Reincarnation Of The Strongest Sword God 2601

Now you are reading Reincarnation Of The Strongest Sword God Chapter 2601 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2601 การมาถึงของสภาสิบแปดปีก และเริ่มการแข่งขัน

การมาถึงของเรือเหาะนั้นทำให้ผู้เล่นทั่วทั้งเมืองอาซูตกใจ และผู้มีอำนาจหลายคนที่มาเข้าร่วมชมการแข่งขันของหอการค้าอาซูก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ

นอกเหนือจากความหายากของเรือเหาะใน God domain แล้ว ขนาดมหึมาของมันก็เป็นสิ่งที่น่าตกใจมากๆ อะเม้าท์บินได้ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่คิดว่ามีขนาดมหมึมานั้นดูเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับเรือเหาะ

“มหาอำนาจใดกันที่เป็นเจ้าของเรือเหาะ ? แล้วโผล่มาแบบนี้มันจะไม่ดูยิ่งใหญ่เกินไปหน่อยหรอ ?”

“มันมีซุเปอร์กิลมาดูการแข่งขันครั้งนี้งั้นหรอ ?”

ผู้เล่นในเมืองอาซูได้พูดคุยกันอย่างดุเดือด ขณะที่พวกเขาเฝ้ามองเรือเหาะที่ใกล้เข้ามา ขณะดียวกันพวกสมาชิกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆที่มาเข้าชมการแข่งขันของหอการค้าอาซูต่างก็ตกตะลึงมากเป็นพิเศษ ทุกคนล้วนอยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเรือเหาะ

พลังการต่อสู้ทางอากาศของอะเม้าท์บินได้นั้นไม่มีอะไรเลย เมื่อเทียบกับเรือเหาะ เรือเหาะนั้นแข็งแกร่งกว่าอะเม้าท์บินได้อย่างมากในทุกแง่มุม

เรือเหาะนั้นสามารถจะยกระดับสถานะของกิลทั่วไปใน God domain ได้ทันที และมันก็อาจทำให้กองกำลังหลักของกิลพัฒนาได้เร็วพอๆกับกองกำลังหลักของกิลชั้นสูง

ในขณะที่ทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับการมาถึงของเรือเหาะ เรือเหาะก็ลอยไปหยุดอยู่เหนือลานในสถานที่พักของหอการค้าอาซูก่อนที่มันจะลงจอด ซึ่งเมื่อมันลงจอด ทุกคนต่างก็มองไปยังเรือเหาะด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากๆ

ขณะเดียวกันผู้เล่นที่สวมเสื้อคลุมสีดำและปกปิดตัวตนไว้หลายคนก็ลงมาจากเรือเหาะ อย่างไรก็ตามมันก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้ใส่เสื้อคลุมสีดำปกปิดตัวตนเอาไว้ แต่เธอก็ได้สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มที่หรูหรา และกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจทันทีที่เธอเข้ามาในลาน

ผู้เล่นนั้นไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยความประหลาดใจจากออร่าที่ทรงพลังของเธอ แต่พวกเขายังประหลาดใจมากๆที่เธอมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบสามแล้ว จริงๆแล้วต้องบอกเลยว่าเธอเป็นผู้เล่นที่มีเลเวลสูงที่สุดเท่าที่พวกเขาหลายคนเคยเห็นมา

ผู้อาวุโสผมขาวจากไวโอเล็ตซอร์ดนั้นได้มาถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบสองแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้กับมีเลเวลมากกว่าเขาหนึ่งเลเวล ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ธรรมดา

“ไซเร้นวอร์นเดอร์ ? เธอมาจากตระหูลหลงไม่ใช่หรอ ?” แรนเจอร์ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบที่มาชมการแข่งขันเต็มไปด้วยความสงสัยมากๆ เมื่อเขาได้เห็นข้อมูลเธอ
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตระกูลหลงมีความสัมพันธ์กับมหาอำนาจที่น่าตกตะลึงแบบนี้ ?”

“เมื่อคิดว่านอกเหนือจากบริษัทซีอุสแล้ว ตระกูลหลงยังได้รับการสนับสนุนจากบางอย่างที่ทรงพลังมากขนาดนี้ มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมตระกูลหลงถึงไม่กลัวบริษัทซีอุส”

เหล่าผู้มีอำนาจที่มาเข้าชมการแข่งขันต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้เห็นไซเร้นวอร์นเดอร์ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าตระกูลหลงจะมีรากฐานที่ทรงพลังแบบนี้

ในช่วงเวลาหนึ่ง พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆได้เริ่มพิจารณาทุกสิ่งเกี่ยวกับตระกูลหลงใหม่อีกครั้ง ….

“ช่างอลังการจริงๆ พวกเขาเลือกจะมาพร้อมกับเรือเหาะ !!!” หลงหวู่ชางที่เฝ้าดูจากภายในสถานที่พักของหอการค้าอาซูกล่าวพลางเดาะลิ้นของเขา ขณะที่สมาชิกสภาสิบแปดปีกค่อยๆโผล่ออกมาจากเรือเหาะมังกรสีเลือด

เรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นเป็นสัญลักษณ์ของสภาสิบแปดปีกในด้านตะวันออก เช่นเดียวกับอินทรีไฟเนเธอร์ของไวโอเล็ตซอร์ดในทวีปด้านตะวันตก แต่เนื่องจากข้อมูลระหว่างทวีปหลักสองด้านถูกจำกัดมากๆ ดังนั้นมันจึงมีมหาอำนาจในทวีปด้านตะวันตกแค่ไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับเรือเหาะ

“นี่ไม่ดีรึไงลุงห้า ? อย่างน้อยโมเมนตั้มของเราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฝ่ายอื่นนะ ..” เบิร์นนิ่งโอลกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ไวโอเล็ตซอร์ดนั้นมีชื่อเสียงมากเกินไป ความจริงที่ว่าซุเปอร์กิลได้พากลุ่มของโซริทารี่ฟรอสต์มายังเมืองอาซูด้วยอินทรีไฟเนเธอร์นั้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เหล่าผู้อาวุโส และผู้อาวุโสสูงสุดหลายคนเริ่มเปลี่ยนฝ่าย และหันไปเข้าข้างฝั่งของไวโอเล็ตซอร์ด

“มันไม่ได้สำคัญหรอกนะว่าพวกเขาจะแสดงพลังในตอนนี้ออกมาได้มากแค่ไหน เพราะท้ายที่สุดแล้วการกระทำในการแข่งขันมันสำคัญกว่าอะไรแบบนี้ !!!” หลงหวู่
ชางกล่าวเชิงปฎิเสธอย่างดูถูกเหยียดหยาม

สภาสิบแปดปีกอาจมีอิทธิพลอย่างมากในทวีปด้านตะวันออก แต่มันไม่สามารถจะพูดแบบเดียวกันได้ในทวีปด้านตะวันตก ในขณะเดียวกันพื้นที่หลักในการพัฒนาของหอการค้าอาซูนั้นตั้งอยู่ในทวีปด้านตะวันตก ซึ่งเป็นถิ่นของบริษัทซีอุส ดังนั้นสภาสิบแปดปีกจะไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยหอการค้าอาซูได้แน่นอน

“เฉียนน้อย ในที่สุดคู่ต่อสู้ของเธอก็มาถึงแล้วนะ …” แอสซาซินหญิงขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยสิบเอ็ดกล่าวพลางมองไปยังหยานเซี่ยวเฉียน “ดูแล้ว เธอเติบโตขึ้นมากทีเดียวนะ ระวังเธอไว้ด้วยล่ะ …”

“หื้ม ?” หยานเซี่ยวเฉียนกลอกตา ก่อนที่เธอจะพูดอย่างใจเย็น “เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุของเธออาจจะแข็งแกร่งกว่าฉัน แต่ในด้านเทคนิคการต่อสู้เธอสู้ฉันไม่ได้แน่นอน !!! นักสู้คนเดียวในตระกูลหลงที่อยู่ในสายตาฉัน คือ มูนซิลค์ ถ้าเธอไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ได้อันดับสองในการแข่งขันไป การแข่งขันครั้งนี้มันจะเป็นเรื่องง่ายแน่นอน !!!”

ความคิดเห็นของหยานเซี่ยวเฉียนนั้นหนักแน่นและไม่ได้มีความหยิ่งผยองใดๆ เธอพูดราวกับว่ามันเป็นเพียงเรื่องปกติ

แอสซาซินหญิงขั้นสามไม่ได้พยายามจะโต้เถียงกับเพื่อนของเธอ สิ่งที่หยานเซี่ยวเฉียนพูดนั้นเป็นความจริง มาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขานั้นดีขึ้นอย่างมากในระหว่างการฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ด และเธอก็ต้องยอมรับเลยว่าซุเปอร์กิลนั้นได้สอนหลายสิ่งที่น่าประทับใจให้ หอการค้าอาซูนั้นเทียบกับไวโอเล็ตซอร์ดไม่ได้เลยเมื่อพูดถึงการดูแลผู้เชี่ยวชาญ

ระหว่างการฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ด หยานเซี่ยวเฉียนนั้นเติบโตขึ้นอย่างมาก และสัตว์ประหลาดเก่าแก่ของของไวโอเล็ตซอร์ดหลายคนก็ได้ยกย่องในความสามารถของเธอ ตอนนี้เธออยู่ห่างจากขอบเขตโดเมนเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น และสัตว์ประหลาดเก่าแก่หลายคนของไวโอเล็ตซอร์ดก็มั่นใจว่าเธอจะสามารถไปถึงขอบเขตนี้ได้ในไม่ช้า

ในทางกลับกัน ในขณะที่ไซเร้นวอร์นเดอร์ เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่น่าทึ่งและมีความสามารถในการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา แต่เธอก็ยังไม่เคยมาถึงขอบเขตอนันต์มาก่อนเลยด้วยซ้ำในการแข่งขันครั้งก่อน และแม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะมีความสามารถมากพอที่จะทำให้ไซเร้นวอร์นเดอร์เข้าสู่ขอบเขตอนันต์ได้ แต่มันก็จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะแม้แต่ระหว่างผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ด้วยกันนั้น มันก็มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันอย่างมาก

ในขณะที่หยานเซี่ยวเฉียนและแอสซาซินหญิงกำลังพูดคุยกัน ชายวัยกลางคนที่มีออร่าเย็นชาและผิวสีซีดก็เดินเข้ามา ซึ่งชายคนนี้คือต้วนฮันซาน ซึ่งเป็นสมาชิกรุ่นที่สองที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลต้วน

“เซี่ยวเฉียน ฉันคิดว่าครั้งนี้เธอจะต้องผิดหวังแล้วแหล่ะ ฉันพึ่งได้รับข่าวมาว่ามูนซิลค์จะไม่เข้าร่วมการแข่งขันด้วยเหตุผลบางประการ ไม่มีใครสามารถติดต่อกับเธอได้ และทั้งตระกูลหลงก็กำลังตื่นตระหนักกับเรื่องนี้” ต้วนฮันซานพูดแทรกขึ้นมา

“มูนซิลค์ยังไม่มา ? นี่ไม่ได้หมายความว่าตระกูลหลงจบสิ้นแล้วงั้นหรอ ?” แอสซาซินหญิงถาม

มูนซิลค์นั้นเป็นความหวังสุดท้ายของตระกูลหลงในการคว้าตำแหน่งหนึ่งในสามอันดับแรกในการแข่งขันครั้งนี้ และหากเธอประสบความสำเร็จในการแข่งขันนี้ ตระกูลหลงก็จะสามารถรักษาฐานอำนาจและชื่อเสียงในระยะยาวไว้ได้ อย่างไรก็ตามตอนี้ถ้ามูนซิลค์ไม่ได้เข้าร่วม อนาคตของตระกูลหลงก็จบสิ้นแน่นอน

ปัจจุบันตระกูลหลงอาจจะมีสิทปกครองหอการค้าอาซู แต่เหล่ารุ่นเยาว์นั้นจะเป็นผู้กำหนดอนาคตของหอการค้า และหากรุ่นเยาว์ของตระกูลแข็งแกร่งไม่พอจะทำหน้าที่นี้ แล้วใครกันจะไว้วางใจให้ตระกูลของพวกเขาบริหารหอการค้าอาซู

และในไม่ช้าบริษัทซีอุส พร้อมกับตระกูลต่างๆที่ถือหุ้นอยู่ในหอการค้าอาซูก็จะใช้เรื่องนี้กดดันตระกูลหลงให้ยอมสละสิทการปกครองหอการค้าอาซู ….

“นั่นคือเหตุผลที่ทุกคนจะต้องทำผลงานให้ดี เราไม่สามารถอนุญาติให้สมาชิกคนใดคนหนึ่งของตระกูลหลงเข้ามาติดสามอันดับแรกได้ นี่ไม่ใช่แค่ความต้องการของตระกูล แต่เป็นความต้องการของบริษัทซีอุสด้วย และตราบใดที่มันประสบความสำเร็จ ทุกคนก็จะมีโอกาสได้ฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดอีกครั้ง” ต้วนฮันซานกล่าวอย่างจริงจัง

“สามอันดับแรก ? นี่ก็หมายความว่าจะเหลือแค่เบิร์นนิ่งโอลสินะที่เป็นภัยคุกคามของพวกเรา …” แอสซาซินหญิงกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่ตระกูลผู้ถือหุ้นหลักห้าอันดับแรกของหอการค้าอาซูได้ส่งรุ่นเยาว์ของตัวเองไปฝึกฝนกับไวโอเล็ตซอร์ดนั้น เหล่ารุ่นเยาว์ของพวกเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมากแบบไม่ต้องสงสัย ซึ่งหากตระกูลหลงเหลือเพียงแค่เบิร์นนิ่งโอลคนเดียวให้ต้องระวัง กลุ่มของพวกเขาก็จะมีโอกาสสูงมากที่จะได้สามอันดับแรกในการแข่งขันนี้

ซึ่งเมื่อทำสำเร็จแล้วทุกคนก็จะได้กลับไปฝึกกับไวโอเล็ตซอร์ดอีกครั้ง นี่มันเป็นโอกาสที่หายากอย่างไม่น่าเชื่อ

การฝึกฝนกับไวโอเล็ตซอร์ดนั้น ซุเปอร์กิลต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆให้พวกเขาเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะคำขอจากบริษัทซีอุส ไวโอเล็ตซอร์ดจะไม่ยอมทำแบบนี้แน่นอน

“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ไปที่สนามประลองกัน …” ต้วนฮันซานกล่าวหลังจากดูเวลา จากนั้นเขาก็พาแอสซาซินหญิงและหยานเซี่ยวเฉียนไปยังสนามประลองใจกลางเมืองอาซู

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด