Regressor Instruction Manual 95 อยู่ด้วยกันตลอดไป (9)

Now you are reading Regressor Instruction Manual Chapter 95 อยู่ด้วยกันตลอดไป (9) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 95 อยู่ด้วยกันตลอดไป (9)

 

“กาฮยอน ตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างครับ? ” ผมถาม.

 

“ฉันคิดว่าตัวเองดีขึ้นค่ะ ฉันยังได้ยินเสียงอยู่ในหัว แต่ฉันไม่เจ็บปวดแล้ว มันเป็นไปได้ยังไงกันคะ” เธอตอบ

 

‘ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณจองยอน’

 

แน่นอน ผมไม่ได้พูดถึงส่วนนั้น มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่จะเพิ่มมูลค่าของตัวเองให้สูงขึ้น ผมยังต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าผมสามารถแสดงบทบาทที่มีความสามารถในระหว่างการเดินทางครั้งนี้

 

“คุณใช้เวทมนตร์อะไรกันแน่”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมไม่ได้ใช้เวทมนตร์อะไรหรอก ที่จริงแล้วสมองคนเราประกอบไปด้วยเซลล์ประสาทที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน้าที่รับและประมวลผลต่อสิ่งเร้า ดังนั้นในทางการแพทย์สมองจึงจัดเป็นระบบประสาทส่วนกลาง”

 

“คะ? นั่นมัน…”

 

จากการแสดงออกที่ปาร์คกาฮยอนแสดงให้เห็น เธอไม่รู้ว่าผมกําลังพูดถึงอะไร แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่ากําลังพูดอะไรออกมา ผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสมองเลย และผมแน่ใจว่าตัวเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา

 

อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของคนรอบข้างเปลี่ยนไป แม้ว่าพวกเขาจะประเมินความสามารถของผมสูงขึ้นในตอนแรก แต่ดวงตาของพวกเขายังคงเบิกกว้าง เมื่อผมยังคงกล่าวว่าตัวเองเชียวชาญต่อไป

 

“ระบบประสาทส่วนกลางมีการเผาผลาญที่แตกต่าง จากอวัยวะอื่น ๆ ในการสร้างอะดีโนซีน ไตรฟอสเฟต คุณต้องใช้ออกซิเจนเพื่อ…”

 

คนเกาหลีมีความรู้เหล่านี้กี่คน? เพราะผมรู้ว่าจะไม่มีใครเข้าใจ นั่นคือเหตุผลที่ผมกล้าที่จะพ่นเรื่องไร้สาระเหล่านี้ออกมา

 

‘ไม่มีใครทํางานในสถาบันวิจัยสมองที่นี่…’

 

แม้ว่าผมจะไม่เข้าใจมัน แต่การผสมผสานความรู้ด้านเวทมนตร์และการเล่นแร่แปรธาตุเป็นสิ่งที่ผมเชี่ยวชาญ

 

“อ๊ะ ผมอธิบายในลักษณะที่ยากแบบนี้ ”

 

“เอ่อ…ไม่ค่ะ…”

 

“พูดง่าย ๆ ก็คือ คําสาปนี้ถึงแม้จะมาในรูปของเวทมนตร์ ที่เราไม่รู้จัก แต่สุดท้ายมันก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับสมอง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแร่แปรธาตุมนต์ดําหรือพลังศักดิ์สิทธิ์ ในท้ายที่สุดมันต้องใช้สมองในการทํางาน”

 

“อือ ?

 

“คุณสามารถนึกถึงการได้ยินเสียงที่สมองของคุณเห็นภาพ แน่นอน ผมไม่สามารถแก้ไขภาพลวงตาได้ แต่อย่างน้อยผมก็สามารถหายาป้องกัน”

 

“อะไรนะคะ…”

 

“ครับ มันเป็นการรับรู้ว่าสิ่งที่เราเห็นและได้ยินนั้นไม่ใช่ความจริง ร่างกายมนุษย์น่าดึงเสมอ แน่นอนว่าภาพลวงตาเหล่านี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยา ศาสตร์แห่งเวทมนตร์ซับซ้อนกว่าที่คุณคิด ให้ผมอธิบายโดยละเอียดกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเล่นแร่แปรธาตุ…”

 

“เอ่อ… ถูกต้อง…ค่ะ”

 

ผมเห็นหลายคนพยักหน้า แต่ผมรู้ว่าพวกเขาไม่เข้าใจ แม้จะมีคนรู้ว่าสมองทํางานอย่างไร แต่พวกเขาไม่รู้ถึงการโกหกของผม

 

แน่นอน ในกรณีของจองยอนและฮายัน คําถามของพวกเธอจะแตกต่างออกไปบ้าง ผมอธิบายสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียดที่สุดเท่าที่ทําได้ จนถึงจุดที่พวกเธอเชื่อว่าผมให้คําตอบที่ถูกต้อง

 

‘ยอดเยี่ยม’

 

ผมรู้สึกว่าชื่อเสียงของตัวเองเพิ่มขึ้นมาก เมื่อผมมาที่กิลด์ครั้งแรก ผมยังไม่คิดเลยว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น

 

“อันที่จริง ครั้งแรกที่ฉันได้ยินว่านักเล่นแร่แปรธาตุถูกนําตัวมาด้วยราคาเท่านี้ ฉันก็คิดว่าพวกผู้บริหารที่คิดว่าตัวเองสูงกว่านั่นบ้าไปแล้ว แต่เมื่อมองไปที่คุณตอนนี้ ฉันก็คิดว่าคุณเป็นอัจฉริยะจริง ๆ ….คุณเคยทําอะไรมาตอนอยู่บนโลกคะ?”

 

‘อัจฉริยะเป็นคําศัพท์เฉพาะที่ไม่ถูกต้อง’

 

คําว่านักต้มตุ๋นน่าจะเหมาะสมกับผมกว่า

 

“ผมไม่ได้ทําอะไรเลยที่เหมาะสมกับการได้รับคําชมนี้เลยครับ”

 

“คุณทํางานในสถาบันวิจัยหรือเปล่าคะ??”

 

“ในทางหนึ่งมันก็ใช่ครับ แต่มันค่อนข้างยากที่จะบอกรายละเอียด”

 

แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องโกหกครั้งใหญ่

 

“ขอบคุณมากค่ะ ฉันมั่นใจจริง ๆ ที่มีกียองอยู่ด้วย ตอนแรกฉันคิดว่าสื่อจะโกหก เมื่อพวกเขาบอกว่าคุณเป็นอัจฉริยะ แต่มันสุดยอดจริง ๆ ที่มีคนแบบคุณอยู่ในปาร์ตี้”

 

ผมรู้สึกดีที่ได้รับคําชม แต่ผมรู้เคล็ดลับว่าการทําตัวให้อ่อนน้อมถ่อมตนในสายตาคนอื่นจะได้รับคําชื่นชมมากขึ้น

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ตอนนี้ผมรู้สึกอายแล้วนะครับ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก นิตยสารจํานวนมากเหล่านั้นมักจะพูดเกินจริงไปเสมอ”

 

“คุณดูเหมือนจะเป็นคนฉลาดที่สุดที่ฉันเคยเจอเลยค่ะ!”

 

แม้แต่ผู้หญิงคนนี้ ปาร์คกาฮยอนก็ยังแสดงความชอบของเธอต่อหน้าผม เรามีความคล้ายคลึงเพราะเราทิ้งน้องไว้ข้างหลังและก็ดูเหมือนเธอจะสนใจผม อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถแสดงออกได้อย่างตรงไปตรงมา

 

นั่นเป็นเพราะว่าจองฮายันจ้องไปที่เธออยู่ตลอดเวลา นั่นทําให้ร่างกายของเธอสั่นไหว

 

‘ผมยังไม่ได้แก้ไขพฤติกรรมของฮายัน’

 

บางทีความหมกมุ่นของจองฮายันที่มีต่อผมไม่อาจรักษาให้หายขาด หรือมันจะเกิดขึ้นตลอดชีวิตก็ตาม

 

“โอ้ ฉันทําเกินไปแล้ว ฉันรู้สึกอายมากต่อหน้าจองยอน”

 

“ไม่ครับ ผมถือว่ามันเป็นความทรงจําที่ดี”

 

สรุปแล้วพวกเขาเริ่มรู้จักผมในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุ อัจฉริยะ หรือสงสัยว่าผมเป็นคนประเภทที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในรอบหมื่นปีหรือเปล่า

 

“นักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่น ๆ ที่ฉันพบก่อนหน้าไม่เคย ทําให้ฉันมีความรู้สึกแบบนี้เลย”

 

“มีนักเล่นแร่แปรธาตุที่ฉลาดกว่าผมในลินเดลมากครับ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือพวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนและผมเริ่มต้นได้ดีกว่า อันที่จริงทุกอย่างต้องขอบคุณบลูกิดส์”

 

“อ๊ะ คุณถ่อมตัวมากเลยค่ะ”

 

มันไม่ใช่ความอ่อนน้อมถ่อมตน มันเป็นความจริงทั่วไป ไม่ว่าผมจะพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมาตอนนี้ ภาพลักษณ์อันบริสุทธิ์ของผมสร้างขึ้นจะไม่ถูกทําลาย

 

‘ลีกียอง นักเล่นแร่แปรธาตุอัจฉริยะจากบลู’

 

มนุษย์มักจะอิจฉาคนที่เก่งในสิ่งที่พวกเขาสามารถเข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม ผมได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพต่อความสําเร็จที่ทํา เมื่อการสํารวจนี้สิ้นสุดลง ผมจะมีอิทธิพลถาวรในบลู

 

นี่เป็นเพราะลีซังฮีล้มเหลวต่อความรับผิดชอบของเธอ ในฐานะผู้นําที่ดี แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนประเภทที่จะหมกมุ่นอยู่กับอํานาจ เธอมีความรับผิดชอบ แต่เธอไม่สามารถรับความอดทนภายใต้แรงกดดันนี้

 

ปัจจุบันเธอดูเหมือนจะรู้สึกละอายกับวิธีที่เธอเลือกที่จะตอบสนองภายใต้อิทธิพลของคําสาป เธอคงคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ “ฉันเกือบฆ่าสมาชิกกิลด์ทั้งหมด” หรือ “งาน นี้ไม่เหมาะสมกับฉัน” การตําหนิตัวเองของเธอนั้นชัดเจนมาก

 

ขณะที่ผมพักผ่อน คิมฮยอนซองก็เริ่มคุยกับคนอื่น ๆ ในปาร์ตี้ โดยไม่พลาดโอกาสที่ผมเปิดให้ นี่เป็นอีกครั้งที่มนุษย์ดูถูกหรือเคารพในสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ

 

จนถึงตอนนี้ ผมได้พิสูจน์คุณค่าของตัวเองแล้ว แต่ตอนนี้ถึงตาของเขา เขาต้องเคลื่อนไหวในขณะที่ผมหยุดพัก

 

“ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

“เอ่อ..”

 

“ไม่ว่าคําสาปจะมีอิทธิพลมากแค่ไหน ฉันก็ควรจะใจเย็น แต่ฉันทําให้พวกคุณต้องเสียงฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัวค่ะ”

 

ลีซังฮีเป็นคนพูดขึ้น บุคลิกของเธอคือสิ่งที่ผมชอบ เธอเป็นคนประเภทที่ต้องขอโทษ แม้ว่าจะไม่ได้ทําอะไรผิดก็ตาม

 

“จากนี้ไปเราจะปรับเส้นทางของปาร์ตี้ เราจะพิจารณาให้การกวาดล้างดันเจี้ยนเป็นลําดับความสําคัญแรกมากกว่าการช่วยเหลือผู้รอดชีวิต เราจะรับศพและผู้รอดชีวิตไป หลังการโจมตีเสร็จสิ้นเท่านั้น”

 

‘ในที่สุด’

 

นี่เป็นการตัดสินที่สมเหตุสมผลมาก เพื่อช่วยผู้ตาย คนที่มีชีวิตอยู่ต้องนอดชีวิตกลับไป

 

คําสั่งเพิ่งกลับกัน แต่คําพูดของลีซังฮีมีความหมาย

 

“แต่ว่า…”

 

“แน่นอนค่ะ เราจะไม่หยุดค้นหาผู้รอดชีวิต แต่เราจะเปลี่ยนรูปแบบและเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้น”

 

“รับทราบ”

 

“และฉันจะให้คุณฮยอนซองเป็นผู้นําค่ะ”

 

” ผมจะทําให้ดีที่สุดครับ”

 

ดูเหมือนว่าคิมฮยอนซองจะใช้เวลาของเขาไปมาก จนในที่สุดก็ได้รับโอกาสที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีสมาชิกในปาร์ตี้เราที่ได้รับผลกระทบจากคําสาปอีกต่อไป จากมุมมองของลีซังฮี ความกังวลหนึ่งได้หายไป

 

คิมฮยอนซองมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ตื่นเต้น มันเป็นประโยชน์อย่างแน่นอนสําหรับเขาที่ได้รับโอกาส โดยไม่มีความยุ่งยากใด ๆ แต่มีบางอย่างที่เป็นลางไม่ดี เมื่อเขานําเสนอตัวเอง

 

‘นี่คือการสะกดข่ม?’

 

มันเป็นความร้อนรน สมาชิกปาร์ตี้ค่อย ๆ ยืนตัวตรงราวกับถูกสิง

 

‘ถูกต้อง’

 

คิมฮยอนซองเป็นผู้นําในอุดมคติ แม้แต่ลีซังฮีก็มองเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า เขาอาจถูกมองว่าเป็นคนดื้อรั้น แต่นี่ถือได้ว่าการตัดสินของเขา โดยไม่รวมถึงความคิดเห็นของสมาชิกในปาร์ตี้

 

เขาทําในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกและมุ่งตรงไปสู่เป้าหมาย ท่าทีทั้งหมดของเขากรีดร้องว่า ‘นี่คือวิธีที่ถูกต้อง ไปกันเถอะ’

 

พูดง่าย ๆ คือเขามีเสน่ห์ที่จะทําให้ใคร ๆ ก็อยากจะติดตาม- นี่คือผู้นําในอุดมคติ แม้ว่าผมจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทํางานของผู้ปกครอง แต่เขาทําให้ผู้คนตระหนักได้ว่าเขามีพรสวรรค์โดยกําเนิดกับการเป็นผู้นํา

 

“ไป ”

 

มันได้ผลทันที เมื่อทุกคนเคลื่อนไหวตามคําสั่งของคิมฮยอนซอง

 

เขาเร่งให้ปาร์ตี้เคลื่อนไหวเร็วขึ้น ดังนั้นเราจึงเร่งฝีเท้า เราเพิกเฉยต่อการค้นหาทิศทางอื่นและมุ่งเป้าหมายไปที่การก้าวไปข้างหน้า ผมไม่มีข้อตําหนิเกี่ยวกับการเรื่องนี้ เพราะผมไว้ใจเขา

 

เราเคลื่อนไหวราวกับว่า เราไม่กังวลเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์เลย เราไม่ได้คํานึงถึงกับดักที่อาจรออยู่ มีบางอย่างเจากความมั่นใจของฮยอนซองที่บังคับให้ผู้คนไม่ต้องกังวลกับเรื่องเล็กน้อยดังกล่าว

 

“ไม่มีมอนสเตอร์จริง ๆ เหรอ”

 

ผมรู้ว่ามันอาจจะเป็นไปได้ แต่ผมไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นจริง บางทีดันเจี้ยนนี้อาจอาศัยคําสาปเพียงอย่างเดียว หากสมมติฐานนั้นถูกต้อง ก็ชัดเจนแล้วว่าคิมฮยอนซองกําลังมุ่งหน้าไปทางไหน เราจะตามหาเจ้าของดันเจี้ยนและแม่มดผู้ใช้คําสาป

 

ขณะที่เราเดินทาง ทิวทัศน์ก็เริ่มเปลี่ยนไปจํานวนทาง แยกจากทางเดินลดลงและห้องขนาดเล็กที่เราเดินออกมาในตอนนี้ก็มองไม่เห็นอีกต่อไป แม้ว่าเราจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าจุดสิ้นสุดของดันเจี้ยนจะยังไกล

 

แน่นอนว่ามีการโจมตีหลายครั้งจากคําสาป แต่ไม่มีใครได้รับความเสียหายที่ถาวร นี้หมายความว่า ‘การรักษาของผมได้ผล’

 

“คนตาย… ไม่นะ…”

 

“ฉันได้รับการรายงานแล้ว”

 

“บางทีการเห็นพวกอันเดดที่ใกล้ทางเข้าก็อาจเกิดจากคําสาป มันยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ผมคิดเป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ”

 

“ยังไงก็ระวังตัวด้วยล่ะ”

 

“ครับ.”

 

ในที่สุดเราก็พบศพ พวกเขาได้รับการยืนยันว่าเป็นอดีตสมาชิกปาร์ตี้ของบลู ผมไม่ได้ยืนยันในส่วนของรายละเอียดว่า ทําไมพวกเขาถึงตาย แต่ผมสามารถคาดเดาได้ว่าพวกเขาปลิดชีวิตหรือฆ่ากันเอง

 

ลีซังฮีแสดงความสับสนกับเรื่องนี้ แต่เธอไม่ได้หยุดปาร์ตี้ ไม่ให้เดินหน้าต่อไป

 

หลังจากนั้นไม่นาน เราก็เจอประตูบานเล็กที่ตกแต่งอย่างหยาบ ๆ

 

เมื่อผมเปิดประตูออกช้า ๆ ผมก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ เธอหลับตาลงทั้งสองข้างและผิวของเธอก็ซีดมาก

 

ทันใดนั้น ข้อมูลใหม่เริ่มเทลงมาที่หน้าต่างสถานะของผม

 

[คุณได้พบกับดันเจี้ยนระดับฮีโรอิค เจ้าของศาลเจ้าต้องสาป นักบุญจูเลียน่าผู้ถูกสาป ภารกิจถูกเปิดใช้งาน]

 

[ภารกิจบังคับระดับฮีโรอิคเปิดใช้งานแล้ว]

 

[เควสระดับฮีโรอิค – กําจัดจูเลียน่า (0/1) ]

 

เรามาถึงจุดสิ้นสุดของดันเจี้ยนแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Regressor Instruction Manual 95 อยู่ด้วยกันตลอดไป (9)

Now you are reading Regressor Instruction Manual Chapter 95 อยู่ด้วยกันตลอดไป (9) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 95 อยู่ด้วยกันตลอดไป (9)

 

“กาฮยอน ตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างครับ? ” ผมถาม.

 

“ฉันคิดว่าตัวเองดีขึ้นค่ะ ฉันยังได้ยินเสียงอยู่ในหัว แต่ฉันไม่เจ็บปวดแล้ว มันเป็นไปได้ยังไงกันคะ” เธอตอบ

 

‘ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณจองยอน’

 

แน่นอน ผมไม่ได้พูดถึงส่วนนั้น มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่จะเพิ่มมูลค่าของตัวเองให้สูงขึ้น ผมยังต้องแสดงให้พวกเขาเห็นว่าผมสามารถแสดงบทบาทที่มีความสามารถในระหว่างการเดินทางครั้งนี้

 

“คุณใช้เวทมนตร์อะไรกันแน่”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมไม่ได้ใช้เวทมนตร์อะไรหรอก ที่จริงแล้วสมองคนเราประกอบไปด้วยเซลล์ประสาทที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน้าที่รับและประมวลผลต่อสิ่งเร้า ดังนั้นในทางการแพทย์สมองจึงจัดเป็นระบบประสาทส่วนกลาง”

 

“คะ? นั่นมัน…”

 

จากการแสดงออกที่ปาร์คกาฮยอนแสดงให้เห็น เธอไม่รู้ว่าผมกําลังพูดถึงอะไร แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่ากําลังพูดอะไรออกมา ผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสมองเลย และผมแน่ใจว่าตัวเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา

 

อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของคนรอบข้างเปลี่ยนไป แม้ว่าพวกเขาจะประเมินความสามารถของผมสูงขึ้นในตอนแรก แต่ดวงตาของพวกเขายังคงเบิกกว้าง เมื่อผมยังคงกล่าวว่าตัวเองเชียวชาญต่อไป

 

“ระบบประสาทส่วนกลางมีการเผาผลาญที่แตกต่าง จากอวัยวะอื่น ๆ ในการสร้างอะดีโนซีน ไตรฟอสเฟต คุณต้องใช้ออกซิเจนเพื่อ…”

 

คนเกาหลีมีความรู้เหล่านี้กี่คน? เพราะผมรู้ว่าจะไม่มีใครเข้าใจ นั่นคือเหตุผลที่ผมกล้าที่จะพ่นเรื่องไร้สาระเหล่านี้ออกมา

 

‘ไม่มีใครทํางานในสถาบันวิจัยสมองที่นี่…’

 

แม้ว่าผมจะไม่เข้าใจมัน แต่การผสมผสานความรู้ด้านเวทมนตร์และการเล่นแร่แปรธาตุเป็นสิ่งที่ผมเชี่ยวชาญ

 

“อ๊ะ ผมอธิบายในลักษณะที่ยากแบบนี้ ”

 

“เอ่อ…ไม่ค่ะ…”

 

“พูดง่าย ๆ ก็คือ คําสาปนี้ถึงแม้จะมาในรูปของเวทมนตร์ ที่เราไม่รู้จัก แต่สุดท้ายมันก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับสมอง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแร่แปรธาตุมนต์ดําหรือพลังศักดิ์สิทธิ์ ในท้ายที่สุดมันต้องใช้สมองในการทํางาน”

 

“อือ ?

 

“คุณสามารถนึกถึงการได้ยินเสียงที่สมองของคุณเห็นภาพ แน่นอน ผมไม่สามารถแก้ไขภาพลวงตาได้ แต่อย่างน้อยผมก็สามารถหายาป้องกัน”

 

“อะไรนะคะ…”

 

“ครับ มันเป็นการรับรู้ว่าสิ่งที่เราเห็นและได้ยินนั้นไม่ใช่ความจริง ร่างกายมนุษย์น่าดึงเสมอ แน่นอนว่าภาพลวงตาเหล่านี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยา ศาสตร์แห่งเวทมนตร์ซับซ้อนกว่าที่คุณคิด ให้ผมอธิบายโดยละเอียดกับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเล่นแร่แปรธาตุ…”

 

“เอ่อ… ถูกต้อง…ค่ะ”

 

ผมเห็นหลายคนพยักหน้า แต่ผมรู้ว่าพวกเขาไม่เข้าใจ แม้จะมีคนรู้ว่าสมองทํางานอย่างไร แต่พวกเขาไม่รู้ถึงการโกหกของผม

 

แน่นอน ในกรณีของจองยอนและฮายัน คําถามของพวกเธอจะแตกต่างออกไปบ้าง ผมอธิบายสิ่งต่าง ๆ อย่างละเอียดที่สุดเท่าที่ทําได้ จนถึงจุดที่พวกเธอเชื่อว่าผมให้คําตอบที่ถูกต้อง

 

‘ยอดเยี่ยม’

 

ผมรู้สึกว่าชื่อเสียงของตัวเองเพิ่มขึ้นมาก เมื่อผมมาที่กิลด์ครั้งแรก ผมยังไม่คิดเลยว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น

 

“อันที่จริง ครั้งแรกที่ฉันได้ยินว่านักเล่นแร่แปรธาตุถูกนําตัวมาด้วยราคาเท่านี้ ฉันก็คิดว่าพวกผู้บริหารที่คิดว่าตัวเองสูงกว่านั่นบ้าไปแล้ว แต่เมื่อมองไปที่คุณตอนนี้ ฉันก็คิดว่าคุณเป็นอัจฉริยะจริง ๆ ….คุณเคยทําอะไรมาตอนอยู่บนโลกคะ?”

 

‘อัจฉริยะเป็นคําศัพท์เฉพาะที่ไม่ถูกต้อง’

 

คําว่านักต้มตุ๋นน่าจะเหมาะสมกับผมกว่า

 

“ผมไม่ได้ทําอะไรเลยที่เหมาะสมกับการได้รับคําชมนี้เลยครับ”

 

“คุณทํางานในสถาบันวิจัยหรือเปล่าคะ??”

 

“ในทางหนึ่งมันก็ใช่ครับ แต่มันค่อนข้างยากที่จะบอกรายละเอียด”

 

แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องโกหกครั้งใหญ่

 

“ขอบคุณมากค่ะ ฉันมั่นใจจริง ๆ ที่มีกียองอยู่ด้วย ตอนแรกฉันคิดว่าสื่อจะโกหก เมื่อพวกเขาบอกว่าคุณเป็นอัจฉริยะ แต่มันสุดยอดจริง ๆ ที่มีคนแบบคุณอยู่ในปาร์ตี้”

 

ผมรู้สึกดีที่ได้รับคําชม แต่ผมรู้เคล็ดลับว่าการทําตัวให้อ่อนน้อมถ่อมตนในสายตาคนอื่นจะได้รับคําชื่นชมมากขึ้น

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ตอนนี้ผมรู้สึกอายแล้วนะครับ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก นิตยสารจํานวนมากเหล่านั้นมักจะพูดเกินจริงไปเสมอ”

 

“คุณดูเหมือนจะเป็นคนฉลาดที่สุดที่ฉันเคยเจอเลยค่ะ!”

 

แม้แต่ผู้หญิงคนนี้ ปาร์คกาฮยอนก็ยังแสดงความชอบของเธอต่อหน้าผม เรามีความคล้ายคลึงเพราะเราทิ้งน้องไว้ข้างหลังและก็ดูเหมือนเธอจะสนใจผม อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถแสดงออกได้อย่างตรงไปตรงมา

 

นั่นเป็นเพราะว่าจองฮายันจ้องไปที่เธออยู่ตลอดเวลา นั่นทําให้ร่างกายของเธอสั่นไหว

 

‘ผมยังไม่ได้แก้ไขพฤติกรรมของฮายัน’

 

บางทีความหมกมุ่นของจองฮายันที่มีต่อผมไม่อาจรักษาให้หายขาด หรือมันจะเกิดขึ้นตลอดชีวิตก็ตาม

 

“โอ้ ฉันทําเกินไปแล้ว ฉันรู้สึกอายมากต่อหน้าจองยอน”

 

“ไม่ครับ ผมถือว่ามันเป็นความทรงจําที่ดี”

 

สรุปแล้วพวกเขาเริ่มรู้จักผมในฐานะนักเล่นแร่แปรธาตุ อัจฉริยะ หรือสงสัยว่าผมเป็นคนประเภทที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในรอบหมื่นปีหรือเปล่า

 

“นักเล่นแร่แปรธาตุคนอื่น ๆ ที่ฉันพบก่อนหน้าไม่เคย ทําให้ฉันมีความรู้สึกแบบนี้เลย”

 

“มีนักเล่นแร่แปรธาตุที่ฉลาดกว่าผมในลินเดลมากครับ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือพวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนและผมเริ่มต้นได้ดีกว่า อันที่จริงทุกอย่างต้องขอบคุณบลูกิดส์”

 

“อ๊ะ คุณถ่อมตัวมากเลยค่ะ”

 

มันไม่ใช่ความอ่อนน้อมถ่อมตน มันเป็นความจริงทั่วไป ไม่ว่าผมจะพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมาตอนนี้ ภาพลักษณ์อันบริสุทธิ์ของผมสร้างขึ้นจะไม่ถูกทําลาย

 

‘ลีกียอง นักเล่นแร่แปรธาตุอัจฉริยะจากบลู’

 

มนุษย์มักจะอิจฉาคนที่เก่งในสิ่งที่พวกเขาสามารถเข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม ผมได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพต่อความสําเร็จที่ทํา เมื่อการสํารวจนี้สิ้นสุดลง ผมจะมีอิทธิพลถาวรในบลู

 

นี่เป็นเพราะลีซังฮีล้มเหลวต่อความรับผิดชอบของเธอ ในฐานะผู้นําที่ดี แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนประเภทที่จะหมกมุ่นอยู่กับอํานาจ เธอมีความรับผิดชอบ แต่เธอไม่สามารถรับความอดทนภายใต้แรงกดดันนี้

 

ปัจจุบันเธอดูเหมือนจะรู้สึกละอายกับวิธีที่เธอเลือกที่จะตอบสนองภายใต้อิทธิพลของคําสาป เธอคงคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ “ฉันเกือบฆ่าสมาชิกกิลด์ทั้งหมด” หรือ “งาน นี้ไม่เหมาะสมกับฉัน” การตําหนิตัวเองของเธอนั้นชัดเจนมาก

 

ขณะที่ผมพักผ่อน คิมฮยอนซองก็เริ่มคุยกับคนอื่น ๆ ในปาร์ตี้ โดยไม่พลาดโอกาสที่ผมเปิดให้ นี่เป็นอีกครั้งที่มนุษย์ดูถูกหรือเคารพในสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ

 

จนถึงตอนนี้ ผมได้พิสูจน์คุณค่าของตัวเองแล้ว แต่ตอนนี้ถึงตาของเขา เขาต้องเคลื่อนไหวในขณะที่ผมหยุดพัก

 

“ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

“เอ่อ..”

 

“ไม่ว่าคําสาปจะมีอิทธิพลมากแค่ไหน ฉันก็ควรจะใจเย็น แต่ฉันทําให้พวกคุณต้องเสียงฉันไม่มีอะไรจะแก้ตัวค่ะ”

 

ลีซังฮีเป็นคนพูดขึ้น บุคลิกของเธอคือสิ่งที่ผมชอบ เธอเป็นคนประเภทที่ต้องขอโทษ แม้ว่าจะไม่ได้ทําอะไรผิดก็ตาม

 

“จากนี้ไปเราจะปรับเส้นทางของปาร์ตี้ เราจะพิจารณาให้การกวาดล้างดันเจี้ยนเป็นลําดับความสําคัญแรกมากกว่าการช่วยเหลือผู้รอดชีวิต เราจะรับศพและผู้รอดชีวิตไป หลังการโจมตีเสร็จสิ้นเท่านั้น”

 

‘ในที่สุด’

 

นี่เป็นการตัดสินที่สมเหตุสมผลมาก เพื่อช่วยผู้ตาย คนที่มีชีวิตอยู่ต้องนอดชีวิตกลับไป

 

คําสั่งเพิ่งกลับกัน แต่คําพูดของลีซังฮีมีความหมาย

 

“แต่ว่า…”

 

“แน่นอนค่ะ เราจะไม่หยุดค้นหาผู้รอดชีวิต แต่เราจะเปลี่ยนรูปแบบและเคลื่อนไหวให้เร็วขึ้น”

 

“รับทราบ”

 

“และฉันจะให้คุณฮยอนซองเป็นผู้นําค่ะ”

 

” ผมจะทําให้ดีที่สุดครับ”

 

ดูเหมือนว่าคิมฮยอนซองจะใช้เวลาของเขาไปมาก จนในที่สุดก็ได้รับโอกาสที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีสมาชิกในปาร์ตี้เราที่ได้รับผลกระทบจากคําสาปอีกต่อไป จากมุมมองของลีซังฮี ความกังวลหนึ่งได้หายไป

 

คิมฮยอนซองมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ตื่นเต้น มันเป็นประโยชน์อย่างแน่นอนสําหรับเขาที่ได้รับโอกาส โดยไม่มีความยุ่งยากใด ๆ แต่มีบางอย่างที่เป็นลางไม่ดี เมื่อเขานําเสนอตัวเอง

 

‘นี่คือการสะกดข่ม?’

 

มันเป็นความร้อนรน สมาชิกปาร์ตี้ค่อย ๆ ยืนตัวตรงราวกับถูกสิง

 

‘ถูกต้อง’

 

คิมฮยอนซองเป็นผู้นําในอุดมคติ แม้แต่ลีซังฮีก็มองเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า เขาอาจถูกมองว่าเป็นคนดื้อรั้น แต่นี่ถือได้ว่าการตัดสินของเขา โดยไม่รวมถึงความคิดเห็นของสมาชิกในปาร์ตี้

 

เขาทําในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกและมุ่งตรงไปสู่เป้าหมาย ท่าทีทั้งหมดของเขากรีดร้องว่า ‘นี่คือวิธีที่ถูกต้อง ไปกันเถอะ’

 

พูดง่าย ๆ คือเขามีเสน่ห์ที่จะทําให้ใคร ๆ ก็อยากจะติดตาม- นี่คือผู้นําในอุดมคติ แม้ว่าผมจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทํางานของผู้ปกครอง แต่เขาทําให้ผู้คนตระหนักได้ว่าเขามีพรสวรรค์โดยกําเนิดกับการเป็นผู้นํา

 

“ไป ”

 

มันได้ผลทันที เมื่อทุกคนเคลื่อนไหวตามคําสั่งของคิมฮยอนซอง

 

เขาเร่งให้ปาร์ตี้เคลื่อนไหวเร็วขึ้น ดังนั้นเราจึงเร่งฝีเท้า เราเพิกเฉยต่อการค้นหาทิศทางอื่นและมุ่งเป้าหมายไปที่การก้าวไปข้างหน้า ผมไม่มีข้อตําหนิเกี่ยวกับการเรื่องนี้ เพราะผมไว้ใจเขา

 

เราเคลื่อนไหวราวกับว่า เราไม่กังวลเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์เลย เราไม่ได้คํานึงถึงกับดักที่อาจรออยู่ มีบางอย่างเจากความมั่นใจของฮยอนซองที่บังคับให้ผู้คนไม่ต้องกังวลกับเรื่องเล็กน้อยดังกล่าว

 

“ไม่มีมอนสเตอร์จริง ๆ เหรอ”

 

ผมรู้ว่ามันอาจจะเป็นไปได้ แต่ผมไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นจริง บางทีดันเจี้ยนนี้อาจอาศัยคําสาปเพียงอย่างเดียว หากสมมติฐานนั้นถูกต้อง ก็ชัดเจนแล้วว่าคิมฮยอนซองกําลังมุ่งหน้าไปทางไหน เราจะตามหาเจ้าของดันเจี้ยนและแม่มดผู้ใช้คําสาป

 

ขณะที่เราเดินทาง ทิวทัศน์ก็เริ่มเปลี่ยนไปจํานวนทาง แยกจากทางเดินลดลงและห้องขนาดเล็กที่เราเดินออกมาในตอนนี้ก็มองไม่เห็นอีกต่อไป แม้ว่าเราจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าจุดสิ้นสุดของดันเจี้ยนจะยังไกล

 

แน่นอนว่ามีการโจมตีหลายครั้งจากคําสาป แต่ไม่มีใครได้รับความเสียหายที่ถาวร นี้หมายความว่า ‘การรักษาของผมได้ผล’

 

“คนตาย… ไม่นะ…”

 

“ฉันได้รับการรายงานแล้ว”

 

“บางทีการเห็นพวกอันเดดที่ใกล้ทางเข้าก็อาจเกิดจากคําสาป มันยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ผมคิดเป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ”

 

“ยังไงก็ระวังตัวด้วยล่ะ”

 

“ครับ.”

 

ในที่สุดเราก็พบศพ พวกเขาได้รับการยืนยันว่าเป็นอดีตสมาชิกปาร์ตี้ของบลู ผมไม่ได้ยืนยันในส่วนของรายละเอียดว่า ทําไมพวกเขาถึงตาย แต่ผมสามารถคาดเดาได้ว่าพวกเขาปลิดชีวิตหรือฆ่ากันเอง

 

ลีซังฮีแสดงความสับสนกับเรื่องนี้ แต่เธอไม่ได้หยุดปาร์ตี้ ไม่ให้เดินหน้าต่อไป

 

หลังจากนั้นไม่นาน เราก็เจอประตูบานเล็กที่ตกแต่งอย่างหยาบ ๆ

 

เมื่อผมเปิดประตูออกช้า ๆ ผมก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ เธอหลับตาลงทั้งสองข้างและผิวของเธอก็ซีดมาก

 

ทันใดนั้น ข้อมูลใหม่เริ่มเทลงมาที่หน้าต่างสถานะของผม

 

[คุณได้พบกับดันเจี้ยนระดับฮีโรอิค เจ้าของศาลเจ้าต้องสาป นักบุญจูเลียน่าผู้ถูกสาป ภารกิจถูกเปิดใช้งาน]

 

[ภารกิจบังคับระดับฮีโรอิคเปิดใช้งานแล้ว]

 

[เควสระดับฮีโรอิค – กําจัดจูเลียน่า (0/1) ]

 

เรามาถึงจุดสิ้นสุดของดันเจี้ยนแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+