re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง 10 มุ่งหน้าสู่ซานติเกีย

Now you are reading re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง Chapter 10 มุ่งหน้าสู่ซานติเกีย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 10 มุ่งหน้าสู่ซานติเกีย

บรรยากาศในห้องตอนนี้มันดูน่าอึดอัดมาก ไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่น้อยด้วยความกลัวว่าตนเองจะเป็นคนที่ก่อให้เกิดสัญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้น

ไนเรลยังคงเล็งปืนไปที่หัวของผู้กองอีธานและถามเขา “ยังอยากได้อยู่ไหม?”

ผู้กองอีธานไม่ตอบแต่ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากตอบ แต่เป็นเพราะเขาไม่กล้าพูดออกมา ถ้าเขาบอกว่าต้องการอยู่ก็ไม่รู้ว่าไนเรลจะยิงเขาทิ้งทันทีเลยหรือไม่ แต่ถ้าเขาบอกไม่ไปศักดิ์ศรีการเป็นผู้กองและผู้นำทีมของเขาก็หมดลงอย่างแน่นอน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรคนแบบเขาก็ยังรักชีวิตมากกว่าอยู่

เขากำลังจะอ้าปากพูดก็มีเสียงดังมาจากบันไดชั้นที่สอง เป็นเสียงของชายวัยกลางคนที่กล่าวออกมา

“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว!” เขาเดินลงมาพร้อมกับเด็กสาวอายุ 10 ขวบ มัดผมเปียสองข้าง

ผู้กองอีธานเห็นแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนทักทายทันที ด้วยความเคารพ ราวกับว่าไม่มีปืนจ่อหัวเขาอยู่ “ท่านประธานซา”

ประธานซามองไปที่ไนเรลที่ยังคงไม่ลดปืนลง เขานั่งลงและเด็กหญิงก็นั่งลงที่ด้านข้างเขา

และเขาก็หันไปกล่าวกับผู้กองอีธาน “ผู้กองพาคนของคุณออกไปก่อนเดี๋ยวผมจะคุยกับเขาเอง”

“แต่…” ผู้กองอีธานพยายามพูดห้ามไม่ให้พวกเขาอยู่คุยกัน 2 คนเพราะไม่รู้ว่าถ้าไอ้เด็กนี่เกิดบ้าอะไรประธานซาขึ้นมา ชีวิตเขาจบแน่

แต่เขาก็ต้องกลืนคำพูดนั้นไปเพราะสายตาที่มองมาของประธานซา

ผู้กองอีธานถอนหายใจและหันไปสั่งจ่าลุคและลูกน้องให้ออกจากห้อง ไนเรลเองก็สั่งให้ดามินและดาลิธออกไปแต่เขาให้นิเรียนั่งข้าง ๆ แทน

ส่วนคารอนและไมน่าที่ยืนงงอยู่ไม่รู้จะทำอย่างไร ทั้งสองจึงเดินออกมา

“เอาละ ฉันจะแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกันตามมารยาทชนชั้นสูง ฉันคือประธานซา”

“ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร ผมไนเรล อาโรเดีย และด้านข้างน้องสาวของผม นิเรีย อาโรเดีย” ไนเรลเก็บปืนเข้าซองข้างเอวและกล่าวด้วยความเคารพ

ถ้าจะพูดถึงประธานซาก็ต้องเป็นราชายักษ์ซามูเอล มนุษย์ชั้นสูงผู้มีความสามารถด้านกลายร่าง [การขยายร่าง s]

ร่างกายเขาสามารถขยายใหญ่ได้ราวกับยักษ์ ทั้งน้ำหนักและมวลของร่างกายจะมากขึ้นอีกทั้งยังมีพละกำลังที่มหาศาลมาก

ราชายักษ์ซามูเอล ผู้เป็นหนึ่งในเสาหลักของค่ายลี้ภัยที่เขาบอกกับแม็ค และก็เป็นอีกเหตุผลที่ค่ายแห่งนี้ ภายหลังจะถูกเรียกว่าค่ายของยักษ์ ซึ่งมาจากการที่ราชายักษ์ซามูเอลค่อยปกป้องค่ายแห่งนี้

ซึ่งนอกจากที่เขามีพลังที่แข็งแกร่งแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือเขารวยมาก

เขาไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้คุ้มกันจะเป็นประธานซา

“เจ้ามาจากตระกูลอาโรเดียสินะ”

ไนเรลพยักหน้าตอบถึงอย่างไร เรื่องที่ตระกูลของเขาเป็นตัวตลกในหมู่ชนชั้นสูง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ประธานซาจะเคยได้ยินผ่านมาบ้าง

แต่เขาก็ไม่ได้โกรธปู่ของเขาที่ทำแบบนั้น จนเป็นเหตุให้ตระกูลตกอับ

“ตระกูลอาโรเดียโชคดีที่มีพวกเจ้าสองพี่น้อง อีกไม่นานความรุ่งโรจน์ก็จะกลับมา สงครามและการล่มสลายจะสร้างราชาขึ้นมา…” ดูเหมือนประธานซาจะรำลึกอดีตอยู่

หลังจากนั้นเขาก็กล่าวออกมา “ข้าจะขอพักที่นี่สักคืนเจ้าคงไม่ว่าสินะ”

“ผมไม่มีปัญหา” เมื่อไนเรลกล่าวประธานซาก็ยิ้มออกมาแต่เมื่อได้ฟังคำพูดต่อมาของไนเรลปากเขาก็กระตุกเล็กน้อย

“แต่ขอระเบิดมือ 4 ลูกกับปืนสไนเปอร์ 1 กระบอกและกระสุนอีก 100 นัดเป็นการแลกเปลี่ยน”

“ข้าไม่มีไม่มีปืนพวกนั้นหรอก” ประธานซากล่าว

“แต่พวกทหารด้านนอกมี”

ประธานซาเงียบไปเล็กน้อย ไนเรลเองก็ไม่รอช้ารีบพูดบางอย่างออกมา “ไม่ต้องห่วงผมรู้ว่าปืนมันสำคัญและการแลกที่พักแค่ 1 คืนมันไม่คุ้มค่าแต่ผมมีข้อมูลอีกอย่างใช้ในการแลกเปลี่ยนได้”

“หืม ข้อมูลอะไร?” ประธานซาสงสัยข่าวอะไรที่ไนเรลคิดว่ามันคุ้มค่า

ไนเรลยิ้มและกระซิบให้แค่ในห้องนี้ได้ยินเท่านั้น เพราะเขารู้ว่าผู้กองอีธานและจ่าลุคจะต้องแอบฟังอยู่ เพื่อคอยช่วยเหลือประธานซาถ้ามีอะไรเกิดขึ้น

ประธานซาที่ได้ฟังก็ถึงกับตกใจ และรีบถามไนเรล “เรื่องจริง!”

“จริงทุกคำพูด” ไนเรลตอบอย่างมั่นใจ

“ข้าจะลองเชื่อดู” ประธานซากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม และเขาก็หันไปเรียกผู้กองอีธานให้เอาของที่ไนเรลต้องการมาให้

ผู้กองอีธานรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขากะว่าจะปล้นของไนเรลเพราะอาวุธและกระสุนถูกใช้ไปเกือบจะหมดแล้วตอนเข้าไปช่วยประธานซาออกมาจากในเมือง

ถึงแบบนั้นเขาก็ยังทำตามที่ประธานซาบอกเพราะประธานซาสัญญาว่าจะตอบแทนคืนที่หลัง แต่เขาก็ยังมองมาที่ไนเรลด้วยความปฏิปักษ์

และแล้วพอ 6 โมงเย็นก็มีสัญญาณฉุกเฉินประกาศซ้ำถึงค่ายลี้ภัยที่ห่าง 100 กิโลเมตรเพื่อรวบรวมคน

“ประกาศจากทางรัฐบาลเรามีค่ายลี้ภัยที่ปลอดภัย มีอาหารและน้ำให้ เส้นทางคือ 100 กิโลเมตรมุ่งลงใต้ ถนนหลวง 105”

“ประกาศจากทางรัฐบาลเรามีค่ายลี้ภัยที่ปลอดภัย มีอาหารและน้ำให้ เส้นทางคือ 100 กิโลเมตรมุ่งลงใต้ ถนนหลวง 105”

ประกาศแบบนี้ถูกประกาศซ้ำออกมาไนเรลสามาารถได้ยินอย่างชัดเจนจากวิทยุของทหาร

นิเรียที่ใช้โทรศัพท์ของเธอรับสัญญาณประกาศฉุกเฉินนี้เช่นกัน เมื่อฟังไปสักพักนิเรียก็ปิดมันลง

ขณะที่ไมน่าและคารอนยืนอยู่ ไนเรลก็กล่าวออกไป “ใครเป็นคนให้พวกเขาเข้ามา”

ทั้งสองคนเงียบไม่ตอบอะไร

แต่สักพัก อยู่ ๆ ไมน่าเธอชี้ไปที่ไนเรลและพูดขึ้นมา “นายมันเห็นแก่ตัว”

จากนั้นก็ชี้ไปที่นิเรียและด่าเธออย่างแรง “เธอด้วย เธอฆ่าซินน่า ทั้งสองคนฆ่าซินน่า พวกนายด้วยคารอนและดามิน ส่วนเธอก็ด้วยดาลิธ”

ไมน่าซุดลงนั่งกับพื้นร้องไห้ทั้งน้ำตาราวกับคนเสียสติ “ทั้งที่ซินน่าเป็นเพื่อนเเละเรียกเธอว่าลูกพี่มาตลอด ฮือ ๆ ฮื้อ ๆ ฉัน…ฉันจะไปหาพ่อกับแม่”

ดูเหมือนว่าไมน่าจะรู้ว่าพ่อแม่ของเธออยู่ที่ไหน ส่วนนิเรียที่ได้ยินไมน่าพูดกับเธอแบบนั้นก็ถึงกับมือสั่นทันที

ไนเรลลุกขึ้นยืนจากนั้นก็เดินไปหาไมน่า เขามองไปที่เธอจากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความเย็นชา “พรุ่งนี้เธอไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”

จากนั้นเขาก็เดินออกไปทันที

เขารู้ว่าคนให้ทหารพวกนี้เข้ามาในบ้านคงจะเป็นไมน่า ขณะที่คารอนก็คงจะพยายามห้ามแล้วแต่ก็ถูกต่อยโดยพวกนั้น

คารอนเป็นแค่เด็ก 14 จะไปสู้อะไรพวกนั้นได้

หลังจากไนเรลเดินออกไปแล้วตอนนี้ทุกคนไม่มีใครพูดอะไร นิเรียเดินออกมาเช่นกันเหลือทิ้งไว้แค่ พวกเพื่อนเธอทั้งสี่คน

และค่ำคืนนี้ก็ผ่านไปทั้งแบบนี้

ไนเรลและนิเรียขึ้นไปนั่งกันอยู่ที่หลังคาของบ้าน เขาไม่ได้พูดอะไรจนกระทั้งนิเรียปรับอารมณ์ของตัวเอง

นิเรียหันไปถามไนเรล “พี่ชาย ที่พี่พูดกับคนที่ชื่อประธานซา…”

“อืม มันมีน้ำมันเถื่อนที่พวกนอกกฏหมายได้ซ่อนไว้อยู่”

สิ่งที่เขาบอกกับประธานซานั้นคือน้ำมันจำนวนมหาศาลอยู่แถวป่านอกเมืองไปไปประมาน 50 กิโลเมตรจากทางค่ายของยักษ์ ภายหลังมันจะระเบิดอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นไฟป่าขนาดใหญ่

ในอีกไม่นานเชื้อเพลิง พลังงาน อาหารจะมีค่าเป็นอย่างมากแต่เขาก็ไม่เสียดาย ยังไงเขาก็ไม่สามารถเอามันมาได้อยู่แล้ว สู้เอามันมาบอกกับประธานซาดีกว่า

ไนเรลและนิเรียมองไปที่ทหารกำลังตั้งเต็นท์และก่อกองไฟทำอาหารกันอยู่หน้าบ้าน

ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มตก แสงมันเริ่มน้อยลงทุกทีไฟรอบบ้านก็สว่างขึ้นมา

“ไปนอนกันเถอะ เดี่ยวไฟก็ดับแล้ว” ไนเรลและนิเรียกลับเข้าไปนอนและก็เป็นแบบที่ไนเรลกล่าวทั้งไฟและน้ำถูกตัดไปในคืนนี้

……………………………………………………………………

เช้าวันต่อมากองทหารก็เตรียมตัวที่จะออกไปแต่เช้า เพื่อไปให้ถึงค่ายของยักษ์ทางตอนใต้ให้ได้ก่อนเย็น

ไนเรลก็มายืนส่งประธานซาด้วยเช่นกัน

ประธานซาชวนให้ไนเรลไปพร้อมกันกับพวกเขาแต่ไนเรลไม่ไปเพราะ เขามีบางอย่างที่ต้องทำก่อน

อีกอย่างไม่มีใครรับประกันได้ว่ามันจะปลอดภัย เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ประธานซาจะวิวัฒนาการ และกลายเป็นคนชั้นสูงในเหตุการครั้งนี้

ดาลิธที่อยู่ด้านข้างก็พยายามห้ามไมน่าแต่เธอก็ไม่ฟัง คารอนที่ยืนเงียบ ๆ ก็ตัดสินใจจะไปเป็นเพื่อนไมน่า

ไนเรลไม่ได้มองไปที่ไมน่าเลยแม้แต่น้อยและก่อนที่ประธานซาจะไปเขาก็ได้ให้นามบัติของตัวเองไว้กับไนเรล และขอบคุณเรื่องที่ไนเรลบอกเขาเกี่ยวกับน้ำมันเถื่อนพวกนั้น

และนี่คือสิ่งที่เขาหวังไว้จริง ๆ นั้นก็คือการสานสัมพันธ์กับประธานซา

หลังจากที่มองขบวนรถฮัมวีเคลื่อนตัวออกไป ไนเรลก็สั่งให้ทุกคนเตรียมเก็บข้าวของ เพราะเขาจะออกจากที่บ้านหลังนี้และไปที่เมืองซานติเกีย เพื่อไปช่วยปู่ของเขาที่ถูกขังอยู่ในเมือง

ตอนนี้เกิดเรื่องมาได้ 4 วันภายในเมืองนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก มันอาจจะมีซอมบี้ที่วิวัฒนาการเป็นขั้น 2 แล้วก็ได้

พวกเข้าเก็บเอาอาหารกระป๋องและน้ำขึ้นรถออฟโรด อาหารที่ขนไปนั้นน่าจะเพียงพอให้ทุกคนกินกันได้ 1 เดือนเลยทีเดียว

ตอนนี้ในกลุ่มเหลือแค่ ไนเรล นิเรีย ดามินและดาลิธ 4 คนเท่านั้น พวกเขามองไปที่บ้านหลังนี้และมองไปที่นอกรั้วแบบกังวล

การที่พวกเขาออกจากบ้านที่ปลอดภัยไปยังที่อันตรายนั้น มันทำให้พวกเขากลัว

แต่พวกเขาก็ต้องตามไนเรลไปเพราะถ้าที่นี่ไม่มีไนเรลแล้วเด็กแบบพวกเขาก็คงจะต้องตายในไม่กี่วันแน่

“ไปกันเถอะ!” เขาขึ้นรถทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลาทั้งสามคนก็ขึ้นไปบนรถ

รถขับออกมาจากบ้านพวกเขามองไปรอบ ๆ ที่นี่ยังคงมีคนที่รอดชีวิตอยู่หลายคน

บางคนก็กำลังเก็บของและออกเดินทางไปที่ค่ายลี้ภัย ในระหว่างทางนั้น พวกเขาก็เห็นคนที่พยายามวิ่งหนีซอมบี้ บางคนก็กำลังจะโดนรุมโดยซอมบี้

เมื่อรถออฟโรดมาถึงถนนใหญ่ ที่เต็มไปด้วยศพซอมบี้และปอกกระสุนปืนของพวกทหาร อยู่ ๆ ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินมาขวางหน้ารถเขาไว้และพยายามร้องขอความช่วยเหลือ

“ช่วยหนูด้วย ๆ ช่วยหนูด้วย ๆ” ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ มันดูเหมือนกับมีชีวิตที่กำลังกินเนื้อและผิวหนังของเธออย่างช้า ๆ ทั้งชุดของเธอเต็มไปด้วยเมือกเหนียว ๆ

ดาลิธที่เห็นแบบเด็กสาวคนนั้นก็กำลังจะลงไปช่วยเธอแต่ ไนเรลก็ห้ามไว้ก่อน “ถ้าไม่อยากตายก็อย่าลงไป”

นิเรียที่ตอนนี้ใช้ความสามารถของเธอ [ดวงตาเทพ S] มองไปที่ตะไคล่น้ำนั้นอย่างกลัวและถามไนเรลขึ้นมา “มันคืออะไรคะพี่ชาย?”

“มันคือตะไคร่พิษที่จะเติบโตโดยการกินเซลล์ของสิ่งมีชีวิต”

เมื่อกล่าวเสร็จก็ขับรถอ้อมเด็กคนนั้นไป เด็กสาวเห็นว่าคนบนรถไม่ยอมช่วยเธอ เธอจึงพยายามวิ่งตามรถแต่ก็ไม่ทัน

จนเธอหมดแรงล้มลงกลางถนน ร่างกายของเธอค่อย ๆ ถูกตะไคร่พิษกินอย่างช้า ๆ และเธอพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าด้วยความหิวเธอจึงกินน้ำที่อยู่ในแม่น้ำไปมันมีตะไคร่สีเขียว ๆ ลอยอยู่ และเมื่อเธอดื่มน้ำพอผ่านไปสักพักก็กลายเป็นแบบนี้

น้ำตาเธอค่อย ๆ ไหลออกมา

“แม่คะ…” เธอพูดออกมาด้วยแรงเฮือกสุดท้ายจากนั้นหลับไปชั่วนิรันดร์

แต่แล้วในอีกหลายวันต่อจากนี้ร่างกายของเธอก็จะมีดอกไม้และพืชอีกหลายชนิดจะงอกและแผ่ขยายจากร่างของเธอ พืชพวกนี้จะเติบใหญ่รากจะทำรายพื้นผิวถนนที่มนุษย์สร้างขึ้น

สัตว์กินพืชกลายพันธุ์ต่าง ๆ ก็จะกินพืชเหล่านี้เกิดเป็นวงจรชีวิตขึ้นมา

ทุกชีวิตมีหน้าที่และวัฏจักรที่ต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติของผืนดินและสายน้ำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง 10 มุ่งหน้าสู่ซานติเกีย

Now you are reading re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง Chapter 10 มุ่งหน้าสู่ซานติเกีย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 10 มุ่งหน้าสู่ซานติเกีย

บรรยากาศในห้องตอนนี้มันดูน่าอึดอัดมาก ไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่น้อยด้วยความกลัวว่าตนเองจะเป็นคนที่ก่อให้เกิดสัญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้น

ไนเรลยังคงเล็งปืนไปที่หัวของผู้กองอีธานและถามเขา “ยังอยากได้อยู่ไหม?”

ผู้กองอีธานไม่ตอบแต่ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากตอบ แต่เป็นเพราะเขาไม่กล้าพูดออกมา ถ้าเขาบอกว่าต้องการอยู่ก็ไม่รู้ว่าไนเรลจะยิงเขาทิ้งทันทีเลยหรือไม่ แต่ถ้าเขาบอกไม่ไปศักดิ์ศรีการเป็นผู้กองและผู้นำทีมของเขาก็หมดลงอย่างแน่นอน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรคนแบบเขาก็ยังรักชีวิตมากกว่าอยู่

เขากำลังจะอ้าปากพูดก็มีเสียงดังมาจากบันไดชั้นที่สอง เป็นเสียงของชายวัยกลางคนที่กล่าวออกมา

“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว!” เขาเดินลงมาพร้อมกับเด็กสาวอายุ 10 ขวบ มัดผมเปียสองข้าง

ผู้กองอีธานเห็นแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนทักทายทันที ด้วยความเคารพ ราวกับว่าไม่มีปืนจ่อหัวเขาอยู่ “ท่านประธานซา”

ประธานซามองไปที่ไนเรลที่ยังคงไม่ลดปืนลง เขานั่งลงและเด็กหญิงก็นั่งลงที่ด้านข้างเขา

และเขาก็หันไปกล่าวกับผู้กองอีธาน “ผู้กองพาคนของคุณออกไปก่อนเดี๋ยวผมจะคุยกับเขาเอง”

“แต่…” ผู้กองอีธานพยายามพูดห้ามไม่ให้พวกเขาอยู่คุยกัน 2 คนเพราะไม่รู้ว่าถ้าไอ้เด็กนี่เกิดบ้าอะไรประธานซาขึ้นมา ชีวิตเขาจบแน่

แต่เขาก็ต้องกลืนคำพูดนั้นไปเพราะสายตาที่มองมาของประธานซา

ผู้กองอีธานถอนหายใจและหันไปสั่งจ่าลุคและลูกน้องให้ออกจากห้อง ไนเรลเองก็สั่งให้ดามินและดาลิธออกไปแต่เขาให้นิเรียนั่งข้าง ๆ แทน

ส่วนคารอนและไมน่าที่ยืนงงอยู่ไม่รู้จะทำอย่างไร ทั้งสองจึงเดินออกมา

“เอาละ ฉันจะแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกันตามมารยาทชนชั้นสูง ฉันคือประธานซา”

“ผมรู้ว่าคุณเป็นใคร ผมไนเรล อาโรเดีย และด้านข้างน้องสาวของผม นิเรีย อาโรเดีย” ไนเรลเก็บปืนเข้าซองข้างเอวและกล่าวด้วยความเคารพ

ถ้าจะพูดถึงประธานซาก็ต้องเป็นราชายักษ์ซามูเอล มนุษย์ชั้นสูงผู้มีความสามารถด้านกลายร่าง [การขยายร่าง s]

ร่างกายเขาสามารถขยายใหญ่ได้ราวกับยักษ์ ทั้งน้ำหนักและมวลของร่างกายจะมากขึ้นอีกทั้งยังมีพละกำลังที่มหาศาลมาก

ราชายักษ์ซามูเอล ผู้เป็นหนึ่งในเสาหลักของค่ายลี้ภัยที่เขาบอกกับแม็ค และก็เป็นอีกเหตุผลที่ค่ายแห่งนี้ ภายหลังจะถูกเรียกว่าค่ายของยักษ์ ซึ่งมาจากการที่ราชายักษ์ซามูเอลค่อยปกป้องค่ายแห่งนี้

ซึ่งนอกจากที่เขามีพลังที่แข็งแกร่งแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือเขารวยมาก

เขาไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้คุ้มกันจะเป็นประธานซา

“เจ้ามาจากตระกูลอาโรเดียสินะ”

ไนเรลพยักหน้าตอบถึงอย่างไร เรื่องที่ตระกูลของเขาเป็นตัวตลกในหมู่ชนชั้นสูง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ประธานซาจะเคยได้ยินผ่านมาบ้าง

แต่เขาก็ไม่ได้โกรธปู่ของเขาที่ทำแบบนั้น จนเป็นเหตุให้ตระกูลตกอับ

“ตระกูลอาโรเดียโชคดีที่มีพวกเจ้าสองพี่น้อง อีกไม่นานความรุ่งโรจน์ก็จะกลับมา สงครามและการล่มสลายจะสร้างราชาขึ้นมา…” ดูเหมือนประธานซาจะรำลึกอดีตอยู่

หลังจากนั้นเขาก็กล่าวออกมา “ข้าจะขอพักที่นี่สักคืนเจ้าคงไม่ว่าสินะ”

“ผมไม่มีปัญหา” เมื่อไนเรลกล่าวประธานซาก็ยิ้มออกมาแต่เมื่อได้ฟังคำพูดต่อมาของไนเรลปากเขาก็กระตุกเล็กน้อย

“แต่ขอระเบิดมือ 4 ลูกกับปืนสไนเปอร์ 1 กระบอกและกระสุนอีก 100 นัดเป็นการแลกเปลี่ยน”

“ข้าไม่มีไม่มีปืนพวกนั้นหรอก” ประธานซากล่าว

“แต่พวกทหารด้านนอกมี”

ประธานซาเงียบไปเล็กน้อย ไนเรลเองก็ไม่รอช้ารีบพูดบางอย่างออกมา “ไม่ต้องห่วงผมรู้ว่าปืนมันสำคัญและการแลกที่พักแค่ 1 คืนมันไม่คุ้มค่าแต่ผมมีข้อมูลอีกอย่างใช้ในการแลกเปลี่ยนได้”

“หืม ข้อมูลอะไร?” ประธานซาสงสัยข่าวอะไรที่ไนเรลคิดว่ามันคุ้มค่า

ไนเรลยิ้มและกระซิบให้แค่ในห้องนี้ได้ยินเท่านั้น เพราะเขารู้ว่าผู้กองอีธานและจ่าลุคจะต้องแอบฟังอยู่ เพื่อคอยช่วยเหลือประธานซาถ้ามีอะไรเกิดขึ้น

ประธานซาที่ได้ฟังก็ถึงกับตกใจ และรีบถามไนเรล “เรื่องจริง!”

“จริงทุกคำพูด” ไนเรลตอบอย่างมั่นใจ

“ข้าจะลองเชื่อดู” ประธานซากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม และเขาก็หันไปเรียกผู้กองอีธานให้เอาของที่ไนเรลต้องการมาให้

ผู้กองอีธานรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขากะว่าจะปล้นของไนเรลเพราะอาวุธและกระสุนถูกใช้ไปเกือบจะหมดแล้วตอนเข้าไปช่วยประธานซาออกมาจากในเมือง

ถึงแบบนั้นเขาก็ยังทำตามที่ประธานซาบอกเพราะประธานซาสัญญาว่าจะตอบแทนคืนที่หลัง แต่เขาก็ยังมองมาที่ไนเรลด้วยความปฏิปักษ์

และแล้วพอ 6 โมงเย็นก็มีสัญญาณฉุกเฉินประกาศซ้ำถึงค่ายลี้ภัยที่ห่าง 100 กิโลเมตรเพื่อรวบรวมคน

“ประกาศจากทางรัฐบาลเรามีค่ายลี้ภัยที่ปลอดภัย มีอาหารและน้ำให้ เส้นทางคือ 100 กิโลเมตรมุ่งลงใต้ ถนนหลวง 105”

“ประกาศจากทางรัฐบาลเรามีค่ายลี้ภัยที่ปลอดภัย มีอาหารและน้ำให้ เส้นทางคือ 100 กิโลเมตรมุ่งลงใต้ ถนนหลวง 105”

ประกาศแบบนี้ถูกประกาศซ้ำออกมาไนเรลสามาารถได้ยินอย่างชัดเจนจากวิทยุของทหาร

นิเรียที่ใช้โทรศัพท์ของเธอรับสัญญาณประกาศฉุกเฉินนี้เช่นกัน เมื่อฟังไปสักพักนิเรียก็ปิดมันลง

ขณะที่ไมน่าและคารอนยืนอยู่ ไนเรลก็กล่าวออกไป “ใครเป็นคนให้พวกเขาเข้ามา”

ทั้งสองคนเงียบไม่ตอบอะไร

แต่สักพัก อยู่ ๆ ไมน่าเธอชี้ไปที่ไนเรลและพูดขึ้นมา “นายมันเห็นแก่ตัว”

จากนั้นก็ชี้ไปที่นิเรียและด่าเธออย่างแรง “เธอด้วย เธอฆ่าซินน่า ทั้งสองคนฆ่าซินน่า พวกนายด้วยคารอนและดามิน ส่วนเธอก็ด้วยดาลิธ”

ไมน่าซุดลงนั่งกับพื้นร้องไห้ทั้งน้ำตาราวกับคนเสียสติ “ทั้งที่ซินน่าเป็นเพื่อนเเละเรียกเธอว่าลูกพี่มาตลอด ฮือ ๆ ฮื้อ ๆ ฉัน…ฉันจะไปหาพ่อกับแม่”

ดูเหมือนว่าไมน่าจะรู้ว่าพ่อแม่ของเธออยู่ที่ไหน ส่วนนิเรียที่ได้ยินไมน่าพูดกับเธอแบบนั้นก็ถึงกับมือสั่นทันที

ไนเรลลุกขึ้นยืนจากนั้นก็เดินไปหาไมน่า เขามองไปที่เธอจากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความเย็นชา “พรุ่งนี้เธอไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”

จากนั้นเขาก็เดินออกไปทันที

เขารู้ว่าคนให้ทหารพวกนี้เข้ามาในบ้านคงจะเป็นไมน่า ขณะที่คารอนก็คงจะพยายามห้ามแล้วแต่ก็ถูกต่อยโดยพวกนั้น

คารอนเป็นแค่เด็ก 14 จะไปสู้อะไรพวกนั้นได้

หลังจากไนเรลเดินออกไปแล้วตอนนี้ทุกคนไม่มีใครพูดอะไร นิเรียเดินออกมาเช่นกันเหลือทิ้งไว้แค่ พวกเพื่อนเธอทั้งสี่คน

และค่ำคืนนี้ก็ผ่านไปทั้งแบบนี้

ไนเรลและนิเรียขึ้นไปนั่งกันอยู่ที่หลังคาของบ้าน เขาไม่ได้พูดอะไรจนกระทั้งนิเรียปรับอารมณ์ของตัวเอง

นิเรียหันไปถามไนเรล “พี่ชาย ที่พี่พูดกับคนที่ชื่อประธานซา…”

“อืม มันมีน้ำมันเถื่อนที่พวกนอกกฏหมายได้ซ่อนไว้อยู่”

สิ่งที่เขาบอกกับประธานซานั้นคือน้ำมันจำนวนมหาศาลอยู่แถวป่านอกเมืองไปไปประมาน 50 กิโลเมตรจากทางค่ายของยักษ์ ภายหลังมันจะระเบิดอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นไฟป่าขนาดใหญ่

ในอีกไม่นานเชื้อเพลิง พลังงาน อาหารจะมีค่าเป็นอย่างมากแต่เขาก็ไม่เสียดาย ยังไงเขาก็ไม่สามารถเอามันมาได้อยู่แล้ว สู้เอามันมาบอกกับประธานซาดีกว่า

ไนเรลและนิเรียมองไปที่ทหารกำลังตั้งเต็นท์และก่อกองไฟทำอาหารกันอยู่หน้าบ้าน

ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มตก แสงมันเริ่มน้อยลงทุกทีไฟรอบบ้านก็สว่างขึ้นมา

“ไปนอนกันเถอะ เดี่ยวไฟก็ดับแล้ว” ไนเรลและนิเรียกลับเข้าไปนอนและก็เป็นแบบที่ไนเรลกล่าวทั้งไฟและน้ำถูกตัดไปในคืนนี้

……………………………………………………………………

เช้าวันต่อมากองทหารก็เตรียมตัวที่จะออกไปแต่เช้า เพื่อไปให้ถึงค่ายของยักษ์ทางตอนใต้ให้ได้ก่อนเย็น

ไนเรลก็มายืนส่งประธานซาด้วยเช่นกัน

ประธานซาชวนให้ไนเรลไปพร้อมกันกับพวกเขาแต่ไนเรลไม่ไปเพราะ เขามีบางอย่างที่ต้องทำก่อน

อีกอย่างไม่มีใครรับประกันได้ว่ามันจะปลอดภัย เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ประธานซาจะวิวัฒนาการ และกลายเป็นคนชั้นสูงในเหตุการครั้งนี้

ดาลิธที่อยู่ด้านข้างก็พยายามห้ามไมน่าแต่เธอก็ไม่ฟัง คารอนที่ยืนเงียบ ๆ ก็ตัดสินใจจะไปเป็นเพื่อนไมน่า

ไนเรลไม่ได้มองไปที่ไมน่าเลยแม้แต่น้อยและก่อนที่ประธานซาจะไปเขาก็ได้ให้นามบัติของตัวเองไว้กับไนเรล และขอบคุณเรื่องที่ไนเรลบอกเขาเกี่ยวกับน้ำมันเถื่อนพวกนั้น

และนี่คือสิ่งที่เขาหวังไว้จริง ๆ นั้นก็คือการสานสัมพันธ์กับประธานซา

หลังจากที่มองขบวนรถฮัมวีเคลื่อนตัวออกไป ไนเรลก็สั่งให้ทุกคนเตรียมเก็บข้าวของ เพราะเขาจะออกจากที่บ้านหลังนี้และไปที่เมืองซานติเกีย เพื่อไปช่วยปู่ของเขาที่ถูกขังอยู่ในเมือง

ตอนนี้เกิดเรื่องมาได้ 4 วันภายในเมืองนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก มันอาจจะมีซอมบี้ที่วิวัฒนาการเป็นขั้น 2 แล้วก็ได้

พวกเข้าเก็บเอาอาหารกระป๋องและน้ำขึ้นรถออฟโรด อาหารที่ขนไปนั้นน่าจะเพียงพอให้ทุกคนกินกันได้ 1 เดือนเลยทีเดียว

ตอนนี้ในกลุ่มเหลือแค่ ไนเรล นิเรีย ดามินและดาลิธ 4 คนเท่านั้น พวกเขามองไปที่บ้านหลังนี้และมองไปที่นอกรั้วแบบกังวล

การที่พวกเขาออกจากบ้านที่ปลอดภัยไปยังที่อันตรายนั้น มันทำให้พวกเขากลัว

แต่พวกเขาก็ต้องตามไนเรลไปเพราะถ้าที่นี่ไม่มีไนเรลแล้วเด็กแบบพวกเขาก็คงจะต้องตายในไม่กี่วันแน่

“ไปกันเถอะ!” เขาขึ้นรถทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลาทั้งสามคนก็ขึ้นไปบนรถ

รถขับออกมาจากบ้านพวกเขามองไปรอบ ๆ ที่นี่ยังคงมีคนที่รอดชีวิตอยู่หลายคน

บางคนก็กำลังเก็บของและออกเดินทางไปที่ค่ายลี้ภัย ในระหว่างทางนั้น พวกเขาก็เห็นคนที่พยายามวิ่งหนีซอมบี้ บางคนก็กำลังจะโดนรุมโดยซอมบี้

เมื่อรถออฟโรดมาถึงถนนใหญ่ ที่เต็มไปด้วยศพซอมบี้และปอกกระสุนปืนของพวกทหาร อยู่ ๆ ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินมาขวางหน้ารถเขาไว้และพยายามร้องขอความช่วยเหลือ

“ช่วยหนูด้วย ๆ ช่วยหนูด้วย ๆ” ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ มันดูเหมือนกับมีชีวิตที่กำลังกินเนื้อและผิวหนังของเธออย่างช้า ๆ ทั้งชุดของเธอเต็มไปด้วยเมือกเหนียว ๆ

ดาลิธที่เห็นแบบเด็กสาวคนนั้นก็กำลังจะลงไปช่วยเธอแต่ ไนเรลก็ห้ามไว้ก่อน “ถ้าไม่อยากตายก็อย่าลงไป”

นิเรียที่ตอนนี้ใช้ความสามารถของเธอ [ดวงตาเทพ S] มองไปที่ตะไคล่น้ำนั้นอย่างกลัวและถามไนเรลขึ้นมา “มันคืออะไรคะพี่ชาย?”

“มันคือตะไคร่พิษที่จะเติบโตโดยการกินเซลล์ของสิ่งมีชีวิต”

เมื่อกล่าวเสร็จก็ขับรถอ้อมเด็กคนนั้นไป เด็กสาวเห็นว่าคนบนรถไม่ยอมช่วยเธอ เธอจึงพยายามวิ่งตามรถแต่ก็ไม่ทัน

จนเธอหมดแรงล้มลงกลางถนน ร่างกายของเธอค่อย ๆ ถูกตะไคร่พิษกินอย่างช้า ๆ และเธอพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าด้วยความหิวเธอจึงกินน้ำที่อยู่ในแม่น้ำไปมันมีตะไคร่สีเขียว ๆ ลอยอยู่ และเมื่อเธอดื่มน้ำพอผ่านไปสักพักก็กลายเป็นแบบนี้

น้ำตาเธอค่อย ๆ ไหลออกมา

“แม่คะ…” เธอพูดออกมาด้วยแรงเฮือกสุดท้ายจากนั้นหลับไปชั่วนิรันดร์

แต่แล้วในอีกหลายวันต่อจากนี้ร่างกายของเธอก็จะมีดอกไม้และพืชอีกหลายชนิดจะงอกและแผ่ขยายจากร่างของเธอ พืชพวกนี้จะเติบใหญ่รากจะทำรายพื้นผิวถนนที่มนุษย์สร้างขึ้น

สัตว์กินพืชกลายพันธุ์ต่าง ๆ ก็จะกินพืชเหล่านี้เกิดเป็นวงจรชีวิตขึ้นมา

ทุกชีวิตมีหน้าที่และวัฏจักรที่ต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติของผืนดินและสายน้ำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+