Reincarnation Of The Strongest Sword God 2473

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2473 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผู้ทำสัญญากับมังกร

ในที่สุด มันก็สำเร็จ !!!

ซือเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นกรงเวทย์มนต์ที่อยู่ใจกลางเกาะนี้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เขานั้นประเมินพลังของวงเวทย์นี้ต่ำเกินไปหน่อย แม้จะอาศัยพลังของปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ในการโจมตี แต่เขาก็ยังต้องโจมตีตลอดทั้งวันและใช้คริสตัลเวทย์มนต์ไปเกือบทั้งหมดกว่าจะทำลายวงเวทย์ได้ วงเวทย์นี้นั้นเป็นวงเวทย์ที่แข็งแกร่งซะยิ่งกว่าวงเวทย์ที่ใช้ป้องกันเมืองสภาสิบแปดปีกซะอีก

ซึ่งทันทีที่กรงเวทย์มนต์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ มังกรเงินศักสิทธิ์ที่หลับใหลก็ลืมตาขึ้น และแผ่เสียงคำรามที่ดังก้องและทำให้พื้นดินทั่วเกาะสั่นสะเทือนออกมา

มังกรเด็กนั้นเริ่มกระพือปีกเพื่อสร้างพายุอันทรงพลังพัดซากกรงที่เคยกักขังมันออกไปทันที และความแรงของพายุนี้นั้นก็ทำให้ซือเฟิงต้องถอยไปไกลถึงห้าร้อยหลา

นี่คือพลังของมังกรศักสิทธิ์งั้นหรอ ?! ดวงตาของซือเฟิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่ไม่อาจจะอธิบายได้ ขณะที่เขาจ้องมองไปยังมังกรเงินศักสิทธิ์ที่มีความสูงห้าสิบเมตร

[มังกรเงินศักสิทธิ์ (ออร์เบ็ค)] (มังกร ระดับเทพนิยาย)
เลเวล ?? ?
HP??????/??????

เขาไม่สามารจะมองเห็นเลเวลของมังกรเงินศักสิทธิ์ได้ แต่จากข้อมูลของมันก็เผยให้เห็นว่ามันเป็นขั้นระดับเทพนิยาย ขั้นสี่อย่างแท้จริง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย แต่มังกรเงินศักสิทธิ์ตัวนี้ก็ให้ความรู้สึกราวกับว่ามีอำนาจเหนือโลกรอบตัวมัน แม้แต่อีลูเนี่ยม เอลฟ์ชั้นสูงนั้นก็ยังจัดว่าอ่อนแอไปเลยเมื่อเทียบกับมังกรเงินศักสิทธิ์ตัวนี้

ซือเฟิงนั้นสามารถต้านทานพลังของอีลูเนี่ยมได้เล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าออร์เบ็ค เขารู้สึกราวกับว่าเขาไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย และการเคลื่อนไหวต่อหน้าออร์เบ็คนั้นก็ยากมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้เลย
หากมังกรเด็กตัวนี้เป็นพวกงี่เง่า เอาแต่ใจ มันอาจฆ่าเขาได้ด้วยความคิดก่อนที่เขาจะทันได้ใช้หนังสือฮีโร่อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่ออกมาด้วยซ้ำ

ตอนนี้เมื่อปราศจากกรงเวทย์มนต์แล้ว ออร์เบ็คก็ได้มาปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของซือเฟิง และถามว่า “มนุษย์ตัวน้อย คุณคือผู้ปลดปล่อยฉันงั้นหรอ ?”

น้ำเสียงของออร์เบ็คนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและสงบ แต่มันก็ได้แผ่แรงกดดันจำนวนมากออกมาด้วย เมื่อซือเฟิงได้ยินคำถามของออร์เบ็ค เขาก็รู้สึกราวกับว่าสวรรค์กำลังเรียกร้องของคำตอบและไม่มีที่ว่างสำหรับคำโกหก

“ใช่แล้ว ท่านลอร์ดมังกรศักสิทธิ์ ฉันได้ทำลายวงเวทย์ และปลดปล่อยคุณจริงๆ ..” ซือเฟิงตอบด้วยน้ำเสียงกลางๆที่ไม่ได้ถ่อมตัวและหยิ่งผยองมากเกินไป ในขณะที่เขาพยายามระงับความวิตกกังวลที่อยู่ภายในใจเขา

มังกรนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความภาคภูมิใจเป็นของตัวเอง เพราะท้ายที่สุดสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จัดว่ายืนอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain เลย และพวกนี้ก็มองสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่ำชั้นกว่านั้นว่าแทบไม่มีความสำคัญเลย

อย่างไรก็ตามมังกรนั้นก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่เคารพความแข็งแกร่งอย่างมากเช่นกัน หากพิสูจน์ตัวเองได้ เขาก็จะได้รับการยอมรับจากมังกรเงินศักสิทธิ์ และมันก็ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับเรื่องนี้

ถ้าเขายอมอ่อนข้อให้กับมังกรเงินศักสิทธิ์ออร์เบ็ค มังกรตัวนี้จะดูถูกเขาแน่นอน และรางวัลที่เขาได้อาจน้อยกว่าที่เขาทำเควสออกมาได้ไม่ดีด้วยซ้ำ

“คุณทำให้ฉันประหลาดใจมากจริงๆ ฉันไม่ได้คิดเลยว่าสิ่งมีชีวิตเล็กๆแบบนี้จะทำลายกรงที่เทพธิดาติดตั้งไว้ได้” ออร์เบ็คกล่าวด้วยความประหลาดใจ และดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะที่จ้องมองไปยังซือเฟิง ตอนนี้สายตาที่มันมองมายังซือเฟิงนั้นก็ราวกับว่ามดที่พึ่งพลิกตัวช้างได้ “อย่างไรก็ตามจากดวงตาศักสิทธิ์ที่ฉันใช้มองคุณ ฉันสามารถบอกได้เลยว่าคุณกำลังพูดความจริง …”

“ตามพันธสัญญาโบราณ ฉันจะทำสัญญากับคุณเพื่อทำหน้าที่เป็นสหายคอยช่วยเหลือคุณ เนื่องจากคุณได้ช่วยฉันไว้ แต่อย่างไรก็ตามฉันเป็นมังกรศักสิทธิ์ คนที่อ่อนแอนั้นไม่มีสิทจะยืนข้างฉัน ก่อนอื่นคุณจะต้องผ่านการทดสอบของฉันก่อน ซึ่งถ้าคุณทำได้ ฉันจะยอมรับคุณ โดยคุณมีเวลาสี่เดือนในการพิสูจน์ตัวเอง”
“ในช่วงเวลานี้ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณ และต่อสู้ร่วมกับคุณ แน่นอนว่าคุณไม่ผ่านการทดสอบสัญญาของเราก็จะถูกเลิก”

“ในอีกสี่เดือนข้างหน้า ฉันจะให้โอกาสคุณสามครั้งในการท้าทายการทดสอบของฉัน หากคุณล้มเหลวทั้งสามครั้ง สัญญาของเราก็จะถูกยกเลิก”

ระบบ : ยินดีด้วย !! คุณได้ช่วยเหลือมังกรศักสิทธิ์ ออร์เบ็คได้สำเร็จ และผ่านระยะแรกของเควสระดับอีปิค “กรงวอย” รางวัลคะแนนสกิลมรดกสิบแต้ม คุณได้กลายเป็นผู้ทำสัญญากับมังกร

ระบบ : เควสระดับอีปิค “กรงวอย” ระยะที่สองถูกเปิดขึ้น

เนื้อหาเควส : ทำการทดสอบของออร์เบ็คให้สำเร็จภายในสี่เดือน รางวัล Unknown

แน่นอนเลยว่าการจะได้มาซึ่งมังกรศักสิทธิ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การแจ้งเตือนนี้ไม่ได้ทำให้ซือเฟิงประหลาดใจมากนัก ฉันจะต้องพยายามและเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งให้ได้มากที่สุดในสี่เดือนข้างหน้า

มหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิงนั้นต้องเสียสละอย่างมากเพื่อที่จะอัญเชิญสิ่งมีชีวิตขั้นห้าออกมาจากหอคอยอัญเชิญ บางกลุ่มนั้นถึงกับต้องฆ่า NPC ขั้นห้าเพื่อนำศพของ NPC ขั้นห้ามาทำการอัญเชิญ และตั้งให้เป็นผู้พิทักษ์ของป้อมปราการ

แม้ว่าออร์เบ็คจะเป็นมังกรระดับเทพนิยาย ขั้นสี่ แต่มอนสเตอร์ขั้นห้าทั่วไปนั้นก็ไม่สามารถจะเทียบกับออร์เบ็คได้เลย มันคงจะเป็นเรื่องน่าแปลก ถ้าไม่ได้มีการทดสอบเพื่อควบคุมสิ่งมีชีวิตดังกล่าว

โชคดีที่ซือเฟิงนั้นมีเวลาสี่เดือนซึ่งมากพอจะให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นสหายที่แข็งแกร่งของออร์เบ็คได้

ตราบใดที่เขาสามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาระดับอีปิคของเขาได้อย่างเต็มที่ และได้รับชิ้นส่วนดาบของโซโลมอนสามชิ้นสุดท้ายมา การทดสอบของออร์เบ็คก็ไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับเขา

ในขณะที่ออร์เบ็คอธิบายทุกอย่างเรียบร้อย มังกรผู้นี้ก็เริ่มร่ายเวทย์
ทันใดนั้นวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ดูซับซ้อนมากๆสี่ชั้นก็ปรากฎขึ้นรอบๆซือเฟิง ก่อนมันจะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว และแปรเปลี่ยนเป็นอักษรรูนสีเงิน จากนั้นรูนนี้มันก็ถูกตราลงบนแขนของซือเฟิงก่อนจะจางหายไป

หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบอีกครั้ง

ระบบ : คุณได้รับเครื่องหมายของผู้ทำสัญญา และกลายเป็นผู้ทำสัญญากับมังกรศักสิทธิ์ออร์เบ็ค

ระบบ : โทเค่นลอร์ดแห่งป้อมปราการได้ค้นพบเครื่องหมายของผู้ทำสัญญา คุณต้องการจะให้มังกรศักสิทธิ์ออร์เบ็คเป็นผู้พิทักษ์ของป้อมปราการแสงดาวไหม ?

ซือเฟิงคลิกต้องการอย่างไม่ลังเล และเมื่อเขาทำแบบนี้นั้น หน้าต่าง “สหายผู้ทำสัญญา” ก็ปรากฎขึ้นในอินเตอร์เฟซของระบบ

เมื่อซือเฟิงคิกลเปิดดู เขาก็ได้มองเห็นข้อมูลของออร์เบ็คทั้งหมดแล้ว

[มังกรเงินศักสิทธิ์ (ออร์เบ็ค)] (มังกร ระดับเทพนิยาย)
เลเวล 111
HP 10,900,000,000/10,900,000,000

อึก !! นี่ HP ของมันจะไม่สูงเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?! ซือเฟิงนั้นแทบจะตะโกนสาปแช่งออกมาอย่างดัง เมื่อเขาได้เห็นข้อมูลของออร์เบ็ค

เขานั้นคิดว่า HP สี่พันล้าน ของเบเฮโมทแสงดาวก็จัดว่ามากเกินไปหน่อยแล้วสำหรับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบสาม หากผู้เล่นต้องฆ่าบอสด้วยวิธีทั่วไป พวกเขาจำเป็นจะต้องมีทีมผู้เล่นขั้นสาม หนึ่งพันคนเลย เว้นแต่ว่านอกเหนือจากนั้นทีมของพวกเขาจะสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าแปดล้านต่อวินาที ไม่งั้นพวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะสกิลพาสซีฟการฟื้นฟูของบอสตัวนี้ได้ และไม่สามารถจะฆ่ามันได้เลย

เมื่อบวกกับพลังป้องกันอันน่ากลัวของเบเฮโมทแสงดาว ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามทั่วไปนั้นก็แทบจะไม่สามารถสร้างความเสียหายได้ถึงหนึ่งหมื่นเลยด้วยการโจมตีปกติของพวกเขา

อย่างไรก็ตามออร์เบ็คนั้นกลับจัดว่าน่ากลัวยิ่งกว่า มังกรศักสิทธิ์ตัวนี้นั้นอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยสิบเอ็ดเท่านั้น แต่มันกับมี HP มากกว่าเบเฮโมทแสงดาวเกือบสามเท่า และแค่สกิลฟื้นฟูของมันเพียงอย่างเดียว ก็จะฟื้นฟู HP 10.9 ล้านทุกๆห้าวินาทีแล้ว และมังกรศักสิทธิ์นั้นก็น่าจะมีพลังป้องกันสูงกว่าเบเฮโมทแสงดาวอย่างน้อยสองเท่า

เมื่อมองไปที่ข้อมูลของออร์เบ็คนั้น ซือเฟิงคิดว่าแม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่ก็ไม่สามารถจะฆ่ามันได้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสาม

ในขณะที่ซือเฟิงกำลังเต็มไปด้วยความตกตะลึงที่เห็นค่าสถานะอันน่ามหัศจรรย์ของ
ออร์เบ็ค พื้นดินของเกาะใต้เท้าของเขาที่เขาเหยียบอยู่ก็เริ่มสั่นสะเทือนและแตกออก

“ตอนนี้กรงเวทย์มนต์ได้ถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นเกาะนี้จะคงอยู่ได้อีกไม่นานนัก เราต้องรีบออกไป” ออร์เบ็คกล่าวเตือนเพื่อนมนุษย์ของมัน

มังกรเด็กผู้นี้เริ่มร่ายเวทย์อีกครั้ง และในพริบตาซือเฟิงก็หายตัวไป และมาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งบนหลังของออร์เบ็ค จากนั้นซือเฟิงก็หายตัวไป และไปปรากฎตัวขึ้นบนหลังของออร์เบ็ค จากนั้นมังกรเงินศักสิทธิ์ก็ได้กางปีกของตัวเองออกก่อนจะเร่งบินออกไปจากดินแดนวอยโดยผ่านทางหลุมดำที่หอคอยอัญเชิญเปิดเอาไว้

ในขณะเดียวกันตอนนี้ สมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์ก็กำลังทำงานกันอย่างหนักในการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดของป้อมปราการแสงดาว แถมพวกเขาก็ยังเริ่มสร้างโรงแรมและร้านค้าด้วย

อีกทั้งเพื่อให้การจัดการป้อมปราการทำได้ดีขึ้น เผ่าศักสิทธิ์ยังส่งองครักษ์ส่วนตัวขั้นสามมากกว่าหนึ่งร้อยคนเข้ามาประจำการที่ป้อมปราการ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ล้วนได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ลาดตระเวนตามท้องถนน และปกป้องสถานที่ที่สำคัญต่างๆของป้อมปราการ

ในขณะที่ฟิธาเลีย และพวกระดับสูงของเผ่าศักสิทธิ์คนอื่นๆกำลังวางแผนเส้นทางลาดตระเวนสำหรับองครักษ์ส่วนตัว มันก็มีบางอย่างที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นกับหอคอยอัญเชิญที่อยู่ทางใต้สุดของป้อมปราการ

อักษรรูนศักสิทธิ์นั้นเริ่มปรากฎขึ้นรอบๆหอคอย และทำให้หอคอยแต่เดิมที่ไร้แสงสีนั้นดูสว่างไสวขึ้นมาก ทันใดนั้นออร่าที่รุนแรงก็ได้แผ่ออกมาปกคลุมไปทั่วป้อมปราการแสงดาว และมันก็ทำให้ผู้เล่นทุกคนที่อยู่ในป้อมปราการแสงดาวนั้นยากที่จะเคลื่อนไหวได้มากๆ

“ออร่านี้มันมาจากไหนกัน ?”

“มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน ?”

“เราลืมฆ่าบอสผู้พิทักษ์บางตัวไปงั้นหรอ ?”

ทุกคนนั้นหันไปมองทางหอคอยอัญเชิญด้วยความกังวล

แม้แต่ฟิธาเลียและพวกระดับสูงคนอื่นๆของกิลที่กำลังพูดคุยกันอยู่ในสถานที่พักกิลชั่วคราวก็ยังมีการแสดงออกที่หวาดกลัวอย่างมาก

มันไม่มีบอสผู้พิทักษ์ตัวไหนที่พวกเขาเคยเผชิญหน้าและมีออร่าที่ทรงพลังมากขนาดนี้ และที่ผ่านมากองกำลังสิงโตเงินก็ได้ใช้ม้วนคัมภีร์อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่เพื่อช่วยในการเอาชนะบอสผู้พิทักษ์ด้วย แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงได้รับความสูญเสียอย่างมาก

อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาไม่มีม้วนคัมภีร์อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่เหลือแล้ว หากบอสผู้พิทักษ์ปรากฎตัวขึ้นมาจริง ผลที่ตามมามันก็จะเลวร้ายมากกแน่นอน

พวกเขานั้นได้ลงทุนทรัพยากรจำนวนมากเพื่อซ่อมแซมส่วนหนึ่งของป้อมปราการแสงดาว หากพวกเขาต้องต่อสู้ในศึกใหญ่อีกครั้งทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขานั้นจะสูญเปล่าไปเลย และพวกเขาก็จะไม่สามารถเตรียมตัวรับการมาถึงของมหาอำนาจต่างๆได้

“เร็ว ดูนั่นสิ !!! มีบางอย่างอยู่เหนือหอคอยอัญเชิญ !!!”

“มันมีรอยแยกมิติปรากฎขึ้น ?”

“ทำไมถึงมีรอยแยกมิติปรากฎขึ้นเหนือหอคอย ?”

ผู้เล่นทั้งหมดในป้อมปราการนั้นรับรู้ได้ถึงสิ่งนี้ทันที และเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็ยิ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและสับสนมากขึ้น

ทันใดนั้นมันก็มีลำแสงพุ่งออกมาจากรอยแยก และร่างๆหนึ่งก็ปรากฎตัวออกมาตรงหน้าของพวกเขาทั้งหมด และเมื่อพวกเขาได้มองเห็นอย่างชัดเจนขึ้น สิ่งที่พวกเขาเห็น มันก็ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากๆ

“มังกร ?!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด