Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 24 รูปปั้นเซียนเทพ หาเรื่องกันในวิทยาลัย

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 24 รูปปั้นเซียนเทพ หาเรื่องกันในวิทยาลัย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย อ่านนิยาย

เหมิ่งเหล่ยนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นตอนที่เขายืนอยู่ตรงหน้าประตูวิทยาลลัย มองเข้าไปในโถงเวทมนตร์ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของวัฒนธรรมโบราณและประวัติศาสตร์อันเนิ่นนาน

จากมุมมองทางประวัติศาสตร์แล้ว ไม่มีวิทยาลัยไหนบนโลกเก่าของเขาที่จะขลังเท่าวิทยาลัยที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ เพราะมหาวิทยาลัยที่โลกเก่าของเขานั้น เก่าแก่ที่สุดก็มีอายุไม่เกิน 1000ปี มันเทียบได้แค่เศษเสี้ยวถ้าเทียบกับวิทยาลัยอายุ 20000ปีตรงหน้าของเขา

ร่องรอยของประวัติศาสตร์มีให้เห็นได้ในทุกๆมุมของวิทยาลัย

กลิ่นของพลังเวทมนตร์กระจัดกระจายเหมือนกับว่ามันมีชีวิต

ช่างเป็นวิทยาลัยเวทมนตร์ที่วิเศษเสียจริงๆ

ยามเฝ้าหน้าประตูวิทยาลัยเองก็ดูดุดันไม่แพ้กัน แต่ละคนสวมชุดเกราะมังกรไฟและถือหอกเพลิงดูกร้าวใจไว้ในมือ สีหน้าของพวกเขาดูเย็นชาและพร้อมต่อสู้ตลอดเวลา เหมือนเหยี่ยวที่คอยมองคนที่ผ่านไปมา

นักเรียนใหม่ที่จะเข้ามารายงานตัวกับเหล่านักเรียนเก่าต่างพากันเข้ามาในวิทยาลัยทีละคนทีละคน

แต่ละคนนั้นต่างดูมีสง่าราศี มีมาดผู้ดีกันมากๆ

ภายนอกประตูของวิทยาลัยนั้นวุ่นวายก็จริง แต่มีเพียงนักเรียนที่สวมตราของวิทยาลัยเท่านั้นถึงจะเข้าประตูไปได้ เหล่าผู้ปกครองและคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปไม่ได้เลย

นั้นทำให้เห็นว่าวิทยาลัยเวทมนตร์นั้นมีกฎระเบียบและการรับสมัครที่เข้มข้นขนาดไหน

เหมิงเหล่ยหยิบตราวิทยาลัยขึ้นมาแล้วติดมันลงหน้าอกของเสื้อ แล้วเดินตามฝูงคนเข้าไปยังวิทยาลัย

สายตาของยามจ้องมาที่เขาทันที จากนั้นเสียงที่ไร้อารมณ์ก็พูดขึ้น “นักเรียนใหม่ที่จะมารายงานตัวในปีนี้ โปรดตรงไปที่จตุรัสเทพมังกรเพื่อเข้ารับการทดสอบสำหรับนักเรียนใหม่ หลังจากเข้าไปแล้ว เลี้ยวขวาแล้วตรงไป แล้วเจ้าจะได้พบกับจัตุรัสเทพมังกร”

“ขอบคุณครับ”

เหมิงเหล่ยกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินผ่านประตูวิทยาลัยเข้าไป เขาเดินไปตามถนนที่ล้อมไปด้วยต้นไม้ไปทางขวา ตรงไปยังพื้นที่ ที่เรียกว่าจัตุรัสเทพมังกรตามที่ยามบอก

ต้นไม้ขนาดใหญ่เรียงราย2ข้างทางนั้นบดบังแสงอาทิตย์เหลือเพียงแค่เงาแดดที่ทอดลงมา

 

เขาเดินไปจนสุดถถนนแล้วก็ต้องตกตะลึงไปพักใหญ่ เบื้องหน้าของเขาเป็นพื้นที่กว้างที่เต็มไปด้วยรูปปั้นใหญ่เล็กมากมาย รูปปั้นนั้นมีหลากหลายรูปร่างและขนาด บางตัวสูงเกือบร้อยเมตร บางตัวสูงแค่ไม่ถึง 2เมตรก็มี ความละเอียดของงานปั้นนั้นเรียกได้ว่าเหมือนจริงทุกประการ มีความประณีตในทุกๆขั้นตอนที่ปั้นขึ้นมา ทั้งเกล็ดของมังกร ทั้งชุดเกราะต่างดูโดดเด่นสวยงามเหมือนจริงมากๆ

รูปปั้นพวกนั้นมีทั้งรูปปั้นของมังกรไฟยักษ์ที่น่าเกรงขาม

มีรูปของครึ่งมังกรสายฟ้าที่มีปีกอยู่ด้านหลัง

มีรูปของมนุษย์อยู่ด้วย

มีแผ่นหินจาลึกอักษร บันทึกเรื่องราวเขียนในทุก ๆ รูปปั้น ตัวอักษรนั้นอัดแน่นและตัวเล็ก เขียนถึงชีวประวัติของบุคคลในรูปปั้นนั้นๆอย่างละเอียดและผลงานตลอดชีวิตของพวกเขา

“ไอแซค ฟริด ราชาองค์ที่ 16 ของอาณาจักรมังกรไฟ และเป็นประธานคนแรกของวิทยาลัยเวทมนตร์มังกรไฟ เป็นราชามังกรยักษ์ธาตุไฟที่แข็งแกร่ง ในปี 24762 ตามปฏิธินแดนสวรรค์ คิเมร่า 3 หัว หนึ่งในตำนานผู้คุมแห่งป่าสัตว์วิเศษ ได้นำทัพคลื่นอสูรบุกเข้าโจมตีอาณาจักรมังกรไฟ ท่านราชาไอแซคผู้ยิ่งใหญ่ จึงได้นำกองกำลังเข้าต่อกรกับคลื่นอสูร และได้กำจัดคิเมร่า 3 หัวลงได้ในที่สุด ยุติการบุกรุกของคลื่นอสูรลงได้”

“ในปี 24792 มหาสงครามได้ปะทุขึ้น ระหว่างจักรวรรดิเทพมังกร กับจักรวรรดิยักษา ท่านไอแซคได้นำกำลังของอาณาจักรมังกรไฟ เดินทางข้ามภูเขาสัตว์เวทมนตร์เพื่อซุ่มโจมตีฐานทัพของจักรวรรดิยักษาในแดนเหนือ และได้ทำการสังหารราชาพยักษ์บูรพา ซึ่งเป็น 1 ใน 12 เสาหลักแห่งจักรวรรดิยักษา เป็นก้าวแรกสู่ชัยชนะของจักรวรรดิเทพมังกร”

“และในปีศักราชที่ 24850 ท่านไอแซคก็ได้สระราชสมบัติลง…”

“ท่านอโมส ครอค ประธานคนที่ 2 แห่งวิทยาลัยเวทมนตร์มังกรไฟ เป็นครึ่งมังกรจอมเวทระดับเซียนเทพที่มากความสามารถในธาตุน้ำและไฟ เขาเป็นครึ่งมังกรคนแรกที่สำเร็จวิชาวัจนะมังกรและเชี่ยวชาญในด้านการวิจัยเวทมนตร์ เขาได้ประดิษฐ์เวทมนตร์ทั้งหมด 189 คาถา ในธาตุน้ำและไฟที่สามารถผสานกันได้อย่างลงตัว ประโยชน์ต่อการศึกษาวิจัยเวทมนตร์ธาตุน้ำและไฟอย่างยิ่ง

“อดอฟ โฮแมนด์…”

เหมิงเหล่ยมองไปรอบๆมองดูเรื่องราวของแต่ละรูปปั้น ทุกๆคนนั้นต่างเป็นตำนาน เป็นระดับเซียนเทพที่มีคุณประโยชน์ต่อวิทยาลัย ทุกคนนั้นต่างเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ หรือเป็นตัวตนที่มีคุณค่า มีผลงานที่ยอดเยี่ยม เป็นอาจารย์หรือรุ่นพี่ที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับจักรวรรดิทั้งในด้านการเมือง การศึก และการศึกษา

ถึงจะเป็นราชาของอาณาจักร หรือ เป็นระดับเซียนเทพ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ถูกปั้นและกลายเป็นตำนานที่นี้เสมอไป

“พวกเขาทุกคนนั้นต่างเป็นตำนานในหมู่ระดับเซียนเทพ ….ระดับเซียนเทพงั้นเหรอ… ฉันจะไปถึงขั้นนั้นได้ไหมมนะ?”

ผู้คนต่างเดินตรงกันมาจนถึงจัตุรัสขนาดใหญ่ ส่วนมากนั้นเป็นเหมือนเหมิงเหล่ย เป็นนักเรียนใหม่ที่จะเข้ามารายงานตัว ณ วิทยาลัยแห่งนี้ แต่ทุกๆคนนั้นต่างก็เหมือนกัน อึ้งและตกตะลึงในเหล่าตำนานรูปปั้นเหล่านั้น พวกเขาต่างอ่านประวัติผลงานอันเลื่องลือของเหล่าระดับเซียนเทพแต่ละคน

หลังจากที่เหมิงเหล่ยอ่านประวัติของรูปปั้นแต่ละคนไปเรื่อยๆแล้ว เขาก็ได้เดินทางมาถึงจุดทดสอบ ณ จุดตรงนั้น มีไม่กี่คนที่กำลังรอเข้ารับการทดสอบอยู่

ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติเพราะเดิมทีแล้ว วิทยาลับเวทมนตร์มังกรไฟนั้นก็รับคนเข้ามาเรียนมากสุดแค่ปีละ 100 คนเท่านั้น พอเป็นการทดสอบภายใน จึงมีคนเพียงไม่กี่คนที่รอเข้ารับการทดสอบ

“โฮ่ โฮ่ เจ้าเองก็เป็นนักเรียนใหม่ที่เข้ามาในปีนี้ด้วยเหรอเนี่ย?”

ตอนที่เหมิงเหล่ยกำลังยืนต่อแถวอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีใครบางคนเดินเข้ามาแตะหลังของเขา เขาหันกลับไปมองแล้วเห็น ชายคนหนึ่งรูปร่างตุ้ยนุ้ยพร้อมหน้าอ้วนๆ สวมชุดผ้าคลุมยาวกำลังมองเขาด้วยรอยยิ้ม

ชายคนนั้นรูปร่างเหมือนถังแก๊สตัวสูงต่ำกว่า 160 เซนติเมตร ขนาดพุงของเขาใหญ่มาก รอยยิ้มของเขานั้นดูใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนรอยยิ้มพระสังฆจาย ตาของเขาก็ยิ้มจนตี่เล็กไปด้วย

เออ ไม่เห็นรึไงว่าฉันเข้าคิวอยู่หน่ะ

เหมิงเหล่ยนั้นคิดขึ้นมาในหัวแต่ก็ยิ้มแห้งๆกลับไป คนส่วนมากที่เข้ามาในวิทยาลัยนี่ได้นั้นส่วนมากจะเป็นครึ่งมังกร แม้แต่อาจารย์ที่คุมการทดสอบอยู่ก็เป็นครึ่งมังกร เพราะงั้นการที่เห็นเพื่อนชาวมนุษย์ซักคนนึงมาอยู่ในวิทยาลัยนี้ได้ทำให้เหมิงเหล่ยรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

ถึงแม้ว่ามนุษย์คนนั้นจะอ้วนเป็นถังแก๊ซก็ตาม

“ว้าว เจ้าเองก็เป็นมนุษย์เหรอเนี่ย”

ชายร่างอ้วนมองเหมิงเหล่ยด้วยความตะลึง ดวงตาของเขาหยีลงจนกลางเป็นขนาดเท่าเม็ดถั่ว เหมือนตาเต่าบกกลางแดดจ้า เขาพูด “มนุษย์ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในวิทยาลัยมังกรไฟได้น่ะ ว่ากันว่าต้องเป็นระดับอัจฉริยะเหนืออัจฉริยะทั้งนั้นเลยนะ เจ้าเองก็เป็นแบบนั้นด้วยใช่ไหมละ หื้มม??”

“ข้าคิดว่าข้าธรรมดานะ”

เหมิงเหล่ยเกาหัว จนถึงตอนนี้ เขายังไม่แน่ใจเลยว่าพรสวรรค์ของเขานั้นอยู่ระดับไหนในหมู่นักเรียนใหม่ในปีนี้ เขาเลยตอบกลางๆไปก่อน

“ธรรมดางั้นเหรอ” ชายร่างอ้วนกระพริบตาปริบๆ

“เห้ยไอ้อ้วนฮาร์ต ทำไมเจ้าถึงถึงมาอยู่ที่นี้ได้ละ”

ในตอนนั้นเอง เสียงที่บาดหูดูไม่พอใจก็ดังขึ้นมาด้านหลังของพวกเขา เหมิงเหล่ยหันไปมองดู แล้วเห็นครึ่งมังกรที่มีตัวสีเขียวทั้งตัว มีเขาบนหัว มีหางยาวลากพื้น กำลังเดินมาทางพวกเขา พร้อมด้วยรอยยิ้มเหี้ยมๆตอนที่เดินมาหาชายอ้วน

ครึ่งมังกรตัวเขียวนั้นยืนจังก้า ตัวสูงหล่อเด่นสง่ากล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ร่างกายที่ดูน่าเกรงขามยืนต่อหน้าชายตัวอ้วน

ชายร่างอ้วนหน้ากระตุกก่อนจะพูด “เอ๋ ทำไมข้าได้ยินเหมือนเสียงนกเสียงกาแถวนี้วะ น่ารำคาญจริงๆเลย”

“เศษสวะในหมู่ครึ่งมังกรอย่างเจ้านี่พูดแบบนี้ หาเรื่องตายรึยังไงกัน”

ครึ่งมังกรตัวเขียนมองเขาเขม็ง มือกำหมัดแน่นพร้อมต่อยตลอดเวลา ชายอ้วนท้วมเริ่มกลัวๆแล้วหลบไปอยู่ด้านหลังของเหมิงเหล่ยก่อนจะพูดเสียงดัง “แลนซ์ เจ้ามองไปรอบๆตัวเจ้าซิว่าเจ้าอยู่ที่ไหน เจ้าคิดว่าจะทำตัวต่ำสะถุนแบบเดิมๆที่นี่ได้งั้นเหรอ”

แลนซ์ ครึ่งมังกรตัวเขียวนิ่งไป ก่อนจะหันไปมองรอบๆ พอเขาเห็นว่าไม่มีใรสนใจพวกเขาเลย เขาจึงถอนหายใจก่อนจะพูด “ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะไอ้อ้วน อย่าให้ข้าได้เจอเจ้านอกโรงเรียนนะ ข้าจะกระทืบให้หน้าของเจ้าลงไปจมดินให้ดู”

“โฮ่โฮ้ กล้าจริงก็มากระทืบข้าเลยซิ ไอ้กระจอก”

พอเห็นว่าแลนซ์ไม่กล้าทำอะไรเขา ชายอ้วนจึงทำท่ายกยอตัวเองท้าทายอีกครั้ง

“เดี๋ยวเราจะได้เห็นดีกัน”

แลนซ์มมองชายอ้วนอย่างแค้นเคืองก่อนที่ดวงตาของเขาจะมองลงไปที่เหมิงเหล่ยพอดี ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปากแล้วพูด “ไอ้อ้วนอย่างเจ้านี่มันเป็นความเสื่อมเสียของครึ่งมังกรเสียจริง ถึงขนาดลดตัวลงไปเสวนาผูกมิตรกับมนุษย์ชั้นต่ำ ข้าละเสียใจแทนท่านดยุคเจมส์จริงๆที่มีลูกชายไร้ประโยชน์อย่างเจ้า!”

พอได้ยินแบบนั้นเหมิงเหล่ยเองก็เริ่มขมวดคิ้ว ชายอ้วนเองก็เริ่มพูดด้วยความโกรธ “แลนซ์ เขาคนนี้เป็นเพื่อนชาวมนุษย์ของข้า และเจ้าไม่มีสิทธิ์จะมาพูดจาแบบนั้นกับเขา”

แลนซ์หัวเราะก่อนจะตอบด้วยความเย้ยหยัน “เพื่อนเรอะ ฮ่า มีแต่ไอ้ขยะสายเลือดทาสชั้นต่ำอย่างเจ้าเท่านั้นละที่จะเอามนุษย์สวะนั้นมาเป็นเพื่อน ครึ่งมังกรที่ทรงเกียรติและมีศักดิ์ศรีที่ไหนกันจะมาเป็นเพื่อนกับมนุษย์สวะที่เป็นแค่ฝุ่นใต้ตีนหน่ะ”

“เจ้า—“

ชายร่างอ้วนเริ่มโกรธจัดจนเนื้อเต้น “ไอ้แลนซ์ ข้าเตือนเจ้าก่อนหน้านี่แล้วนะว่า อย่า มา เหยียดหยามแม่ของข้า ไม่อย่างงั้น..”

“ทำไม เจ้าจะทำไม”

สีหน้าแลนซ์เต็มไปด้วยความเหยียด

“ไม่อย่างงั้น ข้าจะอัดเจ้าให้จมดินเลย!!

คำพูดจบพร้อมด้วยหมัดที่พุ่งออกไปทันที เพียงพริบตาเดียว แลนซ์ก็เห็นหมัดลอยตรงเข้าเบ้าหน้าของเขาอย่างจัง

ผลัก!!!!

แรงกระแทกมหาศาลระเบิดออกจากมัดพร้อมด้วยเสียงหักของอะไรบางอย่าง จมูกของแลนซ์ยุบเข้าไปในเบ้าหน้าพร้อมด้วยตัวของเขาที่กระเด็นลอยออกไปไกล!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด