Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก 6 คลื่นอสูรถอยกลับ

Now you are reading Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Chapter 6 คลื่นอสูรถอยกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

บทที่ 6 คลื่นอสูรถอยกลับ

 

ฉวก!!!

ดาบของกัปตันฮัดเดอร์พุ่งเสียบทะลุคอของราชาหมาป่าเพลิงอย่างจัง ร่างของสัตว์เวทมนตร์ระดับ 2 ทิ้งตัวลงกับพื้น

“ฮ่า…. ฮ่า… ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า”

กัปตันฮัดเดอร์เหนื่อยหอบเกือบจะยืนไม่ไหวแต่ความสะใจอันล้นปรี่มันทำให้เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงหัวเราะของเขาได้ยินไปยันทุกคนที่อยู่หน้าประตูหมู่บ้าน

“มัน…ตายแล้วเหรอ”

“เจ้าหมาป่าเพลิงตายแล้ว”

“กัปตัน ฆ่ามันได้แล้ว!!”

“ยอดเยี่ยม สุดยอดไปเลย” ทุกๆคนต่างรู้สึกโล่งใจ

“ฮ่า ในที่สุดก็ฆ่ามันได้ซักที” เหม็งเหล่ยถอนหายใจแล้วผ่อนคลายเต็มที่ แต่ทันทีที่เขาเห็นช่องความมั่งคั่งของตัวเอง เขาก็เริ่มหัวเราะไม่ออก

เงินที่เขาเก็บมาทั้งหมด 108 เหรียญทอง หายวับไปกับตา

ซึ่งเขาใช้ไปกับลูกไฟไปแค่ 5 ครั้งเท่านั้น….

“แพงชิบหายเลยเว้ย” เหม็งเหล่ยเซ็ง “แต่ก็ยังดีนะเนี่ยที่เจ้านั้นมันตายแล้ว”

ความตายของราชาหมาป่าเพลิงกระทบกับฝูงสัตว์ร้ายที่แห่กันเข้ามา ความบ้าคลั่งและกระหายเลือดในดวงตาของมันหดหายไปอย่างเห็นได้ชัด แล้วมันก็เริ่มเสียขวัญกำลังใจ

คลื่นอสูรทุกครั้งก็เป็นแบบนี้ ถ้าตัวหัวหน้าตาย พวกสัตว์ร้ายตัวอื่นๆก็จะเริ่มระส่ำระส่าย วิ่งหนีกันไปในทันที

ฝูงสัตว์ป่ากรายเลือดวิ่งหนีหายกันไปคนละทาง ภายในไม่ถึงนาที พวกมันก็หนีกันไปจนหมด ทิ้งไว้เพียวซากศพ กองเลือด และเศษชิ้นเนื้อไว้บนพื้น

“ถอยไปแล้วเหรอ?”

“พวกมันหนีไปแล้วงั้นเหรอ?”

“บ้าเอ้ย คิดว่าจะตายซะแล้วไหมละ….”

ด้านบนของกำแพงหมู่บ้านมีเสียงพูดดังขึ้นมาเรื่อย บางคนโฮ่ร้องเสียงดังด้วยสีหน้าแดงก่ำ บางคนก็ยกดาบขึ้นมาโบกไปมา บางคนก็ทรุดตัวลงกับพื้นแล้วหอบหายใจอย่างหนัก

คลื่นอสูรถอยกลับไปแล้ว และครั้งนี้ พวกเขาได้รับชัยชนะ

“กัปตัน เป็นอะไรไหมครับ”

เหล่าหน่วยป้องกันกระโดดลงมาจากกำแพงเพื่อช่วยพยุงร่างของฮัดเดอร์ขึ้นมา สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและชื่นชม

“ข้าไม่เป็นไร” กัปตันฮัดเดอร์ส่ายหัว สายตาของเขาจ้องไปที่เหมิงเหล่ย “เจ้าหนุ่มเหมิงเหล่ย เรื่องนี้ต้องขอบใจเจ้ามากนะ ถ้าไม่ได้เจ้า เราคงแย่แน่ๆ แต่เจ้าเองนี่ก็ร้ายลึกอยู่เหมือนกันนะ หื้ม ข้าเองไม่เห็นจะรู้เลยว่าเด็กหนุ่มอย่างเจ้าเองก็เป็นจอมเวทด้วย”

พอได้ยินแบบนั้น เหล่าหน่วยป้องกันก็มองเหมิงเหล่ยเปลี่ยนไปทันที

พวกเขาทั้งตกใจ สับสน ไม่เชื่อ ถ้าเทียบกับออร่าสงครามที่ไม่ได้ใช้พรสวรรค์เยอะขนาดนั้น การฝึกฝนเวทมนตร์นั้นเข้มงวดกว่ามากๆ

การฝึกใช้ออร่าสงครามนั้น ขอแค่ค่าร่างกายของตัวคนฝึกไม่ต่ำเกินไป คนธรรมดาก็สามารถฝึกฝนมันได้ อย่างไรก็ตาม เวทมนตร์นั้นต่างออกไปลิบลับ เวทมนตร์นั้นจำเป็นต้องใช้พรสวรรค์เป็นทุนเดิมอย่างมาก ในบรรดาคน 10000 อาจจะไม่มีใครฝึกเวทมนตร์ได้ซักคนเลยก็ได้

จอมเวทนั้นจึงหายากกว่านักรบมากๆ

และด้วยความหายากนั้นเองมันจึงกลายเป็นสิ่งล้ำค่า ดังนั้นจอมเวทหลายๆคนจึงกลายไปเป็นขุนนาง กลายไปเป็นตัวแทนของพลังอำนาจ ความลึกลับ และความยิ่งใหญ่

ในทวีปแดนสวรรค์นั้นมีหลายตำนานที่เกี่ยวกับ จอมเวท แต่น้อยคนนักที่จะ ได้เห็นจอมเวทตัวเป็นๆ และเพราะแบบนั้นเองทำให้คนที่ได้เห็นนั้น ก็จะแอบรู้สึกอึ้งอยู่บ้าง

ไม่ว่าเหมิงเหล่ยจะเป็นเป็นยังไงก่อนหน้านี้ แต่ในจังหวะที่เขาได้ปล่อยเวทมนตร์ออกไป เขาก็ได้ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยความลึกลับเหมือนกับเป็นสิ่งล้ำค่า ตอนนี้ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาอีกแล้ว

“ข้าใช้ได้แค่วิชาลูกไฟเท่านั้นนะ”

เหมิงเหล่ยเกาหัวตัวเอง เขารู้ตัวเองดีที่สุด ว่ายังไงตอนนี้เขาก็ยังไม่ใช่จอมเวท ไม่ใช่แค่ตอนนี้เท่านั้นละ

“นั้นก็ยังเจ๋งมากอยู่ดี

คลื่นอสูรจบลงไปแล้ว

คนแก่คนป่วนเดินออกมาจากหลุมหลบภัย แล้วพวกเขาก็เริ่มจัดการเก็บกวาดหลังสงคราม ดูแลคนที่บาดเจ็บแล้วจัดการซากศพ รวมไปถึงซ่อมแซมกำแพงหมู่บ้าน

ทุกๆอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นระเบียบ

สำหรับหมู่บ้านที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติอย่างหมู่บ้านสัตว์เวทมนตร์นั้น คลื่นอสูรนั้นเป็นเหมือนหายนะก็จริง แต่ถ้าผ่านมันไปได้ มันก็จะมอบโอกาสสุดวิเศษมาให้เหมือนกัน เพราะหลังจากที่ผ่านคลื่นอสูรไปได้ทุกครั้ง จะเหลือซากสัตว์จำนวนมากไว้เสมอ

เนื้อสดๆสามารถเอามากินได้ ขนและหนังสามารถเอามาเป็นเสื้อผ้าหรือชุดเกราะได้ ส่วนของที่เหลือก็สามารถเอาไปขายหรือแลกเปลี่ยนกลายมาเป็น ของใช้ในชีวิตประจำวันพวกเกลือ ซอส หรือของใข้ได้

อีกทั้งด้วยความที่ว่าคลื่นอสูรรอบนี้ไม่มีใครตาย มันก็ถือว่าเป็นกำไรครั้งใหญ่ ทุกๆบ้านได้ส่วนแบ่งเนื้อสด ชาวบ้านต่างดีใจ ความสุขเปื้อนอยู่บนใบหน้าของทุกคน อาหารที่ได้มาในครั้งนี้ทำให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกนานเลย

เหมิงเหล่ยเองก็กลับบ้านมาพร้อมกับหมูป่าขนาดใหญ่ ในอีกหลายวันต่อจากนี้ หมูป่าตัวนี้จะกลายมาเป็นอาหารของเขา

วันนี้จะอิ่มหมีพีมันให้เต็มที่เลย

เขาผ่าฟืน จุดไฟ แล้วเริ่มย่างเนื้อ หลังจากผ่านไป ครึ่งชั่วโมง น้ำมันจากเนื้อก็เริ่มไหลย้อยออกมาจากเนื้อย่างสีเหลืองทอง ปล่อยกลิ่นหอมน่ากินออกมาจนเหมิงเหล่ยน้ำลายไหล สายตาของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความหิวอยากกิน

เรื่องอาหารปากท้องเป็นปัญหาของหมู่บ้านอยู่เป็นประจำ สำหรับเด็กที่ไม่มีพ่อแม่หรือคนป่วยที่สู้ไม่ได้ ทางเดียวที่จะรอดไปได้คือการรับอาหารมาจากทางหมู่บ้าน ถึงจะไม่อดตายเพราะความหิวแต่ก็ไม่เคยได้กินอิ่มเหมือนกัน

และวันนี้ ในที่สุดเขาก็ได้กินจนอิ่มหนำซักที

หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาแสนทรมารในการรอคอย เนื้อก็สุกสมบูรณ์ เหมิงเหล่ยทนความหิวของกระเพาะตัวเองไม่ไหว รีบหยิบเนื้อหมูป่าสีน้ำตาลอ่อน แล้วชิม

“อื้มมม อาโหร่ยยยยยยย”

เมื่อความหิวเข้าครอบงำ ไม่ว่าจะกินอะไรก็อร่อยได้ทั้งนั้น เนื้อย่างนี้ไม่มีการทาซอสใดๆทั้งสิ้น มีแค่เกลือหยาบๆ แต่แค่นั้นมันก็ทำให้เหมิงเหล่ยอิ่มอร่อยสุดๆแล้ว

“มานั่งกินคนเดียวงั้นเรอะ”

กัปตันฮัดเดอร์เดินเข้ามาในบ้านตอนที่เขาไม่รู้ตัว ในมือของเขาถือเหยือกไวน์คุณภาพดีในมือ

“กัปตันฮัดเดอร์ มาทำอะไรอยู่ที่นี้ครับเนี่ย”

เหมิงเหล่ยวางขาหมูป่าลง แล้วหันไปหาด้วยสภาพปากมันเปรอะ

“5555 ข้าแค่มาเดินเล่นคนเดียวหน่ะ แล้วก็เดินมาถึงบ้านเจ้า มา ให้ข้าได้ลองหน่อย”

กัปตันฮัดเดอร์ยื่นเหยือกไวน์ให้กับเหมิงเหล่ย ก่อนที่เขาจะหยิบเนื้อย่างขึ้นมากิน “เห้ย อร่อยนี้หว่า เนื้อย่างของเจ้ามันหอมจริงๆ”

“ไวน์งั้นเหรอ”

ตอนที่เหมิงเหล่ยได้กลิ่นไวน์มาจากเหยือกนั้น น้ำลายของเขาก็เริ่มไหล  สำหรับหมู่บ้านเล็กๆที่ทรัพยากรมีอย่างจำกัด ไวน์นั้นเป็นของมีค่าหายากพอๆกับหนังสือเลย

อึก

“เชี่ย แสบคอ!!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด