Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง 1686 แม่เลี้ยงเดี่ยว

Now you are reading Pet King นักล่าสัตว์เลี้ยง Chapter 1686 แม่เลี้ยงเดี่ยว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เธอทั้งกระวนกระวายใจ ทั้งเหนื่อยล้า พอเข้าไปในบ้านแล้วเธอก็นั่งแผ่อยู่บนพื้นอย่างหมดแรง พร้อมกับหอบหายใจไม่หยุด สีเขียวซีด ไม่มีเลือดฝาดเลยแม้แต่น้อย  

 

 

จางจื่ออันรีบปิดหน้าต่าง หยิบผ้าขนหนูและชุดนอนหนาๆ ชุดหนึ่งมาให้เธอ ยังมีรองเท้าแตะอีกคู่หนึ่งด้วย จากนั้นเขาก็ออกจากห้องเก็บของ ให้เธอเช็ดผม เช็ดตัวให้แห้ง แล้วค่อยเปลี่ยนชุด ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นหวัดได้ และอยู่ที่นี่ก็ไม่มีเสื้อผ้าเหมาะๆ ตัวอื่นให้เธอใส่แล้ว  

 

 

ผ่านไปสักพักหนึ่ง เธอก็เปิดประตูออกมา สวมชุดนอนและรองเท้าแตะเรียบร้อย เหมือนจะยัดเสื้อผ้าเปียกชุ่มที่ถอดออกใส่เข้าไปในถุงแล้ว จากนั้นก็ส่งผ้าขนหนูเปียกๆ ให้เขา “ขอบคุณค่ะ ลูกสาวฉันล่ะ?”  

 

 

“ลูกสาวคุณอยู่ข้างล่าง เดินระวังด้วยนะครับ อย่าก้าวพลาดล่ะ”  

 

 

จางจื่ออันเข้าใจความรู้สึกร้อนใจอยากเจอลูกสาวของเธอ จึงชี้ไปที่บันได  

 

 

เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเร่งร้อนเดินลงไปข้างล่าง จางจื่ออันก็เดินตามหลังอย่างสบายใจ  

 

 

“เสี่ยวฉินไช่!”  

 

 

“แม่!”  

 

 

เสี่ยวฉินไช่ร้อนใจจะแย่แล้ว อยู่ๆ ได้ยินเสียงแม่ดังมาจากข้างหลัง เธอตกใจจนสะดุ้งโหยง หันไปแล้วเห็นว่าเป็นแม่จริงๆ จึงวิ่งโผเข้าไปในอ้อมกอดของแม่ทันที  

 

 

แม่ของเธอก็ดีใจอย่างยิ่ง กอดร่างกายเล็กจ้อยของเธอไว้พลางสะอื้นไห้ มีเพียงคนเป็นแม่เหมือนกันถึงจะเข้าใจความรู้สึกของแม่เธอในตอนนี้  

 

 

หลู่อี๋อวิ๋นเห็นฉากแม่ลูกรักใคร่น่าประทับนี้แล้วก็นึกถึงแม่ของตัวเองขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แม้เธอจะผิดใจกับที่บ้านเพราะเรื่องออกจากมหาวิทยาลัย แต่ถึงอย่างไรเลือดก็ข้นกว่าน้ำ ตอนกลางดึกเธอมักจะนึกถึงที่บ้านเสมอ จากนั้นก็แอบร้องไห้เงียบๆ…แต่เธอตัดสินใจแล้ว ในเมื่อคนในครอบครัวดูถูกเธอ ต่อต้านงานวาดรูปของเธอ เธอจะต้องกลับไปพร้อมชื่อเสียง ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางคืนดีกันได้ จะต้องผิดใจกันมากกว่าเดิมแน่นอน  

 

 

ชั้นสองมืดสนิท ส่วนชั้นล่างค่อนข้างสว่าง จางจื่ออันกับพวกพนักงานร้านอาศัยแสงไฟมองพิจารณาแม่ของเสี่ยวฉินไช่  

 

 

เธออายุมากกว่าสามสิบปีแน่นอน แต่อายุเท่าไรกันแน่ก็พูดยาก แต่พูดได้ว่าเธอหน้าซีดเล็กน้อย ถึงอย่างไรเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวก็เหนื่อยมาก ต้องทำงาน ใช้ชีวิต และเลี้ยงลูกไปพร้อมๆ กัน โชคดีที่เสี่ยวฉินไช่เป็นเด็กดี ถ้าเปลี่ยนเป็นเด็กดื้ออย่างสวี่จ้วงจ้วง…เธอคงจะโมโหโกรธเกรี้ยวทุกวัน  

 

 

รูปหน้าของเธอคล้ายคลึงกับเสี่ยวฉินไช่อยู่หลายส่วน ส่วนสูงอยู่ในระดับกลางๆ รูปร่างค่อนไปทางผอม ที่เธอสวมก่อนหน้านี้เป็นชุดทำงานทั้งตัว เครื่องสำอางบนใบหน้าถูกฝนสาดจนเลือนไปหมดแล้ว แขน ขา เท้า และมือมีรอยถลอกและแผลโดนบาดอยู่หลายจุด แค่คิดก็รู้แล้วว่าระหว่างทางเธอเจอความลำบากและอันตรายมากมาย  

 

 

เธอกอดเสี่ยวฉินไช่อยู่สักพักหนึ่ง แล้วก็ดันเสี่ยวฉินไช่ออกไปเล็กน้อย เพื่อมองประเมินร่างกายของลูกสาว  

 

 

“เสี่ยวฉินไช่ ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม?”  

 

 

“หนูสบายดีค่ะ แม่มีแผลนี่นา…” เสี่ยวฉินไช่ดึงมือของเธอ  

 

 

หลู่อี๋อวิ๋นหากล่องปฐมพยาบาลมา ก่อนจะหยิบไอโอดีนและอื่นๆ ออกมาให้เธอฆ่าเชื้อ  

 

 

เธอไม่รีบร้อนฆ่าเชื้อ แต่มองร้านขายสัตว์เลี้ยง และพวกเขาอย่างระแวดระวังเล็กน้อย  

 

 

“ผมชื่อจางจื่ออัน เป็นเจ้าของร้านขายสัตว์เลี้ยงครับ”  

 

 

จางจื่ออันกับพวกพนักงานร้านทยอยกันแนะนำตัว เพราะแบบนี้ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นคนแปลกหน้า จึงขจัดความระแวงของเธอไปได้บ้าง  

 

 

“ฉันชื่อไช่เหม่ยเหวินค่ะ” เธอแนะนำตัวเองเช่นกัน  

 

 

จางจื่ออันกับพวกพนักงานร้านรู้สึกประหลาดใจ เธอกับเสี่ยวฉินไช่ใช้แซ่เดียวกัน แต่นี่อธิบายว่าเธอเปลี่ยนแซ่ให้เสี่ยวฉินไช่ เพราะแซ่ ‘ไช่’ นี้หายากมาก ความเป็นไปได้ที่พ่อของเสี่ยวฉินไช่จะใช้แซ่ไช่เหมือนกันก็น้อยมาก…แน่นอนว่าเธออาจจะมีลูกสองคน คนหนึ่งใช้แซ่เดียวกับพ่อ ส่วนอีกคนหนึ่งใช้แซ่เดียวกับแม่ ตอนนี้ก็นิยมทำกันแบบนี้นี่นา สรุปคือไม่ต้องถามเรื่องในบ้านของคนอื่นให้มากความหรอก แต่ละบ้านก็มีเรื่องยุ่งยากต่างกันออกไป เขายังไม่ถึงวัยที่ว่างพอจะนินเรื่องชาวบ้านทั้งวันสักหน่อย  

 

 

ดูจากหน้าตาของพวกเขา ไช่เหม่ยเหวินรู้สึกว่าพวกเขาดูไม่เหมือนคนเลว และที่ยังมีหญิงสาววัยรุ่นอยู่สองคนด้วย พนักงานร้านอีกสองคนก็สดใสร่าเริงมากเช่นกัน  

 

 

เธอเห็นว่าในร้านมีแมวและสุนัขมากมาย มีทั้งตัวเล็กๆ และที่โตเต็มวัยแล้ว โดยเฉพาะสุนัขโตเต็มวัยสามตัวนั้น ดูแล้วน่ากลัวมาก แถมไม่ได้ล่ามโซ่เอาไว้เสียด้วย เธอจึงดึงเสี่ยวฉินไช่มาข้างหลังโดยที่ไม่รู้ตัว  

 

 

“เจ้าของร้าน คุณไม่ล่ามหมาไว้เหรอคะ?” เธอชี้ไปที่เฟยหม่าซือ ฟราเทอร์ และจ้านเทียน  

 

 

“แม่! พวกมันใจดีมากเลย ไม่เคยกัดคนเลยนะคะ!” เสี่ยวฉินไช่อธิบาย  

 

 

“ไม่เคยกัดคนเลยเหรอ?” ไช่เหม่ยเหวินทำหน้าตาสงสัย “ใครๆ ก็พูดกันว่าหมาของตัวเองไม่เคยกัดใครกันทั้งนั้น แต่ถ้ากัดขึ้นมาจริงๆ แล้วจะทำยังไง?”  

 

 

เธอไม่ได้เป็นห่วงโดยไม่มีสาเหตุ คนเลี้ยงสุนัขหลายคนชอบสาบานว่าสุนัขของตัวเองไม่กัดคน แต่นอกจากสุนัขส่วนน้อยอย่างโกลเด้น รีทรฟเวอร์ ลาบราดอร์ ฮัสกี้ และอื่นๆ สุนัขพันธุ์อื่นก็พูดยากจริงๆ ปกติอาจจะไม่กัดคน แต่ถ้าถูกยั่วโมโหหรือตกใจกลัวก็ไม่แน่  

 

 

พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ จางจื่ออันจึงขยิบตาให้พวกเฟยหม่าซือ พวกมันก็รู้กัน แล้วพาจ้านเทียนขึ้นไปบนชั้นสองพร้อมกัน  

 

 

ไช่เหม่ยเหวินเห็นแล้วถึงกับตะลึง สุนัขสามตัวนี้ได้รับการฝึกสอนเหนือกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าไม่ต้องสั่งก็ขึ้นไปข้างบนเองราวกับคนที่ได้รับการศึกษาอย่างดีเยี่ยม  

 

 

เธอเชื่อที่เสี่ยวฉินไช่บอกว่าพวกมันไม่กัดคนมากกว่าครึ่งแล้ว ในใจรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนใจให้พวกมันอยู่ต่อ ได้แต่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง  

 

 

“ที่นี่เป็นร้านขายสัตว์เลี้ยงใช่ไหมคะ? ไม่มีพวกงู หรือว่าแมงมุมอะไรพวกนี้ใช่ไหมคะ?” เธอมองไปทางตู้โชว์ในเงามืดพวกนั้นด้วยความระแวดระวัง  

 

 

“ไม่มีครับ ไม่มีสัตว์มีพิษเลย” จางจื่ออันตอบ  

 

 

เธอโล่งใจแล้ว “งั้นก็ดีค่ะ”  

 

 

เสี่ยวฉินไช่ก็รู้สึกอึดอัดมาก เธอบิดตัวไปมาด้วยความไม่สบายใจ รู้สึกผิดต่อจางจื่ออันแล้ว  

 

 

เขาแอบทำหน้าตาเหยเกให้เสี่ยวฉินไช่ดู บอกเธอว่าไม่ต้องใส่ใจ  

 

 

เขาได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เห็นและได้ยินตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ได้มาทำกิจการร้านขายสัตว์เลี้ยงด้วยตัวเองหนึ่งปีเต็ม คนแบบไหนที่เขาไม่เคยเจอ? โลกนี้กว้างใหญ่ มีคนอยู่มากมาย มีทั้งคนชอบสัตว์เลี้ยง และมีคนเกลียดสัตว์เลี้ยง มีคนรักแมว ก็มีคนทารุณแมว มีคนรักสุนัข ก็มีคนกินสุนัข บนโลกนี้ไม่มีเรื่องแปลกหรอก  

 

 

ไช่เหม่ยเหวินเหมือนจะไม่ค่อยชอบสุนัข โดยเฉพาะสุนัขตัวใหญ่ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก มีเหตุผลอยู่แล้ว ถึงเป็นคนจีนก็ไม่จำเป็นต้องชอบสุนัขทุกตัว คุณพ่อหม่ายังเสียใจที่ก่อตั้งอาลีบาบาเลย  

 

 

หลู่อี๋อวิ๋นหยิบน้ำแร่ขวดหนึ่งยื่นให้ไช่เหม่ยเหวิน “ดื่มน้ำหน่อยเถอะค่ะ ตอนนี้ไฟดับ เลยต้มน้ำไม่ได้ แล้วก็ต้องจัดการทำแผลของคุณสักหน่อยนะคะ”  

 

 

“ขอบคุณค่ะ”  

 

 

ไช่เหม่ยเหวินเปิดฝาขวดน้ำ ก่อนจะดื่มไปหลายอึก แล้วใช้น้ำที่เหลือล้างแผลจนสะอาด จากนั้นใช้คอตตอนบัดชุบไอโอดีนฆ่าเชื้อแผล ส่วนเสี่ยวฉินไช่ช่วยอยู่ข้างๆ  

 

 

จางจื่ออันขยิบตาให้พวกพนักงานร้าน ความหมายคืออย่ายืนมุงดูเฉยๆ แต่ไปทำเรื่องที่ควรทำ พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติที่สุด พวกนายจ้องเธอขนาดนี้จะยิ่งเพิ่มความกดดันให้เธอนะ  

 

 

เขากับพวกพนักงานร้านวิ่งไปมาระหว่างร้านขายสัตว์เลี้ยงและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำต่อ สอดแทรกมุกตลกและทำท่าทางโง่เง่าเหมือนปกติเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียด  

 

 

ระดับน้ำบนถนนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง น้ำสกปรกที่ซึมเข้ามาก็เร็วกว่าเมื่อกี้นี้แล้ว  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด