Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 10 วิถีจิตสมาธิ หลงทาง

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 10 วิถีจิตสมาธิ หลงทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 10 วิถีจิตสมาธิ หลงทาง

แมงมุมยักษ์ตัวสูง 4 เมตร ทั้งตัวของมันเป็นสีแดงเลือด ทั้งตัวของมันถูกห่อหุ้มไปด้วยหนามที่แหลมคมเหมือนเข็ม ดวงตาขนาดใหญ่พอๆกับลูกขนุนมองจ้องมาด้วยความกระหายเลือด

นี้คือสัตว์เวทมนตร์ระดับ 2 แมงมุมปีศาจหยกโลหิต

มันเป็นสัตว์เวทมนตร์ระดับ 2 ที่ถือว่าแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายขอบป่าสัตว์วิเศษที่แทบจะไม่มีสัตว์เวทมนตร์ตัวอื่นอยู่เลย

แต่ในวันนี้เจ้าแมงมุมเหมือนกับว่ากำลังเจอปัญหาเข้าแล้ว เพราะว่ามนุษย์ทั้ง4 คนที่ล้อมมันอยู่นั้นไม่ได้อ่อนเลย ชายทั้ง3คนที่ล้อมแมงมุมอยู่นั้นเข้าโจมตีพร้อมกัน

ส่วนผู้หญิงที่กำลังยืนอยู่ไกลๆถือคฑาเวทอยู่ก็กำลังร่ายเวท กระแสไฟฟ้าเริ่มก่อตัวขึ้นเหนือหัวของแมงมุม พร้อมจะผ่าลงมาได้ทุกเมื่อ

กริ๊ด!

แมงมุมปีศาจหยกโลหิต รู้สึกได้ถึงอันตรายจากสายฟ้าด้านบนหัวของมัน มันจึงคำรามดังกึกก้อง ก่อนจะใช้ขาทั้ง6 กระโดดเหมือนสปริงพุ่งตรงเขาหาผู้หญิงคนนั้น มันพยายามจะขัดขวางการร่ายเวทก่อนที่ สายฟ้าจะผ่าใส่หัวของมัน

“ปกป้องเอริสันไว้!”

ชายกล้ามโตที่ถือขวานขนาดยักษ์ตะโกนขึ้นมาแล้วเหวี่ยงขวานฟาดขาของแมงมุมเข้าอย่างจัง สะเก็ดไฟจากการปะทะสะท้านออกมาเหมือนกับว่าขวานเล่มนั้นฟันเข้าโลหะยังไงอย่างงั้น ขาของแมงมุมเองก็ยังไม่ขาดแสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของขานั้น

แต่ถึงอย่างนั้นด้วยแรงกระแทก ทำให้แมงมุมนั้นหยุดนิ่งไปชั่วขณะ และในตอนนั้นเอง ที่เวทมนตร์สายฟ้าได้ก่อตัวเต็มที่แล้วกำเนิดเป็นมังกรสายฟ้า

“ระบำมังกรอัสนี”หญิงสาวที่ร่ายเวทตะโกนขึ้นมาพร้อมเหวี่ยงคฑาลง

เปรี้ยง!!

เสียงฟ้าผ่าดังลั่น มังกรสายฟ้าพุ่งตรงลงมาทันที

ตู้ม!!!

แมงมุมปีศาจหยกโลหิตโดนผ่าเข้าไปเต็มมๆ ทำให้ร่างกายของมันชักไปมาอย่างรุนแรง

“ตอนนี้ละ!!”

ชายทั้ง3 คนไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้สูญเปล่า เข้าโจมตีแมงมุมพร้อมกันด้วยการโจมตีที่รุนแรงที่สุด

ตู้ม!

ฉวก

ซวก!

การโจมตีทั้ง3คนเข้าเป้าแมงมุมอย่างจังทำให้สัตว์เวทมนตร์ระดับ2กรีดร้องออกมาก่อนจะทิ้งตัวลงกับพื้น และเงียบสนิทไปในที่สุด

ส…สุดยอดไปเลย

เหมิงเหล่ยที่แอบมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดในเงามืดนั้นตะลึงกับภาพตรงหน้า ทั้งสายฟ้ามังกรที่ผ่าลงมาและการโจมตีที่รุนแรงของทั้ง3คน

แค่การโจมตีนั้นมันก็ทำให้เขาเห็นได้เลยว่าตัวของเขานั้นไร้พลังและอ่อนประสบการณ์มากแค่ไหนบนโลกใบนี้

คงจะดีไม่น้อยเลยถ้าฉันแข็งแกร่งกว่านี้ได้

เหมิงเหล่ยถอนหายใจ แต่ทันใดนั้น เสียงเย็นเฉียบของระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ติ้ง ค้นพบไอเทมดรอป จะเก็บมารึไม่”

“ใช่เก็บมาเลย”

“ติ้งเก็บสำเร็จ ได้รับค่าร่างกาย +3”

“ติ้งเก็บสำเร็จ ได้รับค่าร่างกาย +3”

“ติ้งเก็บสำเร็จ ได้รับค่าวิญญาณ +1”

“ติ้งเก็บสำเร็จ ได้รับวิถีจิตสมาธิ”

เสียงแจ้งเตือนที่คุ้นเคยพร้อมด้วยคลื่นความเย็นและความอบอุ่นแทรกเข้ามาในร่างของเขา ทำให้ร่างกายและจิตใจของเขาแข็งแรงมากขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้น เหมิงเหล่ยก็สนใจกับวิถีจิตสมาธิที่ปรากฏขึ้นมาเป็นข้อความสุดท้ายมากกว่า

“วิถีจิตสมาธิงั้นเหรอ มันคืออะไรกันละ”

เหมิงเหล่ยสงสัยแล้วรีบตรวจสอบมันทันที

หลังจากลองตรวจสอบดูแล้ว เหมิงเหล่ยก็ดีใจมากทันที ปรกติแล้วการฝึกเป็นจอมเวทนั้นประกอบไปด้วย 2 ขั้นตอนหลักๆ

อย่างแรกคือหาธาตุเวทมนตร์ระหว่างสวรรค์และโลกเพื่อสกัดมันให้กลายมาเป็นพลังเวท ส่วนอย่างที่2 คือเพิ่มค่าเวทมนตร์ของตัวเอง แต่ทั้ง 2 วิธีการนั้นสามารถทำให้สำเร็จได้ด้วยการฝึกจิตสมาธินี้ละ

ว่ากันว่าจิตสมาธินั้นเป็นเหมือนรากฐานพื้นฐานสำหรับจอมเวท หากไร้ซึ่งจิตสมาธิ คนๆนั้นก็ไม่มีทางได้มาซึ่งพลังเวทหรือเพิ่มพลังวิญญาณได้

ว่ากันว่าหากใครต้องการจะเป็นจอมเวทนั้น อย่างน้อย คนๆนั้นต้องสำเร็จวิชาจิตสมาธิให้ได้ก่อนเป็นขั้นต่ำ ซึ่งก่อนหน้านี้ เหมิงเหล่ยนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับจิตสมาธิเลยแม้แต่น้อย

ซึ่งมันก็ถือว่าวิชานี้มาได้ถูกที่ถูกเวลามากๆ ถ้ามีวิถีจิตสมาธิอยู่ เหมิงเหล่ยก็สามารถได้รับค่าพลังเวทได้ผ่านการตั้งสมาธิแล้ว เหมิงเหล่ยนั้นตื่นเต้นมาก ก่อนหน้านี้เขานั้นต้องอาศัยการเก็บพลังเวทจากผลึกอย่างเดียว ซึ่งมันเต็มไปด้วยเงื่อนไข ข้อจำกัดมากมาย

โอกาสดรอปผลึกนั้นถือว่าน้อยมาก โอกาสที่จะได้ก็ต่ำ เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

แต่เรื่องนี้จะต่างออกไปอย่างชัดเจนหลังจากที่เขาสำเร็จวิถีจิตสมาธิแล้ว

การที่เขาสามารถสกัดพลังเวทด้วยตัวเองได้นั้น เท่ากับว่าเขาสามารถใช้เวทมนตร์เมื่อไรก็ได้ เพราะตอนนี้เขาผลิตพลังเวทขึ้นมาใช้เองได้แล้ว

เหมิงเหล่ยมองทั้ง 3 คนก่อนที่จะพยายามย่องหนีออกไปจากที่นี้ เขาวางแผนว่าจะไปหาที่ซ่อนที่ปลอดภัยแล้วไปลองวิถีจิตสมาธิที่เขาพึ่งได้รับมา

“นั้นใครหน่ะ!”

แต่ในจังหวะนั้นเอง ผู้หญิงที่อยู่ใกล้ตัวเขามากที่สุด จู่ๆก็หันหัวของเธอมาทางเขา แล้วโบกสบัดคฑาเวท(คฑาขนาดเท่าไม้กายสิทธิ์ในแฮรี้) ก่อนจะยิงสายฟ้าหนาขนาดเท่านิ้วโป้ง พุ่งตรงไปผ่าต้นไม้ด้านหน้าของเหมิงเหล่ยทันที

เปรี้ยง

ต้นไม้เล็กๆนั้นถูกผ่าออกเป็น 2 ซีก ตรงรอยแตกนั้นไหม้จนเกือบจะเป็นถ่าน

บ้าไปแล้ว!!!

เหมิงเหล่ยล้มลงก้นจ้ำเบ้า ไม่อยากคิดภาพที่สายฟ้าเมื่อกี้โดนเขาเข้า

“เอริสัน เกิดอะไรขึ้น”

“มีคนอยู่ตรงนั้น!”

“หะ ว่าไงนะ”

ทั้ง4คนเจอตัวเหมิงเหล่ยแล้ว

“เจ้าเป็นใครกัน เหตุใดเจ้าถึงมาด้อมๆมองๆแถวนี้”

ชายกล้ามโตถือขวานขนาดใหญ่พูดเสียงดังตอนที่เขามองเหมิงเหล่ย ทั้ง3คนเองก็มองเหมิงเหล่ยด้วยสายตาหวาดระแวง เพราะในป่าสัตว์วิเศษนั้น อะไรก็อันตรายไปหมด โดยเฉพาะมนุษย์ด้วยกันเอง

ถ้าเกิดระหว่างการต่อสู้อันดุเดือดเมื่อกี้มีใครซักคนลอบโจมตีพวกเขาจากด้านหลัง พวกเขาเองก็คงตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ

“ข…ข้าเป็นแค่ชาวบ้านแถวนี้” เหมิงเหล่ยตัวสั่นด้วยความกลัว “ข้า..ได้ยินเสียงพวกท่านต่อสู้ ข้าเลยแค่สงสัย เลยเข้ามาดู….ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลย…”

“ชาวบ้านเหรอ?”

“ข้าสัมผัสออร่าสงครามจากตัวเขาไม่ได้”

“เอริสัน สัมผัสเวทมนตร์จากตัวของเขาได้ไหม”

“ไม่ได้เลย”

“ดูเหมือนว่าจะเป็นชาวบ้านธรรมดาจริงๆซินะ”

ทั้ง 4 คนถอนหายใจออกมาทันที ชายกล้ามโตพูดขึ้นมา “เจ้านี้หาที่ตายจริงๆเลยนะ ชายหนุ่มอย่างเจ้าหาญกล้าเข้ามาในป่าสัตว์วิเศษคนเดียวเนี่ย อยากตายรึไง”

“รีบกลับไปเสียเถอะ ที่นี้ไม่ใช่ที่ของเจ้า”จอมเวทหญิง เอริสันเตือนเขาด้วยความใจดี เธอดูหน้าตาธรรมดา มีกระขึ้นที่ใบหน้าเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้น เธอก็สูงมาก และมีรูปทรงองเอวที่งดงามภายใต้ผ้าคลุมเวทนั้น

ทั้ง4 คนดูจะไม่ใช่คนเลวอะไร

ถึงแม้ว่าเหมิงเหล่ยจะดูเหมือนเด็กอายุต่ำกว่า 15 แต่ในโลกก่อนหน้านี้ เขาเป็นตาลุงวัยกลางคน เขาเจอคนมามากมายและมีประสบการณ์ในการตัดสินคนจากคำพูดและการกระทำได้เป็นอย่างดี เขาเห็นว่าทั้ง4 คนนั้นอายุยังน้อย ดูเหมือนว่าจะยังเป็นนักเรียนอยู่ ดูจากตราบนหน้าอก

ในเมื่อพวกเขาไม่ใช่คนเลวอะไร บางที ฉันอาจจะขอตามพวกเขาไปด้วย เผื่อจะได้เก็บอะไรกลับไปได้ด้วยก็ได้

ลองดูดีกว่า

ทันทีที่เขาคิดได้แบบนั้น เขาก็เริ่มบีบน้ำตาด้วยความตอแหลและพูดตีหน้าเศร้าทันที “ข…ข้า… ข้าหลงทาง ข้าหาทางกลับบ้านไม่เจอ….”

“หลงทางงั้นเหรอ”

ทั้ง 4 คนมองหน้ากันไปมาแล้วขมวดคิ้ว ในที่สุด เอริสันก็พูดขึ้นมา “เขาดูน่าสงสารจังเลย ทำไมเราไม่พาเขาไปด้วยกันละ ป่าสัตว์วิเศษมันอันตรายมากเลยนะ”

“เรื่องนั้น… คงไม่ดีเท่าไรมั้ง”

ชายหนุ่มร่างบางที่ถือมีดสั้นขมวดคิ้ว “ป่าสัตว์วิเศษมันอันตรายมากๆแล้วเราก็กำลังฝึกออกตามล่าสัตว์เวทมนตร์อยู่ด้วย  ถ้าพาเขาไปจะไปเป็นภาระเปล่าๆนะ”

“ข้าไม่เป็นภาระนะ ข้าแกร่งอยู่นะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด