Regressor Instruction Manual 86 ชายชราผู้บ้าคลั่ง (2)

Now you are reading Regressor Instruction Manual Chapter 86 ชายชราผู้บ้าคลั่ง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 86 ชายชราผู้บ้าคลั่ง (2)

 

“นั่นฟังดูดีนะ”

 

“ผมไม่รู้ว่าคุณมีจิตใจเข้มแข็งถึงขนาดที่คิดถึงการพัฒนากิลด์ให้ดีขึ้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

 

ลีซอลโฮกล่าวขึ้น แต่ไม่มีใครหัวเราะกับเขา

 

“….”

 

“นั่นเป็นเรื่องปกติ” ผมพึมพำ

 

‘อย่างที่ผมพูดไป เขาบ้าไปแล้ว…’

 

ผมไม่รู้ว่าตาแก่อย่างลีซอลโฮมีส่วนร่วมกับบลูกิลด์ในอดีตอย่างไร แต่การได้เห็นลีซังฮีแสดงความเคารพต่อชายชราอย่างเขา ทําให้ผมคิดว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ่งกับหัวหน้ากิลด์ที่หายไป แต่ผมก็คิดว่าการรับรู้มันไม่ใช่เรื่องสําคัญ

 

มันรู้สึกไม่มั่นคง เมื่อรู้ว่าความตั้งใจของกลุ่มผมและแผนการของเขาตรงกัน

 

“เราได้อาชีพที่สามแล้ว ดังนั้นเราอาจจะพอช่วยได้บ้าง” ผมกล่าว

 

“อืม พวกคุณทุกคนสุดยอดจริง ๆ ช่างคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป…” ซอลโฮแสดงความคิดเห็น

 

“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณการสนับสนุนของกิลด์เราไม่ใช่เหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า…” เขากล่าวเสริม

 

ฮวังจองยอนจ้องมองลีซอลโฮด้วยความสงสัย มันเป็นเรื่องทั่วไปสําหรับเธอที่จะทําเช่นนั้น ชายคนนี้ไม่เคยรู้จักในแง่ของการเป็นคนมองโลกในแง่ดี ดังนั้นการแดงออกที่พึ่งพอใจอย่างกะทันหันของเขา จึงน่าสงสัยจากคนอื่น ๆ ที่รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร

 

“แม้จะมีคนอื่น ๆ ที่เต็มใจจะเข้าร่วม แต่ก็ยังมีคนที่ยืนยันจะอยู่เพื่อปกป้องกิลด์ คุณไม่เคยคิดที่จะมีส่วนร่วมเองก่อนที่จะผลักดันให้คนอื่นทําบ้างเหรอ?”

 

ผมรู้ว่าคําพูดนี้ถูกสร้างขึ้นให้ทุกคนกลัวจะเข้าร่วม ไม่ใช่แค่การแสดงออกของลีซอลโฮเท่านั้นที่ทําให้ทุกคนรู้สึกลําบากใจ แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้น สมาชิกคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่ก็แสดงออกเช่นเดียวกัน

 

“อืม…”

 

“แต่มันยากสําหรับเราที่จะยืนอยู่แนวหน้า…”

 

“ผมไม่คิดว่าเราจะสามารถใช้พลังที่จําเป็น…”

 

“ทุกคนที่นี่มีบทบาทที่แตกต่างเพื่อให้กิลด์ดําเนินต่อไปไม่ใช่เหรอ? เราไม่ใช่นักสู้ตั้งแต่แรก แม้ลีซอลโฮจะเกษียณอายุแล้ว แต่มันยังยากสําหรับเราที่จะยืนอยู่ในแนว หน้า”

 

“ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยค่ะ สําหรับตัวฉันเอง มันดูเหมือนว่าพวกนายกําลังหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ”

 

” เธอพูดอะไรออกมา?”

 

“ฉันไม่คิดว่าตัวเองคิดผิด พูดตามตรงก็ได้นะคะว่าพวกนายไม่อยากไป”

 

“ที่มันไม่รุนแรงเกินไปหน่อยเหรอ!”

 

“ฉันคิดว่าคุณรู้นะคะ ว่าใครในหมู่พวกเราที่แสดงความเห็นแก่ตัวในตอนนี้”

 

อารมณ์ที่ปะทะกัน เป็นเรื่องธรรมดาสําหรับฮวังจองยอนที่จะตั้งสมมติฐานนี้ ใคร ๆ ก็เคยทําเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเราคงไม่สามารถทําอะไรกับมันได้

 

พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกองกําลังที่ไม่ใช่นักสู้อย่างไม่ต้องสงสัย มันคงไม่สมเหตุสมผลที่จะพาพวกเขามากับเรา พวกเขาอาจจะกลายเป็นอุปสรรค

 

“พวกคุณไร้ยางอายจริง ๆ…”

 

มันอาจจะเป็นความเข้าใจผิด แต่ผมเกือบจะได้เห็นลีซอลโฮและคนอื่น ๆ ต้องการให้เราเสียชีวิตจากการเดินทางครั้งต่อไป มันจะเป็นโอกาสที่ดีในการควบคุมสิ่งต่าง ๆ

 

หากนักสู้ทุกคนไม่สามารถรอดชีวิตกลับมาในดันเจี้ยนระดับฮีโรอิคได้ พวกเขาจะละเมิดระบบใหม่ตามอิทธิพลที่บลูกิลด์ได้รับการปลูกฝัง โดยมีลีซอลโฮอยู่ตรงกลาง

 

โลกกําลังเปลี่ยนไป ไม่มีทางที่ตาแก่อย่างเขาจะพาบลูกิลด์กลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีต แต่มันจะเป็นเวลาเหมาะสมอย่างยิ่งสําหรับพวกเขาที่จะขายกิลด์

 

‘แน่นอน ทุกอย่างจะจบลงที่เงิน’

 

แม้จะไม่มีนักสู้เหลืออยู่ในกิลด์ แต่ความมั่งคั่ง โครงสร้างพื้นฐานและกิลด์เฮาส์ยังมีค่า

 

ผมเคยคิดว่าคิมฮยอนซองกําลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่แล้ว ทําไมพวกเขาถึงไม่คิดแบบเดียวกันล่ะ? สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือทําไมลีซอลโฮถึงดูเหมือนเป็นผู้บงการของพวกเขา

 

‘เขามีคนหนุนหลัง?’

 

ผมเกือบจะแน่ใจแล้ว คนแก่ที่ไม่รับความเสี่ยง การพนันมีโอกาสกระทํามากขึ้นสําหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า ที่ต้องการมีชีวิตมันคง

 

ผมแทบจะเดิมพันได้ว่าเหตุผลเดียวที่ชายชราเหล่านี้สามารถดํารงตําแหน่งในกิลด์

 

แต่มันก็ไม่สําคัญ พวกเขาต้องรับผิดชอบต่อความเสื่อมโทรมของกิลด์

 

เมื่อบรรยากาศดูกดดันขึ้น ลีซอลโฮก็เปิดปากพูดขึ้นอีกครั้ง

 

“ได้โปรดหยุดมันด้วยครับ คนอื่น ๆ จะรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่คุณกําลังทําเช่นกันวันนี้จองยอนดูตื่นเต้นผิดปกติ”

 

“หัวหน้า แต่ว่า…”

 

“คุณไม่สามารถพาเจ้าหน้าที่ธุรการไปที่ดันเจี้ยนได้ เช่นเดียวกับลีชอลโฮ เมื่อพิจารณาว่าคุณเกษียณอายุไปแล้ว และไม่ได้มีสภาพดีนัก การไปกับคุณไม่ใช่ทางเลือกที่สมเหตุผล แน่นอนค่ะว่าฉันรู้ว่าจองยอนรู้สึกอย่างไร ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกันค่ะ จริง ๆ แล้วฉันไม่พอใจกับสิ่งที่คุณทั้งคู่กําลังทําอยู่ในตอนนี้”

 

“อา…”

 

“อืม”

 

“ผมช่วยไม่ได้…”

 

“เมื่อก่อนมันไม่เป็นแบบนี้ค่ะ…ฉันรู้สึกอายที่ต้องแสดงความไม่เป็นมืออาชีพแบบนี้ต่อหน้าที่ยองและฮยอนซอง บลูกิลด์ที่ฉันจินตนาการไว้ไม่ใช่แบบนี้ แน่นอนการกระทําของ คุณมีเหตุผลแน่นอนว่าคุณไม่สามารถออกไปที่ดันเจี้ยนพร้อมกับคนที่ไม่ใช่นักสู้ ฉันยังรู้ว่าสภาพร่างกายของคุณไม่เหมือนเมื่อก่อน อย่างไรก็ตาม…ฉันรู้สึกผิดหวังจริง ๆ ที่เห็นว่าพวกคุณทุกคนเลือกที่จะแสดงความผิดหวังของตัวเองอย่างไร ไม่สิ อันที่จริงฉันผิดหวังที่สุดกับการที่ตัวเองไร้ความสามารถ

 

ผมรู้ว่าความเสียใจเกิดขึ้นบนใบหน้าทั้งสองฝ่าย เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ ความผิดนี้จะไม่หายไป เว้นแต่พวกเขาอาสาจะเข้าร่วม นอกจากนี้ผมยังรู้สึกได้ถึงความผิดหวังของลีซังฮี เธอคงรู้สึกเหมือนว่าเธอละทิ้งฮยอนซองและผมจากการได้ รับประสบการณ์ในกิลด์ที่เหมาะสม

 

ลีซังฮีเริ่มมองมาในทิศทางของเราอย่างช้า ๆ ผมรู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร ก่อนที่เธอจะเปิดปากขึ้นด้วยซ้ํา

 

“ฮยอนซองและกียอง”

 

” ครับ?”

 

” ครับ?”

 

“ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะที่ต้องย้อนคําพูดก่อนหน้า พวกคุณช่วยออกเดินทางครั้งนี้ไปพร้อมกับพวกเราได้ไหมคะ?”

 

เสียงของลีซังฮีสั่น เมื่อเธอก้มหน้าและมีน้ําตาที่เริ่มเอ่อล้นจากดวงตาของเธอ

 

‘สถานการณ์นี้ทําให้เธอเปลี่ยนใจ’

 

หากสิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอคงจะไม่ยอมให้เราเข้าร่วม

 

‘นั่นเป็นเหตุผล’

 

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเรายังมีโอกาสรอด แม้จะมีค่าสถานะแค่ 60 และอาชีพที่สามก็ตาม ผมรู้ว่าลีซังฮีได้คํานึงถึงเรื่องนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทําให้เธอเปลี่ยนใจ

 

ผมเข้าใจความเร่งด่วน นี่เป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่ บลูกิลด์เคยประสบมา และเราต้องการกําลังคนทั้งหมดที่สามารถหาได้ แม้เราจะขาดแคลนก็ตาม เราไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามีใครจากกลุ่มที่หายไปยังมีชีวิตรอดหรือไม่ เมื่อเราไปถึงที่นั่น

 

ผมเข้าใจว่าทําไม เธอถึงเต็มใจเปิดรับทุกโอกาสที่มี

 

คําตอบของคิมฮยอนซองต่อคําขอจากใจจริงของลีซังฮี นั้นชัดเจน

 

“แน่นอนครับ”

 

ผมยิ้มให้กับคําตอบของเขา

 

“ขอบคุณค่ะ” ซังฮีกล่าว

 

“เราแค่ทําในสิ่งที่ควรทํา” ฮยอนซองกล่าวเสริม

 

ลีซังฮีพยักหน้าและพูดอีกครั้ง

 

“จากนั้นฉันจะเตรียมพร้อมสําหรับการส่งทีมกู้ภัย เราจะออกเดินทางทันที”

 

“ได้ครับ ตามที่คุณบอก”

 

“ดังนั้นมันก็คือ หน่วยที่สองและเจ็ดจะไปกับฉัน ช่วยเตรียมตัวให้เร็วที่สุดด้วยค่ะ เราจะออกเดินทางในอีกครึ่งชั่วโมง

 

“ได้ครับ คุณผู้หญิง”

 

“สําหรับผู้ที่จะยังอยู่ในกิลด์ ช่วยไปพบกับกิลด์อื่น ๆ รวมถึงเรดเมอร์เซนนารีด้วย โปรดส่งข้อมูลสํารองไปยังคณะ สํารวจทันที่ที่มีการติดต่อกลับ”

 

“แน่นอน”

 

“ดวงตาของฉัน…”

 

ลีซังฮีร้องและเปลี่ยนความสนใจไปหาลีชอลโฮ

 

“ครับ ลีซังฮี?” ซอลโฮถาม

 

“ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทําให้ฉันผิดหวัง และฉันเลือกที่จะเชื่อในตัวคุณ” ซังฮีกล่าว

 

ชายชราคนนี้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ด้วยน้ําเสียงที่เหมือนจะจริงใจ

 

“ผมจะตอบแทนความเชื่อของคุณ ลีซังฮี ทันที่ที่เราติดต่อกับกิลด์อื่น ๆ ได้ เราจะส่งกําลังเสริมไปคุณอย่างแน่นอน”

 

“ขอบคุณค่ะ”

 

เมื่อถึงตอนนั้นลีซังฮีก็วิ่ง โดยไม่ต้องการที่จะรออีกต่อไป ฮวังจองยอนทําตามอย่างเหมาะสม และแม้แต่สมาชิกฝ่ายบริหารก็เคลื่อนไหวด้วยความรู้สึกเร่งรีบ ดังนั้นคิมฮยอนซอง และผมจึงทําเช่นกัน

 

หลังจากลงมาที่ชั้นหนึ่ง ผมก็เห็นสมาชิกที่เหลือของเรารวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าซันฮียองเป็นผู้รับผิดชอบ ดูเหมือนว่าการเตรียมตัวสําหรับการเดินทางไม่จําเป็นต้องได้รับการดูแลอีกต่อไป

 

นี่เป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบสําหรับทักษะของผม เนื่องจากผมได้ทํามากกว่าแค่เตรียมตัวสําหรับการสํารวจ

 

‘น่าเสียดาย…’

 

ลีซังฮีเป็นคนดี อย่างไรก็ตามเธอไม่ใช่ผู้นําในอุดมคติ พูดง่าย ๆ ก็คือผมพบว่าวิธีคิดของเธอนั้นบกพร่อง

 

แน่นอนว่าความเชื่อเป็นเครื่องมือที่ดีในการติดต่อกับผู้คนมากมาย

 

ลีซังฮีอาจมีความรู้สึกเดียวกันกับลีซอลโฮและลูกน้องทิ้ง เง่าของเขาอย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่าซอลโฮจะจ่ายส่วยให้กับศรัทธาที่เธอมอบให้

 

ผมไม่รู้ถึงที่มาของความเชื่ออันลึกซึ้งของลีซังฮี แต่ผมเดาได้ว่าทําไม – เธอมีความเชื่อกับคนที่เธออยู่ด้วยมาเป็นเวลานาน และเธอเชื่อว่าแม้ว่ากิลด์จะตกอยู่ในอันตราย แต่พวกเขาก็จะอยู่ด้วยกันไปจนจบ

 

ไม่สําคัญว่าผมจะคิดถูกหรือผิด ความเชื่อแบบนั้นมักจะถูกหักหลังด้วยการทรยศ ในความคิดของผม ตาแก่เหล่านี้ ไม่ได้แตกต่างจากคนยากจนที่ทําร้ายซันฮียอง ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวของพวกเขาคือความจริงที่ว่าพวกเขาโชคดีพอที่จะทําคะแนนได้ และพวกเขายังรู้วิธีที่จะผลักดันให้คนอื่นก้าวไปข้างหน้าแทนตัวเอง

 

ผมไม่สามารถตําหนิพวกเขาที่เลือกวิธีดังกล่าว อย่างไรก็ตามมันก็หมายความว่าพวกเขามีความสามารถอย่างอื่น นอกจากกลอุบายนี้

 

‘ความเชื่อเหล่านั้น…’

 

มันเป็นอารมณ์ที่ติดค้าง ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายรู้ว่าพวกเขายังสามารถหาประโยชน์จากกันและกันได้ในสายตาของตาแก่เหล่านี้ พวกเขาอาจมองไม่เห็นประโยชน์ใด ๆ ที่จะมาจากการช่วยเหลือลีซังฮี

 

“เราจะออกเดินทางภายในสามสิบนาที…”

 

” เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”

 

“ไม่มีอะไรหรอกฮายัน”

 

“อยากให้ฉันทําอะไรอีกไหมคะพี่?”

 

“อืม ฮายัน เธอช่วยหยิบอะไรสักอย่างให้ฉันหน่อยได้ไหม”

 

“คะ?”

 

“ฉันต้องไปทําธุระตอนนี้…ฉันมีเวลาไม่มากน่ะ”

 

“แน่นอนคะ ”

 

คิมเยริซึ่งมองมาทางผมด้วยสีหน้าสงสัย ก็เริ่มเดินเข้ามาหาผมทันที หลังจากที่จองฮายันวิ่งออกไป

 

‘ฮะ เธอสังเกตเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว’

 

“เธอช่วยไปทําธุระให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

 

เธอพยักหน้าตอบรับ

 

“มันจะช่วยฮยอนซองได้มาก”

 

“ตกลง”

 

“เธอช่วยส่งจดหมายไปหาคนชื่อลีจีฮเยจากกิลด์แบล็คสวอนได้ไหม?”

 

“ลี จี-เฮ?”

 

“ครับ ลีจีฮเย ถ้าเป็นไปได้ คงจะดีกว่าถ้าไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งที่เธอทําพยายามอย่าแอบอ่านมันล่ะ”

 

“แต่ว่า…”

 

“แค่เธอบอกว่าฉันส่งเธอมา พวกเขาจะตอบรับอย่างแน่นอน แต่เธอต้องไปให้เร็วที่สุด”

 

“ตกลง…”

 

เธอหายไปในพริบตาเดียว ความคิดของผมตกอยู่ในความสับสนตอนนี้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ําว่าตัวเองทําในสิ่งที่ถูกหรือผิดอย่างไรก็ตามผมรู้ว่าตัวเองคิดถูกในระดับหนึ่ง

 

ทําไมล่ะ? อาจมีบางคนถาม

 

เพราะผมรู้ว่าไม่มีอะไรดีจากการใส่ความเชื่อมั่นกับกลุ่มคนที่รู้ว่าเป็นศัตรูของผม

 

“เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสําหรับการแสดง…”

 

ผมรู้ว่าจําเป็นต้องเริ่มลบผู้บริหารที่เน่าเฟะออกจากกิลด์แล้ว

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Regressor Instruction Manual 86 ชายชราผู้บ้าคลั่ง (2)

Now you are reading Regressor Instruction Manual Chapter 86 ชายชราผู้บ้าคลั่ง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 86 ชายชราผู้บ้าคลั่ง (2)

 

“นั่นฟังดูดีนะ”

 

“ผมไม่รู้ว่าคุณมีจิตใจเข้มแข็งถึงขนาดที่คิดถึงการพัฒนากิลด์ให้ดีขึ้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

 

ลีซอลโฮกล่าวขึ้น แต่ไม่มีใครหัวเราะกับเขา

 

“….”

 

“นั่นเป็นเรื่องปกติ” ผมพึมพำ

 

‘อย่างที่ผมพูดไป เขาบ้าไปแล้ว…’

 

ผมไม่รู้ว่าตาแก่อย่างลีซอลโฮมีส่วนร่วมกับบลูกิลด์ในอดีตอย่างไร แต่การได้เห็นลีซังฮีแสดงความเคารพต่อชายชราอย่างเขา ทําให้ผมคิดว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ่งกับหัวหน้ากิลด์ที่หายไป แต่ผมก็คิดว่าการรับรู้มันไม่ใช่เรื่องสําคัญ

 

มันรู้สึกไม่มั่นคง เมื่อรู้ว่าความตั้งใจของกลุ่มผมและแผนการของเขาตรงกัน

 

“เราได้อาชีพที่สามแล้ว ดังนั้นเราอาจจะพอช่วยได้บ้าง” ผมกล่าว

 

“อืม พวกคุณทุกคนสุดยอดจริง ๆ ช่างคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป…” ซอลโฮแสดงความคิดเห็น

 

“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณการสนับสนุนของกิลด์เราไม่ใช่เหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า…” เขากล่าวเสริม

 

ฮวังจองยอนจ้องมองลีซอลโฮด้วยความสงสัย มันเป็นเรื่องทั่วไปสําหรับเธอที่จะทําเช่นนั้น ชายคนนี้ไม่เคยรู้จักในแง่ของการเป็นคนมองโลกในแง่ดี ดังนั้นการแดงออกที่พึ่งพอใจอย่างกะทันหันของเขา จึงน่าสงสัยจากคนอื่น ๆ ที่รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไร

 

“แม้จะมีคนอื่น ๆ ที่เต็มใจจะเข้าร่วม แต่ก็ยังมีคนที่ยืนยันจะอยู่เพื่อปกป้องกิลด์ คุณไม่เคยคิดที่จะมีส่วนร่วมเองก่อนที่จะผลักดันให้คนอื่นทําบ้างเหรอ?”

 

ผมรู้ว่าคําพูดนี้ถูกสร้างขึ้นให้ทุกคนกลัวจะเข้าร่วม ไม่ใช่แค่การแสดงออกของลีซอลโฮเท่านั้นที่ทําให้ทุกคนรู้สึกลําบากใจ แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้น สมาชิกคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่ก็แสดงออกเช่นเดียวกัน

 

“อืม…”

 

“แต่มันยากสําหรับเราที่จะยืนอยู่แนวหน้า…”

 

“ผมไม่คิดว่าเราจะสามารถใช้พลังที่จําเป็น…”

 

“ทุกคนที่นี่มีบทบาทที่แตกต่างเพื่อให้กิลด์ดําเนินต่อไปไม่ใช่เหรอ? เราไม่ใช่นักสู้ตั้งแต่แรก แม้ลีซอลโฮจะเกษียณอายุแล้ว แต่มันยังยากสําหรับเราที่จะยืนอยู่ในแนว หน้า”

 

“ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยค่ะ สําหรับตัวฉันเอง มันดูเหมือนว่าพวกนายกําลังหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ”

 

” เธอพูดอะไรออกมา?”

 

“ฉันไม่คิดว่าตัวเองคิดผิด พูดตามตรงก็ได้นะคะว่าพวกนายไม่อยากไป”

 

“ที่มันไม่รุนแรงเกินไปหน่อยเหรอ!”

 

“ฉันคิดว่าคุณรู้นะคะ ว่าใครในหมู่พวกเราที่แสดงความเห็นแก่ตัวในตอนนี้”

 

อารมณ์ที่ปะทะกัน เป็นเรื่องธรรมดาสําหรับฮวังจองยอนที่จะตั้งสมมติฐานนี้ ใคร ๆ ก็เคยทําเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเราคงไม่สามารถทําอะไรกับมันได้

 

พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกองกําลังที่ไม่ใช่นักสู้อย่างไม่ต้องสงสัย มันคงไม่สมเหตุสมผลที่จะพาพวกเขามากับเรา พวกเขาอาจจะกลายเป็นอุปสรรค

 

“พวกคุณไร้ยางอายจริง ๆ…”

 

มันอาจจะเป็นความเข้าใจผิด แต่ผมเกือบจะได้เห็นลีซอลโฮและคนอื่น ๆ ต้องการให้เราเสียชีวิตจากการเดินทางครั้งต่อไป มันจะเป็นโอกาสที่ดีในการควบคุมสิ่งต่าง ๆ

 

หากนักสู้ทุกคนไม่สามารถรอดชีวิตกลับมาในดันเจี้ยนระดับฮีโรอิคได้ พวกเขาจะละเมิดระบบใหม่ตามอิทธิพลที่บลูกิลด์ได้รับการปลูกฝัง โดยมีลีซอลโฮอยู่ตรงกลาง

 

โลกกําลังเปลี่ยนไป ไม่มีทางที่ตาแก่อย่างเขาจะพาบลูกิลด์กลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ในอดีต แต่มันจะเป็นเวลาเหมาะสมอย่างยิ่งสําหรับพวกเขาที่จะขายกิลด์

 

‘แน่นอน ทุกอย่างจะจบลงที่เงิน’

 

แม้จะไม่มีนักสู้เหลืออยู่ในกิลด์ แต่ความมั่งคั่ง โครงสร้างพื้นฐานและกิลด์เฮาส์ยังมีค่า

 

ผมเคยคิดว่าคิมฮยอนซองกําลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่แล้ว ทําไมพวกเขาถึงไม่คิดแบบเดียวกันล่ะ? สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือทําไมลีซอลโฮถึงดูเหมือนเป็นผู้บงการของพวกเขา

 

‘เขามีคนหนุนหลัง?’

 

ผมเกือบจะแน่ใจแล้ว คนแก่ที่ไม่รับความเสี่ยง การพนันมีโอกาสกระทํามากขึ้นสําหรับผู้ที่อายุน้อยกว่า ที่ต้องการมีชีวิตมันคง

 

ผมแทบจะเดิมพันได้ว่าเหตุผลเดียวที่ชายชราเหล่านี้สามารถดํารงตําแหน่งในกิลด์

 

แต่มันก็ไม่สําคัญ พวกเขาต้องรับผิดชอบต่อความเสื่อมโทรมของกิลด์

 

เมื่อบรรยากาศดูกดดันขึ้น ลีซอลโฮก็เปิดปากพูดขึ้นอีกครั้ง

 

“ได้โปรดหยุดมันด้วยครับ คนอื่น ๆ จะรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่คุณกําลังทําเช่นกันวันนี้จองยอนดูตื่นเต้นผิดปกติ”

 

“หัวหน้า แต่ว่า…”

 

“คุณไม่สามารถพาเจ้าหน้าที่ธุรการไปที่ดันเจี้ยนได้ เช่นเดียวกับลีชอลโฮ เมื่อพิจารณาว่าคุณเกษียณอายุไปแล้ว และไม่ได้มีสภาพดีนัก การไปกับคุณไม่ใช่ทางเลือกที่สมเหตุผล แน่นอนค่ะว่าฉันรู้ว่าจองยอนรู้สึกอย่างไร ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกันค่ะ จริง ๆ แล้วฉันไม่พอใจกับสิ่งที่คุณทั้งคู่กําลังทําอยู่ในตอนนี้”

 

“อา…”

 

“อืม”

 

“ผมช่วยไม่ได้…”

 

“เมื่อก่อนมันไม่เป็นแบบนี้ค่ะ…ฉันรู้สึกอายที่ต้องแสดงความไม่เป็นมืออาชีพแบบนี้ต่อหน้าที่ยองและฮยอนซอง บลูกิลด์ที่ฉันจินตนาการไว้ไม่ใช่แบบนี้ แน่นอนการกระทําของ คุณมีเหตุผลแน่นอนว่าคุณไม่สามารถออกไปที่ดันเจี้ยนพร้อมกับคนที่ไม่ใช่นักสู้ ฉันยังรู้ว่าสภาพร่างกายของคุณไม่เหมือนเมื่อก่อน อย่างไรก็ตาม…ฉันรู้สึกผิดหวังจริง ๆ ที่เห็นว่าพวกคุณทุกคนเลือกที่จะแสดงความผิดหวังของตัวเองอย่างไร ไม่สิ อันที่จริงฉันผิดหวังที่สุดกับการที่ตัวเองไร้ความสามารถ

 

ผมรู้ว่าความเสียใจเกิดขึ้นบนใบหน้าทั้งสองฝ่าย เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ ความผิดนี้จะไม่หายไป เว้นแต่พวกเขาอาสาจะเข้าร่วม นอกจากนี้ผมยังรู้สึกได้ถึงความผิดหวังของลีซังฮี เธอคงรู้สึกเหมือนว่าเธอละทิ้งฮยอนซองและผมจากการได้ รับประสบการณ์ในกิลด์ที่เหมาะสม

 

ลีซังฮีเริ่มมองมาในทิศทางของเราอย่างช้า ๆ ผมรู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร ก่อนที่เธอจะเปิดปากขึ้นด้วยซ้ํา

 

“ฮยอนซองและกียอง”

 

” ครับ?”

 

” ครับ?”

 

“ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะที่ต้องย้อนคําพูดก่อนหน้า พวกคุณช่วยออกเดินทางครั้งนี้ไปพร้อมกับพวกเราได้ไหมคะ?”

 

เสียงของลีซังฮีสั่น เมื่อเธอก้มหน้าและมีน้ําตาที่เริ่มเอ่อล้นจากดวงตาของเธอ

 

‘สถานการณ์นี้ทําให้เธอเปลี่ยนใจ’

 

หากสิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอคงจะไม่ยอมให้เราเข้าร่วม

 

‘นั่นเป็นเหตุผล’

 

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเรายังมีโอกาสรอด แม้จะมีค่าสถานะแค่ 60 และอาชีพที่สามก็ตาม ผมรู้ว่าลีซังฮีได้คํานึงถึงเรื่องนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทําให้เธอเปลี่ยนใจ

 

ผมเข้าใจความเร่งด่วน นี่เป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่ บลูกิลด์เคยประสบมา และเราต้องการกําลังคนทั้งหมดที่สามารถหาได้ แม้เราจะขาดแคลนก็ตาม เราไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามีใครจากกลุ่มที่หายไปยังมีชีวิตรอดหรือไม่ เมื่อเราไปถึงที่นั่น

 

ผมเข้าใจว่าทําไม เธอถึงเต็มใจเปิดรับทุกโอกาสที่มี

 

คําตอบของคิมฮยอนซองต่อคําขอจากใจจริงของลีซังฮี นั้นชัดเจน

 

“แน่นอนครับ”

 

ผมยิ้มให้กับคําตอบของเขา

 

“ขอบคุณค่ะ” ซังฮีกล่าว

 

“เราแค่ทําในสิ่งที่ควรทํา” ฮยอนซองกล่าวเสริม

 

ลีซังฮีพยักหน้าและพูดอีกครั้ง

 

“จากนั้นฉันจะเตรียมพร้อมสําหรับการส่งทีมกู้ภัย เราจะออกเดินทางทันที”

 

“ได้ครับ ตามที่คุณบอก”

 

“ดังนั้นมันก็คือ หน่วยที่สองและเจ็ดจะไปกับฉัน ช่วยเตรียมตัวให้เร็วที่สุดด้วยค่ะ เราจะออกเดินทางในอีกครึ่งชั่วโมง

 

“ได้ครับ คุณผู้หญิง”

 

“สําหรับผู้ที่จะยังอยู่ในกิลด์ ช่วยไปพบกับกิลด์อื่น ๆ รวมถึงเรดเมอร์เซนนารีด้วย โปรดส่งข้อมูลสํารองไปยังคณะ สํารวจทันที่ที่มีการติดต่อกลับ”

 

“แน่นอน”

 

“ดวงตาของฉัน…”

 

ลีซังฮีร้องและเปลี่ยนความสนใจไปหาลีชอลโฮ

 

“ครับ ลีซังฮี?” ซอลโฮถาม

 

“ฉันหวังว่าคุณจะไม่ทําให้ฉันผิดหวัง และฉันเลือกที่จะเชื่อในตัวคุณ” ซังฮีกล่าว

 

ชายชราคนนี้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ด้วยน้ําเสียงที่เหมือนจะจริงใจ

 

“ผมจะตอบแทนความเชื่อของคุณ ลีซังฮี ทันที่ที่เราติดต่อกับกิลด์อื่น ๆ ได้ เราจะส่งกําลังเสริมไปคุณอย่างแน่นอน”

 

“ขอบคุณค่ะ”

 

เมื่อถึงตอนนั้นลีซังฮีก็วิ่ง โดยไม่ต้องการที่จะรออีกต่อไป ฮวังจองยอนทําตามอย่างเหมาะสม และแม้แต่สมาชิกฝ่ายบริหารก็เคลื่อนไหวด้วยความรู้สึกเร่งรีบ ดังนั้นคิมฮยอนซอง และผมจึงทําเช่นกัน

 

หลังจากลงมาที่ชั้นหนึ่ง ผมก็เห็นสมาชิกที่เหลือของเรารวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าซันฮียองเป็นผู้รับผิดชอบ ดูเหมือนว่าการเตรียมตัวสําหรับการเดินทางไม่จําเป็นต้องได้รับการดูแลอีกต่อไป

 

นี่เป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบสําหรับทักษะของผม เนื่องจากผมได้ทํามากกว่าแค่เตรียมตัวสําหรับการสํารวจ

 

‘น่าเสียดาย…’

 

ลีซังฮีเป็นคนดี อย่างไรก็ตามเธอไม่ใช่ผู้นําในอุดมคติ พูดง่าย ๆ ก็คือผมพบว่าวิธีคิดของเธอนั้นบกพร่อง

 

แน่นอนว่าความเชื่อเป็นเครื่องมือที่ดีในการติดต่อกับผู้คนมากมาย

 

ลีซังฮีอาจมีความรู้สึกเดียวกันกับลีซอลโฮและลูกน้องทิ้ง เง่าของเขาอย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่าซอลโฮจะจ่ายส่วยให้กับศรัทธาที่เธอมอบให้

 

ผมไม่รู้ถึงที่มาของความเชื่ออันลึกซึ้งของลีซังฮี แต่ผมเดาได้ว่าทําไม – เธอมีความเชื่อกับคนที่เธออยู่ด้วยมาเป็นเวลานาน และเธอเชื่อว่าแม้ว่ากิลด์จะตกอยู่ในอันตราย แต่พวกเขาก็จะอยู่ด้วยกันไปจนจบ

 

ไม่สําคัญว่าผมจะคิดถูกหรือผิด ความเชื่อแบบนั้นมักจะถูกหักหลังด้วยการทรยศ ในความคิดของผม ตาแก่เหล่านี้ ไม่ได้แตกต่างจากคนยากจนที่ทําร้ายซันฮียอง ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวของพวกเขาคือความจริงที่ว่าพวกเขาโชคดีพอที่จะทําคะแนนได้ และพวกเขายังรู้วิธีที่จะผลักดันให้คนอื่นก้าวไปข้างหน้าแทนตัวเอง

 

ผมไม่สามารถตําหนิพวกเขาที่เลือกวิธีดังกล่าว อย่างไรก็ตามมันก็หมายความว่าพวกเขามีความสามารถอย่างอื่น นอกจากกลอุบายนี้

 

‘ความเชื่อเหล่านั้น…’

 

มันเป็นอารมณ์ที่ติดค้าง ตราบใดที่ทั้งสองฝ่ายรู้ว่าพวกเขายังสามารถหาประโยชน์จากกันและกันได้ในสายตาของตาแก่เหล่านี้ พวกเขาอาจมองไม่เห็นประโยชน์ใด ๆ ที่จะมาจากการช่วยเหลือลีซังฮี

 

“เราจะออกเดินทางภายในสามสิบนาที…”

 

” เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”

 

“ไม่มีอะไรหรอกฮายัน”

 

“อยากให้ฉันทําอะไรอีกไหมคะพี่?”

 

“อืม ฮายัน เธอช่วยหยิบอะไรสักอย่างให้ฉันหน่อยได้ไหม”

 

“คะ?”

 

“ฉันต้องไปทําธุระตอนนี้…ฉันมีเวลาไม่มากน่ะ”

 

“แน่นอนคะ ”

 

คิมเยริซึ่งมองมาทางผมด้วยสีหน้าสงสัย ก็เริ่มเดินเข้ามาหาผมทันที หลังจากที่จองฮายันวิ่งออกไป

 

‘ฮะ เธอสังเกตเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว’

 

“เธอช่วยไปทําธุระให้ฉันหน่อยได้ไหม?”

 

เธอพยักหน้าตอบรับ

 

“มันจะช่วยฮยอนซองได้มาก”

 

“ตกลง”

 

“เธอช่วยส่งจดหมายไปหาคนชื่อลีจีฮเยจากกิลด์แบล็คสวอนได้ไหม?”

 

“ลี จี-เฮ?”

 

“ครับ ลีจีฮเย ถ้าเป็นไปได้ คงจะดีกว่าถ้าไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งที่เธอทําพยายามอย่าแอบอ่านมันล่ะ”

 

“แต่ว่า…”

 

“แค่เธอบอกว่าฉันส่งเธอมา พวกเขาจะตอบรับอย่างแน่นอน แต่เธอต้องไปให้เร็วที่สุด”

 

“ตกลง…”

 

เธอหายไปในพริบตาเดียว ความคิดของผมตกอยู่ในความสับสนตอนนี้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ําว่าตัวเองทําในสิ่งที่ถูกหรือผิดอย่างไรก็ตามผมรู้ว่าตัวเองคิดถูกในระดับหนึ่ง

 

ทําไมล่ะ? อาจมีบางคนถาม

 

เพราะผมรู้ว่าไม่มีอะไรดีจากการใส่ความเชื่อมั่นกับกลุ่มคนที่รู้ว่าเป็นศัตรูของผม

 

“เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสําหรับการแสดง…”

 

ผมรู้ว่าจําเป็นต้องเริ่มลบผู้บริหารที่เน่าเฟะออกจากกิลด์แล้ว

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+