เป็นความอวดดี และเป็นการข่มขู่ เป็นความเคียดแค้นอย่างหนึ่ง ใช้โอกาสนี้ปลอบใจตัวเอง

“เจ้าคนแพ้ นับว่ารู้จักกาลเทศะ” สือฮ่าวพูดพลางเยื้องย่าง เขายืนอยู่ตรงกลาง ท่าทางเย้ยหยันปฐพี

นี่เป็นการไม่แยแสอย่างชัดเจน ซ้ำยังเป็นความอวดดี ไม่แยแสเทพจื่อรื่อเลยสักนิด ทำเอาอีกฝ่ายโมโหจนแทบกระอักเลือด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สือฮ่าวเจตนา ทุกคนก็มองดูจนหมดคำพูด ฮวงเข้าใจความหมายของเทพจื่อรื่อจริงหรือไม่ ถึงมีปฏิกิริยาและตอบแบบนี้

“ยังไม่ถอยไปอีก!” สือฮ่าวตวาด ตำหนิเทพจื่อรื่อต่อหน้าฝูงชน เขายืนเชิดหน้าอยู่ตรงกลาง กลายเป็นจุดเด่นให้ทุกคนจับจ้อง

ผู้คนตะลึงงัน ต่างก็เงียบกริบ เพราะสถานการณ์ในตอนนี้กลับตาลปัตรแล้ว

“จินเจี่ยวไปกับข้า!” เทพจื่อรื่อโมโห เขาตัดสินใจว่าจะลงมืออย่างไม่คิดอะไรแล้ว จึงใช้แรดนองทองเป็นข้ออ้าง

แต่ทว่า ปฏิกิริยาของแรดนอทองทำให้เขาคาดไม่ถึง ก้มหัวให้สือฮ่าว ตัวสั่นงันงก “ใต้เท้า ขอเพียงไว้ชีวิตข้า ข้ายอมรับผิด”

“อ้อ” สือฮ่าวพยักหน้า

เทพจื่อรื่อโมโหจนเส้นผมตั้งขึ้น กัดฟันจนแทบแหลกละเอียด เจ้าของนี้ช่างไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย ตกใจจนต้องยอมสวามิภักดิ์

“อืม เอาล่ะ เจ้าถอยไปก่อน” สือฮ่าวพยักหน้า จากนั้นก็มองเทพจื่อรื่อ “เจ้ายังมีธุระอีกหรือ หากไม่มีก็ถอยไปเสีย”

ผู้คนตะลึงงัน ผลลัพธ์นี้…จะให้พูดอะไรได้อีก?

มีแค่เทพจื่อรื่อที่หน้าดำหน้าแดง แทบจะลงมือด้วยความมุทะลุ มันทำให้เขาอับอายเหลือทนแล้วจริงๆ

“ฮวง เจ้าอวดดีอะไร แค่ชนะนายท่านในขั้นเทพสวรรค์ หากเป็นขั้นที่สูงกว่าเจ้าไม่ใช่อะไรทั้งนั้น พันธุ์หมอกปฐมกาลจะกดทับเจ้าจนตาย ชาตินี้ก็ไม่มีหวัง!”

เด็กรับใช้ที่อยู่ไกลออกไปตะเกียกตะกายลุกขึ้น ร่างกายครึ่งซีกขาดเหวอะหวะ กระดูกหักไม่รู้กี่ท่อน

“เจ้าไม่ต่างอะไรกับแมลงเลย ตายยากจริงๆ” สือฮ่าวทำหน้าเคร่งขรึม กระทืบเท้าเบาๆ ดังปัง ผิวดินสั่นสะเทือน เด็กรับใช้ตัวลอยขึ้น กระอักเลือด เนื้อตัวโชกไปด้วยเลือด จะปริแตกแล้ว

เทพจื่อรื่อช่วยเขาไว้ในช่วงเวลาสำคัญ มิเช่นนั้นคงกลายเป็นไอสีเลือดไปแล้ว

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ลงมือต่อหน้าข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า คิดว่าข้าใจดีหรือ หากเจ้าอยากพิการ ก็ลองลงมืออีกสิ!” เทพจื่อรื่อพูดเสียงเหี้ยม เย็นเยือกอย่างยิ่ง แตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร จะสู้ด้วยขั้นอะไรก็ตามใจเจ้า ข้ากำราบเจ้าครั้งหนึ่งได้ ย่อมกำราบเจ้าอีกสิบครั้ง ร้อยครั้งได้” สือฮ่าวตอบเสียงดัง!

จู่ๆ บ่อโคลนก็สว่างวาบ หมอกควันฟุ้งตลบ ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง ทำให้รู้สึกสบายราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ

“หือ?”

หลานเซียน ชีกู้และมหาโสดาลอยลงไปพร้อมกัน ยืนอยู่กลางบ่อโคลน แม้แต่เทพจื่อรื่อก็หายตัวไปอยู่ในบริเวณนั้น พวกเขาจะช่วงชิงขุมทรัพย์เซียน

ในตอนนี้เอง สือฮ่าวก็เคลื่อนไหว ร่างดุจวิญญาณ ทิ้งร่องรอยไว้ที่เดิม ปรากฏตัวที่ศูนย์กลางของบ่อโคลน

“เจ้ากล้ามาด้วยหรือ?”

มือดีทั้งสองจ้องเขาเขม็ง ชีกู้ มหาโสดา หลานเซียนกับเทพจื่อรื่อยืนกันคนละมุม แต่สือฮ่าวยืนอยู่ตรงกลาง

“เจ้าแข็งแกร่งมาก เอาชนะเทพจื่อรื่อในขั้นเทพสวรรค์ได้ แต่อยากต่อสู้ในขั้นที่สูงกว่า ยังขาดอยู่บ้าง ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า!” มีคนพูดอย่างเฉยชา

เห็นได้ชัดว่า มือดีทั้งสี่ไม่คิดว่าเขาจะแย่งชิงขุมทรัพย์กับพวกเขาที่นี่ได้

สือฮ่าวระเบิดเสียงหัวเราะ “วันนี้ ข้าจะเข้าไปในถ้ำเซียน จะดูสิว่า พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้?!”

เสียงหัวเราะของเขาดั่งสายฟ้าคำราม สะเทือนสี่ทิศ ทำให้หลายคนแทบจะล้มลงกองกับพื้น

ตอนนี้ สือฮ่าวมีพลังอย่างหนึ่ง และมีความเย้ยหยัน ไม่กลัวผู้สูงส่งทั้งสี่ ต่อให้พวกเขารุมล้อม ก็ไม่แยแสเลยสักนิด

“เจ้า…พูดจาใหญ่โตนัก ที่นี่ไม่อนุญาตให้เข้า!” มีคนตะโกน

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ดูสิว่าใครจะกล้าขวางข้า!” สือฮ่าวตะคอก เสียงเย็นเยือก สะเทือนขวัญผู้คน!

ผู้กล้าทั้งหลายนิ่งงัน ตอนแรกฮวงประลองกับเทพจื่อรื่อ แต่ตอนนี้กลับเผชิญหน้ากับสี่ผู้สูงส่งเพียงลำพัง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด