Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 52 เปรียบเทียบสายเลือด

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 52 เปรียบเทียบสายเลือด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Picking Up Attributes From Todayไปเก็… บทที่ 52 เปรียบเทียบสายเลือด เจ้าของ เหมิงเหล่ย เผ่าพันธุ์ มนุษย์ (มีสายเลือดมังกรไฟและสายเลือดมารเพลิง) ความมั่งคั่ง 182,915 เหรียญทอง ค่าร่างกาย นักรบระดับ 7 (14878/50000) พลังวิญญาณ จอมเวทระดับ 6 (7102/10000) พลังเวท จอมเวทระดับ 6 (6919/10000) เวทมนตร์ เยอะมาก วิชาออร่าสงคราม วิชามังกรไฟ ทักษะการต่อสู้ เยอะมาก “ค่าร่างกายของฉันก่อนหน้านี้ยังมีแค่ 7000กว่าๆอยู่เลยตอนนี้มันเด้งมาเป็น14878 แล้วเหรอเด้งขึ้นมาเยอะอะไรขนาดนี้วะ”
เหมิงเหล่ยตั้งสติตัวเองตอนที่เขามองค่าความสามารถของตัวเอง หลังจากผ่านวันเวลาฝึกตัวเองอย่างหนักตลอด 3 เดือนค่าความสามารถของเขายังไม่เพิ่มมากขนาดนี้เลย ทั้งค่าร่างกาย ค่าพลังวิญญาณ ค่าพลังเวททั้งหมดของเขาเพิ่มขึ้น จนเกินระดับจอมเวทระดับ 6 และนักรบระดับ 7 ไปแล้วความสามารถในการต่อสู้ของเขามันสูงขึ้นมากตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา นักรบระดับ 7 ตอนนี้เขานับได้ว่าอยู่ในระดับนักรบระดับสูงแล้วจะบอกว่าเขาแข็งแกร่งใช้ได้แล้วถึงจะเทียบกับคนทั้งเมืองหลวงก็ตามถ้าเกิดเขาไปที่พื้นที่ชนบทหน่อยคือยังไงเขาก็แข็งแกร่งที่สุดแน่นอน “ถ้าเทียบกับค่าร่างกายแล้วตอนนี้ค่าพลังเวทดูเหมือนว่าจะตามหลังอยู่เลยแหะแต่ก็เอาเถอะพัฒนาไปได้ขนาดนี้ในเวลาแค่นี้เอง แถมยังไงถ้าฉันก็สามารถพัฒนาขึ้นไปปอีกตอนไหนก็ได้แล้วด้วย” เหมิงเหล่ยเลื่อนสายตาตัวเองขึ้นไปมองที่ช่องความมั่งคั่งแล้วเขาก็เห็นเงิน ที่เขามี ตอนนี้เขามีเงินอยู่กับตัวทั้งหมด182,915 เหรียญทองแล้วซึ่งถ้าแปลเป็นค่าความสามารถก็จะได้18291
แต้ม18291แต้มเลยนะ มันมากเพียงพอที่จะส่งให้เหมิงเหล่ยกลายไปเป็นจอมเวทระดับ 7 ได้อย่างง่ายดายถ้าเขาใช้เงินทั้งหมดไปลงกับค่าความสามารถ ด้วยพลังร่างกายและพลังเวทที่เขามีตอนนี้เขามีพลังมากพอที่จะลืมตาอ้าปากในโลกนี้ได้แล้ว แต่เหมิงเหล่ยเองก็ไม่ได้รีบร้อนแลกแต้มอะไรขนาดนั้นเพราะยังไง มันก็เป็นค่าความสามารถที่เขาเพิ่มเมื่อไรก็ได้เขาจึงเก็บเงินส่วนนี้เอาไว้เพื่อแลกในจัง หวะที่มันอันตรายหรือสําคัญจริงๆ ตอนนี้เขาควรประหยัดเท่าที่จะประหยัดได้ไปก่อน นาทีกว่าๆต่อมา พลังงานในร่างกายของเขาก็หมดลงความรู้สึกแห้งเหือดซัดเข้ามาในตัวของเขาก่อนจะทําให้เขากลับคืนร่างมนุษย์มา “ดูจากเวลาในการแปลงร่างแล้วสายเลือดมารเพลิงมันมีพลังมากพอๆกับสายเลือดมังกรไฟเลยแหะ” ทําไมถึงแปลงร่างได้แค่นี้น่ะเหรอ มันเป็นเพราะว่าด้วยร่างกายมนุษย์ของเหมิงเหล่ยทําให้การแปลงร่างมังกรของเขาอยู่ได้แค่ 8 นาทีเท่านั้นซึ่งร่างมารเพลิงก็อยู่ได้แค่ 8 นาที่เหมือนกัน ใช้ร่างกายเดียวกัน ได้เวลาในการ แปลงร่างเท่ากันมันหมายความว่า พลังความสามารถของสายเลือดทั้ง 2 สายนั้นมีพลังพอๆกันเลย “ตอนนี้ ฉันน่าจะเก่งพอใช้ได้แล้วละ มั่ง” เหมิงเหลุ่ยพอใจกับสิ่งที่เขาได้รับใน ค่ําคืนนี้มากๆแต่ถึงอย่างนั้น ทั้งตัวของเขากลับเปลือยเปล่าอย่างอับอายตอนแปลงร่างไฟมันเผาเสื้อผ้าไปหมดอีกแล้ว “ถ้าฉันมีแหวนมิตินะ ฉันก็จะได้เตรียมเสื้อผ้าดองเอาไว้ในแหวน จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์อะไรแปลกๆแบบนี้อีก” เหมิงเหล่ยตอนนี้อยากได้แหวนมิติเก็บของยิ่งกว่าเดิมการมีแหวนมิติมันทําให้ชีวิตเขาสบายมากขึ้นเยอะแต่ราคาของมันตอนนี้ แม้แต่แหวนระดับกากสุดเขายังซื้อไม่ได้เลยด้วยซ้ํา ปังปังปังปัง เสียงเคาะประตูดังลั่นใครบางคนพยายามเคาะประตูห้องน้ํา “หืม!!” เหมิงเหล่ยหันไปมองที่ประตูทันทีเขาระแวงแล้วค่อยๆเดินไปเปิดประตูห้องน้ําก่อนจะพบขุนนางชาวมนุษย์พุงโตขึ้นนึงเดินเข้ามาในห้องน้ํามองหน้าเหมิงเหลี่ยแบบหาเรื่องสุดๆ ชายร่างอ้วนคนนั้นตะโกนอย่างมีน้ําโห“เห้ยไอ้หนูเป็นบ้ารึไงวะล็อกประตูห้องน้ําจากด้านในน่ะอยากตายนักรึไงวะ?!” “แฮ่ๆ ขอโทษที่นะครับ!!” เหมิงเหล่ยยิ้มแหะๆก่อนจะสาวหมัดใส่หน้าของชายคนนั้นอย่างจัง ผลัก!! “บ้าเอ้ย เสื่อนี้มันตัวใหญ่ชิบหาย เหมิงเหล่ยเดินออกมาจากห้องน้ําหลังจากที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เสื้อผ้า พวกนี้มันตัวใหญ่ขนาดที่ทําให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาสวมชุดกระโปรงอยู่ยังไงอย่างงั้นมันไม่สบายตัวสุดๆไปเลย แต่ทําไงได้ละ ตอนนี้เขามีทางเลือกซะที่ไหนละ นาทีต่อมา เหมิงเหล่ยที่แต่งชุดใหญ่ เกินตัวก็เดินไปเคาะประตูห้องของอูโน่คนคุมสนามประลองแห่งนี้ “เข้ามาได้” “สวัสดีครับ ท่านอูโน่” “โอ้ เหมิงเหล่ยนี้เอง” อูโน่ยิ้มหันมองขึ้นมา แต่พอเห็นชุดที่เหมิงเหล่ยใส่ตอนนี้เขาก็ชะงักงงเขาชี้ไปที่เหมิงเหล่ยแล้วพูด “เออคือเจ้า…” “อะแฮ่ม คือเผอิญว่าข้าเผลอทําชุดเลอะเทอะไปหมดน่ะเลย…”เหมิงเหล่ยยิ้มอย่างเขินๆเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วยซ้ํา
“เลอะเทอะงั้นเหรอ” คําพูดของเหมิงเหล่ยทําให้อูโน่คิดไปถึงอย่างอื่นเขามองเหมิงเหล่ยด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะพูด “นี้ค่าตัว 10000เหรียญทองของเจ้าตรวจเช็คจํานวนให้เรียบร้อยละ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านอโน่ส่งให้กับมือข้าเองก็วางใจ” เหมิงเหล่ยตอบแล้วโบกมือก่อนจะยิ้ม“นอกจากมารับค่าตัวแล้วจริงๆวันนี้ข้ามีเรื่องอยากจะให้ท่านช่วยด้วยน่ะครับ” “เรื่องอะไรกันละ” อู่โน่เลิกคิ้ว แล้วมองเหมิงเหล่ยตั้งแต่ที่เหมิงเหล่ยเข้ามาในสนามประลองเพลิงแห่งนี้เขาแทบจะไม่ได้ขออะไรจากอูโน่เลยนั้นทําให้อูโน่รู้สึกลําบากใจเล็กน้อย เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าเขาตั้งใจ ที่จะสร้างหนี้บุญคุณกับเหมิงเหล่ยยังไง ละ ใช่แล้วเขาอยากจะทําดีกับเหมิงเหล่ยไว้เป็นหนี้บุญคุณ คนอื่นอาจจะไม่รู้ภูมิหลังของเหมิงเหล่ยแต่อูโน่นั้นสืบมาครบรู้ดีมากๆเพราะเขาเป็นถึงศิษย์เอกตัวท็อปของปี1วิทยาลัยมังกรไฟเลย แต่ถึงอย่างนั้น แค่การเป็นนักเรียนวิทยาลัยมังกรไฟเฉยๆมันก็ยังไม่เพียงพอให้อูโน่อยากทําดีด้วยหรอกเหตุผลจริงๆที่อูโน่อยากทําดีด้วยก็เพราะผลงานที่เหมิงเหล่ยทําไว้ในสนามประลองตั๋งหาก ประลอง 30 ครั้ง ชนะ 24 เสมอ 3 แพ้ 4 เขาขึ้นมาเป็นนักสู้ระดับเงินได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามาและชนะต่อเนื่องติดต่ อกัน 12 ครั้งรวดเป็นนักสู้ระดับเงินที่นักสู้ปรกติไม่อยากที่จะต่อกรด้วย เพราะด้วยพลังที่มหาศาลขนาดที่สู้ยังไงก็แพ้ไม่ว่าประสบการณ์จะเหนือกว่าแค่ไหนก็ตาม ปรกติแล้วนักสู้ระดับเงินจะมีความสามารถในการต่อสู้ขั้นต่ําอยู่ที่นักรบระดับ 6 แต่ส่วนมากนักสู้ระดับเงินจะเป็นนักรบระดับ 7 กัน อย่างเช่นมารพยักซ์เพลิงเองที่สู้กับเหมิงเหลยมาล่าสุดก็เป็นนักสู้ ระดับ 7เหมือนกัน ถ้าเป็นนักสู้ระดับ7 หรือจอมเวทระดับ 7 คนอื่นอูโน่จะไม่หมายตามองอะไรเพราะมีอยู่เยอะแยะใครมันจะไปสนใจกับแค่นักรบหรือจอมเวทระดับ 7 แต่ ถ้านักรบหรือจอมเวทระดับ 7 คนนั้นมีอายุแค่15 ปีอันนั้นเรียกว่าโคตรน่าสนใจสุดยิ่งกว่านั้นอูโน่เองก็สังเกตเห็นบางอย่างที่สําคัญมากอีกด้วยเหมิงเหล่ยนั้นไม่ได้เป็นแค่จอมเวทอย่างเดียวแต่ร่างกายของเขายังแข็งแกร่งมากอีกด้วยถึงแม้ว่าเขาจะใช้ความสา มารถทางร่างกายในการต่อสู้น้อยมาก ๆก็จริงตลอดการต่อสู้ทั้ง 30 ครั้ง แต่มันก็ ไม่อาจหลบเลี่ยงสายตาของอูโน่ได้ เด็ก อายุ 15 มีพลังระดับ 6 ขึ้นไป แถมเชี่ยวชาญทั้งสายเวทและสายกายภาพอีก อย่าว่าแต่จะเคยเห็นเลย ในประวัติศาสตร์ไม่รู้ว่าจะมีใครเคยเป็นแบบนี้มา ก่อนรึเปล่ายังไม่รู้เลยอูโน่เลยอธิบายเหมิงเหล่ยได้แค่คําเดียวคืออัจฉริยะ อัจฉริยะตัวจริง การที่มารู้จักกับคนแบบนั้นเขาเองก็ต้องทําดีเป็นเรื่องปรกติ เหมิงเหล่ยนั้นอาจจะกลายไปเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างสูงในอนาคตก็ได้ และเมื่อเป็นแบบนั้น เขาเองก็มีส่วนที่จะได้รับผลดีไปด้วย เพราะงั้น พอเขาได้ยินว่าเหมิงเหล่ยจะมาขอให้เขาช่วยอโน่เลยดีใจออกนอกหน้านิดนึง
“คือ ข้าอยากจะขอหยุดกลับบ้านซักเดือนนึงนะครับ เหมิงเหล่ยไม่ลังเลที่จะตรงเข้าประเด็นทันทีไม่อ้อมค้อมเพราะเขาเป็นนักสู้ระ ดับเงินแล้วปรกติตามกฏเขาต้องเข้าประลองอย่างน้อย 5 ครั้งต่อเดือนปรกติเขาจะกลับบ้านไม่ได้เพราะเขาจะเสียตํา แหน่งของตัวเองไป “ลาหยุดงั้นซินะ” อูโน่พยักหน้า วิทยาลัยมังกรไฟตอนนี้ ก็ปิดเทอมฤดูหนาวอยู่มันเป็นเรื่องปรกติที่เหมิงเหล่ยจะกลับบ้านอูโน่เลยไม่ปฏิเสธแต่กลับยิ้มแย้มตอบรับ “ได้ซิแน่นอนแค่เดือนเดียวจะพอเหรอ 2 เดือนไปเลยดีไหมละ” “เดือนเดียวก็พอครับ” กว่าจะออกจากสนามประลองเพลิงมาได้เวลาก็เลยไปเกือบ 5ทุ่มแล้วเหมิงเหล่ยไม่ได้กลับไปที่วิทยาลัยเวทมนตร์แต่มุ่งหน้าไปที่โรงเรียนขวานใหญ่แทนเพื่อนวัยเด็กของเขาโจเซฟและแอนดริวเรียนอยู่ที่นั่น วันหยุดฤดูหนาวมีเหมือนกันในทุกๆโรงเรียนเหมิงเหล่ยเลยอยากจะชวนถามว่าโจเซฟกับแอนดริวจะกลับหมู่บ้านพร้อมกันเลยไหม ถ้าเป็นไปได้จะได้มีเพื่อนร่วมทางกลับด้วยกัน “ถ้าดูตามวันเวลานี้มันก็ผ่านมาร่วม 2 เดือนแล้วนะเนี่ยตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน … แล้วก็โจนาห์ด้วยสินะ”

นิยาย Picking Up Attributes From Todayไปเก็…

บทที่ 52 เปรียบเทียบสายเลือด

เจ้าของ เหมิงเหล่ย

เผ่าพันธุ์ มนุษย์ (มีสายเลือดมังกรไฟและสายเลือดมารเพลิง)

ความมั่งคั่ง 182,915 เหรียญทอง

ค่าร่างกาย นักรบระดับ 7 (14878/50000)

พลังวิญญาณ จอมเวทระดับ 6 (7102/10000)

พลังเวท จอมเวทระดับ 6 (6919/10000)

เวทมนตร์ เยอะมาก

วิชาออร่าสงคราม วิชามังกรไฟ

ทักษะการต่อสู้ เยอะมาก

“ค่าร่างกายของฉันก่อนหน้านี้ยังมีแค่ 7000กว่าๆอยู่เลยตอนนี้มันเด้งมาเป็น14878 แล้วเหรอเด้งขึ้นมาเยอะอะไรขนาดนี้วะ”
เหมิงเหล่ยตั้งสติตัวเองตอนที่เขามองค่าความสามารถของตัวเอง หลังจากผ่านวันเวลาฝึกตัวเองอย่างหนักตลอด 3 เดือนค่าความสามารถของเขายังไม่เพิ่มมากขนาดนี้เลย

ทั้งค่าร่างกาย ค่าพลังวิญญาณ ค่าพลังเวททั้งหมดของเขาเพิ่มขึ้น จนเกินระดับจอมเวทระดับ 6 และนักรบระดับ 7 ไปแล้วความสามารถในการต่อสู้ของเขามันสูงขึ้นมากตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา

นักรบระดับ 7

ตอนนี้เขานับได้ว่าอยู่ในระดับนักรบระดับสูงแล้วจะบอกว่าเขาแข็งแกร่งใช้ได้แล้วถึงจะเทียบกับคนทั้งเมืองหลวงก็ตามถ้าเกิดเขาไปที่พื้นที่ชนบทหน่อยคือยังไงเขาก็แข็งแกร่งที่สุดแน่นอน

“ถ้าเทียบกับค่าร่างกายแล้วตอนนี้ค่าพลังเวทดูเหมือนว่าจะตามหลังอยู่เลยแหะแต่ก็เอาเถอะพัฒนาไปได้ขนาดนี้ในเวลาแค่นี้เอง แถมยังไงถ้าฉันก็สามารถพัฒนาขึ้นไปปอีกตอนไหนก็ได้แล้วด้วย”

เหมิงเหล่ยเลื่อนสายตาตัวเองขึ้นไปมองที่ช่องความมั่งคั่งแล้วเขาก็เห็นเงิน ที่เขามี ตอนนี้เขามีเงินอยู่กับตัวทั้งหมด182,915 เหรียญทองแล้วซึ่งถ้าแปลเป็นค่าความสามารถก็จะได้18291
แต้ม18291แต้มเลยนะ

มันมากเพียงพอที่จะส่งให้เหมิงเหล่ยกลายไปเป็นจอมเวทระดับ 7 ได้อย่างง่ายดายถ้าเขาใช้เงินทั้งหมดไปลงกับค่าความสามารถ ด้วยพลังร่างกายและพลังเวทที่เขามีตอนนี้เขามีพลังมากพอที่จะลืมตาอ้าปากในโลกนี้ได้แล้ว

แต่เหมิงเหล่ยเองก็ไม่ได้รีบร้อนแลกแต้มอะไรขนาดนั้นเพราะยังไง มันก็เป็นค่าความสามารถที่เขาเพิ่มเมื่อไรก็ได้เขาจึงเก็บเงินส่วนนี้เอาไว้เพื่อแลกในจัง

หวะที่มันอันตรายหรือสําคัญจริงๆ ตอนนี้เขาควรประหยัดเท่าที่จะประหยัดได้ไปก่อน

นาทีกว่าๆต่อมา พลังงานในร่างกายของเขาก็หมดลงความรู้สึกแห้งเหือดซัดเข้ามาในตัวของเขาก่อนจะทําให้เขากลับคืนร่างมนุษย์มา

“ดูจากเวลาในการแปลงร่างแล้วสายเลือดมารเพลิงมันมีพลังมากพอๆกับสายเลือดมังกรไฟเลยแหะ”

ทําไมถึงแปลงร่างได้แค่นี้น่ะเหรอ

มันเป็นเพราะว่าด้วยร่างกายมนุษย์ของเหมิงเหล่ยทําให้การแปลงร่างมังกรของเขาอยู่ได้แค่ 8 นาทีเท่านั้นซึ่งร่างมารเพลิงก็อยู่ได้แค่ 8 นาที่เหมือนกัน

ใช้ร่างกายเดียวกัน ได้เวลาในการ แปลงร่างเท่ากันมันหมายความว่า พลังความสามารถของสายเลือดทั้ง 2 สายนั้นมีพลังพอๆกันเลย

“ตอนนี้ ฉันน่าจะเก่งพอใช้ได้แล้วละ มั่ง”

เหมิงเหลุ่ยพอใจกับสิ่งที่เขาได้รับใน ค่ําคืนนี้มากๆแต่ถึงอย่างนั้น ทั้งตัวของเขากลับเปลือยเปล่าอย่างอับอายตอนแปลงร่างไฟมันเผาเสื้อผ้าไปหมดอีกแล้ว

“ถ้าฉันมีแหวนมิตินะ ฉันก็จะได้เตรียมเสื้อผ้าดองเอาไว้ในแหวน จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์อะไรแปลกๆแบบนี้อีก”

เหมิงเหล่ยตอนนี้อยากได้แหวนมิติเก็บของยิ่งกว่าเดิมการมีแหวนมิติมันทําให้ชีวิตเขาสบายมากขึ้นเยอะแต่ราคาของมันตอนนี้ แม้แต่แหวนระดับกากสุดเขายังซื้อไม่ได้เลยด้วยซ้ํา

ปังปังปังปัง

เสียงเคาะประตูดังลั่นใครบางคนพยายามเคาะประตูห้องน้ํา

“หืม!!”

เหมิงเหล่ยหันไปมองที่ประตูทันทีเขาระแวงแล้วค่อยๆเดินไปเปิดประตูห้องน้ําก่อนจะพบขุนนางชาวมนุษย์พุงโตขึ้นนึงเดินเข้ามาในห้องน้ํามองหน้าเหมิงเหลี่ยแบบหาเรื่องสุดๆ

ชายร่างอ้วนคนนั้นตะโกนอย่างมีน้ําโห“เห้ยไอ้หนูเป็นบ้ารึไงวะล็อกประตูห้องน้ําจากด้านในน่ะอยากตายนักรึไงวะ?!”

“แฮ่ๆ ขอโทษที่นะครับ!!”

เหมิงเหล่ยยิ้มแหะๆก่อนจะสาวหมัดใส่หน้าของชายคนนั้นอย่างจัง

ผลัก!!

“บ้าเอ้ย เสื่อนี้มันตัวใหญ่ชิบหาย

เหมิงเหล่ยเดินออกมาจากห้องน้ําหลังจากที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เสื้อผ้า พวกนี้มันตัวใหญ่ขนาดที่ทําให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาสวมชุดกระโปรงอยู่ยังไงอย่างงั้นมันไม่สบายตัวสุดๆไปเลย

แต่ทําไงได้ละ ตอนนี้เขามีทางเลือกซะที่ไหนละ

นาทีต่อมา เหมิงเหล่ยที่แต่งชุดใหญ่ เกินตัวก็เดินไปเคาะประตูห้องของอูโน่คนคุมสนามประลองแห่งนี้

“เข้ามาได้”

“สวัสดีครับ ท่านอูโน่”

“โอ้ เหมิงเหล่ยนี้เอง”

อูโน่ยิ้มหันมองขึ้นมา แต่พอเห็นชุดที่เหมิงเหล่ยใส่ตอนนี้เขาก็ชะงักงงเขาชี้ไปที่เหมิงเหล่ยแล้วพูด “เออคือเจ้า…”

“อะแฮ่ม คือเผอิญว่าข้าเผลอทําชุดเลอะเทอะไปหมดน่ะเลย…”เหมิงเหล่ยยิ้มอย่างเขินๆเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วยซ้ํา
“เลอะเทอะงั้นเหรอ” คําพูดของเหมิงเหล่ยทําให้อูโน่คิดไปถึงอย่างอื่นเขามองเหมิงเหล่ยด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะพูด “นี้ค่าตัว 10000เหรียญทองของเจ้าตรวจเช็คจํานวนให้เรียบร้อยละ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านอโน่ส่งให้กับมือข้าเองก็วางใจ” เหมิงเหล่ยตอบแล้วโบกมือก่อนจะยิ้ม“นอกจากมารับค่าตัวแล้วจริงๆวันนี้ข้ามีเรื่องอยากจะให้ท่านช่วยด้วยน่ะครับ”

“เรื่องอะไรกันละ”

อู่โน่เลิกคิ้ว แล้วมองเหมิงเหล่ยตั้งแต่ที่เหมิงเหล่ยเข้ามาในสนามประลองเพลิงแห่งนี้เขาแทบจะไม่ได้ขออะไรจากอูโน่เลยนั้นทําให้อูโน่รู้สึกลําบากใจเล็กน้อย

เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าเขาตั้งใจ ที่จะสร้างหนี้บุญคุณกับเหมิงเหล่ยยังไง ละ

ใช่แล้วเขาอยากจะทําดีกับเหมิงเหล่ยไว้เป็นหนี้บุญคุณ

คนอื่นอาจจะไม่รู้ภูมิหลังของเหมิงเหล่ยแต่อูโน่นั้นสืบมาครบรู้ดีมากๆเพราะเขาเป็นถึงศิษย์เอกตัวท็อปของปี1วิทยาลัยมังกรไฟเลย

แต่ถึงอย่างนั้น แค่การเป็นนักเรียนวิทยาลัยมังกรไฟเฉยๆมันก็ยังไม่เพียงพอให้อูโน่อยากทําดีด้วยหรอกเหตุผลจริงๆที่อูโน่อยากทําดีด้วยก็เพราะผลงานที่เหมิงเหล่ยทําไว้ในสนามประลองตั๋งหาก ประลอง 30 ครั้ง ชนะ 24 เสมอ 3 แพ้ 4

เขาขึ้นมาเป็นนักสู้ระดับเงินได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามาและชนะต่อเนื่องติดต่ อกัน 12 ครั้งรวดเป็นนักสู้ระดับเงินที่นักสู้ปรกติไม่อยากที่จะต่อกรด้วย เพราะด้วยพลังที่มหาศาลขนาดที่สู้ยังไงก็แพ้ไม่ว่าประสบการณ์จะเหนือกว่าแค่ไหนก็ตาม

ปรกติแล้วนักสู้ระดับเงินจะมีความสามารถในการต่อสู้ขั้นต่ําอยู่ที่นักรบระดับ 6 แต่ส่วนมากนักสู้ระดับเงินจะเป็นนักรบระดับ 7 กัน อย่างเช่นมารพยักซ์เพลิงเองที่สู้กับเหมิงเหลยมาล่าสุดก็เป็นนักสู้ ระดับ 7เหมือนกัน

ถ้าเป็นนักสู้ระดับ7 หรือจอมเวทระดับ 7 คนอื่นอูโน่จะไม่หมายตามองอะไรเพราะมีอยู่เยอะแยะใครมันจะไปสนใจกับแค่นักรบหรือจอมเวทระดับ 7

แต่

ถ้านักรบหรือจอมเวทระดับ 7 คนนั้นมีอายุแค่15 ปีอันนั้นเรียกว่าโคตรน่าสนใจสุดยิ่งกว่านั้นอูโน่เองก็สังเกตเห็นบางอย่างที่สําคัญมากอีกด้วยเหมิงเหล่ยนั้นไม่ได้เป็นแค่จอมเวทอย่างเดียวแต่ร่างกายของเขายังแข็งแกร่งมากอีกด้วยถึงแม้ว่าเขาจะใช้ความสา มารถทางร่างกายในการต่อสู้น้อยมาก ๆก็จริงตลอดการต่อสู้ทั้ง 30 ครั้ง แต่มันก็ ไม่อาจหลบเลี่ยงสายตาของอูโน่ได้

เด็ก อายุ 15

มีพลังระดับ 6 ขึ้นไป

แถมเชี่ยวชาญทั้งสายเวทและสายกายภาพอีก

อย่าว่าแต่จะเคยเห็นเลย ในประวัติศาสตร์ไม่รู้ว่าจะมีใครเคยเป็นแบบนี้มา ก่อนรึเปล่ายังไม่รู้เลยอูโน่เลยอธิบายเหมิงเหล่ยได้แค่คําเดียวคืออัจฉริยะ

อัจฉริยะตัวจริง

การที่มารู้จักกับคนแบบนั้นเขาเองก็ต้องทําดีเป็นเรื่องปรกติ เหมิงเหล่ยนั้นอาจจะกลายไปเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างสูงในอนาคตก็ได้ และเมื่อเป็นแบบนั้น เขาเองก็มีส่วนที่จะได้รับผลดีไปด้วย

เพราะงั้น พอเขาได้ยินว่าเหมิงเหล่ยจะมาขอให้เขาช่วยอโน่เลยดีใจออกนอกหน้านิดนึง
“คือ ข้าอยากจะขอหยุดกลับบ้านซักเดือนนึงนะครับ

เหมิงเหล่ยไม่ลังเลที่จะตรงเข้าประเด็นทันทีไม่อ้อมค้อมเพราะเขาเป็นนักสู้ระ ดับเงินแล้วปรกติตามกฏเขาต้องเข้าประลองอย่างน้อย 5 ครั้งต่อเดือนปรกติเขาจะกลับบ้านไม่ได้เพราะเขาจะเสียตํา แหน่งของตัวเองไป

“ลาหยุดงั้นซินะ”

อูโน่พยักหน้า วิทยาลัยมังกรไฟตอนนี้ ก็ปิดเทอมฤดูหนาวอยู่มันเป็นเรื่องปรกติที่เหมิงเหล่ยจะกลับบ้านอูโน่เลยไม่ปฏิเสธแต่กลับยิ้มแย้มตอบรับ “ได้ซิแน่นอนแค่เดือนเดียวจะพอเหรอ 2 เดือนไปเลยดีไหมละ”

“เดือนเดียวก็พอครับ”

กว่าจะออกจากสนามประลองเพลิงมาได้เวลาก็เลยไปเกือบ 5ทุ่มแล้วเหมิงเหล่ยไม่ได้กลับไปที่วิทยาลัยเวทมนตร์แต่มุ่งหน้าไปที่โรงเรียนขวานใหญ่แทนเพื่อนวัยเด็กของเขาโจเซฟและแอนดริวเรียนอยู่ที่นั่น

วันหยุดฤดูหนาวมีเหมือนกันในทุกๆโรงเรียนเหมิงเหล่ยเลยอยากจะชวนถามว่าโจเซฟกับแอนดริวจะกลับหมู่บ้านพร้อมกันเลยไหม ถ้าเป็นไปได้จะได้มีเพื่อนร่วมทางกลับด้วยกัน

“ถ้าดูตามวันเวลานี้มันก็ผ่านมาร่วม 2 เดือนแล้วนะเนี่ยตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน … แล้วก็โจนาห์ด้วยสินะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 52 เปรียบเทียบสายเลือด

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 52 เปรียบเทียบสายเลือด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Picking Up Attributes From Todayไปเก็… บทที่ 52 เปรียบเทียบสายเลือด เจ้าของ เหมิงเหล่ย เผ่าพันธุ์ มนุษย์ (มีสายเลือดมังกรไฟและสายเลือดมารเพลิง) ความมั่งคั่ง 182,915 เหรียญทอง ค่าร่างกาย นักรบระดับ 7 (14878/50000) พลังวิญญาณ จอมเวทระดับ 6 (7102/10000) พลังเวท จอมเวทระดับ 6 (6919/10000) เวทมนตร์ เยอะมาก วิชาออร่าสงคราม วิชามังกรไฟ ทักษะการต่อสู้ เยอะมาก “ค่าร่างกายของฉันก่อนหน้านี้ยังมีแค่ 7000กว่าๆอยู่เลยตอนนี้มันเด้งมาเป็น14878 แล้วเหรอเด้งขึ้นมาเยอะอะไรขนาดนี้วะ”
เหมิงเหล่ยตั้งสติตัวเองตอนที่เขามองค่าความสามารถของตัวเอง หลังจากผ่านวันเวลาฝึกตัวเองอย่างหนักตลอด 3 เดือนค่าความสามารถของเขายังไม่เพิ่มมากขนาดนี้เลย ทั้งค่าร่างกาย ค่าพลังวิญญาณ ค่าพลังเวททั้งหมดของเขาเพิ่มขึ้น จนเกินระดับจอมเวทระดับ 6 และนักรบระดับ 7 ไปแล้วความสามารถในการต่อสู้ของเขามันสูงขึ้นมากตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา นักรบระดับ 7 ตอนนี้เขานับได้ว่าอยู่ในระดับนักรบระดับสูงแล้วจะบอกว่าเขาแข็งแกร่งใช้ได้แล้วถึงจะเทียบกับคนทั้งเมืองหลวงก็ตามถ้าเกิดเขาไปที่พื้นที่ชนบทหน่อยคือยังไงเขาก็แข็งแกร่งที่สุดแน่นอน “ถ้าเทียบกับค่าร่างกายแล้วตอนนี้ค่าพลังเวทดูเหมือนว่าจะตามหลังอยู่เลยแหะแต่ก็เอาเถอะพัฒนาไปได้ขนาดนี้ในเวลาแค่นี้เอง แถมยังไงถ้าฉันก็สามารถพัฒนาขึ้นไปปอีกตอนไหนก็ได้แล้วด้วย” เหมิงเหล่ยเลื่อนสายตาตัวเองขึ้นไปมองที่ช่องความมั่งคั่งแล้วเขาก็เห็นเงิน ที่เขามี ตอนนี้เขามีเงินอยู่กับตัวทั้งหมด182,915 เหรียญทองแล้วซึ่งถ้าแปลเป็นค่าความสามารถก็จะได้18291
แต้ม18291แต้มเลยนะ มันมากเพียงพอที่จะส่งให้เหมิงเหล่ยกลายไปเป็นจอมเวทระดับ 7 ได้อย่างง่ายดายถ้าเขาใช้เงินทั้งหมดไปลงกับค่าความสามารถ ด้วยพลังร่างกายและพลังเวทที่เขามีตอนนี้เขามีพลังมากพอที่จะลืมตาอ้าปากในโลกนี้ได้แล้ว แต่เหมิงเหล่ยเองก็ไม่ได้รีบร้อนแลกแต้มอะไรขนาดนั้นเพราะยังไง มันก็เป็นค่าความสามารถที่เขาเพิ่มเมื่อไรก็ได้เขาจึงเก็บเงินส่วนนี้เอาไว้เพื่อแลกในจัง หวะที่มันอันตรายหรือสําคัญจริงๆ ตอนนี้เขาควรประหยัดเท่าที่จะประหยัดได้ไปก่อน นาทีกว่าๆต่อมา พลังงานในร่างกายของเขาก็หมดลงความรู้สึกแห้งเหือดซัดเข้ามาในตัวของเขาก่อนจะทําให้เขากลับคืนร่างมนุษย์มา “ดูจากเวลาในการแปลงร่างแล้วสายเลือดมารเพลิงมันมีพลังมากพอๆกับสายเลือดมังกรไฟเลยแหะ” ทําไมถึงแปลงร่างได้แค่นี้น่ะเหรอ มันเป็นเพราะว่าด้วยร่างกายมนุษย์ของเหมิงเหล่ยทําให้การแปลงร่างมังกรของเขาอยู่ได้แค่ 8 นาทีเท่านั้นซึ่งร่างมารเพลิงก็อยู่ได้แค่ 8 นาที่เหมือนกัน ใช้ร่างกายเดียวกัน ได้เวลาในการ แปลงร่างเท่ากันมันหมายความว่า พลังความสามารถของสายเลือดทั้ง 2 สายนั้นมีพลังพอๆกันเลย “ตอนนี้ ฉันน่าจะเก่งพอใช้ได้แล้วละ มั่ง” เหมิงเหลุ่ยพอใจกับสิ่งที่เขาได้รับใน ค่ําคืนนี้มากๆแต่ถึงอย่างนั้น ทั้งตัวของเขากลับเปลือยเปล่าอย่างอับอายตอนแปลงร่างไฟมันเผาเสื้อผ้าไปหมดอีกแล้ว “ถ้าฉันมีแหวนมิตินะ ฉันก็จะได้เตรียมเสื้อผ้าดองเอาไว้ในแหวน จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์อะไรแปลกๆแบบนี้อีก” เหมิงเหล่ยตอนนี้อยากได้แหวนมิติเก็บของยิ่งกว่าเดิมการมีแหวนมิติมันทําให้ชีวิตเขาสบายมากขึ้นเยอะแต่ราคาของมันตอนนี้ แม้แต่แหวนระดับกากสุดเขายังซื้อไม่ได้เลยด้วยซ้ํา ปังปังปังปัง เสียงเคาะประตูดังลั่นใครบางคนพยายามเคาะประตูห้องน้ํา “หืม!!” เหมิงเหล่ยหันไปมองที่ประตูทันทีเขาระแวงแล้วค่อยๆเดินไปเปิดประตูห้องน้ําก่อนจะพบขุนนางชาวมนุษย์พุงโตขึ้นนึงเดินเข้ามาในห้องน้ํามองหน้าเหมิงเหลี่ยแบบหาเรื่องสุดๆ ชายร่างอ้วนคนนั้นตะโกนอย่างมีน้ําโห“เห้ยไอ้หนูเป็นบ้ารึไงวะล็อกประตูห้องน้ําจากด้านในน่ะอยากตายนักรึไงวะ?!” “แฮ่ๆ ขอโทษที่นะครับ!!” เหมิงเหล่ยยิ้มแหะๆก่อนจะสาวหมัดใส่หน้าของชายคนนั้นอย่างจัง ผลัก!! “บ้าเอ้ย เสื่อนี้มันตัวใหญ่ชิบหาย เหมิงเหล่ยเดินออกมาจากห้องน้ําหลังจากที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เสื้อผ้า พวกนี้มันตัวใหญ่ขนาดที่ทําให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาสวมชุดกระโปรงอยู่ยังไงอย่างงั้นมันไม่สบายตัวสุดๆไปเลย แต่ทําไงได้ละ ตอนนี้เขามีทางเลือกซะที่ไหนละ นาทีต่อมา เหมิงเหล่ยที่แต่งชุดใหญ่ เกินตัวก็เดินไปเคาะประตูห้องของอูโน่คนคุมสนามประลองแห่งนี้ “เข้ามาได้” “สวัสดีครับ ท่านอูโน่” “โอ้ เหมิงเหล่ยนี้เอง” อูโน่ยิ้มหันมองขึ้นมา แต่พอเห็นชุดที่เหมิงเหล่ยใส่ตอนนี้เขาก็ชะงักงงเขาชี้ไปที่เหมิงเหล่ยแล้วพูด “เออคือเจ้า…” “อะแฮ่ม คือเผอิญว่าข้าเผลอทําชุดเลอะเทอะไปหมดน่ะเลย…”เหมิงเหล่ยยิ้มอย่างเขินๆเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วยซ้ํา
“เลอะเทอะงั้นเหรอ” คําพูดของเหมิงเหล่ยทําให้อูโน่คิดไปถึงอย่างอื่นเขามองเหมิงเหล่ยด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะพูด “นี้ค่าตัว 10000เหรียญทองของเจ้าตรวจเช็คจํานวนให้เรียบร้อยละ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านอโน่ส่งให้กับมือข้าเองก็วางใจ” เหมิงเหล่ยตอบแล้วโบกมือก่อนจะยิ้ม“นอกจากมารับค่าตัวแล้วจริงๆวันนี้ข้ามีเรื่องอยากจะให้ท่านช่วยด้วยน่ะครับ” “เรื่องอะไรกันละ” อู่โน่เลิกคิ้ว แล้วมองเหมิงเหล่ยตั้งแต่ที่เหมิงเหล่ยเข้ามาในสนามประลองเพลิงแห่งนี้เขาแทบจะไม่ได้ขออะไรจากอูโน่เลยนั้นทําให้อูโน่รู้สึกลําบากใจเล็กน้อย เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าเขาตั้งใจ ที่จะสร้างหนี้บุญคุณกับเหมิงเหล่ยยังไง ละ ใช่แล้วเขาอยากจะทําดีกับเหมิงเหล่ยไว้เป็นหนี้บุญคุณ คนอื่นอาจจะไม่รู้ภูมิหลังของเหมิงเหล่ยแต่อูโน่นั้นสืบมาครบรู้ดีมากๆเพราะเขาเป็นถึงศิษย์เอกตัวท็อปของปี1วิทยาลัยมังกรไฟเลย แต่ถึงอย่างนั้น แค่การเป็นนักเรียนวิทยาลัยมังกรไฟเฉยๆมันก็ยังไม่เพียงพอให้อูโน่อยากทําดีด้วยหรอกเหตุผลจริงๆที่อูโน่อยากทําดีด้วยก็เพราะผลงานที่เหมิงเหล่ยทําไว้ในสนามประลองตั๋งหาก ประลอง 30 ครั้ง ชนะ 24 เสมอ 3 แพ้ 4 เขาขึ้นมาเป็นนักสู้ระดับเงินได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามาและชนะต่อเนื่องติดต่ อกัน 12 ครั้งรวดเป็นนักสู้ระดับเงินที่นักสู้ปรกติไม่อยากที่จะต่อกรด้วย เพราะด้วยพลังที่มหาศาลขนาดที่สู้ยังไงก็แพ้ไม่ว่าประสบการณ์จะเหนือกว่าแค่ไหนก็ตาม ปรกติแล้วนักสู้ระดับเงินจะมีความสามารถในการต่อสู้ขั้นต่ําอยู่ที่นักรบระดับ 6 แต่ส่วนมากนักสู้ระดับเงินจะเป็นนักรบระดับ 7 กัน อย่างเช่นมารพยักซ์เพลิงเองที่สู้กับเหมิงเหลยมาล่าสุดก็เป็นนักสู้ ระดับ 7เหมือนกัน ถ้าเป็นนักสู้ระดับ7 หรือจอมเวทระดับ 7 คนอื่นอูโน่จะไม่หมายตามองอะไรเพราะมีอยู่เยอะแยะใครมันจะไปสนใจกับแค่นักรบหรือจอมเวทระดับ 7 แต่ ถ้านักรบหรือจอมเวทระดับ 7 คนนั้นมีอายุแค่15 ปีอันนั้นเรียกว่าโคตรน่าสนใจสุดยิ่งกว่านั้นอูโน่เองก็สังเกตเห็นบางอย่างที่สําคัญมากอีกด้วยเหมิงเหล่ยนั้นไม่ได้เป็นแค่จอมเวทอย่างเดียวแต่ร่างกายของเขายังแข็งแกร่งมากอีกด้วยถึงแม้ว่าเขาจะใช้ความสา มารถทางร่างกายในการต่อสู้น้อยมาก ๆก็จริงตลอดการต่อสู้ทั้ง 30 ครั้ง แต่มันก็ ไม่อาจหลบเลี่ยงสายตาของอูโน่ได้ เด็ก อายุ 15 มีพลังระดับ 6 ขึ้นไป แถมเชี่ยวชาญทั้งสายเวทและสายกายภาพอีก อย่าว่าแต่จะเคยเห็นเลย ในประวัติศาสตร์ไม่รู้ว่าจะมีใครเคยเป็นแบบนี้มา ก่อนรึเปล่ายังไม่รู้เลยอูโน่เลยอธิบายเหมิงเหล่ยได้แค่คําเดียวคืออัจฉริยะ อัจฉริยะตัวจริง การที่มารู้จักกับคนแบบนั้นเขาเองก็ต้องทําดีเป็นเรื่องปรกติ เหมิงเหล่ยนั้นอาจจะกลายไปเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างสูงในอนาคตก็ได้ และเมื่อเป็นแบบนั้น เขาเองก็มีส่วนที่จะได้รับผลดีไปด้วย เพราะงั้น พอเขาได้ยินว่าเหมิงเหล่ยจะมาขอให้เขาช่วยอโน่เลยดีใจออกนอกหน้านิดนึง
“คือ ข้าอยากจะขอหยุดกลับบ้านซักเดือนนึงนะครับ เหมิงเหล่ยไม่ลังเลที่จะตรงเข้าประเด็นทันทีไม่อ้อมค้อมเพราะเขาเป็นนักสู้ระ ดับเงินแล้วปรกติตามกฏเขาต้องเข้าประลองอย่างน้อย 5 ครั้งต่อเดือนปรกติเขาจะกลับบ้านไม่ได้เพราะเขาจะเสียตํา แหน่งของตัวเองไป “ลาหยุดงั้นซินะ” อูโน่พยักหน้า วิทยาลัยมังกรไฟตอนนี้ ก็ปิดเทอมฤดูหนาวอยู่มันเป็นเรื่องปรกติที่เหมิงเหล่ยจะกลับบ้านอูโน่เลยไม่ปฏิเสธแต่กลับยิ้มแย้มตอบรับ “ได้ซิแน่นอนแค่เดือนเดียวจะพอเหรอ 2 เดือนไปเลยดีไหมละ” “เดือนเดียวก็พอครับ” กว่าจะออกจากสนามประลองเพลิงมาได้เวลาก็เลยไปเกือบ 5ทุ่มแล้วเหมิงเหล่ยไม่ได้กลับไปที่วิทยาลัยเวทมนตร์แต่มุ่งหน้าไปที่โรงเรียนขวานใหญ่แทนเพื่อนวัยเด็กของเขาโจเซฟและแอนดริวเรียนอยู่ที่นั่น วันหยุดฤดูหนาวมีเหมือนกันในทุกๆโรงเรียนเหมิงเหล่ยเลยอยากจะชวนถามว่าโจเซฟกับแอนดริวจะกลับหมู่บ้านพร้อมกันเลยไหม ถ้าเป็นไปได้จะได้มีเพื่อนร่วมทางกลับด้วยกัน “ถ้าดูตามวันเวลานี้มันก็ผ่านมาร่วม 2 เดือนแล้วนะเนี่ยตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน … แล้วก็โจนาห์ด้วยสินะ”

นิยาย Picking Up Attributes From Todayไปเก็…

บทที่ 52 เปรียบเทียบสายเลือด

เจ้าของ เหมิงเหล่ย

เผ่าพันธุ์ มนุษย์ (มีสายเลือดมังกรไฟและสายเลือดมารเพลิง)

ความมั่งคั่ง 182,915 เหรียญทอง

ค่าร่างกาย นักรบระดับ 7 (14878/50000)

พลังวิญญาณ จอมเวทระดับ 6 (7102/10000)

พลังเวท จอมเวทระดับ 6 (6919/10000)

เวทมนตร์ เยอะมาก

วิชาออร่าสงคราม วิชามังกรไฟ

ทักษะการต่อสู้ เยอะมาก

“ค่าร่างกายของฉันก่อนหน้านี้ยังมีแค่ 7000กว่าๆอยู่เลยตอนนี้มันเด้งมาเป็น14878 แล้วเหรอเด้งขึ้นมาเยอะอะไรขนาดนี้วะ”
เหมิงเหล่ยตั้งสติตัวเองตอนที่เขามองค่าความสามารถของตัวเอง หลังจากผ่านวันเวลาฝึกตัวเองอย่างหนักตลอด 3 เดือนค่าความสามารถของเขายังไม่เพิ่มมากขนาดนี้เลย

ทั้งค่าร่างกาย ค่าพลังวิญญาณ ค่าพลังเวททั้งหมดของเขาเพิ่มขึ้น จนเกินระดับจอมเวทระดับ 6 และนักรบระดับ 7 ไปแล้วความสามารถในการต่อสู้ของเขามันสูงขึ้นมากตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา

นักรบระดับ 7

ตอนนี้เขานับได้ว่าอยู่ในระดับนักรบระดับสูงแล้วจะบอกว่าเขาแข็งแกร่งใช้ได้แล้วถึงจะเทียบกับคนทั้งเมืองหลวงก็ตามถ้าเกิดเขาไปที่พื้นที่ชนบทหน่อยคือยังไงเขาก็แข็งแกร่งที่สุดแน่นอน

“ถ้าเทียบกับค่าร่างกายแล้วตอนนี้ค่าพลังเวทดูเหมือนว่าจะตามหลังอยู่เลยแหะแต่ก็เอาเถอะพัฒนาไปได้ขนาดนี้ในเวลาแค่นี้เอง แถมยังไงถ้าฉันก็สามารถพัฒนาขึ้นไปปอีกตอนไหนก็ได้แล้วด้วย”

เหมิงเหล่ยเลื่อนสายตาตัวเองขึ้นไปมองที่ช่องความมั่งคั่งแล้วเขาก็เห็นเงิน ที่เขามี ตอนนี้เขามีเงินอยู่กับตัวทั้งหมด182,915 เหรียญทองแล้วซึ่งถ้าแปลเป็นค่าความสามารถก็จะได้18291
แต้ม18291แต้มเลยนะ

มันมากเพียงพอที่จะส่งให้เหมิงเหล่ยกลายไปเป็นจอมเวทระดับ 7 ได้อย่างง่ายดายถ้าเขาใช้เงินทั้งหมดไปลงกับค่าความสามารถ ด้วยพลังร่างกายและพลังเวทที่เขามีตอนนี้เขามีพลังมากพอที่จะลืมตาอ้าปากในโลกนี้ได้แล้ว

แต่เหมิงเหล่ยเองก็ไม่ได้รีบร้อนแลกแต้มอะไรขนาดนั้นเพราะยังไง มันก็เป็นค่าความสามารถที่เขาเพิ่มเมื่อไรก็ได้เขาจึงเก็บเงินส่วนนี้เอาไว้เพื่อแลกในจัง

หวะที่มันอันตรายหรือสําคัญจริงๆ ตอนนี้เขาควรประหยัดเท่าที่จะประหยัดได้ไปก่อน

นาทีกว่าๆต่อมา พลังงานในร่างกายของเขาก็หมดลงความรู้สึกแห้งเหือดซัดเข้ามาในตัวของเขาก่อนจะทําให้เขากลับคืนร่างมนุษย์มา

“ดูจากเวลาในการแปลงร่างแล้วสายเลือดมารเพลิงมันมีพลังมากพอๆกับสายเลือดมังกรไฟเลยแหะ”

ทําไมถึงแปลงร่างได้แค่นี้น่ะเหรอ

มันเป็นเพราะว่าด้วยร่างกายมนุษย์ของเหมิงเหล่ยทําให้การแปลงร่างมังกรของเขาอยู่ได้แค่ 8 นาทีเท่านั้นซึ่งร่างมารเพลิงก็อยู่ได้แค่ 8 นาที่เหมือนกัน

ใช้ร่างกายเดียวกัน ได้เวลาในการ แปลงร่างเท่ากันมันหมายความว่า พลังความสามารถของสายเลือดทั้ง 2 สายนั้นมีพลังพอๆกันเลย

“ตอนนี้ ฉันน่าจะเก่งพอใช้ได้แล้วละ มั่ง”

เหมิงเหลุ่ยพอใจกับสิ่งที่เขาได้รับใน ค่ําคืนนี้มากๆแต่ถึงอย่างนั้น ทั้งตัวของเขากลับเปลือยเปล่าอย่างอับอายตอนแปลงร่างไฟมันเผาเสื้อผ้าไปหมดอีกแล้ว

“ถ้าฉันมีแหวนมิตินะ ฉันก็จะได้เตรียมเสื้อผ้าดองเอาไว้ในแหวน จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์อะไรแปลกๆแบบนี้อีก”

เหมิงเหล่ยตอนนี้อยากได้แหวนมิติเก็บของยิ่งกว่าเดิมการมีแหวนมิติมันทําให้ชีวิตเขาสบายมากขึ้นเยอะแต่ราคาของมันตอนนี้ แม้แต่แหวนระดับกากสุดเขายังซื้อไม่ได้เลยด้วยซ้ํา

ปังปังปังปัง

เสียงเคาะประตูดังลั่นใครบางคนพยายามเคาะประตูห้องน้ํา

“หืม!!”

เหมิงเหล่ยหันไปมองที่ประตูทันทีเขาระแวงแล้วค่อยๆเดินไปเปิดประตูห้องน้ําก่อนจะพบขุนนางชาวมนุษย์พุงโตขึ้นนึงเดินเข้ามาในห้องน้ํามองหน้าเหมิงเหลี่ยแบบหาเรื่องสุดๆ

ชายร่างอ้วนคนนั้นตะโกนอย่างมีน้ําโห“เห้ยไอ้หนูเป็นบ้ารึไงวะล็อกประตูห้องน้ําจากด้านในน่ะอยากตายนักรึไงวะ?!”

“แฮ่ๆ ขอโทษที่นะครับ!!”

เหมิงเหล่ยยิ้มแหะๆก่อนจะสาวหมัดใส่หน้าของชายคนนั้นอย่างจัง

ผลัก!!

“บ้าเอ้ย เสื่อนี้มันตัวใหญ่ชิบหาย

เหมิงเหล่ยเดินออกมาจากห้องน้ําหลังจากที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เสื้อผ้า พวกนี้มันตัวใหญ่ขนาดที่ทําให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาสวมชุดกระโปรงอยู่ยังไงอย่างงั้นมันไม่สบายตัวสุดๆไปเลย

แต่ทําไงได้ละ ตอนนี้เขามีทางเลือกซะที่ไหนละ

นาทีต่อมา เหมิงเหล่ยที่แต่งชุดใหญ่ เกินตัวก็เดินไปเคาะประตูห้องของอูโน่คนคุมสนามประลองแห่งนี้

“เข้ามาได้”

“สวัสดีครับ ท่านอูโน่”

“โอ้ เหมิงเหล่ยนี้เอง”

อูโน่ยิ้มหันมองขึ้นมา แต่พอเห็นชุดที่เหมิงเหล่ยใส่ตอนนี้เขาก็ชะงักงงเขาชี้ไปที่เหมิงเหล่ยแล้วพูด “เออคือเจ้า…”

“อะแฮ่ม คือเผอิญว่าข้าเผลอทําชุดเลอะเทอะไปหมดน่ะเลย…”เหมิงเหล่ยยิ้มอย่างเขินๆเขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาด้วยซ้ํา
“เลอะเทอะงั้นเหรอ” คําพูดของเหมิงเหล่ยทําให้อูโน่คิดไปถึงอย่างอื่นเขามองเหมิงเหล่ยด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะพูด “นี้ค่าตัว 10000เหรียญทองของเจ้าตรวจเช็คจํานวนให้เรียบร้อยละ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ท่านอโน่ส่งให้กับมือข้าเองก็วางใจ” เหมิงเหล่ยตอบแล้วโบกมือก่อนจะยิ้ม“นอกจากมารับค่าตัวแล้วจริงๆวันนี้ข้ามีเรื่องอยากจะให้ท่านช่วยด้วยน่ะครับ”

“เรื่องอะไรกันละ”

อู่โน่เลิกคิ้ว แล้วมองเหมิงเหล่ยตั้งแต่ที่เหมิงเหล่ยเข้ามาในสนามประลองเพลิงแห่งนี้เขาแทบจะไม่ได้ขออะไรจากอูโน่เลยนั้นทําให้อูโน่รู้สึกลําบากใจเล็กน้อย

เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าเขาตั้งใจ ที่จะสร้างหนี้บุญคุณกับเหมิงเหล่ยยังไง ละ

ใช่แล้วเขาอยากจะทําดีกับเหมิงเหล่ยไว้เป็นหนี้บุญคุณ

คนอื่นอาจจะไม่รู้ภูมิหลังของเหมิงเหล่ยแต่อูโน่นั้นสืบมาครบรู้ดีมากๆเพราะเขาเป็นถึงศิษย์เอกตัวท็อปของปี1วิทยาลัยมังกรไฟเลย

แต่ถึงอย่างนั้น แค่การเป็นนักเรียนวิทยาลัยมังกรไฟเฉยๆมันก็ยังไม่เพียงพอให้อูโน่อยากทําดีด้วยหรอกเหตุผลจริงๆที่อูโน่อยากทําดีด้วยก็เพราะผลงานที่เหมิงเหล่ยทําไว้ในสนามประลองตั๋งหาก ประลอง 30 ครั้ง ชนะ 24 เสมอ 3 แพ้ 4

เขาขึ้นมาเป็นนักสู้ระดับเงินได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามาและชนะต่อเนื่องติดต่ อกัน 12 ครั้งรวดเป็นนักสู้ระดับเงินที่นักสู้ปรกติไม่อยากที่จะต่อกรด้วย เพราะด้วยพลังที่มหาศาลขนาดที่สู้ยังไงก็แพ้ไม่ว่าประสบการณ์จะเหนือกว่าแค่ไหนก็ตาม

ปรกติแล้วนักสู้ระดับเงินจะมีความสามารถในการต่อสู้ขั้นต่ําอยู่ที่นักรบระดับ 6 แต่ส่วนมากนักสู้ระดับเงินจะเป็นนักรบระดับ 7 กัน อย่างเช่นมารพยักซ์เพลิงเองที่สู้กับเหมิงเหลยมาล่าสุดก็เป็นนักสู้ ระดับ 7เหมือนกัน

ถ้าเป็นนักสู้ระดับ7 หรือจอมเวทระดับ 7 คนอื่นอูโน่จะไม่หมายตามองอะไรเพราะมีอยู่เยอะแยะใครมันจะไปสนใจกับแค่นักรบหรือจอมเวทระดับ 7

แต่

ถ้านักรบหรือจอมเวทระดับ 7 คนนั้นมีอายุแค่15 ปีอันนั้นเรียกว่าโคตรน่าสนใจสุดยิ่งกว่านั้นอูโน่เองก็สังเกตเห็นบางอย่างที่สําคัญมากอีกด้วยเหมิงเหล่ยนั้นไม่ได้เป็นแค่จอมเวทอย่างเดียวแต่ร่างกายของเขายังแข็งแกร่งมากอีกด้วยถึงแม้ว่าเขาจะใช้ความสา มารถทางร่างกายในการต่อสู้น้อยมาก ๆก็จริงตลอดการต่อสู้ทั้ง 30 ครั้ง แต่มันก็ ไม่อาจหลบเลี่ยงสายตาของอูโน่ได้

เด็ก อายุ 15

มีพลังระดับ 6 ขึ้นไป

แถมเชี่ยวชาญทั้งสายเวทและสายกายภาพอีก

อย่าว่าแต่จะเคยเห็นเลย ในประวัติศาสตร์ไม่รู้ว่าจะมีใครเคยเป็นแบบนี้มา ก่อนรึเปล่ายังไม่รู้เลยอูโน่เลยอธิบายเหมิงเหล่ยได้แค่คําเดียวคืออัจฉริยะ

อัจฉริยะตัวจริง

การที่มารู้จักกับคนแบบนั้นเขาเองก็ต้องทําดีเป็นเรื่องปรกติ เหมิงเหล่ยนั้นอาจจะกลายไปเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างสูงในอนาคตก็ได้ และเมื่อเป็นแบบนั้น เขาเองก็มีส่วนที่จะได้รับผลดีไปด้วย

เพราะงั้น พอเขาได้ยินว่าเหมิงเหล่ยจะมาขอให้เขาช่วยอโน่เลยดีใจออกนอกหน้านิดนึง
“คือ ข้าอยากจะขอหยุดกลับบ้านซักเดือนนึงนะครับ

เหมิงเหล่ยไม่ลังเลที่จะตรงเข้าประเด็นทันทีไม่อ้อมค้อมเพราะเขาเป็นนักสู้ระ ดับเงินแล้วปรกติตามกฏเขาต้องเข้าประลองอย่างน้อย 5 ครั้งต่อเดือนปรกติเขาจะกลับบ้านไม่ได้เพราะเขาจะเสียตํา แหน่งของตัวเองไป

“ลาหยุดงั้นซินะ”

อูโน่พยักหน้า วิทยาลัยมังกรไฟตอนนี้ ก็ปิดเทอมฤดูหนาวอยู่มันเป็นเรื่องปรกติที่เหมิงเหล่ยจะกลับบ้านอูโน่เลยไม่ปฏิเสธแต่กลับยิ้มแย้มตอบรับ “ได้ซิแน่นอนแค่เดือนเดียวจะพอเหรอ 2 เดือนไปเลยดีไหมละ”

“เดือนเดียวก็พอครับ”

กว่าจะออกจากสนามประลองเพลิงมาได้เวลาก็เลยไปเกือบ 5ทุ่มแล้วเหมิงเหล่ยไม่ได้กลับไปที่วิทยาลัยเวทมนตร์แต่มุ่งหน้าไปที่โรงเรียนขวานใหญ่แทนเพื่อนวัยเด็กของเขาโจเซฟและแอนดริวเรียนอยู่ที่นั่น

วันหยุดฤดูหนาวมีเหมือนกันในทุกๆโรงเรียนเหมิงเหล่ยเลยอยากจะชวนถามว่าโจเซฟกับแอนดริวจะกลับหมู่บ้านพร้อมกันเลยไหม ถ้าเป็นไปได้จะได้มีเพื่อนร่วมทางกลับด้วยกัน

“ถ้าดูตามวันเวลานี้มันก็ผ่านมาร่วม 2 เดือนแล้วนะเนี่ยตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน … แล้วก็โจนาห์ด้วยสินะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+