Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ 1282

Now you are reading Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ Chapter 1282 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ออกแรงยกหม้อมาตุธาตุ

แสงสีเขียวสาดทอ มีร่างอรชรงดงามกำลังเยื้องย่างไปข้างหน้า รอบตัวนางมีใบไม้ลอยล่อง เปี่ยมด้วยพลังชีวิต

 ยิ่งไปกว่านั้น มีเมล็ดพันธุ์ลอยอยู่กลางอากาศ งอกงามเป็นเถาวัลย์และต้นไม้ ห้อมล้อมนางไว้เพื่อคุ้มกัน

ผู้สูงส่งที่ลงมือคนแรกเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ชุดกระโปรงยาวลากพื้น สะบัดไปมายามเดิน งดงามยิ่งนัก

นางมีผมสีขาว ผิวขาว ดวงตากลมโต สดใสมีชีวิตชีวา นัยน์ตาเป็นสีเขียวเข้ม ประหนึ่งภูตที่มาจากป่าที่ดึกดำบรรพ์ที่สุด

นางงามหยาดเยิ้ม ซ้ำยังมีชีวิตชีวา มีพลังชีวิตที่หนาแน่นจนไม่อาจจินตนาการได้ ราวกับมีแหล่งกำเนิดของชีวิตอันกว้างใหญ่คอยเคียงข้างนาง

 “นางนี่เอง!” มีคนพึมพำเมื่อรู้ว่านางเป็นใคร

 “หญิงคนนี้เป็นใคร?” หลายคนไม่รู้จัก เพราะในบรรดาผู้สูงส่ง มีบางคนที่เก็บตัวเงียบ หลังหลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์แล้ว แม้จะข่าวลืออยู่บ้าง แต่ก็ออกโรงนับครั้งได้

 “หญิงที่ถูกขนานนามว่าเป็นเทพีแห่งชีวิต!” มีคนพูด

 “เพิ่งปรากฏตัว ตอนแรกหลายคนไม่รู้จัก แต่ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักชมเองกับปาก บอกว่านางอาจนั่งแท่นเทพีแห่งชีวิตในยุควิถีเทพ อยู่ยงคงกระพัน”

 ผู้คนตะลึงงัน มันเป็นคำชมที่สูงส่งปานใดกัน เป็นผู้สูงส่งเช่นเดียวกัน นางครอบครองเมล็ดพันธุ์ชนิดไหนกัน?

หลายคนกระซิบกระซาบ มีความลับรั่วไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

หญิงคนนี้มาจากตระกูลอมตะ เป็นทายาทเซียนโบราณทั้งหมด เคยมีเซียนถือกำเนิด แม้ตอนนี้ศพที่ตายไปก็คงเน่าเปื่อยไปนานแล้ว

แต่ไม่ว่าตระกูลอมตะใดก็มีบุคคลยิ่งใหญ่ ไม่มีใครกล้าดูถูก ยิ่งไม่กล้าท้าทาย พวกเขามีไพ่ตายที่น่ากลัว ตกทอดมาจากเซียน!

 ผู้สูงส่งหญิงที่มาจากตระกูลแบบนี้ย่อมน่ากลัว บวกกับได้รับคำชมจากผู้อาวุโสสำนักเซียน ไม่กลัวไม่ได้

 “นางชื่ออวี่หง”

 ตอนนี้ ผู้คนรู้แล้วว่าตระกูลอวี่ของนาง เป็นตระกูลที่น่ากลัว ไม่ใช่มนุษย์ แต่มีร่างมนุษย์ ไม่มีใครรู้ว่าร่างจริงของพวกเขาคืออะไร รู้แค่ว่ามีพลังเปี่ยมล้น อานุภาพเย้ยโลกา!

 อวี่หงเดินนวยนาด มุ่งหน้าไปทางภูเขาลูกนั้น นางไม่กล้าเหาะเหิน แต่อาศัยสองเท้าเดิน

เพราะที่แบบนี้ไม่ใช่ใครจะกำเริบเสิบสานได้ เล่าลือกันนานแล้วว่า มีค่ายกลกระจายอยู่ทั่ว หากอวดดีเกินไป อาจถูกสังหารได้

 “ไม่ใช่นักพรตต่างแดน เหาะเหินในเมืองได้ แต่อย่าแผ่รังสีอำมหิต” ทหารเก่าที่เฝ้าเมืองคนหนึ่งพูด

 “ดี!” อวี่หงก็ไม่ดื้อรั้น พุ่งขึ้นฟ้าสูงแล้วเหาะไปหาภูเขาลูกนั้นอย่างรวดเร็ว

ผู้คนได้ยินก็เหาะตามกันไป

เมืองมีขนาดใหญ่มาก ภูเขาทั้งเก้าตระการตายิ่งนัก

ภูเขาตรงหน้าใหญ่โตและตระการตา แต่มันกลับไม่ได้สูงจนน่าตกใจ แต่มีลักษณะน่าเกรงขาม ประหนึ่งยอดสูงสุดของวิถีเซียน

มีถ้ำอยู่ตรงสันเขา กำลังแผ่พลังเซียนออกมาเป็นสายๆ แต่ไม่มีใครเข้าใกล้ได้ เพราะมันมีพลังต้องห้ามอันยิ่งใหญ่ ขัดขวางทุกสิ่ง

บันไดหินทอดยาวขึ้นยอดเขา ข้างบนมีหม้อโบราณสูงสามเซี๊ยะใบหนึ่ง หมอกสีขาวทะลักออกมา และมีภาพของดาราจักรอีกด้วย

ราวกับมันเป็นที่เก็บจักรวาล กว้างใหญ่ไพศาล

ตลอดทางเงียบสงบ ไม่มีเหตุไม่คาดฝัน ทุกคนขึ้นมาถึงยอดเขา ปีนขึ้นบนเขาเซียนลูกนี้ ทุกคนต่างก็ใจเต้นระส่ำ

 “ขึ้น!” อวี่หงก้าวไป ออกแรงจับหูหม้อกับขาหม้อไว้ อยากจะยกมันขึ้น

นางดูบอบบาง อ่อนโยนอย่างมาก แต่พละกำลังเปี่ยมล้นอย่างแท้จริง มิติบริเวณนิ้วมือขาวของนางปริแตก ก่อตัวเป็นรอยแยกน่ากลัว ลุกลามไปทั่วบริเวณนี้

แต่นางทำไม่ได้ ต่อให้นางจะมีพลังท่วมท้นท้องฟ้า ก็ยากจะทำให้หม้อใบนี้ขยับได้

 “ไป!”

 อวี่หงตะโกนอีกครั้ง เนื้อตัวเปล่งแสง พลังชีวิตกระเพื่อมดุจมหาสมุทร นางยังใช้เคล็ดวิชาอีกด้วย อักขระทั้งหลายผนึกกำลัง รวมตัวกันเป็นญาณวิเศษที่ยิ่งใหญ่ อยากยกหม้อใบนี้ขึ้น

นางไม่เชื่อหรอกว่า หากใช้ญาณวิเศษของตัวเอง เคล็ดวิชาสะเทือนปฐพีของตระกูลอมตะ จะขยับมันไม่ได้เชียวหรือ?

ครืน!

 เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นที่นี่ สายฟ้าเปล่งประกาย กระแสไฟผนึกกำลัง น่ากลัวเป็นที่สุด ต่อให้ถูกขนานนามว่าเป็นเทพีแห่งชีวิต ก็มีด้านบ้าระห่ำเข่นกัน

ปรากฏว่าหม้อนิ่งไม่ไหวติง ยังคงตั้งตระหง่านบนยอดเขา มีหมอกปฐมกาลตลบอบอวล ดาราจักรกำลังเปล่งแสง

 “ใช้ญาณวิเศษโจมตีหม้อใบนี้มันไร้ประโยชน์ ต่อให้เจ้ายิ่งใหญ่ จะเอาชนะอาวุธที่มีชื่อสะเทือนปฐพีได้หรือ มันขจัดทุกสิ่งได้ จำต้องใช้พละกำลังเท่านั้น” ทหารเก่าคนหนึ่งพูด

ผู้คนกระจ่างใจ มันเป็นอาวุธของมดเขาสวรรค์ แน่นอนว่าย่อมต้องลงมือด้วยพละกำลัง อยากอาศัยเคล็ดวิชานั้น คงไม่มีทางสำเร็จเป็นแน่

อวี่หงพยายามอยู่หลายครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า นางทำไม่สำเร็จ ทำอะไรหม้อใบนี้ไม่ได้เลยสักนิด

หม้อมาตุธาตุหนักปานขุนเขา นิ่งไม่ไหวติง

“ผู้อาวุโส มันไม่ยุติธรรม มันเป็นอาวุธของเซียน ต่อให้ข้ามีพรสวรรค์เหนือชั้น แต่อย่างไรเสียก็ห่างไกลจากขั้นวิถีเซียนอีกมาก จะยกมันได้อย่างไร!” อวี่หงไม่พอใจ

 “หม้อมาตุธาตุของแท้ เจ้าไม่อาจแตะต้องได้เลยสักนิด มิเช่นนั้นจะถูกสะเทือนจนแหลกเป็นผุยผง นี่เป็นเงาของมัน” ทหารเก่าคนหนึ่งพูด

เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ หลายคนก็ตะลึงงัน นี่ไม่ใช่หม้อมาตุธาตุของจริงหรือ?

ดูแล้วคล้ายคลึงกันจริงๆ ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย ยามสัมผัสด้วยมือ มันเย็นเฉียบเช่นเดียวกัน

            ผู้เฝ้าเมืองพูดทันทีว่า อาวุธของมดเขาสวรรค์ไร้เทียมทาน คงอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาจากสงครามเซียนโบราณ เป็นหนึ่งในอาวุธที่น่ากลัวที่สุดของโลก

ไม่พูดถึงมรดกหรือโชคชั้นใหญ่อื่นๆ แค่มีอาวุธชิ้นเดียวอยู่ตรงนี้ ก็เลิศล้ำแล้ว ส่งผลกระทบกว้างไกล มันเป็นอาวุธสูงส่ง!

 หากต่อไปมีศึกใหญ่จริงๆ ล่ะก็ ใครจะมากระตุ้นอาวุธชิ้นนี้ ควบคุมให้มันจู่โจม ต้องมีอานุภาพเย้ยปฐพีแน่นอน!

“เงาของอาวุธชิ้นนี้ก่อตัว จะว่าไม่หนักก็ไม่ใช่ เบาก็ไม่เชิง เป็นน้ำหนักเหมาะสมที่ใต้เท้ามดเขาสวรรค์ในวัยหนุ่มชูขึ้นได้” ทหารแก่นายหนึ่งอธิบาย

ผู้คนอุทาน จิตใจว้าวุ่น สมกับเป็นสิบอสูร น่ากลัวปานนี้ตั้งแต่วัยเยาว์ มีพลังเป็นหนึ่งในหล้า!

 แน่นอนว่า อวี่หงในวัยสาวเทียบกับมดเขาสวรรค์ในวัยเยาว์ไม่ได้

 “ข้าสู้มันไม่ได้!” นางเศร้าสลดไม่น้อยเลย

ผู้สูงส่งคนอื่นที่อยู่ด้านหลังก็ขมวดคิ้ว พวกเขาคาดเดาว่า ตัวเองก็คงสำเร็จได้ยากเช่นกัน

 “ข้าเอง!”

 ในตอนนี้เอง เทพจื่อรื่อก็เอ่ยปาก เขาก้าวออกไปพร้อมกับอาบหมอกปฐมกาล ถูกแสงสีม่วงห้อมล้อม เขาสงบสติอารมณ์ได้นานแล้ว ไม่ปรายตามองสือฮ่าวแม้แต่นิด เตรียมตัวจะยกหม้อแล้ว

 “ขึ้น!”

 เขาแผดเสียงแล้วใช้กำลังสุดความสามารถ กระดูกทั่วร่างดังกรอบแกรบ แสงสีม่วงระเบิด ราวกับสายฟ้าคำราม แต่ก็ไม่เป็นผล!

 หม้อใบนั้นไม่ขยับเขยื้อน ยังคงอยู่ที่เดิมไม่ห่างไปไหน

 “ยกอีก!” เทพจื่อรื่อตะโกนลั่น เมล็ดพันธุ์สีม่วงปรากฏให้เห็น กลายเป็นหมอกปฐมกาล ห่อหุ้มหม้อใบนั้น จะยกมันขึ้น

 “ผลุบ!”

 ปรากฏว่าเรื่องที่ชวนให้พรั่นพรึงก็เกิดขึ้น หมอกสลายตัว เทพจื่อรื่อกระอักเลือดแล้วกระเด็นออกไป

ที่เกิดเหตุเงียบสงัด ผู้คนตะลึงงัน น่ากลัวเหลือเกิน หลังเทพจื่อรื่อใช้เมล็ดพันธุ์สมบูรณ์สุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว ก็ถูกแว้งกัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส

 “ข้าแพ้แล้ว!” เทพจื่อรื่อถอนหายใจ จากนั้นถอยหลังไปช้าๆ เจ็บใจยิ่งนัก แต่ก็ทำอะไรหม้อใบนี้ไม่ได้

 “มีใครจะออกมาอีกไหม?” ทหารแก่ถาม

 “นั่นมันอาวุธของข้า ใครกล้าแตะต้อง!” มดตัวน้อยสีทองที่ยาวไม่ถึงหนึ่งหุนบนพื้นเหยียดปาก ท่าทางเย่อหยิ่ง

 “ข้าขอลองดู!” หลานเซียนก้าวออกมา เนื้อตัวของนางเปล่งแสงสีฟ้า อาภรณ์โบกสะบัด ต่อให้นางพยายามมากเท่าใด ใบหน้าซีดเผือด ก็ทำอะไรหม้อใบนี้ไม่ได้เลยสักนิด

จากนั้น พวกเฉาอวี่เซิงก็พากันก้าวออกไปทดลอง ปรากฏว่าออกแรงจนหน้าแดงก่ำ หม้อใบนี้ก็ไม่ขยับ

 “ข้าขอลองดูหน่อย”

 ในตอนนี้เอง มหาโสดาเอ่ยปาก เขาก้าวออกไปข้างหน้าช้าๆ จับหม้อใบนี้ไว้ จากนั้นก็สวดมนต์ เสียงดังก้องฟ้า

ร่างกายของเขาส่องแสงสีทองโชติช่วง ผิวกายประหนึ่งหลอมจากทองคำ ราวกับกลายร่างเป็นรูปทองอมตะไปเสียแล้ว

ตึง!

 ในตอนนี้เอง ก็เกิดเสียงดังมาจากหม้อมาตุธาตุ

ผู้คนตกใจ มหาโสดาไม่ธรรมดาจริงๆ จะยกมันขึ้นแล้วหรือ?

แต่ก็หยุดเพียงเท่านี้ มหาโสดาปล่อยมือ ไม่ได้ทดลองต่อไป

 “ช่างน่าเสียดาย ทำไมไม่ยกต่อเล่า ทำให้มันเกิดเสียง จวนจะขยับแล้ว ทำไมจึงถอดใจเสียแล้วล่ะ?” หลายคนเสียดาย

 “ข้าทำไม่สำเร็จ” มหาโสดาส่ายหน้า ไม่พูดอะไรมากนัก

ต่อมา ชีกู้ลงมือ นักพรตหนุ่มผู้เงียบขรึม หัวโบราณจากสำนักปราชญ์คนนี้ก้าวออกมา จะยกหม้อใบนี้

 “ตึง!”

 หม้อใบใหญ่ดังครืนครัน ราวกับเสียงสายฟ้าคำราม

ผู้คนแปลกใจ นักพรตพูดน้อยคนนี้ช่างมีพละกำลังยิ่งนัก ไม่คิดว่าจะทำถึงขั้นนี้ได้ ไม่ด้อยกว่ามหาโสดาเลย

เพียงแต่ว่า เสียงหม้อสะเทือนหู ทว่าไม่ขยับ ยกมันไม่ขึ้น

นักพรตชีกู้ถอนหายใจแล้วเดินไปอีกทาง ยอมรับในความแพ้พ่าย

จากนั้นก็มีผู้สูงส่งอีกสองคนก้าวออกมา ปรากฏว่าเป็นเช่นเดิม ไม่มีใครยกมันได้

บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมา ทุกคนเงียบงัน ในยุคนี้ไม่มีใครสู้มดเขาสวรรค์ในวัยเยาว์ได้เลยหรือ?

มันหมายความว่า ยุคนี้สู้เซียนโบราณไม่ได้ คงจะพินาศในเร็ววันแน่แท้

อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ผู้สูงส่งเหล่านั้นก็ปิดปากเงียบกริบ

 “ไม่ต้องเศร้าไป พละกำลังไม่ใช่ทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นพละกำลังยังเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมดเขาสวรรค์ แต่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่พวกเจ้าถนัด และนี่ใช้เป็นมาตรฐานในการวัดระดับพลังต่อสู้ไม่ได้ เช่นมังกร พละกำลังของมันก็สู้มดเขาสวรรค์ไม่ได้เช่นกัน แต่วัดพลังต่อสู้ของมันได้หรือ? ต้องเป็นหนึ่งไม่เป็นสองในสิบอสูรแน่นอน!” ทหารเก่าคนหนึ่งพูด

ผู้คนได้ยินก็สบายใจขึ้นไม่น้อย มันเป็นเช่นนี้จริง แข็งแกร่งเช่นมังกรก็สู้พละกำลังของมดเขาสวรรค์ไม่ได้ พวกเขาหาต้องรู้สึกล้มเหลวเพราะเหตุนี้

 “นี่เป็นอาวุธของข้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีใครใช้มันได้!” มดสีทองยืดอก มองเย้ยหยันสี่ทิศ

น่าเสียดาย ผู้คนจำต้องก้มหน้าถึงจะเห็นมัน

 “ยังมีใครจะลองอีกไหม?” ทหารเก่าคนหนึ่งถาม

ตอนนี้ สายตาของผู้คนจับจ้องที่สือฮ่าว บางทีอาจมีแค่เขาที่พอทำได้

 “ไม่ได้หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์ไร้ที่ติ แต่…เจ้าก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน มันเพราะอะไรกัน?” ทหารแก่คนหนึ่งหน้านิ่วคิ้วขมวด สงสัยยิ่งนัก

 “ข้าจะลองดู” สือฮ่าวตัดสินใจลงมือ ต่อให้ต้องล้มเหลว ก็ต้องลองดูสักตั้ง ประเมินความแตกต่างระหว่างตนกับเผ่าพันธุ์มดเขาสวรรค์สักหน่อย

สายตาของทุกคนรวมอยู่ที่เขา

 “น่าแปลก ไม่ได้หลอมรวมกับเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ แต่ทำไมถึงแข็งแกร่งปานนี้?” ผู้นำของทหารโบราณฉงนใจ เขากำลังเพ่งพินิจมอง

 “ตึง!”

 เสียงโลหะดังกังวานแว่วมา หลังหม้อมาตุธาตุถูกสือฮ่าวจับไว้มั่นแล้ว เขาก็ออกแรง

 “ยก!”

 เขาตะโกนลั่น ใช้สุดยอดพลังของกายเนื้ออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สำแดงความแข็งแกร่งของกายเนื้อหลังฝึกฝนมาอย่างยากเข็ญ!

 แลดูสูงโปร่ง แต่ร่างกายของเขาแข็งแรงอย่างยิ่ง ตอนนี้กำลังพ่นพลังปราณท่วมท้นท้องฟ้าแล้ว!

 ตอนนี้ทุกคนพากันถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว ทำไมกายเนื้อของเขาถึงได้แข็งแกร่งแบบนี้ ก่อตัวเป็นขอบเขตไร้รูปร่าง ส่งผลกระทบต่อกาลเวลาและห้วงมิติ

ผู้คนตะลึงพรึงเพริด!

 ครืน!

 หม้อมาตุธาตุลอยขึ้น ถูกเขายกขึ้นมาแล้ว!

“เป็นไปได้อย่างไร หรือ…จะมีคนในยุคนี้เดินเส้นทางนั้น?!” ทหารแก่พูดเสียงสั่นเครือ

 “ทำไมถึงมีคนยกอาวุธของข้าขึ้นมาได้?” มดสีทองร้องลั่น มันสะดุ้งโหยง คิดว่าตัวเองตาฝาดไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด