re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง 24 พวกไฮยีน่าและกลุ่มอิทธิพล

Now you are reading re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง Chapter 24 พวกไฮยีน่าและกลุ่มอิทธิพล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 24 พวกไฮยีน่าและกลุ่มอิทธิพล

“นายเป็นใคร มาจากค่ายไหน และมาทำอะไรแถวนี้” เขาถามออกไปด้วยเสียงที่เยือกเย็นยิ่งกว่าอากาศรอบข้างเสียอีก

ชายคนนั้นสั่นไปด้วยความกลัวมันพยายามร้องขอชีวิตกับเขาราวกับคนเสียสติ ไม่สนใจตอบคำถามของเขา

ไนเรลจึงเรียกสติผู้ชายคนนั้นด้วยการเหยียบไปที่ขาอย่างแรง

“อ๊าคคค!!!” ชายคนนั้นแหกปากร้องด้วยความเจ็บปวดและกอดไปที่ขาดิ้นไปมาอย่างทุรนทุราย

“นายเป็นใคร มาจากค่ายไหน และมาทำอะไรแถวนี้” เขาถามออกไปด้วยเสียงที่เยือกเย็นอีกครั้ง

ในครั้งนี้ดูเหมือนชายคนนั้นจะได้สติความเจ็บปวดที่ขา เขากลัวว่าปีศาจตนนี้จะหักขาเขาอีกจึงตอบคำถามทุกคำถามที่ไนเรลถามออกมา

กลุ่มของชายคนนั้นมาจากโรงงานฆ่าสัตว์นอกเมืองแห่งหนึ่ง ปกครองโดยชายผู้เคยเป็นคนฆ่าสัตว์ ที่มีพละกำลังมหาศาล เขาฆ่าทุกคนที่พยายามจะหนี หรือไม่ยอมเป็นลูกน้อง แต่ตอนนี้กลุ่มของเขายึดหมู่บ้านแห่งหนึ่งไว้ ห่างจากที่นี่ไป 80 กิโลเมตร

กลุ่มของเขาเป็นพวกที่ออกมา ดักปล้นคนที่ผ่านไปมา บางครั้งก็จะจับตัวผู้หญิงและฆ่าผู้ชายทิ้ง

เหตุผลที่กลุ่มพวกเขาไม่เข้าร่วมกับค่ายก็เพราะว่ามันไม่สามารถทำแบบที่ใจอยากได้ ต้องทำงานแรกตั๋วอาหาร เพื่ออะไรในเมื่อโลกใบนี้แค่มีความแข็งแกร่งก็สามารถครองได้ทุกสิ่ง ทั้งผู้หญิง เงินทอง ผู้คน

ไนเรลไม่ปฏิเสธความคิดนี้ แต่ดูเหมือนพวกมันจะลืมไปว่าโลกใบนี้ยังมีกฎระเบียบที่เรียกว่า ผู้แข็งแกร่งกว่าอยู่

ในที่นี้ก็คือรัฐบาล

“พวกไฮยีน่าสินะ” เขาพึมพำออกมา

หลังจากที่เค้นความจริงได้แล้ว ไนเรลจับไปที่คอของชายคนนั้นอย่างรังเกียจและหักคอทิ้งทันทีโดยไม่สนใจเสียงร้องของมันเลยแม้แต่น้อย

ไฮยีน่าเป็นการเรียกกลุ่มที่ออกปล้นกลุ่มอื่น ๆ หรือโจรที่ปล้นฆ่าคนเป็นหลัก พวกนี้ไม่ได้มีแค่กลุ่มหรือสองกลุ่มแต่มีเยอะมาก พวกมันจะยึดและปล้นไปเรื่อย ๆ

กลุ่มของชายคนนี้เริ่มมีพฤติกรรมแบบพวกไฮยีน่าแล้ว ไนเรลคิดว่าคงต้องไปแจ้งทางค่ายให้รับรู้ไว้

แต่ทางนั้นจะจัดการหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะต้องไปสนใจอีก

ไนเรลจัดการศพทั้งหมดเพื่อไม่ให้มันกลายเป็นซอมบี้ ในขณะที่แมวน้อยเดินสำรวจไปรอบ ๆ เเละร้องออกมาเป็นบ้างครั้งเหมือนกับบอกเขาว่า “เหมียววว มี้ ง่าววว (จัดการได้ดีมากทาส) ”

ตอนนี้เริ่มมีซอมบี้ที่ตามเสียงปืนมาในบริเวณนี้มากขึ้น ดังนั้นเขาคงต้องออกจากที่นี่ในคืนนี้แล้ว

ไนเรลขับรถออกมาได้สักพักรถก็น้ำมันหมดลง เขาถึงกับแปลกใจและลงไปดูปรากฏว่าถังน้ำมันโดนยิง น้ำมันไหลออกเป็นทางจนหมด

“เอาดี” เขามองไปที่ซากกิ้งก่ายักษ์และแมวน้อยสลับไปมา

แมวน้อยรีบส่ายหัวและบอก “แม้ววว มี้ เหมียววว มี้ ม้าววว… (ตัวมะลิแค่นี้ลากไม่ไหวหรอก) ”

เขาก็ไม่ได้คิดจะให้มันลากอยู่แล้วแค่ขอความคิดเห็นเฉย ๆ

สุดท้ายเขาก็หาเถาวัลย์เส้นใหญ่เท่าท่อนแขนผูกกับตัวรถและซากกิ้งก่ายักษ์ แล้วออกเเรงลากมันต่อขณะที่แมวน้อยนั่งอยู่บนหัวกิ้งก่าส่งเสียงอารมณ์ดี เชียร์ให้เขาลากไปเร็ว ๆ โดยเจ้าคาปิบารานั่งกินหญ้าที่เก็บมาอยู่ด้านข้าง

“ไม่ได้ช่วยแล้วยังขึ้นไปถ่วงน้ำหนักอีก” ไนเรลบ่นไปก็ลากไป แต่แมวน้อยก็เถียงกลับมา “ม้าวว เหมียววว มี้ ง่าววว (ตัวใหญ่แค่กำปั้นจะไปหนักอะไร?) ”

……………………………………

ที่หน้าค่ายลี้ภัย 101 เช้าวันใหม่ แสงของดวงอาทิตย์ที่โผล่ขึ้นมากระทบกับน้ำค้างบนใบไม้

หน้าประตูค่ายทิศเหนือยังคงมีคนทยอยเดินทางเข้ามาเพื่อเข้ารับการตรวจและเข้าไปในค่ายอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้นอยู่ ๆ ก็มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมา ผู้คนโดยรอบร้องด้วยความตกใจรีบหาที่หลบกันอย่างวุ่นวาย

กำลังทหารรับออกมาจากค่าย ปืนใหญ่บนกำแพงเล็กไปที่กิ้งก่ายักษ์ที่กำลังใกล้เข้ามา

เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นไปด้านบนเพื่อสังเกตการณ์

“ยกเลิก! ยกเลิก! มันคือซากกิ้งก่ามีนักล่าลากมันมา”

เสียงทางวิทยุดังออกมาทุกคนก็คลายกังวลได้ เนื่องจากตัวของกิ้งก่าใหญ่ขนาดนั้นไม่รู้ว่าต้องยิงมันกี่นัดถึงจะตาย และหน่วยมนุษย์ชั้นสูงที่ทางกองทัพบอกก็ยังฝึกฝนกันอยู่ จึงยังไม่พร้อมที่จะปฏิบัติการได้แน่นอน

ไนเรลลากมันมาทั้งคืนและในที่สุดก็มาถึงค่าย

ไม่นานที่มาถึงทหารและเจ้าหน้าที่รัฐก็ออกมาหาเขาทันที

“หยุด!!!”

“ผมเป็นนักล่าที่ลงทะเบียนออกไปเมื่อวานนี้” ไนเรลก็บอกไปว่าเขาเป็นนักล่าที่ออกไปเมื่อวาน หลังจากที่พวกเขาเช็คเจอชื่อของไนเรล

พวกนั้นจึงให้เขาเข้าไปได้

ส่วนซากกิ้งก่าตามข้อตกลงเขาต้องแบ่งพวกมันให้ทางค่ายครึ่งหนึ่ง พวกทหารได้ใช้รถมาลากมันเข้าไป

เขาก็ไม่ได้มีข้อคัดค้านอะไร แต่แค่บอกไปว่ามันมีพิษ แต่ดูเหมือนทางรัฐบาลจะมีวิธีจัดการกับพิษ ดังนั้นเขาจึงให้ทางค่ายไปจัดการทั้งหมด ของเนื้อ 200 กิโลกรัม ส่วนที่เหลือแลกเป็นตั๋วอาหาร

เขายังคงเก็บหนังงู เขางู 1 คู่ เขี้ยวของงูยักษ์ไว้กับตนเอง โดยเขาคิดว่าจะให้เมสันจัดการ

หลังจากเขากลับออกไปภายในค่ายโดยเฉพาะบริเวณของสำนักงานนักล่าที่ทางรัฐบาลจัดขึ้น เกิดการโต้เถียงในหมู่ของนักล่าและมนุษย์ชั้นสูงจำนวนมากกว่า ‘มนุษย์ชั้นสูง 1 คนจัดการฆ่ากิ้งก่ายักษ์ ขั้น 2 ได้อย่างไร?’

แต่นั้นก็เป็นแค่การถกเถียงกันของพวกคนธรรมดา ส่วนพวกมนุษย์ชั้นสูงก็แบ่งออกเป็นสองพวกคือคนที่คิดว่าไนเรลทำได้ดีมากที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ชั้นสูงคือ ผู้ที่เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดา ส่วนอีกพวกก็อิจฉาหรือไม่สนใจและคิดว่าเขาก็แค่โชคดีในการจัดการมันได้

สุดท้ายหลังจากผ่านไปครึ่งวันทางรัฐบาลก็ยืนยันว่ากิ้งก่ายักษ์ที่เขาฆ่านั้นมันมีร่องรอยของการต่อสู้กับสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ

ดังนั้นจึงสันนิฐานว่าไนเรลได้เจอซากของมันและนำกลับมา ส่วนเอามันขึ้นรถกลับมานั้นพวกเขายังไม่รู้

ภายในสำนักงานกลางประจำค่ายลี้ภัย 101

“เขาเป็นใคร?” รัฐมนตรีพาลเมอร์ถามออกมาขณะที่จัดการกับงานเอกสารบนโต๊ะ

รัฐมนตรีพาลเมอร์ ชายวัยอายุ 41 ปี ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้จัดการกับค่ายลี้ภัย 101 แห่งนี้

เลขาสาวของเขากล่าวออกมาในทันที “เขาเป็นมนุษย์ชั้นสูงที่เข้ามาเมื่อสองวันก่อน และลงทะเบียนเป็นนักล่าออกจากค่ายไปเมื่อวานและกลับมาพร้อมกับซากของกิ้งก่ายักษ์ในตอนเช้าวันนี้”

 

เธออธิบายบอกประวัติของไนเรลแบบสั้น ๆ รวมถึงตระกูลและครอบครัวในนั้นซึ่งรวมถึงนิเรีย น้องสาวของเขาที่พึ่งเข้าไปในหน่วยของโล่ด้วย

“ตระกูลอาโรเดีย…อืม” รัฐมนตรีพาลเมอร์ก็ดูเหมือนจะคิดบางอย่างอยู่สักพักเขาก็กล่าวออกมา “แจ้งเรื่องของคนตระกูลอาโรเดียไปที่สำนักงานรัฐบาลกลางที่เมืองใหม่ด้วย และส่งคนไปคอยจับตาดูสองพี่น้องไว้ โดยเฉพาะเด็กสาวที่ชื่อนิเรียที่มีความสามารถระดับ S เธออันตรายเกินไป”

พาลเมอร์อ่านแฟ้มประวัติของนิเรีย นี่มันคือความสามารถของนักฆ่า เขากลัวว่าเธอจะเดินตามรอยปู่ของเธอ ถึงแม้เธอจะเป็นเด็กสาว 14 แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะให้ทุกสิ่งที่เป็นภัยต่อประเทศหลุดรอดสายตาไปได้เด็ดขาด

“ส่วนเรื่องหนังของสัตว์กลายพันธุ์ที่เขาเอากลับมาด้วยลองไปสอบถามดูว่าเขาตกลงที่จะขายมันทั้งหมดให้กับทางค่ายไหม ถ้าเขามีข้อเสนอไม่มากก็ยอมรับไป”

หลังจากพูดจบพาลเมอร์ก็จัดการงานต่อโดยเฉพาะเรื่องของฝูงซอมบี้ที่กำลังเคลื่อนที่มาจากเมือง และทางรถไฟที่ทางรัฐบาลกลางเร่งให้เขาจัดการเคลียร์เส้นทางเพื่อใช้ในการติดต่อกับค่ายอื่น ๆ

…………………………………..

ไนเรลกลับมาที่ห้องเขาก็เห็นดามินและเจคอบที่รออยู่เพราะไนเรลไม่กลับมาทั้งคืนพวกเขาจึงเป็นห่วง แต่ก็ยังไม่ได้แจ้งนิเรียว่าไนเรลหายตัวไป เขาอธิบายให้ทั้งสองคนเข้าใจแบบง่าย ๆ

จากนั้นก็จัดการกับสภาพของตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือดของกิ้งก่าและคนที่เขาฆ่าไป 12 คนทันที

หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็หาที่งีบหลับ แต่ไม่นานทางสำนักงานกลางของค่าย 101 ก็ส่งคนมาหาเขา

ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง!

เขาเปิดประตูออกไป ก็เจอกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางที่มาพร้อมกับตำรวจ 2 นาย “สวัสดีครับ ผมพีทเจ้าหน้าที่จากส่วนรัฐ”

ไนเรลมองไปที่พีทจากนั้นก็เชิญเขาเข้าไปด้านใน

“นี่คือตั๋วอาหารมูลค่า 200,000 ของคุณ ส่วนเนื้อกลายพันธุ์ในส่วนของคุณเราได้จัดเก็บมันไว้ในโกดังให้แล้ว แต่ตรงส่วนนี้คุณจะต้องเสียค่าเช่าเพื่อแช่เย็นเนื้อเหล่านั้น” พีทอธิบายและส่งลูกกุญแจมาให้มันคือกุญแจของโกดังนั้นเอง

เขาแค่พยักหน้าตอบและหยิบกุญแจมา แต่เมื่อมองไปที่พีทดูเหมือนเขาจะต้องการพูดบางอย่าง

“คุณยังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่?” ไนเรลถามออกมา

พีทรีบพูดทันที “ผมได้รับคำสั่งให้มาถามคุณว่าต้องการจะขายหนังงูกลายพันธุ์หรือไม่ ทางเรายินดีรับซื้อในราคาที่คุณพอใจอย่างแน่นอน ถ้าคุณสนใจก็ติดต่อมาตามที่อยู่นี้ได้เลย” เขาส่งนามบัตรสีขาวให้กับไนเรล

หลังจากนั้นพีทก็ขอตัวกลับไป ไนเรลหยิบนามบัตรขึ้นมาดูมันเป็นของบริษัทยักษ์ใหญ่เอกชนแห่งหนึ่ง

บริษัทพาราซัส เป็นบริษัทและกลุ่มนายทุนข้ามชาติขนาดใหญ่ ควบคุมการวิจัยด้านยา พันธุ์พืชและสัตว์ อีกทั้งยังมีบริษัทลูกที่จัดการด้านอาวุธและอื่น ๆ อีก

“ดูเหมือนว่าในครั้งนี้คนของรัฐบาลบางส่วนก็ยังถูกซื้อตัวไปเช่นเคย” ไนเรลพึมพำออกมา มันไม่ได้มีแค่บริษัทเอกชนที่ต้องการเข้ามาควบคุม ตอนนี้แม้แต่พวกผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ ก็ทำการดึงตัวและเข้ามาหาผลประโยชน์ บางกลุ่มถึงกับแอบตั้งกลุ่มและกองกำลังของตัวเองอย่างลับ ๆ เพื่อรอโอกาส

ถึงรัฐบาลรู้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะพวกเขาก็ยังต้องการ คนเหล่านี้ในการสนับสนุนในด้านทรัพยากรและกำลังคน

ตอนนี้มันกลายเป็นเกมการเมือง ระหว่างราชาและพ่อค้า ถ้าทหารราชาอ่อนแอเมื่อไหร่ พอค้าก็จะใช้เงินจัดการสังหารราชาและกลายเป็นราชาซะเอง

ในช่วงบ่ายยังคงมีคนจากกลุ่มต่าง ๆ มาหาเขาแม้แต่นักเลงที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงหนุนหลังก็ยังมาข่มขู่เขา แต่มันก็โดนจัดการซะอยู่หมัด

ด้วยความลำคานเขาจึงออกไปข้างนอก โดยที่ดามินเจคอบ1และแมวน้อยกับเจ้าคาปิบาราตามมาด้วยพวกเขาจะไปหาที่อยู่ใหม่กัน

ที่นี่เป็นเขตที่พักของเจ้าหน้าที่ รัฐสามารถเช่าได้เท่านั้น และคนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นครอบครัวหรือญาติของเจ้าหน้าที่รัฐ

มันต่างกันกับส่วนอื่น ๆ ของค่ายมาก ที่นี่มีตำรวจคอยดูแลอยู่ตลอด ไม่มีคนเร่ร่อนหรือขอทานเลยแม้แต่น้อย

เขาสามารถซื้อบ้านหลังนี้ได้โดยใช้ชื่อน้องสาวแต่ดูเหมือนเธอกำลังอยู่ในหน่วยฝึกเขาจึงจัดการทุกอย่างแทน

ตกเย็นเขาก็ออกไปข้างนอกคนเดียวเพื่อไปหาเมสัน

โดยเดินผ่านส่วนที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม และเขตก่อสร้าง ซึ่งตอนนี้ยังมีคนงานกะดึกทำงานกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะส่วนของกำแพงที่ยังสร้างอยู่ และโรงงานทำเหล็กรางรถไฟ

เขาผ่านเขตที่คนธรรมดาอยู่ มันดูแออัดและสกปรกเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นย่านที่คึกคักและมีสีสันที่สุดในค่ายเพราะมันมีผับบาร์ ร้านเหล้า และบ่อนการพนันที่ถูกควบคุมโดยพวกใต้ดิน

“คนพวกนี้ช่างฟุ่มเฟือย” ไนเรลมองไปที่เหล่านี้ และในตอนนั้นเองสาวขายบริการคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง 24 พวกไฮยีน่าและกลุ่มอิทธิพล

Now you are reading re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง Chapter 24 พวกไฮยีน่าและกลุ่มอิทธิพล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 24 พวกไฮยีน่าและกลุ่มอิทธิพล

“นายเป็นใคร มาจากค่ายไหน และมาทำอะไรแถวนี้” เขาถามออกไปด้วยเสียงที่เยือกเย็นยิ่งกว่าอากาศรอบข้างเสียอีก

ชายคนนั้นสั่นไปด้วยความกลัวมันพยายามร้องขอชีวิตกับเขาราวกับคนเสียสติ ไม่สนใจตอบคำถามของเขา

ไนเรลจึงเรียกสติผู้ชายคนนั้นด้วยการเหยียบไปที่ขาอย่างแรง

“อ๊าคคค!!!” ชายคนนั้นแหกปากร้องด้วยความเจ็บปวดและกอดไปที่ขาดิ้นไปมาอย่างทุรนทุราย

“นายเป็นใคร มาจากค่ายไหน และมาทำอะไรแถวนี้” เขาถามออกไปด้วยเสียงที่เยือกเย็นอีกครั้ง

ในครั้งนี้ดูเหมือนชายคนนั้นจะได้สติความเจ็บปวดที่ขา เขากลัวว่าปีศาจตนนี้จะหักขาเขาอีกจึงตอบคำถามทุกคำถามที่ไนเรลถามออกมา

กลุ่มของชายคนนั้นมาจากโรงงานฆ่าสัตว์นอกเมืองแห่งหนึ่ง ปกครองโดยชายผู้เคยเป็นคนฆ่าสัตว์ ที่มีพละกำลังมหาศาล เขาฆ่าทุกคนที่พยายามจะหนี หรือไม่ยอมเป็นลูกน้อง แต่ตอนนี้กลุ่มของเขายึดหมู่บ้านแห่งหนึ่งไว้ ห่างจากที่นี่ไป 80 กิโลเมตร

กลุ่มของเขาเป็นพวกที่ออกมา ดักปล้นคนที่ผ่านไปมา บางครั้งก็จะจับตัวผู้หญิงและฆ่าผู้ชายทิ้ง

เหตุผลที่กลุ่มพวกเขาไม่เข้าร่วมกับค่ายก็เพราะว่ามันไม่สามารถทำแบบที่ใจอยากได้ ต้องทำงานแรกตั๋วอาหาร เพื่ออะไรในเมื่อโลกใบนี้แค่มีความแข็งแกร่งก็สามารถครองได้ทุกสิ่ง ทั้งผู้หญิง เงินทอง ผู้คน

ไนเรลไม่ปฏิเสธความคิดนี้ แต่ดูเหมือนพวกมันจะลืมไปว่าโลกใบนี้ยังมีกฎระเบียบที่เรียกว่า ผู้แข็งแกร่งกว่าอยู่

ในที่นี้ก็คือรัฐบาล

“พวกไฮยีน่าสินะ” เขาพึมพำออกมา

หลังจากที่เค้นความจริงได้แล้ว ไนเรลจับไปที่คอของชายคนนั้นอย่างรังเกียจและหักคอทิ้งทันทีโดยไม่สนใจเสียงร้องของมันเลยแม้แต่น้อย

ไฮยีน่าเป็นการเรียกกลุ่มที่ออกปล้นกลุ่มอื่น ๆ หรือโจรที่ปล้นฆ่าคนเป็นหลัก พวกนี้ไม่ได้มีแค่กลุ่มหรือสองกลุ่มแต่มีเยอะมาก พวกมันจะยึดและปล้นไปเรื่อย ๆ

กลุ่มของชายคนนี้เริ่มมีพฤติกรรมแบบพวกไฮยีน่าแล้ว ไนเรลคิดว่าคงต้องไปแจ้งทางค่ายให้รับรู้ไว้

แต่ทางนั้นจะจัดการหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะต้องไปสนใจอีก

ไนเรลจัดการศพทั้งหมดเพื่อไม่ให้มันกลายเป็นซอมบี้ ในขณะที่แมวน้อยเดินสำรวจไปรอบ ๆ เเละร้องออกมาเป็นบ้างครั้งเหมือนกับบอกเขาว่า “เหมียววว มี้ ง่าววว (จัดการได้ดีมากทาส) ”

ตอนนี้เริ่มมีซอมบี้ที่ตามเสียงปืนมาในบริเวณนี้มากขึ้น ดังนั้นเขาคงต้องออกจากที่นี่ในคืนนี้แล้ว

ไนเรลขับรถออกมาได้สักพักรถก็น้ำมันหมดลง เขาถึงกับแปลกใจและลงไปดูปรากฏว่าถังน้ำมันโดนยิง น้ำมันไหลออกเป็นทางจนหมด

“เอาดี” เขามองไปที่ซากกิ้งก่ายักษ์และแมวน้อยสลับไปมา

แมวน้อยรีบส่ายหัวและบอก “แม้ววว มี้ เหมียววว มี้ ม้าววว… (ตัวมะลิแค่นี้ลากไม่ไหวหรอก) ”

เขาก็ไม่ได้คิดจะให้มันลากอยู่แล้วแค่ขอความคิดเห็นเฉย ๆ

สุดท้ายเขาก็หาเถาวัลย์เส้นใหญ่เท่าท่อนแขนผูกกับตัวรถและซากกิ้งก่ายักษ์ แล้วออกเเรงลากมันต่อขณะที่แมวน้อยนั่งอยู่บนหัวกิ้งก่าส่งเสียงอารมณ์ดี เชียร์ให้เขาลากไปเร็ว ๆ โดยเจ้าคาปิบารานั่งกินหญ้าที่เก็บมาอยู่ด้านข้าง

“ไม่ได้ช่วยแล้วยังขึ้นไปถ่วงน้ำหนักอีก” ไนเรลบ่นไปก็ลากไป แต่แมวน้อยก็เถียงกลับมา “ม้าวว เหมียววว มี้ ง่าววว (ตัวใหญ่แค่กำปั้นจะไปหนักอะไร?) ”

……………………………………

ที่หน้าค่ายลี้ภัย 101 เช้าวันใหม่ แสงของดวงอาทิตย์ที่โผล่ขึ้นมากระทบกับน้ำค้างบนใบไม้

หน้าประตูค่ายทิศเหนือยังคงมีคนทยอยเดินทางเข้ามาเพื่อเข้ารับการตรวจและเข้าไปในค่ายอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้นอยู่ ๆ ก็มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมา ผู้คนโดยรอบร้องด้วยความตกใจรีบหาที่หลบกันอย่างวุ่นวาย

กำลังทหารรับออกมาจากค่าย ปืนใหญ่บนกำแพงเล็กไปที่กิ้งก่ายักษ์ที่กำลังใกล้เข้ามา

เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นไปด้านบนเพื่อสังเกตการณ์

“ยกเลิก! ยกเลิก! มันคือซากกิ้งก่ามีนักล่าลากมันมา”

เสียงทางวิทยุดังออกมาทุกคนก็คลายกังวลได้ เนื่องจากตัวของกิ้งก่าใหญ่ขนาดนั้นไม่รู้ว่าต้องยิงมันกี่นัดถึงจะตาย และหน่วยมนุษย์ชั้นสูงที่ทางกองทัพบอกก็ยังฝึกฝนกันอยู่ จึงยังไม่พร้อมที่จะปฏิบัติการได้แน่นอน

ไนเรลลากมันมาทั้งคืนและในที่สุดก็มาถึงค่าย

ไม่นานที่มาถึงทหารและเจ้าหน้าที่รัฐก็ออกมาหาเขาทันที

“หยุด!!!”

“ผมเป็นนักล่าที่ลงทะเบียนออกไปเมื่อวานนี้” ไนเรลก็บอกไปว่าเขาเป็นนักล่าที่ออกไปเมื่อวาน หลังจากที่พวกเขาเช็คเจอชื่อของไนเรล

พวกนั้นจึงให้เขาเข้าไปได้

ส่วนซากกิ้งก่าตามข้อตกลงเขาต้องแบ่งพวกมันให้ทางค่ายครึ่งหนึ่ง พวกทหารได้ใช้รถมาลากมันเข้าไป

เขาก็ไม่ได้มีข้อคัดค้านอะไร แต่แค่บอกไปว่ามันมีพิษ แต่ดูเหมือนทางรัฐบาลจะมีวิธีจัดการกับพิษ ดังนั้นเขาจึงให้ทางค่ายไปจัดการทั้งหมด ของเนื้อ 200 กิโลกรัม ส่วนที่เหลือแลกเป็นตั๋วอาหาร

เขายังคงเก็บหนังงู เขางู 1 คู่ เขี้ยวของงูยักษ์ไว้กับตนเอง โดยเขาคิดว่าจะให้เมสันจัดการ

หลังจากเขากลับออกไปภายในค่ายโดยเฉพาะบริเวณของสำนักงานนักล่าที่ทางรัฐบาลจัดขึ้น เกิดการโต้เถียงในหมู่ของนักล่าและมนุษย์ชั้นสูงจำนวนมากกว่า ‘มนุษย์ชั้นสูง 1 คนจัดการฆ่ากิ้งก่ายักษ์ ขั้น 2 ได้อย่างไร?’

แต่นั้นก็เป็นแค่การถกเถียงกันของพวกคนธรรมดา ส่วนพวกมนุษย์ชั้นสูงก็แบ่งออกเป็นสองพวกคือคนที่คิดว่าไนเรลทำได้ดีมากที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ชั้นสูงคือ ผู้ที่เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดา ส่วนอีกพวกก็อิจฉาหรือไม่สนใจและคิดว่าเขาก็แค่โชคดีในการจัดการมันได้

สุดท้ายหลังจากผ่านไปครึ่งวันทางรัฐบาลก็ยืนยันว่ากิ้งก่ายักษ์ที่เขาฆ่านั้นมันมีร่องรอยของการต่อสู้กับสัตว์กลายพันธุ์ตัวอื่น ๆ

ดังนั้นจึงสันนิฐานว่าไนเรลได้เจอซากของมันและนำกลับมา ส่วนเอามันขึ้นรถกลับมานั้นพวกเขายังไม่รู้

ภายในสำนักงานกลางประจำค่ายลี้ภัย 101

“เขาเป็นใคร?” รัฐมนตรีพาลเมอร์ถามออกมาขณะที่จัดการกับงานเอกสารบนโต๊ะ

รัฐมนตรีพาลเมอร์ ชายวัยอายุ 41 ปี ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้จัดการกับค่ายลี้ภัย 101 แห่งนี้

เลขาสาวของเขากล่าวออกมาในทันที “เขาเป็นมนุษย์ชั้นสูงที่เข้ามาเมื่อสองวันก่อน และลงทะเบียนเป็นนักล่าออกจากค่ายไปเมื่อวานและกลับมาพร้อมกับซากของกิ้งก่ายักษ์ในตอนเช้าวันนี้”

 

เธออธิบายบอกประวัติของไนเรลแบบสั้น ๆ รวมถึงตระกูลและครอบครัวในนั้นซึ่งรวมถึงนิเรีย น้องสาวของเขาที่พึ่งเข้าไปในหน่วยของโล่ด้วย

“ตระกูลอาโรเดีย…อืม” รัฐมนตรีพาลเมอร์ก็ดูเหมือนจะคิดบางอย่างอยู่สักพักเขาก็กล่าวออกมา “แจ้งเรื่องของคนตระกูลอาโรเดียไปที่สำนักงานรัฐบาลกลางที่เมืองใหม่ด้วย และส่งคนไปคอยจับตาดูสองพี่น้องไว้ โดยเฉพาะเด็กสาวที่ชื่อนิเรียที่มีความสามารถระดับ S เธออันตรายเกินไป”

พาลเมอร์อ่านแฟ้มประวัติของนิเรีย นี่มันคือความสามารถของนักฆ่า เขากลัวว่าเธอจะเดินตามรอยปู่ของเธอ ถึงแม้เธอจะเป็นเด็กสาว 14 แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะให้ทุกสิ่งที่เป็นภัยต่อประเทศหลุดรอดสายตาไปได้เด็ดขาด

“ส่วนเรื่องหนังของสัตว์กลายพันธุ์ที่เขาเอากลับมาด้วยลองไปสอบถามดูว่าเขาตกลงที่จะขายมันทั้งหมดให้กับทางค่ายไหม ถ้าเขามีข้อเสนอไม่มากก็ยอมรับไป”

หลังจากพูดจบพาลเมอร์ก็จัดการงานต่อโดยเฉพาะเรื่องของฝูงซอมบี้ที่กำลังเคลื่อนที่มาจากเมือง และทางรถไฟที่ทางรัฐบาลกลางเร่งให้เขาจัดการเคลียร์เส้นทางเพื่อใช้ในการติดต่อกับค่ายอื่น ๆ

…………………………………..

ไนเรลกลับมาที่ห้องเขาก็เห็นดามินและเจคอบที่รออยู่เพราะไนเรลไม่กลับมาทั้งคืนพวกเขาจึงเป็นห่วง แต่ก็ยังไม่ได้แจ้งนิเรียว่าไนเรลหายตัวไป เขาอธิบายให้ทั้งสองคนเข้าใจแบบง่าย ๆ

จากนั้นก็จัดการกับสภาพของตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือดของกิ้งก่าและคนที่เขาฆ่าไป 12 คนทันที

หลังจากอาบน้ำเสร็จเขาก็หาที่งีบหลับ แต่ไม่นานทางสำนักงานกลางของค่าย 101 ก็ส่งคนมาหาเขา

ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง!

เขาเปิดประตูออกไป ก็เจอกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางที่มาพร้อมกับตำรวจ 2 นาย “สวัสดีครับ ผมพีทเจ้าหน้าที่จากส่วนรัฐ”

ไนเรลมองไปที่พีทจากนั้นก็เชิญเขาเข้าไปด้านใน

“นี่คือตั๋วอาหารมูลค่า 200,000 ของคุณ ส่วนเนื้อกลายพันธุ์ในส่วนของคุณเราได้จัดเก็บมันไว้ในโกดังให้แล้ว แต่ตรงส่วนนี้คุณจะต้องเสียค่าเช่าเพื่อแช่เย็นเนื้อเหล่านั้น” พีทอธิบายและส่งลูกกุญแจมาให้มันคือกุญแจของโกดังนั้นเอง

เขาแค่พยักหน้าตอบและหยิบกุญแจมา แต่เมื่อมองไปที่พีทดูเหมือนเขาจะต้องการพูดบางอย่าง

“คุณยังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่?” ไนเรลถามออกมา

พีทรีบพูดทันที “ผมได้รับคำสั่งให้มาถามคุณว่าต้องการจะขายหนังงูกลายพันธุ์หรือไม่ ทางเรายินดีรับซื้อในราคาที่คุณพอใจอย่างแน่นอน ถ้าคุณสนใจก็ติดต่อมาตามที่อยู่นี้ได้เลย” เขาส่งนามบัตรสีขาวให้กับไนเรล

หลังจากนั้นพีทก็ขอตัวกลับไป ไนเรลหยิบนามบัตรขึ้นมาดูมันเป็นของบริษัทยักษ์ใหญ่เอกชนแห่งหนึ่ง

บริษัทพาราซัส เป็นบริษัทและกลุ่มนายทุนข้ามชาติขนาดใหญ่ ควบคุมการวิจัยด้านยา พันธุ์พืชและสัตว์ อีกทั้งยังมีบริษัทลูกที่จัดการด้านอาวุธและอื่น ๆ อีก

“ดูเหมือนว่าในครั้งนี้คนของรัฐบาลบางส่วนก็ยังถูกซื้อตัวไปเช่นเคย” ไนเรลพึมพำออกมา มันไม่ได้มีแค่บริษัทเอกชนที่ต้องการเข้ามาควบคุม ตอนนี้แม้แต่พวกผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ ก็ทำการดึงตัวและเข้ามาหาผลประโยชน์ บางกลุ่มถึงกับแอบตั้งกลุ่มและกองกำลังของตัวเองอย่างลับ ๆ เพื่อรอโอกาส

ถึงรัฐบาลรู้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะพวกเขาก็ยังต้องการ คนเหล่านี้ในการสนับสนุนในด้านทรัพยากรและกำลังคน

ตอนนี้มันกลายเป็นเกมการเมือง ระหว่างราชาและพ่อค้า ถ้าทหารราชาอ่อนแอเมื่อไหร่ พอค้าก็จะใช้เงินจัดการสังหารราชาและกลายเป็นราชาซะเอง

ในช่วงบ่ายยังคงมีคนจากกลุ่มต่าง ๆ มาหาเขาแม้แต่นักเลงที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงหนุนหลังก็ยังมาข่มขู่เขา แต่มันก็โดนจัดการซะอยู่หมัด

ด้วยความลำคานเขาจึงออกไปข้างนอก โดยที่ดามินเจคอบ1และแมวน้อยกับเจ้าคาปิบาราตามมาด้วยพวกเขาจะไปหาที่อยู่ใหม่กัน

ที่นี่เป็นเขตที่พักของเจ้าหน้าที่ รัฐสามารถเช่าได้เท่านั้น และคนที่อยู่ที่นี่ก็เป็นครอบครัวหรือญาติของเจ้าหน้าที่รัฐ

มันต่างกันกับส่วนอื่น ๆ ของค่ายมาก ที่นี่มีตำรวจคอยดูแลอยู่ตลอด ไม่มีคนเร่ร่อนหรือขอทานเลยแม้แต่น้อย

เขาสามารถซื้อบ้านหลังนี้ได้โดยใช้ชื่อน้องสาวแต่ดูเหมือนเธอกำลังอยู่ในหน่วยฝึกเขาจึงจัดการทุกอย่างแทน

ตกเย็นเขาก็ออกไปข้างนอกคนเดียวเพื่อไปหาเมสัน

โดยเดินผ่านส่วนที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม และเขตก่อสร้าง ซึ่งตอนนี้ยังมีคนงานกะดึกทำงานกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะส่วนของกำแพงที่ยังสร้างอยู่ และโรงงานทำเหล็กรางรถไฟ

เขาผ่านเขตที่คนธรรมดาอยู่ มันดูแออัดและสกปรกเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นย่านที่คึกคักและมีสีสันที่สุดในค่ายเพราะมันมีผับบาร์ ร้านเหล้า และบ่อนการพนันที่ถูกควบคุมโดยพวกใต้ดิน

“คนพวกนี้ช่างฟุ่มเฟือย” ไนเรลมองไปที่เหล่านี้ และในตอนนั้นเองสาวขายบริการคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+